Dec 27, 2014

Cress (The Lunar Chronicles #3)



ชื่อเรื่อง Cress
จากชุด The Lunar Chronicles
ผู้แต่ง Marissa Meyer
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี / ไซไฟ
สำนักพิมพ์ Feiwel & Friends

เรื่องย่อ

In this third book in the Lunar Chronicles, Cinder and Captain Thorne are fugitives on the run, now with Scarlet and Wolf in tow. Together, they’re plotting to overthrow Queen Levana and her army.

Their best hope lies with Cress, a girl imprisoned on a satellite since childhood who's only ever had her netscreens as company. All that screen time has made Cress an excellent hacker. Unfortunately, she’s just received orders from Levana to track down Cinder and her handsome accomplice.

When a daring rescue of Cress goes awry, the group is separated. Cress finally has her freedom, but it comes at a high price. Meanwhile, Queen Levana will let nothing prevent her marriage to Emperor Kai. Cress, Scarlet, and Cinder may not have signed up to save the world, but they may be the only hope the world has.

REVIEW

เครสคือราพันเซลผู้ซึ่งเคยถูกแม่มดจับไปขังอยู่บนหอคอย เพียงแต่ตอนนี้ที่คุมขังของเธอไม่ใช่หอคอยอีกต่อไป แต่มันคือดาวเทียมที่ราพันเซลต้องคอยสังเกตการณ์ยานอวกาศทุกลำที่ผ่านไปมาเพื่อใช้พลังพิเศษของเธอพลางตาดาวเทียมของโลกในการลักลอบนำกองทัพของลูนาร์ผ่านเข้าไป ระหว่างนั้นเครสได้รับการติดต่อจากยานที่ซินเดอร์กับหลบหนีและได้รับความช่วยเหลือจากซินเดอร์ทันทีว่าพวกเธอจะพาเครสออกไปจากที่คุมขังแห่งนี้เพื่อใช้ข้อมูลที่เครสมีอยู่ในมือต่อต้านงานแต่งงานระหว่างราชินีลีวานากับไคที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

กลายเป็นว่าการช่วยเหลือเครสคือกับดักที่ทำให้สการ์เล็ตถูกจับตัวไป ส่วนวูล์ฟก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ธอร์นกับเครสก็ถูกขังอยู่ในดาวเทียมที่กำลังร่วงหล่นสู่พื้นโลก ซินเดอร์ต้องรีบกอบกู้สถานการณ์ให้ได้ก่อนที่งานอภิเษกสมรสจะเกิดขึ้น ทางด้านของธอร์นและเครสที่หลงทางอยู่ในทะเลทราย ธอร์นที่ได้รับบาดเจ็บจนตาบอดต้องเอาชีวิตรอดท่ามกลางความร้อนและความแห้งแล้งที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ระหว่างนั้นพวกเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนกลุ่มหนึ่ง

เครสถูกจับตัวไปขายเพราะเธอเป็นเชลล์ที่มีเกราะป้องกันทางจิตต่อพวกลูนาร์ ทำให้เธอได้เจอกับด็อกเตอร์เออร์แลนด์ที่เคยช่วยซินเดอร์หลบหนีออกจากคุก ที่นั่นเครสได้พบกับวูล์ฟที่กำลังคลุ้มคลั่งเพราะเขาฟื้นขึ้นมาเพื่อที่จะพบว่าสการ์เล็ตได้ถูกจับตัวไปยังลูนาร์ ธอร์นซึ่งตามมาสมทบที่หลังเป็นคนสุดท้ายทำให้ลูกเรือของทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาที่จะดำเนินแผนการณ์ขั้นต่อไปนั่นก็คือ ... ลักพาตัวไคเพื่อทำให้งานแต่งงานล้มเหลว

การแทรกซึมเข้าไปในพระราชวังไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเครสต้องปิดระบบเตือนภัยทั้งหมด ในขณะที่ธอร์นและเออร์แลนด์ต้องเข้าไปแลบเพื่อปลูกถ่ายสเตมเซลล์รักษาอาการตาบอดของธอร์น ทางด้านซินเดอร์และไอโคต้องทำภารกิจที่อันตรายที่สุด นั่นก็คือลักพาตัวไคออกมาให้ได้ ระหว่างที่ทุกคนกำลังหลบหนีออกจากพระราชวังหลังทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี เออร์แลนด์ก็ค้นพบว่าตัวเขาติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ดังนั้นเขาจึงขังตัวเองไว้ในห้องกักกังพร้อมกับบอกความลับกับเครสว่าแท้จริงแล้ว ... เขาคือพ่อของเธอ

สการ์เล็ตถูกจับตัวไปอยู่กับเจ้าหญิงวินเทอร์ที่เสียสติเพราะเธอไม่ได้ใช้พลังของเธอมาตั้งแต่เธออายุได้สิบสองปี ส่วนไคที่เพิ่งได้สติอยู่บนยานของซินเดอร์ก็ตระหนักความจริงที่ว่าแท้จริงแล้วซินเดอร์คือเจ้าหญิงเซลีนที่เขาตามหามาโดยตลอด และซินเดอร์ก็เพิ่งรู้ข่าวว่าคนในแอฟริกาที่เคยช่วยเหลือเธอถูกสังหารหมู่โดยฝีมือของลีวานา พร้อมๆกับยานอวกาศที่กำลังจะเข้ามาบุกโลกในไม่ช้า  ซินเดอร์จึงตัดสินใจเดินทางไปยังดวงจันทร์ เพื่อทำการปฏิวัติ ... ในที่สุด

...................................................................

เล่มที่ 3 ในชุด The Lunar Chronicles ซึ่งเป็นเล่มที่หนาที่สุดและเนื้อเรื่องก็ยืดยาดในช่วงแรกๆจนถึงกลางๆเรื่อง โดยเฉพาะตอนที่เครสกับธอร์นผจญภัยในทะเลทรายนี่ไม่รู้จะยืดไปไหน รู้สึกมันกินเวลาไปหลายหน้าเลยทีเดียวกว่าจะพ้นช่วงนั้นไปได้และแทบจะไม่มีอะไรสำคัญๆเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่พวกซินเดอร์บุกเข้าไปในพระราชวังเนื้อเรื่องก็กลับมาพีคอีกครั้งจนจบเล่มนั่นแหละ แต่เราก็ไม่ค่อยชอบการเล่าเรื่องผ่าน POV ของตัวละครหลายตัวในเล่มนี้เท่าไร แบบว่ากำลังลุ้นอยู่เลยก็ตัดไปขึ้นบทใหม่ซะแล้ว กว่าจะมาเล่าเรื่องของตัวละครตัวนี้ต่อก็ผ่านไปหลายบทจนความตื่นเต้นหายไปหมดแล้ว -*-

เราดีใจมากๆที่ไคกับซินเดอร์ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และในตอนท้ายก็ยังทำเซอร์ไพรส์ให้กับคนที่เชียร์คู่นี้ด้วยแหละ ลุ้นมานาน ... ในที่สุดก็ลงเอยกันซะที แต่สำหรับเล่มนี้เราสงสารคู่วูล์ฟกับสการ์เล็ตมากๆ เล่นเอาวูล์ฟจ๋อยไปตลอดทั้งเล่มเลย รอดูเล่มหน้าว่าคู่นี้จะลงเอยยังไง เพราะเป็นคู่ที่เราเชียร์ออกหน้าออกตามากกว่าคู่ของไคกับซินเดอร์ซะอีก 555

เล่มนี้มีการเปิดตัวละครสำคัญสำหรับเล่มหน้า ซึ่งก็คือวินเทอร์(สโนไวท์) ซึ่งเราคิดว่าต้องคู่กับเจซินแน่ๆ หวังว่าเล่มหน้าต้องมันส์ระเบิดเถิดเทิงเพราะลูนาร์ประกาศสงครามกับโลกแล้ว และซินเดอร์ก็ต้องเดินทางไปดวงจันทร์เพื่อยึดบัลลังก์คืนพร้อมกับต้องช่วยสการ์เล็ตออกมาให้ได้

คะแนน 8.5/10

Dec 26, 2014

Scarlet (The Lunar Chronicles #2)



ชื่อเรื่อง Scarlet
จากชุด The Lunar Chronicles
ผู้แต่ง Marissa Meyer
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี / ไซไฟ
สำนักพิมพ์ Feiwel & Friends

เรื่องย่อ

Cinder, the cyborg mechanic, returns in the second thrilling installment of the bestselling Lunar Chronicles. She's trying to break out of prison--even though if she succeeds, she'll be the Commonwealth's most wanted fugitive. Halfway around the world, Scarlet Benoit's grandmother is missing. It turns out there are many things Scarlet doesn't know about her grandmother or the grave danger she has lived in her whole life. When Scarlet encounters Wolf, a street fighter who may have information as to her grandmother's whereabouts, she is loath to trust this stranger, but is inexplicably drawn to him, and he to her. As Scarlet and Wolf unravel one mystery, they encounter another when they meet Cinder. Now, all of them must stay one step ahead of the vicious Lunar Queen Levana, who will do anything for the handsome Prince Kai to become her husband, her king, her prisoner.

REVIEW

สการ์เล็ตตามหาตัวคุณย่าที่หายไปของเธอ จนกระทั่งได้พบกับวูล์ฟ ชายหนุ่มผู้มีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคุณย่าสการ์เล็ต นั่นทำให้ทั้งคู่ต้องเดินทางสู่ปารีสด้วยกันเพื่อหาเบาะแสและช่วยเหลือคุณย่าออกมาให้ได้ก่อนที่จะสายเกินไป การเดินทางนั้นเต็มไปด้วยเรื่องคาดไม่ถึง เมื่อรถไฟขบวนที่สการ์เล็ตนั่งมาเกิดโรคระบาดขึ้น นั่นทำให้สการ์เล็ตและวูล์ฟต้องระเห็จอยู่ในป่ากว่าที่ทั้งคู่จะหาทางไปปารีสได้

ทางด้านซินเดอร์ที่กำลังหลบหนีออกมาจากคุก ได้พบเจอกับกัปตันธอร์นที่อ้างว่าตนมียานอวกาศที่จะสามารถพาหลบหนีออกจากนิวเป่ยจิงได้ ดังนั้นทั้งคู่จึงร่วมมือกันจนในที่สุดซินเดอร์ก็เป็นอิสระและเธอก็กำลังจะเดินทางไปหาคุณย่าของสการ์เล็ตเพื่อค้นหาเบาะแสชีวิตและความทรงจำที่หายไปของเธอ ในระหว่างนั้นซินเดอร์ก็ต้องฝึกใช้พลังพิเศษของเธอเพื่อควบคุมสิ่งต่างๆให้ได้

