Nov 8, 2014

พรานสาวอเมซอน - No Mercy (Were-Hunter #5)


ชื่อเรื่อง พรานราตรี ตอน พรานสาวอเมซอน
จากเรื่อง No Mercy
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ยามอยู่ให้แกร่ง ยามสู้ให้หนัก และถ้าคุณต้องตาย ก็จงพาศัตรูของคุณตายตกไปด้วยให้มากที่สุด นี่คือคติพจน์ในการดำรงชีวิตของชาวอะเมซอน และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ซาเมียมีชีวิตอยู่และตายเพื่อมัน บัดนี้เมื่อต้องมาอยู่ในนิวออร์ลีนส์ นักรบสาวชาวอะเมซอนผู้เป็นอมตะก็ตระหนักว่าความชั่วร้ายชนิดเลวร้ายที่สุดที่หล่อนเคยพบเจอ กำลังจะมุ่งมาล้างผลาญมนุษยชาติ
เดฟ เพลเทียร์ มนุษย์กลายร่างเผ่าพันธุ์หมี ได้ยืนยามรักษาความปลอดภัยหน้าบาร์แซงชัวรีย์มาเกือบสองร้อยปี และเขาคิดว่าตลอดช่วงเวลาเหล่านั้นเขาได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมาหมดแล้ว ทว่าบัดนี้ศัตรูของพวกเขาได้ค้นพบแหล่งพลังอำนาจแห่งใหม่
เมื่อสงครามอุบัติขึ้น เดฟกับแซมแทบไม่มีทางสู้เลย แต่เพื่อให้ได้ชัยชนะ สองหนุ่มสาวจะต้องแหกกฎเกณฑ์ทั้งปวง พร้อมกับภาวนาไม่ให้มันทำลายจักรวาลที่เราดำรงอยู่นี้...

REVIEW

แซมได้พบกับเดฟ ทั้งคู่ถูกตาต้องใจกัน เพียงแต่แซมไม่สามารถที่ไว้ใจในสัมผัสของใครได้เพราะหล่อนมีพลังที่จะรับเอาความรู้สึกของคนที่แตะต้องทั้งหมดออกมา แต่เมื่อเดฟเป็นข้อยกเว้นสำหรับแซม ทั้งคู่จึงสามารถมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันได้ เมื่อแซมตกเป็นเป้าหมายของสไตรเกอร์ในการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับแก้แค้นอพอลโล เดฟจึงต้องออกโรงปกป้องเธอ จนกระทั่งธอร์นมาพาตัวแซมไป เพราะว่าเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา เดฟจึงได้รับภารกิจเอาของวิเศษชิ้นหนึ่งเพื่อแลกกับอิสรภาพของแซม

ทั้งเดฟ แซมต้องร่วมมือกับแฟ็งและเหล่าดาร์ค-ฮันเตอร์เพื่อเอาของสำคัญที่ธอร์นมอบหมายให้ไปเอา เมื่อพวกทำภารกิจสำเร็จ แซมก็ได้รับอิสระพร้อมกับตระหนักความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถที่จะอยู่กับเดฟได้เพราะเธอจะทำให้เขาตายไม่ต่างจากสามีและลูกๆของเธอในอดีตกาล

สัญลักษณ์ของเนื้อคู่ปรากฏที่ฝ่ามือของแซมและเดฟ แต่ถึงกระนั้นเดฟก็ถูกสไตรเกอร์จับตัวไปเพื่อใช้ต่อรองกับแซมในการใช้พลังของหล่อนเผยจุดอ่อนถึงตายของอพอลโล แต่สิ่งที่แซมเห็นนั้น ... จุดอ่อนที่แท้จริงของอพอลโลคือตัวสไตรเกอร์นั่นเอง และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สไตรเกอร์จะทำลายพ่อของเขาได้

แซมและเดฟครองคู่กันในท้ายที่สุด โดยที่แซมยังคงเป็นดาร์ค-ฮันเตอร์ของเธอเอาไว้เพื่อที่เดฟจะไม่ต้องสิ้นอายุขัยของเขา นิคมอบของขวัญที่ทั้งคู่ต่างไม่คาดหวังว่าจะได้รับมาก่อน นั่นก็คือการปลดปล่อยดวงวิญญาณของแซมจากอาร์ทิมิสให้เป็นอิสระ

.............................................

บรรยากาศของดาร์คฮันเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ในเล่มแรกๆหายไปเกลี้ยงเลยสำหรับเล่มนี้ :( เชอร์ริลีนเธอเลือกที่จะขยายโลกในนิยายของเธอให้ใหญ่ขึ้น แต่เธอไม่สามารถที่จะควบคุมเนื้อเรื่องให้จำกัดอยู่ในกรอบที่จะไม่ทำให้เรามองว่ามันชักจะออกทะเลไปกันใหญ่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของสไตรเกอร์ที่เราว่าชักน่าเบื่อไปหน่อย กับ conflict ซ้ำๆเดิมๆที่เอามาเขียนวนไปวนมาไม่จบไม่สิ้น นอกจากสไตรเกอร์หาทางแก้แค้นอพอลโลและสุดท้ายก็ต้องเฟลทุกที คือเราคิดว่าปมที่ทิ้งไว้ในดรีมฮันเตอร์เล่มที่แล้วมันน่าสนใจมากๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลับมาเล่นที่ปมเดิมอีก ?

การขยี้ปมของนางเอกก็ซ้ำซากน่าเบื่อไปหน่อย รู้ทั้งรู้ว่าแซมมีปมเรื่องที่เธอเห็นสามีของเธอถูกฆ่า เมื่อเธอรักกับเดฟ เธอก็เริ่มที่จะห่วงที่เดฟจะเดินรอยตามสามีของเธอ ซึ่งจุดนี้เรารับได้นะและก็เห็นใจตัวละครพอสมควร แต่เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องย้ำนักย้ำหนาว่าเธอจะอยู่กับเดฟไม่ได้! เดฟจะต้องลงเอยแบบสามีเก่าของเธอแน่! เจอหนักๆเข้ามันก็เซ็งอีกเช่นเดียวกัน มันทำให้ความรักอันยิ่งใหญ่ของตัวละครดูด้อยค่าไปเลยเพราะความซ้ำซากจำเจของ POV ตัวละครนี่แหละ

จุดที่เราขอชื่นชมก็คือ ... บทสนทนาของเดฟที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมุกตลกๆ ทำให้เราเผลอยิ้มออกมาเป็นบางครั้ง นอกจากนั้นแล้วเรายังชอบช่วงการผจญภัยแอ็คชั่นที่เพิ่มรสชาติให้กับหนังสือเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี ตอนท้ายนิคพระเอกมากกกกกก ...

คะแนน 6.5/10

No comments:

Post a Comment