สการ์เล็ตรู้แล้วว่าคุณย่าของเธอมีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้ อย่างเช่นเรื่องที่ว่าคุณปู่ของสการ์เล็ตเป็นชาวลูนาร์และเป็นคนขอให้ย่าของเธอรับดูเจ้าหญิงเซลีนที่อพยพมายังโลกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หลังจากนั้นคุณย่าของสการ์เล็ตก็ส่งมอบเจ้าหญิงเซลีนให้ครอบครัวลินห์ไปดูแลต่อ เมื่อสการ์เล็ตไปถึงรังหมาป่า เธอก็รู้ว่าวูล์ฟทรยศเธอ รู้ว่าเขาโกหกเธอมาโดยตลอด สการ์เล็ตถูกจับไปขังเอาไว้จนกระทั่งวูล์ฟมาหาเธอจะช่วยเธอหนีออกจากคุกเพื่อที่สการ์เล็ตจะได้พบคุณย่าของเธอที่กำลังจะตายในไม่ช้า สการ์เก็ตรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วเจ้าหญิงเซลีนคือซินเดอร์และคุณย่าขอให้สการ์เล็ตตามหาซินเดอร์ให้พบ

คุณย่าของสการ์เล็ตถูกหมาป่าฆ่าตาย สการ์เล็ตถูกช่วยชีวิตโดยวูล์ฟที่พาเธอหนีออกมาและเธอก็ได้พบกับซินเดอร์และธอร์นที่แล่นยานลงจอดตรงหน้าของเธอพอดี ดังนั้นทั้งซินเดอร์ สการ์เล็ต ธอร์นและวูล์ฟจึงต้องร่วมมือกันในการเดินทางครั้งนี้ ในขณะที่วูล์ฟซึ่งเป็นชาวลูนาร์อาสาช่วยซินเดอร์ฝึกใช้พลังของเธอ พร้อมๆกับทางด้าน Commonwealth ที่ไคยอมจำนนต่อราชินีลีวานาโดยการแต่งงานกับหล่อนเพื่อให้หล่อนถอนกำลังกองทัพหมาป่าออกไปจากโลกให้หมด

................................................................

เล่มนี้สนุกอีกแล้ว และค่อยๆรู้ความเป็นมาของซินเดอร์มากขึ้น จังหวะการดำเนินเรื่องในช่วงท้ายๆเป็นอะไรที่พีคมากๆ โทน Romance ก็มาเต็มกว่าเล่มที่แล้วอีก (แต่ความเป็น Sci-fi ก็น้อยลงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน) เอาจริงๆเราเชียร์คู่สการ์เล็ตกับวูล์ฟ มากกว่าคู่ของไคกับซินเดอร์แล้วนะตอนนี้ เพราะดูท่าแล้วคู่ของซินเดอร์กว่าจะลงเอยกันจริงๆคงเล่มจบหลังจากควีนลีวานาตายไปแล้วโน่นแหละ เหนื่อยแทนคู่นี้เลยจริงๆ แถมตอนจบเล่มนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ สงสารซินเดอร์มากๆ T.T แม้ว่าเล่มนี้ประเด็นการเมืองไม่ได้คืบหน้าไปไหนเท่าไร แต่การเล่าเรื่องทำให้เราได้เห็นความลึกของเนื้อเรื่องแทนที่จะเห็นความกว้างของเนื้อเรื่องเหมือนกับในเล่มที่แล้ว

เนื้อเรื่องและสไตล์การเขียนทำให้เราติดหนึบได้ตั้งแต่ตอนแรกๆ แม้ว่าจะมีรำคาญสการ์เล็ตบ้างเล็กน้อยระหว่างที่กำลังอ่าน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียอรรถรสเลย ก็อย่างว่า ... ความน่ารักและความน่าสงสาร(?)ของวูล์ฟทำให้เราแทบจะมองข้ามสการ์เล็ตไปทันที มีประโยคหนึ่งที่เราชอบมากๆ ตอนที่วูล์ฟพูดในตอนท้ายว่า “I think I realized that I would rather die because I betrayed them, than live because I betrayed you.”

ผ่านไป 2 เล่มแล้ว ความสนุกก็ยังไม่ลดลงเลย ดังนั้นความชอบก็เลยอยู่ที่ 5 ดาวเหมือนกับเล่มแรก ยอม เอาจริงๆนะ ... สไตล์การ Retelling ของ Marissa Meyer ไม่ได้ทำให้ความ Classic ของ Fairy tales ลดลงเลยด้วยซ้ำ แต่มันเป็นการรวมความล้ำแบบ Sci-fi กับความขลังแบบ Fairy tales เอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัวจริงๆ

คะแนน 9.5/10

Cinder (The Lunar Chronicles #1)



ชื่อเรื่อง Cinder
จากชุด The Lunar Chronicles
ผู้แต่ง Marissa Meyer
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี / ไซไฟ
สำนักพิมพ์ Feiwel & Friends

เรื่องย่อ

Humans and androids crowd the raucous streets of New Beijing. A deadly plague ravages the population. From space, a ruthless lunar people watch, waiting to make their move. No one knows that Earth’s fate hinges on one girl.

Cinder, a gifted mechanic, is a cyborg. She’s a second-class citizen with a mysterious past, reviled by her stepmother and blamed for her stepsister’s illness. But when her life becomes intertwined with the handsome Prince Kai’s, she suddenly finds herself at the center of an intergalactic struggle, and a forbidden attraction. Caught between duty and freedom, loyalty and betrayal, she must uncover secrets about her past in order to protect her world’s future.

REVIEW

หลังสงครามโลกครั้งที่ 4 โลกได้ก่อร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ภายใต้การปกครองของจักวรรดิ Commonwealth โดยศูนย์กลางอยู่ที่นิวเป่ยจิง หลังจากนั้นก็เกิดโรคระบาดที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย จนกระทั่งจักพรรดิองค์ก่อนได้สิ้นพระชนม์ลง เจ้าชายไคจึงต้องขึ้นมาเป็นจักพรรดิองค์ใหม่แทนพ่อของเขา เมื่อไคได้พบกับซินเดอร์ระหว่างที่เขานำแอนดรอยด์ของเขาไปให้เธอซ่อม ซินเดอร์ ไซบอร์กสาวผู้ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงก็พบว่าชีวิตของเธอพลิกตลบเมื่อเธอถูกจับไปทดลองในแลบเพื่อค้นหาวัคซีนป้องกันโรคระบาด ไหนจะเรื่องความรู้สึกแปลกๆที่เธอมีต่อไคอีก

หลังจากการสิ้นพระชนม์ของจักรวรรดิ ราชินีลีวานาแห่งลูนาร์ก็เดินทางมาเยือนโบกเพื่อยื่นข้อตกลงแห่งความสันติภาพโดยแลกกับพิธีอภิเษกสมรสระหว่างหล่อนและไคที่กำลังจะสถาปนาตนเองเป็นจักพรรดิในไม่ช้า ไคยังไม่ละทิ้งความหวังในการตามหาเจ้าหญิงเซลีนผู้ซึ่งหายตัวไปในเหตุการณ์เพลิงไหม้บนอาณาจักรลูนาให้พบ เพราะเธอคือกุญแจดอกสำคัญที่จะมาแย่งบัลลังก์ไปจากราชินีลีวานาได้ในที่สุด แม้ว่าไคจะสนใจในตัวซินเดอร์มากเป็นพิเศษ แต่ภาระที่อยู่บนบ่าของเขาก็หนักเกินกว่าที่จักพรรดิใหม่จะแบกรับเอาไว้ได้

ซินเดอร์ค้นพบความจริงอันน่าตกใจจากดอกเตอร์ที่นำเธอไปทดลองว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นชาวลูนาร์ และมีภูมิต้านทานต่อโรคระบาด ระหว่างนั้นซินเดอร์ก็รวบรวมเงินที่หามาได้เพื่อสร้างยานพาหนะที่จะพาเธอหลบหนีออกไปจากอาพร์ทเมนต์ของแม่เลี้ยงใจร้าย กระทั่งซินเดอร์ได้รับการติดต่อจากซิปที่ถูกฝังอยู่ในแอนดรอยด์ที่ไคนำมาให้เธอซ่อมและพบว่าไคกำลังตกอยู่ในอันตราย ซินเดอร์จึงต้องเดินทางไปยังงานเต้นรำที่จัดขึ้นหลังจากที่ไคสวมมงกุฏอย่างเลี่ยงไม่ได้

ในงานนั้น ซินเดอร์ได้พยายามเตือนไคจนกระทั่งราชินีลีวานาปรากฏตัวขึ้นและซินเดอร์ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกไป จนซินเดอร์ถูกราชินีจับโยนเข้าคุกเพื่อรอคำสั่งประหาร ระหว่างนั้นดอกเตอร์ก็เดินทางมาหาซินเดอร์และได้บอกเส้นทางการหลบหนีไปยังแอฟริกาให้แก่เธอ และความจริงอีกประการอันน่าตกใจว่าแท้จริงแล้วซินเดอร์คือเจ้าหญิงเซลีนทีหายตัวไปเมื่อนานมาแล้ว ด้วยความเสียหายจากเพลิงไหม้ร้ายแรงส่งผลให้ซินเดอร์ต้องถูกจับดัดแปลงร่างกายให้เป็นไซบอร์ก ดังนั้นเธอจึงมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะทวงบัลลังก์ของลีวานาคืนมาเป็นของเธอเอง

....................................................................

ไม่รู้ว่าตัวเองไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงไม่หยิบนิยายเล่มนี้ขึ้นมาอ่านให้เร็วกว่านี้นะ เราว่า Cinder คือส่วนผสมระหว่างความเป็น Fairytales และ Sci-fi ได้อย่างลงตัวมากๆ การดำเนินเรื่องสนุกตื่นเต้น และการออกแบบคาแรคเตอร์ก็น่าสนใจหมดทุกตัว แต่ที่เราชอบมากเป็นพิเศษก็คงเป็นไคที่มีมุมน่ารักๆอยู่ตลอด แต่พอถึงเวลาตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆก็สามารถที่จะตัดสินใจได้อย่างเฉียบคม

บรรยากาศใน Cinder เราว่าก็คล้ายๆกับบรรยากาศใน The Selection ที่มีกลิ่นอาย Royal อยู่ในท้องเรื่องและมีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เรากลับชอบเรื่องนี้มากกว่า The Selection มากๆ นั่นอาจจะเป็นเพราะประเด็นการเมืองในเล่มนี้เข้มข้น มีการเล่นชั้นเชิงและดูมีมิติมากกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็ดีกว่า การเล่าเรื่องค่อยเป็นค่อยไปและมีลำดับขั้นความน่าสนใจที่ค่อยๆเพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปเรื่อยๆจนอ่านแล้วแทบจะวางไม่ลงกันเลยทีเดียว แม้ว่าจะเดาได้อยู่แล้วว่าซินเดอร์คือเจ้าหญิงเซลีนที่หายตัวไป แต่เราก็คิดว่านั่นไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงเลย ตรงกันข้ามเรากลับรู้ว่าความจริงจะเปิดเผยมาตอนไหนและจะส่งผลกระทบต่อตัวละครอย่างไรบ้าง

อ่านจบ เราก็คิดว่านี่แหละ ! คือนิยายอีกเรื่องที่เราจะต้องติดตามไปจนถึงเล่มจบอย่างแน่นอน ซึ่งเราคิดว่า Cinder คือการ retelling จากนิทาน fairytales เรื่อง Cinderella ได้อย่างลงตัวและดูมีพลังจนเหมือนกับเป็นการต่อยอดนิทานเรื่องนั้นเลยเหมือนกัน แม้ว่าการเล่าเรื่องจาก Fairytales จะดูไม่ค่อยน่าสนใจเพราะเรารู้ตอนจบดีอยู่แล้ว แต่การอ่าน Cinder ก็เหมือนกับการอ่าน Cinderella บทใหม่ที่อัดความเป็น Sci-fi เข้าไป จนเรารู้สึกใจหายเลยเมื่ออ่านมาจนถึงหน้าสุดท้าย

คอนิยาย Sci-fi ไม่ควรพลาดนิยายเล่มนี้ด้วยประการทั้งปวงนะฮะ ประเด็นไม่หนัก เนื้อเรื่องน่าสนใจ มีกลิ่นอาย Fairytales อยู่ตลอดทั้งเล่ม ที่สำคัญคือ เราชอบประเด็นการเมืองในเล่มนี้มากกกกกกกกกกก

คะแนน 9.5/10

Dec 14, 2014

We Were Liars


ชื่อเรื่อง We Were Liars
ผู้แต่ง E. Lockhart
วรรณกรรมเยาวชน ครอบครัว
สำนักพิมพ์ Delacorte Press

เรื่องย่อ

A beautiful and distinguished family.
A private island.
A brilliant, damaged girl; a passionate, political boy.
A group of four friends—the Liars—whose friendship turns destructive.
A revolution. An accident. A secret.
Lies upon lies.
True love.
The truth.

We Were Liars is a modern, sophisticated suspense novel from National Book Award finalist and Printz Award honoree E. Lockhart.

Read it.
And if anyone asks you how it ends, just LIE.

REVIEW

ฤดูร้อน ... มิตรภาพ ... โศกนาฏกรรม และความทรงจำที่หายไป

ทุกๆซัมเมอร์ ครอบครัวซินแคร์จะเดินทางมายังเกาะบีชวู๊ดเพื่อใช้เวลาด้วยกัน เคเดนซ์คือหนึ่งในหลานสาวที่โตที่สุดได้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ในอายุ 15 ปีของเธอ และเคเดนซ์ได้ตกหลุมรักกับแกท แม้ว่าเธอจะไม่มั่นใจในความรักของทั้งคู่มากนัก แต่เคเดนซ์ก็รักแกท จนกระทั่งมีอยู่คนนึง เคเดนซ์พบว่าตัวเองสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นอยู่บนหาด เธอเป็น hypothermia เนื่องจากลงไปแช่ในน้ำอยู่นาน และหัวของเธอไปฟาดกับโขดหิน นั่นคือจุดหักเหของเรื่องราวทั้งหมด ...

ความทรงจำของเคเดนซ์ขาดๆหายๆไปหลังจากอุบัติเหตุ ทำให้การใช้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอมักมีอาการปวดหัวเฉียบพลันเสมอๆ และเคเดนซ์ไม่ได้รับการตอบจดหมายกลับจากเพื่อนๆแก๊งค์ Liars ของเธออีกเลย เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมแกทไม่ติดต่อมาหาเธอ จนเมื่อเคเดนซ์มีโอกาสกลับไปที่บีชวู๊ดอีกครั้ง นั่นจึงเป็นโอกาสที่เธอจะได้ตามหาและค้นพบความทรงจำวัย 15 ที่หายไปของเธอ

การพบกันอีกครั้งในกลุ่มเพื่อนๆทั้ง 4 เต็มไปด้วยคำโกหกและเรื่องราวที่ถูกปิดบังเอาไว้มากมาย เคเดนซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนๆถึงต้องปิดบังเธอด้วย เมื่อความทรงจำทั้งหลายค่อยๆประติดประต่อเข้ามาในหัวของเธอ เคเดนซ์ก็ได้พบกับเรื่องราวอันน่าตกใจที่เป็นสาเหตุให้บ้านพักหลังหนึ่งบนหาดถูกสร้างขึ้นมาใหม่

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ... ป้าๆน้าๆของเธอเกิดความแตกหักขึ้นเพื่อแย่งมรดกและบ้านที่คุณตาของเคเดนซ์ครอบครองอยู่ แก๊งค์ Liars ทั้ง 4 คนจึงวางแผงก่อเพลิงขึ้นในคืนนั้นเพื่อเผาสาเหตุที่จะทำให้ทั้งเคเดนซ์และแกทต้องแยกจากกัน ถ้าไม่มีสมบัติและบ้านหลงเหลือ ก็จะไม่มีการแก่งแย่งและปากเสียงเกิดขึ้นในครอบครัวของพวกเขา นี่คือทางออกที่เด็กๆอายุสิบห้ามีต่อปัญหาของพวกเขา

ความจริงทั้งหมดหวนกลับมาสู่คาเดนซ์อีกครั้ง และในนั้นมีแต่เปลวไฟและความโศกเศร้าที่ไม่มีวันจบสิ้น ความรักและมิตรภาพละลายหายไปในเปลวเพลิง ... เพื่อนๆทั้งสามคนของเธอ รวมทั้งแกทไม่สามารถหนีออกมาจากเปลวเพลิงที่พวกเขาเป็นคนวางแผนให้เกิดขึ้นได้ ทุกคนตายในเปลวเพลิงทั้งหมด ยกเว้นคาเดนซ์ที่หนีรอดมาได้คนเดียว ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นซัมเมอร์ครั้งสุดท้าย ที่เพื่อนๆ Liars ทั้งสี่คนจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นวิญญาณหรืออาจจะเป็นภาพหลอนที่คาเดนซ์สร้างขึ้นมาก็ตาม

................................................................................

เห็นว่าเล่มนี้ได้รางวัล Goodreads Awards 2014 อ่านจบแล้วก็คิดว่า ... มันเหมาะที่จะได้รางวัลนี้จริงๆนะ เนื้อเรื่องมันสวย มันมีมิติ ถึงแม้จะไม่ได้หวือหวาอะไร แต่เราเชื่อว่าทุกคนที่อ่านเล่มนี้จบต้องได้อะไรจากมันไปไม่มากก็น้อยแหละ

We were Liars เป็นหนังสือที่เนื้อเรื่องมาเรื่อยๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ไม่น่าเชื่อว่าตอนท้ายจะทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้เราช็อคแบบทำไรอะไรไม่ถูกได้ ตอนแรกที่อ่าน We were liars เรากลัวว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่สามารถตอบโจทย์ที่เราตั้งเอาไว้ แต่ปรากฏว่าหลังจากที่อ่านจบ ... หนังสือเล่มนี้ยิ่งกว่าตอบโจทย์เราได้เสียอีก

เราคิดว่าผู้แต่งสามารถใส่จังหวะการบรรยายออกมาได้ดีมากๆ แม้ว่าช่วงแรกๆจะอืดไปหน่อยก็ตาม แต่เมื่ออ่านถึงบทสรุปในตอนท้ายแล้ว ยิ่งทำให้เราอยากจะย้อนกลับไปอ่านใหม่ทั้งหมดอีกรอบ เพราะเราเชื่อว่าเราต้องมองเนื้อเรื่องทั้งหมดในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมแน่นอน

อยากที่บอกไปว่า "ถ้าใครถามว่าหนังสือเล่มนี้มันจบยังไง ... จงโกหกซะ"

คะแนน 9/10

Dec 12, 2014

สังหรณ์แห่งรัตติกาล - Scent of Darkness (Darkness Chosen #1)


ชื่อเรื่อง สังหรณ์แห่งรัตติกาล
จากเรื่อง Scent of Darkness
ผู้แต่ง คริสติน่า ดอดด์
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล กัญชลิกา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

หนึ่ง พันปีที่แล้ว ขุนศึกใจโหดผู้หนึ่งตะเวนไปทั่วทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของรัสเซีย และเขาเจรจาต่อรองทำสัญญาที่น่ากลัวอย่างหนึ่งกับจอมปิศาจ คือยอมมอบจิตวิญญาณของ เขาและของลูกหลานเขา เพื่อแลกกับการสามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์นักล่าเหี้ยมโหดได้ดังปรารถนา
แล้ววัน หนึ่งคำพยากรณ์อันตรายหนึ่งเปิดเผยความจริงเรื่องนี้ ครอบครัวหนึ่งถูกเลือกเพื่อต่อสู้กับสัญญาโหดนี้---หรือไม่ก็เผชิญกับนรก
แอนน์ สมิธรักจาชา ไวล์เดอร์นายจ้างผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตชีวา แต่แผนห้าวหาญของหล่อนในการยั่วยวนเขาเบี่ยงเบนไป เมื่อหล่อนเผชิญหน้ากับสุนัขป่า ทรงพลังที่น่ากลัวตัวหนึ่งซึ่งเปลี่ยนร่างเป็นผู้ชายที่หล่อนรักชื่นชมต่อ หน้าต่อตาหล่อน ในไม่ช้าหญิงสาวพบว่าหล่อนไม่สามารถหลบหนีชะตาชีวิตของตัวเองได้ เพราะจาชาคือผู้สืบทอดตระกูลของคอนสแตนติน และแอนน์คือผู้หญิงที่ชะตากำหนดให้ทำลายคำสาปที่พันธนาการจิตวิญญาณของจาชา

REVIEW

แอนน์เดินทางมาหาจาชาเพื่อเปิดเผยความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามาตลอดสี่ปีให้เขาได้รับรู้ แต่แอนน์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจาชาจะสามารถแปลงร่างเป็นสุนัขป่าได้ แถมยังน่าตกใจขึ้นไปอีกเมื่อการร่วมรักครั้งแรกระหว่างจาชาและแอนน์เกิดขึ้นในป่า

จาชาถูกลูกพี่ลูกน้องของเขาตามล่า เขาได้รับการถ่ายทอดคำสาปมนุษย์กลายร่างมาจากบรรพบุรุษของเขา ส่วนพ่อของจาชาก็กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตามคำพยากรณ์ที่เขาได้รับมาว่าให้ตามหารูปบูชาของพระแม่มารีให้พบ เมื่อทั้งสองต้องเอาชีวิตรอดจากการตามล่าจากฝ่ายศัตรู แอนน์ก็ต้องต่อสู้ความกลัวในจิตใจของเธอ จาขาและแอนน์เดินทางมาถึงที่อยู่อาศัยครอบครัวของจาชา ความลับในอดีตกาลของตระกูลไวล์เดอร์ก็ถูกเปิดเผยออกมา

จาชาขอแอนน์แต่งงาน แต่เธอปฏิเสธเขาเพราะเชื่อว่าที่จาชาขอเธอแต่งงานเป็นเพราะเธอมีประโยชน์ต่อเขาอยู่และเป็นคนหารูปบูชาพบ จาชาจึงต้องพิสูจน์ตัวเองในขณะที่ต้องตามหาพวกวารินสกี้ไปด้วย เมื่อแอนน์ตกอยู่ในอันตรายและจาชามาช่วยเธอ นั่นจึงทำให้แอนน์เชื่อในที่สุดว่าจาชาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอจริงๆ และเขารักเธอ

....................................................

เนื้อเรื่องบิวท์อารมณ์ได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คาแรคเตอร์ของนางเอกอย่างแอนน์คือจุดด้อยของหนังสือเล่มนี้ ทั้งๆที่การปูเรื่องในตอนต้นทำได้ดีแล้วแท้ๆ แต่พอนางเอกโผล่มาทุกอย่างก็ดรอปลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตอนที่นางเอกเริ่มคิดมาก(เกินความจำเป็น) เก็บทุกรายละเอียดเช่นที่ว่าพระเอกกลับไปหาครอบครัว ทุกคนคุยกันสนุกสนานจนแอนน์คิดว่าเธอเป็นส่วนเกิน ไหนจะเรื่องที่แอนน์ปฏิเสธคำขอแต่งงานของจาชาอีกด้วยเหตุผลงี่เง่าว่าเขาไม่ได้รักเธอ เขาเก็บเธอไว้เพราะเธอมีประโยชน์ต่อเขา แล้วทำไมตอนแรกเธอถึงยอมพลีกายถวายตัวให้ผู้ชายคนหนึ่งถึงขนาดนั้นเพื่อที่สุดท้ายจะลงเอยแบบเละเทะเพราะความเรื่องมากของเธอ

คาแรคเตอร์นางเอกในตอนแรกกับตอนท้ายแทบจะหลุดออกมาเป็นคนละคน เราขำตอนที่จาชาต่อสู้กับวารินสกี้และแอนน์คิดว่า 'ฉันทนมองไม่ได้ แต่ก็หันหน้าหนีไปไม่ได้เหมือนกัน' คือแบบ ... นี่น่ะหรอนางเอก ไม่มีความหนักแน่นอะไรเลย เหตุผลในการผลักไสพระเอกก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร อย่างที่บอกว่า ฉันดึงดูดคนเลวเข้ามาหาฉันเสมอ การปูพื้นก็ไม่แน่นพอที่จะไกด์ให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วนางเอกเป็นอะไร แล้วมีความเป็นพิเศษยังไง

สรุปว่าเลยอ่านเล่มๆนี้จบแบบอึนๆ และไม่ค่อยได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้มากนัก เหอๆ

คะแนน 4/10

Dec 5, 2014

Their Virgin's Secret (Masters of Ménage #2)

** บทความนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ชื่อเรื่อง Their Virgin's Secret 
ผู้แต่ง Shayla Black & Lexi Blake
แนว Erotic / BDSM / Menage

เรื่องย่อ

Two Men on a Mission

Security Professionals Burke and Cole Lennox have shared women before but never meant to fall in love with one. Their lives are precarious, always on the edge of trouble. But Jessa Wade is too tempting, too perfect to let go. They’re on a dangerous mission, but they can’t help but get close to the beautiful, innocent artist. When their mission takes them to a foreign land, they reluctantly leave their love behind, promising to return for her one day.

A Woman with a Secret

After her lovers disappeared, Jessa Wade bravely moves on with her life, protecting her secret. But when she becomes the target of one of Burke and Cole’s enemies, the men leap into action, vowing to save their woman and to never leave again. As danger stalks all three, they must come together and face the mistakes of their past. On the run and out of time, Burke and Cole will fight for their future with Jessa. But will Jessa’s secret bring them together…or tear them apart?

REVIEW

โคลและเบิร์คตกหลุมรักเจสซาทันทีตั้งแต่แรกพบ แต่พวกเขามีภารกิจที่ต้องปกปิดเอาไว้และลงเอยด้วยการทิ้งเจสซาเอาไว้เบื้องหลังหลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนของทั้งสามคน พวกเขาทั้งสองสัญญาว่าจะกลับมาหาเธอ ไม่นานหลังจากนั้นเจสซาก็พบว่าเธอท้องและเธอไม่สามารถติดต่อโคลและเบิร์คได้ นั่นจึงทำให้เจสซาต้องเลี้ยงคาเลบ ลูกชายของเธอมาเพียงลำพังพร้อมกับความคิดที่ทั้งโคลและเบิร์คโกหกเจสซามาโดยตลอด

ทันทีที่โคลและเบิร์คกำลังจะกลับมาหาเจสซา พวกเขาก็รู้ว่าเธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว (แท้จริงแล้วเลขาของทั้งคู่ให้ข้อมูลผิดๆแก่พวกเขา อาร์กัส ... สามีของเจสซาจริงๆแล้วคือชื่อแมวของเธอนั่นเอง 555) นั่นทำให้โคลและเบิร์คตัดสินใจใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายด้วยภารกิจที่ช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวไปค้าประเวณี เมื่อเจสซา โคลและเบิร์คได้มาพบกันอีกครั้งหลังจากเจสซาถูกศัตรูของโคลและเบิร์คโจมตี พวกเขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้เธอและลูกชายของพวกเขาปลอดภัย

แม้ว่าการหลบหนีครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้เจสซารื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่เธอจะจำได้ไม่ลืมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง รวมทั้งโคลและเบิร์คก็ยังรักเจสซาไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจสซากลับมารักพวกเขา ภายใต้การสะกดรอยตามของศัตรูและการทรยศของคนใกล้ตัว โคลและเบิร์คต้องปกป้องเจสซาสุดชีวิตและเอาชนะใจเธอได้อีกหนหลังจากภารกิจเสร็จสิ้น เจสซาใจอ่อนเมื่อรู้ว่าทั้งโคลและเบิร์คต้องการอยู่กับคาเลบมากขนาดไหน และพวกเขาต้องการโอกาสนั้นจากเธอมากเพียงใด ดังนั้นเจสซาจึงอนุญาติให้ตัวเองรักชายทั้งสองคนอีกครั้ง

.................................................................

เรื่องนี้เป็น 3P ของเราสามคน ชาย 2 หญิง 1 มี BDSM พอกรุ้มกริ่ม(อีกแล้ว) แต่สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นได้ชัดๆเลยก็คือ ... พลอตเรื่องที่ลื่นไหลกับความสัมพันธ์ของตัวละครที่วางมาอย่างแนบเนียนกว่าเล่มที่แล้ว นั่นทำให้ไม่มีจุดไหนของเล่มนี้ที่เรารู้สึกเบื่อเลยรวมถึง flashback ที่เราคิดว่ามันน่ารำคาญในตอนแรกๆก็กลับน่าสนใจที่พอเล่าๆไปจะเป็นการปูเรื่องอดีตของทั้งสามคนว่าพวกเขาพบกันได้ยังไง และทำไมพวกเขาถึงต้องแยกจากกับนางเอกก่อนที่จะ reunion กันอีกครั้ง

แต่เรารู้สึกว่าความคิดของนางเอกเป็นพ้อยท์สำคัญที่นิยายเล่มนี้ดูยุ่งเหยิงไปนิดนึง การแสดงออกของเธอบางอย่างดูน่าโมโหไปหน่อย แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ถ้ามองจากมุมมองของนางเอกที่ต้องเลี้ยงดูลูกชายมาคนเดียวแถมยังเข้าใจผิดว่าพระเอกทั้งสองคนโกหกเธอมาโดยตลอด

ไม่รู้เราคิดไปเองไหม แต่เรารู้สึกว่าเลิฟซีนมันคล้ายกันไปหมด ว่าด้วยเรื่องท่าที่แทคทีมกันท่าเดียวตลอดทั้งเรื่องเลย คือถ้าใครอ่านแล้วจะรู้ว่ามันมีอยู่ท่าเดียวจริงๆนะ แค่สลับตำแหน่งกันไปมาเท่านั้นเอ๊ง 555 เลยทำให้เราไม่รู้สึกตื่นเต้นกับความหลากหลายของฉากเลิฟซีนที่เหมือนกับเล่มที่แล้ว ซึ่งเราคิดว่าฮอตกว่าเล่มนี้อยู่นา

คะแนน 8/10

Dec 2, 2014

Their Virgin Captive (Masters of Ménage #1)

** บทความนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ชื่อเรื่อง Their Virgin Captive
ผู้แต่ง Shayla Black & Lexi Blake
แนว Erotic / BDSM / Menage

เรื่องย่อ

Brothers Gavin, Slade, and Dex, fall hard for Gavin’s new secretary, beautiful Hannah Craig. The oil executives know they must give her time to get to know them before she can choose one . . . who will seduce the virgin and keep her for his own. But when a dangerous predator begins stalking the small-town beauty, they work together to protect her, abducting Hannah and spiriting her to an isolated hideaway. Once alone with her, none of them can contain their burning desire. Though Slade and Dex don’t mind sharing, Gavin’s tragic past has put distance between him and his brothers. Now, they’re hoping that not only will Hannah love them back . . . but maybe mend their fractured family.

After overcoming her initial fears, the men teach her wild pleasure she’s never imagined. She grows closer to each, their devotion melting her inhibitions. Hannah finds herself embracing love with all three men—and hoping she can heal Gavin’s wounded soul. But her new found happiness turns to terror when her stalker finds her. Will Gavin, Slade and Dex lose their woman to a menace that threatens everything they hold dear, or will they finally unite to make Hannah theirs forever?

REVIEW

สามพี่น้อง เกวิน สเลดและเด็กซ์ ถูกตาต้องใจฮันนาห์ เลขาสาวสวยที่เกวินเพิ่งรับเข้ามาทำงานในบริษัทของเขา ทั้งสเลดและเด็กซ์ต่างรู้ว่าแม้พวกตนจะชอบใช้ผู้หญิงร่วมกัน แต่สำหรับฮันนาห์แล้ว เธอคือคนๆนั้นที่ทำให้พวกเขาตกหลุมรักและอยากแต่งงานด้วย ทางด้านของเกวิน แม้ว่าเขาจะรักฮันนาห์มากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอได้ เพราะเขามีอดีตอันแสนขมขื่นเมื่อเขาปล่อยให้แฟนเก่าของเขาตาย ดังนั้นถ้าความลับถูกเปิดเผยออกมาไม่ช้าก็เร็ว กาวินจะต้องถูกพี่น้องและฮันนาห์หันหลังให้เขาแน่ๆ

เมื่อชีวิตของฮันนาห์ถูกคุกคามจากคนใกล้ตัวที่ส่งจดหมายมาขู่ เกวิน สเลดและเด็กซ์จึงต้องพาตัวฮันนาห์ไปซ่อนยังที่ปลอดภัย ระหว่างนั้นทั้งสเลดและเด็กซ์ก็พาฮันนาห์ขึ้นเตียงของพวกเขาและสอนให้เธอรู้จักการเป็น submissive ที่ดี ฮันนาห์มอบความบริสุทธิ์ของเธอให้กับเด็กซ์คนแรก เพราะเขาเป็นคนที่พบกับเธอก่อน จากนั้นจึงต่อด้วยสเลด แม้ว่าเกวินจะห้ามตัวเองไม่ให้แตะต้องฮันนาห์ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวเมื่อเขาสบโอกาสที่ได้อยู่กับฮันนาห์สองคน เกวินก็เป็นคนสุดท้ายในสามพี่น้องที่ได้ลิ้มรสฮันนาห์

เกวินตัดสินใจเปิดเผยความลับเรื่องแฟนเก่าของเขาให้น้องชายทั้งสองของเขาฟัง ว่าแท้จริงแล้วนิคกี้ฆ่าตัวตายพร้อมกับเด็กในท้องเพราะเขาไม่ใส่ใจเธอยามเธอเรียกร้องความสนใจ แต่สเลดและเด็กซ์รวมทั้งฮันนาห์รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเกวินแม้แต่น้อย ในเมื่อนิคกี้ไม่คิดจะรักชีวิตและรักลูกในท้องของเธอเอง

หลังจากที่จัดการกับสตอล์กเกอร์ที่คุกคามชีวิตฮันนาห์ได้แล้ว เกวิน สเลดและเด็กซ์ก็ตัดสินใจจะแต่งงานกับเธอและเริ่มต้นชีวิตในการเป็นสามีที่ดีทั้งสามคนของผู้หญิงที่พวกเขารักมากที่สุด

.....................................................................

เรื่องนี้เป็นแนว Menage MFM พูดง่ายๆคือ 3  รุม 1 (ไม่มี M&M เล่นกันเอง) แถมยังมี BDSM พ่วงมาด้วย ซึ่งไม่ได้รุนแรงอะไรนัก อย่างมากก็มีแค่ spank เบาๆเท่านั้นเอง เราคิดว่าเนื้อเรื่องทำได้ดีนะ ที่ไม่ได้มุ่งเน้น smutty จนเนื้อเรื่องไม่มีอะไรนอกจากเรื่องบนเตียง แต่เรื่องนี้มีการสอดแทรกพาร์ทสืบสวนเข้ามา (แม้ว่าจะไม่ได้น่าตื่นเต้นเลยก็ตาม แต่ก็ทำให้มันไม่น่าเบื่อจนเกินไป)

คือแบบ ... นางเอกก็น่าหมั่นไส้นะ แต่ต้องทำใจ นางเอกหนังสือแนวนี้ ต้องใส ต้องซื่อ ต้องเรียบร้อย ไม่งั้นคงไม่เข้าตาพระเอกแน่ๆ ส่วนพระเอกก็เป็นพวก Dom มาแต่ไหนแต่ไร ดูแลปกป้องนางเอกตลอดเวลา แต่นางเอกเล่มนี้ไม่ได้งี่เง่ามากจนเกินไปจนเราอ่านแล้วต้องกรอกตาเป็นพักๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเนื้อเรื่องเล่าผ่านบุคคลที่สามซึ่งทำให้เราเห็นมุมมองของพระเอกทั้งสามคนได้อย่างชัดเจน และปมปัญหาของเกวินก็เพิ่มความสนใจให้กับเรื่องนี้มากขึ้นจริงๆ

อ่านได้แบบเพลินๆ เปิดใจให้กว้างๆก่อนอ่านว่าหนังสือสมัยนี้ไม่ได้จำกัดขอบเขตอยู่ที่ผู้ชาย 1 คนต้องคู่กับผู้หญิง 1 คนเสมอไป คือมันก็มีอะไรแตกต่างลดหลั่นกันไปแล้วแต่รสนิยมของคนที่จะเลือกอ่าน อยู่ที่ว่าเราจะทำใจยอมรับได้หรือเปล่า แต่สำหรับเรา ... เราคิดว่านี่ก็เป็นงาน Erotica อีกแขนงหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

คะแนน 7/10

Dec 1, 2014

Bonds of Justice (Psy-Changeling #8)


ชื่อเรื่อง Bonds of Justice
ผู้แต่ง นลินี ซิงห์
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล -
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

Max Shannon is a good cop, one of the best in New York Enforcement. Born with a natural shield that protects him against Psy mental invasions, he knows he has little chance of advancement within the Psy- dominated power structure. The last case he expects to be assigned to is that of a murderer targeting a Psy Councilor's closest advisors. And the last woman he expects to compel him in the most sensual of ways is a Psy on the verge of catastrophic mental fracture.

REVIEW

แมกซ์ แชนน่อน มนุษย์ผู้มีความสามารถในการสร้างเกราะป้องกันจิตใจต้องร่วมงานกับโซเฟีย เจ-ไซสาวผู้มีความสามารถในการตรวจสอบจิตใจและตัดสินผู้กระทำผิด ทั้งสองถูกว่าจ้างโดยนิกิต้า ดันแดนให้ไปสืบสวนเรื่องของตายอันน่าประหลาดของคนใกล้ชิดเธอ เมื่อทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกัน ทั้งคู่ก็ไม่สามารถห้ามปราถนาในที่ปะทุขึ้นได้ แต่โซเฟียรู้ดีว่าเธอเหลือเวลาอยู่อีกไม่มาก ก่อนที่เกราะป้องกันของเธอจะพังทลายลงและเธอจะถูกจับไปล้างสมอง

โซเฟียรู้ตัวดีว่าเธอไม่สามารถตัดขาดจิตจากไซเน็ตได้เหมือนกับไซคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงเหลือเวลาอีกไม่มากก่อนที่เธอจะตาย หลังจากที่ตามสืบสวนคนร้าย ทั้งโซเฟียและแมกซ์ก็ยังไม่เข้าใกล้คนร้ายที่แท้จริง เมื่อคนใกล้ตัวของนิกิต้าเริ่มโดนปองร้ายมากขึ้นทุกที นั่นรวมถึงซาช่าด้วยอีกคน ฝูงดาร์คริวเวอร์จึงต้องมีส่วนเข้ามาเอี่ยวในการสืบสวนครั้งนี้ด้วยก่อนที่ผู้ไม่ประสงค์ดีจากกลุ่มเพียว-ไซจะก่อให้เกิดความเสียหาย

แมกซ์หลงรักโซเฟียและพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้เธอปลอดภัย จนกระทั่งโซเฟียถูกเอ็มไซลักพาตัวไป และระหว่างทางเธอก็ถูกฆาตกรโรคจิตที่เธอรับดูแลคดีนี้พาไปอีก โซเฟียจึงตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงอย่างหนัก แมกซ์ตามหาโซเฟียจนเจอโดยได้รับความช่วยเหลือจากฝูงดาร์คริเวอร์ นิกิต้าและคาเลบ หลังจากนั้นเกราะป้องกันของโซเฟียก็ทลายลง

หลังจากพักรักษาตัว ... โซเฟียพบว่าจู่ๆเกราะป้องกันทางจิตของเธอก็ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่นานโซเฟียก็รู้ถึงสาเหตุที่เธอรอดชีวิตจากการทลายของเกราะป้องกันทางจิตมาได้อย่างหวุดหวิด นั่นก็คือตอนนี้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของไซเน็ตไปแล้วด้วยความช่วยเหลือจากดาร์คไมด์ ทำให้เธอกับแมกซ์มีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้า และหลังจากเคลียร์ปัญหาเรื่องคนที่ปองร้ายนิกิต้าได้ว่าเป็นคนที่ถูกส่งมาจากเฮนรี่ที่สนับสนุนกลุ่มเพียว-ไซ สภาก็ดูเหมือนจะแตกออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน

............................................................

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ... คาเลบตอนท้ายสุดยอดมากกกกก แบบโผล่มาไม่กี่ฉากแต่แย่งซีนพระเอกอย่างแมกซ์ไปเลยนะเราว่า แถมปมที่ทิ้งไว้เรื่องของคาเลบก็ทำให้เราแทบจะไปหยิบเล่ม Heart of Obsidian ขึ้นมาอ่านทันทีเลย เนื้อเรื่องหลักก็ยังเข้มข้นน่าติดตามเหมือนเดิม แถมเล่มนี้ยังมีตัวละครจากเล่มเก่าๆอย่างคู่ของลูคัส-ซาช่า วอห์น-เฟธ เคลย์-แทมมี่ มาปรากฏตัวให้หายคิดถึงอีกด้วย

การแก้ไขปัญหาเล่มนี้เราว่าดูอึนๆไปหน่อย แม้ว่าทางออกจะไม่ได้ทำให้เราพอใจนักถ้าเทียบกับไซเล่มก่อนๆ แต่ก็ถือว่าแปลกใหม่และไม่ซ้ำซากซึ่งเราว่าก็ดีแล้วที่นลินีเลือกทางออกให้กับโซเฟียแบบนี้ เพราะถ้าทำให้วิธีการตัดขาดจิตจากไซเน็ตของตัวละครไปซ้ำกับเล่มก่อนๆหน้า เล่มนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยแน่ๆ

พาร์ทสืบสวนของเล่มนี้ทำให้น่าสนใจมากๆ จนตอนท้ายเรานั่งแทบไม่ติด ลุ้นไปกับตัวละครว่าสุดท้ายทางออกของโซเฟียจะเป็นยังไง อีกอย่างนึงคือเราชอบนิสัยของแมกซ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ค่อยเป็นค่อยไป มีความแข็งแรงพอที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่าเขาสามารถปกป้องโซเฟียไปได้ตลอดรอดฝั่ง ถึงแม้ว่าบทบาทของแมกซ์จะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากพอเหมือนกับพระเอกในเล่มอื่นๆ แต่ก็นั่นแหละ ... เนื้อเรื่องของการเมืองและความขัดแข้งในเผ่าพันธุ์ไซก็ทำให้เราสนใจอยากจะอ่านได้ทุกทีสิน่า ...

ปล.อ่านเล่มนี้แล้วจะรู้ว่านิกิต้า ดันแคนเป็นคนดีมากกว่าที่คิด >___<

คะแนน 8/10

Nov 30, 2014

แมตตี้ ผู้ส่งสาร - Messenger (The Giver #3)


ชื่อเรื่อง  แมตตี้ ผู้ส่งสาร
จากเรื่อง Messenger
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน

เรื่องย่อ

จากเรื่อง "คิรากับช่างย้อมสี" หนังสือเล่มสองของชุด "The Giver" มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นเพื่อนตายของ 'คิรา' มาตลอด แม้ว่าเขาจะสกปรกมอมแมม เป็นเด็กชายผู้หิวโหยและยากจน ขาดแม้กระทั่งความรักจากแม่ จนกลายเป็นนักลักเล็กขโมยน้อย แต่สำหรับคิรา เด็กมีปัญหาคนนี้คือสหายตัวน้อยที่ซื่อสัตย์และจริงใจต่อเธอเสมอ เขาคือ 'แมตต์' ผู้เติบโตมาเป็นแมตตี้ในเล่มนี้ แมตตี้ไม่ได้อยู่กับคิราในชุมชนแห่งความโหดร้ายอีกต่อไป เขาเดินทางมาชุมชนใหม่ ซึ่งยินดีต้อนรับผู้ไม่เป็นที่รักจากดินแดนอื่น และพร้อมเยียวยาผู้ที่แตกสลายมาจากถิ่นเก่า ณ ที่แห่งนี้ แมตตี้ค้นพบพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่ รู้เพียงว่ามันพิเศษ แต่ไม่ว่าพรสวรรค์ข้อนั้นคืออะไร ไม่ว่าเขาจะเป็นแมตต์หรือแมตตี้ จะอยู่ในพื้นที่ที่ดีหรือเสื่อมทราม ยังมีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ คือเขามีหัวใจดวงวิเศษที่ต่อให้โลกมันเส็งเคร็งเพียงใด ก็จะไม่มีวันทำลายหัวใจแบบแมตตี้ได้เลย

REVIEW

เมื่อชุมชนที่แมตตี้อาศัยอยู่กำลังจะปิดตัวลงและผู้คนเริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป แมตตี้จึงต้องเดินทางในฐานะผู้ส่งสารไปปิดประกาศตามที่ต่างๆในป่ารวมถึงทำตามคำสัญญาของชายตาบอดที่ว่าจะรับคิรามาอยู่ที่ชุมชนแห่งนี้กับเขาก่อนที่มันจะปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ ระหว่างการเดินทางพาคิรากับชุมชน แมตตี้พบกับอันตรายมากมายที่รอเขาอยู่ในป่า การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดแมตตี้ก็พาตัวเองเกือบถึงที่หมาย แต่เขากลับล้มไปก่อน

ผู้นำของชุมชนคือโจนาสนั่นเอง ได้เดินทางมาหาแมตตี้เพื่อมอบความช่วยเหลือให้แก่เขา เมื่อแมตตี้ใช้พลังทุกหยาดหยดคืนชีพให้กับผืนป่าและชุมชนของเขาให้กลับมาเป็นดังเดิม เขาได้รับนามใหม่ว่า ผู้เยียวยา และหลังจากนั้นเขาก็ล่วงสู่ความสงบสุข ...

..........................................................

เรื่องนี้ทีแรกก็อ่านได้เรื่อยๆนะ เพราะเป็นเรื่องของแมตตี้ เด็กชายตัวมอมแมมที่มีบทบาทเป็นอย่างยิ่งจากเล่มของคิรา หากใครรอที่จะได้เห็นโจนาสอีกครั้ง เล่มนี้เขาจะกลับมามีบทบาทสำคัญเลยทีเดียว เนื้อเรื่องก็แฝงแนวคิดและคำสอนในตัวของมันอยู่นะ แต่ก็ตามสไตล์ของ The Giver แหละ คือคำสอนเหล่านั้นต้องผ่านการตีความอีกที ผ่านคำพูดและพรสวรรค์ของตัวละครเอง ซึ่งจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่มันจะแยบยลและคมคาย ถ้ามีคนสังเกต Point เล็กๆตรงที่โจนาสได้เตือนแมตตี้ก่อนการเดินทางว่าอย่าถลุงพลังของตนเอง ซึ่งตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ จนสุดท้าย ... แมตตี้ก็ต้องพบจุดจบอันน่าเศร้าของเขา

คะแนน 6.5/10

Nov 29, 2014

Obsidian (New Species #8)


ชื่อเรื่อง Obsidian
ชุด New Species
ผู้แต่ง Laurann Dohner
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

Dr. Allison Baker is obsessed with saving the comatose New Species male. She has tried everything and there's only one option left. Alli will break every rule and put her life in danger by tempting 880 to wake, using only her feminine scent and touch. She just has to kidnap him and crawl into bed with him to make it work. 880 wakes in a different world with a small female who's been sleeping beside him, caressing him and wrapping her sweet body around his, teasing his senses. He lies silent and still, listening and evaluating each arousing touch, fighting his body's reaction. Hatred flares when he discovers she's human, but Mercile stole everything from him so he decides it's fair to take her in return. But things quickly change and he wants her at his side and in his bed. 880 has chosen a new name-Obsidian-the personification of dark and dangerous. He'll fight them all to keep Alli. No one will stand in his way.

REVIEW

ดร.อัลลิสันตัดสินใจพาคนไข้นิวสปีชีส์ของเธอหลบหนีออกจาก NSO เพื่อใช้กลิ่นของเธอปลุกให้เขาฟื้นจากอาการไม่ได้สติ เมื่อวิธีของเธอได้ผลและ 880 ก็ฟื้นคืนขึ้นมาเพื่อที่จะรู้ว่าเขาได้สูญเสียคู่ของเขาไปแล้ว อัลลิสันก็รู้ว่าเธอกำลังจะถูกไล่ออกจากหน้าที่ข้อหาเธอฝ่าฝืนมาตรการของ NSO แต่ 880 ก็ยังต้องการตัวของอัลลิสันอยู่ ดังนั้น 880 จึงขอให้คนไปพาอัลลิสันมาอยู่กับเขา เมื่ออัลลิสันรู้ว่าเขายังคิดเรื่องคู่ของเขาที่เพิ่งตายไปอยู่ เธอก็เสียใจเพราะคิดว่า 880 ใช้เธอเป็นตัวแทนคู่ของเขา

880 ใช้ชื่อใหม่ว่า ออบซิเดียน เขาติดใจหลงใหลในคุณหมอสาวชาวมนุษย์ที่ปลุกเร้าเขายิ่งกว่าที่คู่ของเขาเคยทำได้ เขาต้องการเก็บอัลลิสันไว้กับตัวของเขาคนเดียว และต้องการให้เธอทำตามที่เขาต้องการทุกอย่าง จนอัลลิสันหนีออกจากที่พักรักษาตัวของเขา ออบซิเดียนจึงหาทางปรับความเข้าใจกับอัลลิสันและบอกกับเธอว่าแท้จริงแล้วเขากับคู่ของเขาไม่เคยมีความรู้สึกลึกซึ้งกันเลยแม้แต่น้อย เพราะคู่ของเขามีความรู้สึกให้กับคนอื่นและเธอกับเขาก็ถูกจับขังเอาไว้ด้วยกันเป็นเวลานาน และก็ใช้เขาเพื่อระบายความต้องการตลอดเวลาแต่นอกจากนั้นแล้วเธอไม่เคยให้เขาแตะต้องเธอเลย

ออบซิเดียนก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆไม่เขาไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้อัลลิสันของเขา จนกระทั่งทำร้ายคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บ จัสทิซจึงสั่งให้พาอัลลิสันไปทำงานที่อื่นสักพักจนกว่าออบซิเดียนจะปรับเปลี่ยนนิสัยให้เข้ากับสังคมได้  สามเดือนผ่านไป ... อัลลิสันกลับมาหาออบซิเดียนอีกครั้ง เธอพบว่าเขาเปลี่ยนไปจากครั้งก่อนที่ทั้งคู่เจอกันอย่างมาก ทีแรกอัลลิสันนึกว่าออบซิเดียนจะไม่สนใจเธอแล้วเพราะท่าทีของเขาดูเปลี่ยนไปมาก แต่ความจริงคือไม่มีวันไหนที่ออบซิเดียนไม่คิดุถึงเธอ จนกระทั่งเขาได้เธอมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาในที่สุด ...

..............................................................

คือ ... ไม่ค่อยชอบตัวละครในเล่มนี้เท่าไรแฮะ ประเด็นในเนื้อเรื่องก็ดูประดักประเดิดยังไงก็ไม่รู้ ตั้งแต่ตอนแรกที่นางเอกเข็นเตียงพาพระเอกออกไปข้างนอกเพื่อใช้กลิ่นของตัวเองปลุกพระเอกขึ้นมาละ ไหนจะเรื่องคู่ของพระเอกที่ตายไปอีก ยังเอามาเป็นประเด็นจนถึงหน้าสุดท้ายจนได้เนอะ อ่านแล้วไม่ค่อยอินอ่ะเล่มนี้ พระเอก possessive มากก็จริง แต่ดูเหมือนประเด็นหลายๆอย่างทำให้เราไม่ค่อยเข้าถึงเนื้อหาของเล่มนี้มากสักเท่าไร

เล่มนี้ไม่ค่อยมีแอคชั่นทริลเลอร์มันส์ๆแบบเล่มก่อนหน้า แถมความสัมพันธ์ก็แลดูยิ่งเหยิงมากด้วย อ่านแล้วก็งงๆกับพระเอกบ้างเป็นบางครั้ง อารมณ์ขึ้นๆลงๆบ่อยเหลือเกิน

คะแนน 6.5/10

Nov 27, 2014

The One (The Selection #3)


ชื่อเรื่อง The One
ผู้แต่ง Kiera Cass
วรรณกรรมเยาวชน โรมานซ์-ดิสโทเปีย
สำนักพิมพ์ HarperTeen

เรื่องย่อ

The time has come for one winner to be crowned.

When she was chosen to compete in the Selection, America never dreamed she would find herself anywhere close to the crown—or to Prince Maxon's heart. But as the end of the competition approaches, and the threats outside the palace walls grow more vicious, America realizes just how much she stands to lose—and how hard she'll have to fight for the future she wants.

REVIEW

พวกกบฎรุกคืบพระราชวังเข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือ the Elite ทั้งหมดสี่คน และสถานะของอเมริกาในการแข่งขันครั้งนี้ก็ย่ำแย่ได้ที่ เมื่อกบฏทางเหนือนัดคุยกับแม็กซอนและอเมริกาเป็นการส่วนตัวเพื่อขอให้พวกเขายกเลิกระบบชนชั้น วิถีทางเดียวคือแม็กซอนต้องขึ้นเป็นพระราชาและจบเกมส์นี้ให้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่กบฎจากทางใต้จะปฏิวัติและยึดครองอำนาจไปทั้งหมดไปอยู่ในมือของพวกเขา

อเมริการู้ใจตัวเองในที่สุดว่าเธอรักแม็กซอนเข้าแล้วจริงๆ แต่เธอก็ไม่ได้สารภาพให้เขาฟัง หลังจากนั้นแม็กซอนและอเมริกาแอบไปลักลอบพบกบฏทางจากเหนือเพื่อพูดคุยและวางแผนในการจัดการกบฏจากทางใต้ที่เริ่มโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยเริ่มจากครอบครัวของระดับสองและไล่ระดับลงไปเรื่อยๆ พระราชาหวังให้อเมริกาใช้ความประทับใจของประชาชนที่มีต่อเธอชักจูงให้พวกเขาพอใจในสภาพความเป็นอยู่ของตัวเอง แต่อเมริกาไม่คิดจะทำตามนั้นหลังจากที่เธอตัดสินหัวขโมยโดยการมอบเครื่องเพชรของเธอให้กับเขา นั่นทำให้พระราชารู้สึกไม่พอใจในตัวของอเมริกาอย่างมาก

อเมริกาได้รับข่าวว่าพ่อของเธอเสียชีวิต ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้ากลับบ้านทันที หลังจากจัดงานศพเรียบร้อยแล้วอเมริกาก็กลับมายังพระราชวังและรู้ว่าแม็กซอนประกาศงานแต่งงานแล้ว และเธอก็เป็นคนที่แม็กซอนเลือกให้มาเป็นภรรยาของเขาเสียด้วย คืนนั้นทั้งคืนอเมริกาและแม็กซอนอยู่ด้วยกันและสารภาพความรู้สึกของแต่ละฝ่ายออกมาทั้งหมด จนกระทั่งตอนที่อเมริกาตัดสินใจไปอธิบายให้แอสเพนฟังว่าสุดท้ายแล้วเธอก็รักแม็กซอน โชคร้ายที่แม็กซอนมาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เขาโกรธอเมริกามาก และอเมริกาก็รู้ดีว่าทุกอย่างผิดพลาดไปหมดตั้งแต่วินาทีนั้น แม็กซอนก็รู้ในตอนนั้นว่าผู้ชายที่ครอบครองหัวใจอเมริกามาก่อนหน้าก็คือ ... แอสเพนนั่นเอง

เมื่อเวลาประกาศผู้ชนะของ The Selection มาถึง อเมริการู้ดีแล้วว่าเธอทำลายโอกาสไปเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อกบฏจากทางใต้แฝงตัวเข้ามาอยู่ในงานและกราดยิงผู้คนล้มตายมากมาย หนึ่งในนั้นคือพระราชาและราชินี แม็กซอนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอเมริกาก็ถูกแอสเพนพาไปซ่อนยังที่ปลอดภัย

หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดสงบลง อเมริกาก็รีบตามหาแม็กซอนทันที และเขาก็บอกให้เธอรู้ว่า เขายังเลือกเธอ ไม่ว่าอเมริกาจะทำลายหัวใจเขาไปมากแค่ไหน ยังไงแม็กซอนก็ยังรักเธอ และจะปกป้องเธอเสมอไป ดังนั้น แม็กซอนจึงขึ้นเป็นพระราชา และ ... มงกุฎแห่งชัยชนะและเกียรติยศจึงตกเป็นของอเมริกาในท้ายที่สุด

..................................................................

มีประโยคนึงที่เราชอบมากๆในตอนจบ ตอนที่แม็กซอนพูดว่า "Break my heart. Break it a thousand times if you like. It was only ever yours to break anyway." นั่นทำให้เรารู้ว่าแม็กซอนโตแล้ว และเราเชื่อจริงๆว่าเขาตัวเป็นผู้ชายทีพร้อมจะเสียสละและกลายเป็นพระราชาในอนาคต ไม่ใช่แค่เด็กชายที่เรียกร้องต้องการในสิ่งที่เขาอยากได้มาโดยตลอด

ถือว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่มีการเปลี่ยนแปลงคาแรคเตอร์หลายตัวเลยทีเดียว เพราะเนื้อเรื่องขับเคลื่อนมาจนถึงเล่มจบแล้ว ส่วนประเด็นการเมืองก็เข้มข้นขึ้นกว่าสองเล่มที่แล้วเป็นอย่างมาก และถึงจะไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรแบบที่เราหวัง แต่เราก็รู้สึกว่า The One คือหนังสือที่สนุกที่สุดในชุด The Selection การเข้าถึงไคลแมกซ์ในตอนท้ายก็ทำได้ดีพอสมควร แม้ว่ามันจะมาแบบไม่ทันตั้งตัวก็ตามเถอะ เพราะการปูเรื่องช่วงแรกถือว่านิ่งมากๆ นิ่งจนไม่คิดว่าจะหาตอนจบที่ทำให้เรารู้สึกชอบได้ แต่ท้ายสุดแล้ว ... ตอนจบแบบนี้ก็ถือว่าดีกว่าที่เราคาดเอาไว้จริงๆ การแก้ไขปัญหาอาจจะดูง่ายไปหน่อย อย่างเช่นเมื่อคิดว่าจัดการความขัดแย้งระหว่างพระราชากับอเมริกาไม่ได้ง่ายๆ ก็เลยตัดสินใจฆ่าตัวละครทิ้งซะเลย อืม ! แบบนี้น่าจะง่ายกว่าการไปนั่งจับเข่าคุยเคลียร์ปัญหากันตอนท้ายเนอะ 555 เพราะพระราชาตั้งตัวเป็นอริกับอเมริกาซะขนาดนั้น

สรุปว่าเล่มนี้ดี แม้ว่ายังจะมีการตัดสินใจและสาระบบความคิดที่น่ารำคาญปรากฏอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นการพัฒนาของตัวละครชัดๆในเล่มนี้นี่แหละ

คะแนน 7/10

Nov 25, 2014

Leo's Chance (A Sign of Love)


ชื่อเรื่อง Leo's Chance
ชุด A Sign of Love
ผู้แต่ง Mia Sheridan
โรมานซ์ ร่วมสมัย

เรื่องย่อ

Does everyone deserve a second chance? Even someone who lies and deceives to get it?
Do we all have a second chance coming? Even if we play a part in our own destruction?
How hard would you fight to have a second chance at love? A second chance at life? Another chance to tell your own story?
Every love story has two sides. Evie told hers. This time it's Leo's chance.

REVIEW

ขอแปะรีวิวจากเล่มที่แล้วเลยละกัน Leo (A Sign of Love) เพราะประเด็นส่วนมากจะเหมือนกันหมด มีเพียงรายละเอียดเล็กๆที่แตกต่างกันเมื่อเล่มนี้เล่าผ่านมุมมองของ Leo

ขณะลีโอนอนบาดเจ็บอยู่ในโรงพยาบาลและเขาสัญญาว่าเขาจะพยายามรักษาตัวเองให้หายเพื่อที่จะต่อสู้กับสิ่งที่เขาไม่กล้าเผชิญหน้ามาโดยตลอด นั่นก็คือหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขารัก ... อีวี่ ลีโอจึงตัดสินใจกับมาหาอีวี่ พร้อมกับใช้ชื่อเจค อีวี่ไม่รู้ว่าเจคเป็นลีโอ จนกระทั่งทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้ความจริงของเจคเปิดเผยออกมา

ลีโอพยายามที่จะเอาชนะความกลัวเกี่ยวกับการกระทำอันเลวร้ายของแม่เลี้ยงที่ทำลายจิตใจของเขาและทำให้เขาทรยศต่ออีวี่ครั้งแล้วครั้งเล่า มีเพียงลอเรน แม่เลี้ยงของเขาที่กลับมาหลอกหลอนลีโออยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วจิตแพทย์ที่ลีโอไปเข้ารับการรักษาก็ยื่นมือมาช่วยเขาโดยการเปิดโปงความผิดของลอเรนที่ไปกระทำแบบนี้กับเด็กที่ไม่บรรลุนิติภาวะคนอื่นๆ

ลีโอจึงกลับมาหาอีวี่และต่อสู้เพื่อเธอ แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไงก็ตาม เมื่อลีโอรู้ว่าแม่เลี้ยงของเขาป่วยแค่ไหน และเขาไม่ใช่คนที่ทำให้แม่เลี้ยงของเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ทีแรก ความรู้สึกผิดก็เบาบางลง ท้ายสุดแล้ว ... อีวี่ก็เลือกลีโอ

.......................................................................................

ไม่ได้ต้องพูดอะไรมากอีกแล้ว เรื่องนี้เป็น POV ของลีโอล้วนๆ ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปเหมือนกัน แต่บางครั้งเมื่อมองจาก POV ของลีโอโดยไร้คนตัดสินการกระทำใดๆของเขา มันทำให้เรารู้สึกว่าทุกอย่างดูชัดและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะจากเล่มที่แล้ว ... เราตัดสินลีโอจากมุมมองของอีวี่เพียงคนเดียว

เอาจริงๆ เราก็มองลีโอในแง่ที่ดีขึ้นนะ เราเข้าใจตัวตนของเขาตั้งแต่ครั้งแรก ว่าทำไมเขาถึงโทษตัวเองมากขนาดนี้ และอุปสรรคที่เขาต้องก้าวผ่านคือความกลัวของเขาเอง เหมือนตอนที่ลีโอเปรียบว่าตัวเองเป็นสิงโตที่พยายามจะกระโดดลอดห่วงไฟ เปลวไฟคือความกลัวที่เขาต้องข้ามไปให้ได้ และอีวี่เป็นคนถือห่วง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาว่าท้ายที่สุดแล้ว ... เขาจะกล้ากระโดดข้ามห่วงนั้นไปหรือไม่

รู้สึกว่าเล่มนี้ลงลึกกว่าเล่มของ Leo และเรารู้สึกว่าสารที่ผู้แต่งพยายามจะสื่อออกมามัน pure และ clear กว่าในเล่มที่แล้วเยอะเลย ทำให้เรามองลีโอในแง่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีก สรุปว่าชอบเล่มนี้กว่าเล่มที่แล้ว ลีโอก็มีมุมมองน่ารักๆเยอะมาก

คะแนน 8.5/10

Nov 24, 2014

Leo (A Sign of Love)


ชื่อเรื่อง Leo
ชุด A Sign of Love
ผู้แต่ง Mia Sheridan
โรมานซ์ ร่วมสมัย

เรื่องย่อ

Evie and Leo met in foster care as children and formed a bond of friendship. As they grew, their bond turned to love, and they vowed to make a life together when they turned 18 and were no longer a part of the system.

When Leo unexpectedly gets adopted as a teen and he moves to another city, he promises Evie that he will contact her as soon as he gets there and come back for her in a few short years. She never hears from him again.

Now eight years later, in spite of the odds, Evie has made a life for herself. She has a job. She has friends. She's content. Then a man shows up out of the blue, claiming that her long lost love, Leo, sent him to check up on her. The attraction between them is undeniable. But, should she trust this sexy stranger? Or is he keeping a secret about what his connection to Leo is really all about and why Leo disappeared all those years ago?

REVIEW

ลีโอกับอีวี่เป็นเพื่อนสนิทที่เติบโตมาในบ้านอุปถัมภ์ด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อลีโอต้องแยกจากอีวี่โดยไม่มีทางเลือก เหลือทิ้งไว้เพียงแค่คำสัญญาและความรู้สึกที่ท่วมท้นหัวใจ แปดปีผ่านไป ... อีวี่ไม่เคยได้รับการติดต่อจากลีโออีกเลย จนเธอคิดว่าลีโอทำลายคำสัญญานั่นไปแล้ว กระทั่งเมื่อผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาในชีวิตของเธอ เจคเป็นคนแจ้งข่าวกับอีวี่ว่าลีโอประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตและต้องการให้เขามาบอกกับเธอ แต่หลังจากทั้งคู่ทำความรู้จักกัน ... เจคกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของอีวี่ไปแล้ว และความรู้สึกที่อีวี่เคยมีให้กับลีโอก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับเจค

เจคกับอีวี่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เขาสปอยล์เธอทุกอย่าง และดูแลอีวี่เป็นอย่างดี แต่เธอก็ยังรู้สึกเหมือนเจคปิดบังอะไรบางอย่างไว้จากเธอเสมอ จนกระทั่งอีวี่เจอกับคู่ขาคนเก่าของเจค หล่อนสารภาพว่าเจคมีรอยสักบนแผ่นหลังเป็นรูปผู้หญิงคนเดียวที่เขารักมาโดยตลอด และจะไม่มีใครไปทดแทนเธอคนนั้นได้แม้ว่าเจคจะนอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตามาก็ตาม

อีวี่บอกให้เจคถอดเสื้อ และทันใดนั้นเธอก็รู้ทันทีว่า ... ผู้หญิงคนนั้นบนแผ่นหลังของเจคคือตัวเธอเอง ความจริงโถมกระหน่ำเข้ามาใส่อีวี่เมื่อเธอรู้ในที่สุดว่า ... เจคก็คือลีโอ ... เขาโกหกเธอมาโดยตลอด อีวี่จึงผละออกจากเขาทันทีและหนีไปหลบอยู่บ้านเพื่อนของเธอเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเผชิญหน้ากับเจคอีกครั้ง

อีวี่รับฟังคำอธิบายของเจค ซึ่งบัดนี้ก็คือลีโอที่หายไปจากชีวิตของเธอเป็นเวลาแปดปี ... ลีโอเล่าให้อีวี่ฟังว่าหลังจากที่เขาย้ายเข้าไปบ้านหลังใหม่กับพ่อแม่อุปถัมภ์ เขาก็ตั้งต้นเริ่มเขียนจดหมายหาอีวี่ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาถูกแม่เลี้ยงของเขามอมเหล้าและมีเพศสัมพันธ์ด้วย นั่นทำให้ลีโอรู้สึกผิดมากเพราะเขาทรยศคนที่เขารัก เขาไม่มีหน้าไปเจออีวี่อีกแล้ว หลังจากนั้นเป็นต้นมา ... ลีโอก็เริ่มทำตัวเหลวแหลกแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับการมีอะไรกับแม่เลี้ยงของตัวเอง

จนกระทั่งลีโอเข้าเรียนมหาลัย เขาก็เอาตัวออกห่างชีวิตที่แสนจะน่ารังเกียจของเขาได้ แต่เงาของแม่เลี้ยงก็ตามมารังควานลีโอเสมอ เขาเมาเหล้า เสพยา นอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะลืมอีวี่ได้ลง หลังจากนั้น ... ลีโอก็ประสบอุบัติเหตุอย่างหนักจนกระทั่งเขาได้รับการศัลยกรรมพลาสติกใหม่ทั้งหน้า ตอนเวลาที่เขานอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเขาก็ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับอีวี่อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นไงก็ตาม ดังนั้นลีโอจึงตามหาอีวี่จนเจอ และเขาก็เริ่มต้นด้วยการโกหกกับเธอว่าเขาชื่อเจค และเป็นเพื่อนสนิทกับลีโอที่เพิ่งตายไป

ลีโอนำจดหมายที่เขาไม่เคยส่งไปหาอีวี่มามอบให้กับเธอ อีวี่จึงรู้ว่าก่อนที่ชีวิตของลีโอจะแตกสลาย เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ที่เธอเคยรู้จัก เพียงแต่การหักเหของเรื่องบางเรื่องกลับทำให้ใครสักคนหลุดออกนอกเส้นทางที่พวกเขาเคยวางแผนเอาไว้เท่านั้นเอง ในที่สุดอีวี่จึงไปหาลีโอที่ทำงานท่ามกลางผู้คน และบอกกับเขาว่า "เธอเลือกเขา"

.....................................................................

เป็นนิยายอีกเล่มที่ดีมากๆ คืออ่านแล้วสงสารและเห็นใจพระเอก เรารู้ว่านิยายของ Mia Sheridan มันจะคอยมีประเด็นหนักๆมาถ่วงความรู้สึกของเราให้จมลึกไปอยู่เสมอ ตอนแรกดูเหมือนนิยายจะใสๆ คิกขุอาโนเนะ พระนางรักกันแต่เด็ก เขียนจดหมายหากัน แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ใครอ่านแล้วจะรู้ว่าเรื่องราวมันดาร์คมากๆ มันเต็มไปด้วยความขมขื่นจนอ่านไปถอนหายใจไป

อ่านเรื่องนี้ทำให้เห็นกันชัดๆเลยว่าความหักเหในชีวิตของคนๆนึงสามารถเกิดได้อย่างปุบปับและสามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคนๆนั้นได้เลยทีเดียว แม้ว่านิยายเล่มนี้จะไม่ทำให้เราเสียน้ำตาเหมือนกับเรื่องอื่น แต่ก็ถือได้ว่าเรื่องราวเข้มข้นน่าติดตามอีกเรื่องหนึ่ง

ช่วงแรกๆอาจจะทำให้นึกถึงพลอตเรื่องจาก Fifty Shades of Grey ที่พระเอกเป็นนักธุรกิจหลุ่มรูปหล่อ แถมยังรวยและมีนิสัย Bossy แต่ Mia กลับใส่รายละเอียดบางอย่างให้เนื้อเรื่องมันดูมีอะไรมากกว่านั้น อารมณ์ในตอนท้ายๆลงลึกมากๆ จนแปลกใจว่า ... นี่ขนาดนิยายเล่มแรกของเธอ แต่เธอสามารถเขียนได้ดีขนาดนี้ เราขอยอมรับว่าเธอถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างเข้มข้นจริงๆ (โดยเฉพาะตอนท้ายที่นางเอกอ่านจดหมายของพระเอกที่เก็บเอาไว้เป็นเวลา 8 ปี)

คะแนน 8/10

เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับบันทึกมนุษย์กึ่งเทพ - The Demigod Diaries


ชื่อเรื่อง เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับบันทึกมนุษย์กึ่งเทพ
จากเรื่อง The Demigod Diaries
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

จดหมายจากค่ายฮาล์ฟบลัด
โดย อาลักษณ์อาวุโส... Rick Riordan
จุดประสงค์คือเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับมนุษย์กึ่งเทพรุ่นเยาว์ทั้งหลาย
เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงของรุ่นพี่
ทั้งลุค ธาเลีย เพอร์ซีย์ แอนนาเบ็ธ ลีโอ ไพเพอร์ เจสัน
และอีกหนึ่งมนุษย์กึ่งเทพ บุตรแห่งเฮคาที ผู้ซึ่งเลือกที่จะยืนอยู่คนละข้างกับชาวค่ายฮาล์ฟบลัด

เรื่องสั้นทั้งสี่ ได้แก่
บันทึกของลุค คาสเทลแลน
เพอร์ซีย์ แจ็กสัน กับคทาแห่งเฮอร์มีส
ลีโอ วัลเดซ กับภารกิจเพื่อบูฟอร์ด
และบุตรแห่งเวท

REVIEW

อ่านเล่มนี้ถึงรู้ว่าที่จริงริค ไรออร์แดนได้ไอเดียในการเขียนเพอร์ซีย์ แจ็กสันมาจากลูกชายของเขาที่เป็นโรคดิสเลคเซียเหมือนกัน และเพอร์ซีย์ก็มีอายุเท่าลูกชายของเขาด้วย แถมยังเอาเรื่องสั้นที่ลูกชายแต่งมารวมเล่มกับงานเขียนตัวเอง ถือว่าริคเป็นคุณพ่อที่น่ารักและทุ่มเท่ให้กับครอบครัวตัวเองมากๆเลย

บันทึกของลุค คาสเทลแลน ★★★1/2
เป็นเรื่องของลุคและธาเลีย ก่อนที่ทั้งคู่จะเจอกับแอนนาเบ็ธ เราคิดว่าเรื่องสั้นเรื่องสามารถเติมเต็มเนื้อเรื่องหลักได้อย่างดีทีเดียวละว่าทั้งธาเลียและลุคต่างเคยเจออะไรมาบ้างก่อนที่ลุคจะทรยศพวกเขา

- เพอร์ซีย์ แจ็กสัน กับคทาแห่งเฮอร์มีส ★★★
เรื่องนี้ก็ตามชื่อเรื่องเลย เพอร์ซีย์ต้องไปตามหาคทาแห่งเฮอร์มีสที่ถูกยักษ์ขโมยไป มีฉากต่อสู้มันส์ๆตอนท้ายนิดหน่อย นอกนั้นก็อ่านได้เรื่อยๆ

- ลีโอ วัลเดซ กับภารกิจเพื่อบูฟอร์ด ★★★
การผจญภัยของลีโอ เจสัน และไพเพอร์ที่ต้องตามหาชิ้นส่วนอาร์โกสองที่ถูกบูฟอร์ดเอาไป แล้วก็ต้องเผชิญกับนางไม้ผู้เกรี้ยวกราดของไดโอนิซุส

- บุตรแห่งเวท ★★1/2
เรื่องนี้เฮลีย์ ไรออร์แดน ลูกชายของริค ไรออร์แดนเป็นคนแต่ง เนื้อเรื่องไม่ค่อยเกียวกับเพอร์ซีย์เท่าไรเลยอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ชื่นชมที่ลูกชายวัยสิบหกของริคเขียนนิยายออกมาดีใช้ได้

คะแนน 7/10

Nov 23, 2014

เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับแฟ้มลับมนุษย์กึ่งเทพ - The Demigod Files


ชื่อเรื่อง เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับแฟ้มลับมนุษย์กึ่งเทพ
จากเรื่อง The Demigod Files
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

แฟ้มลับที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน
บอกเล่าโดยอาลักษณ์อาวุโส ค่ายฮาล์ฟบลัด... Rick Riordan
ประกอบด้วย

ภารกิจนอกเวลาของเพอร์ซีย์ แจ็กสัน อันได้แก่
การจับมือกันของเขากับแคลรีส คู่ปรับตลอดกาล โมเมนต์เล็กๆ ที่ห้ามบอกใคร!
ระหว่างเกมศึกชิงธงของค่าย กับการค้นพบผู้พิทักษ์ในตำนานซึ่งถูกลืมเลือน
ความร่วมแรงร่วมใจระหว่างบุตรธิดาแห่งสามมหาเทพ ในนรกใต้พิภพ อาณาจักรแห่งคนตาย

บทสัมภาษณ์พิเศษชาวค่ายฮาล์ฟบลัด
จับเข่าคุยกันแบบสบายๆ จุดประเด็นคำถามในสิ่งที่คุณไม่เคยคิดถึงมาก่อน

ข้อมูลเฉพาะของเทพโอลิมเปียนทั้งสิบสอง (+สอง) องค์

และเกมปริศนาที่จะทดสอบความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณ!

REVIEW

เล่มนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้น 3 เรื่อง และก็มีข้อมูลสัมภาษณ์ตัวละครอีกนิดหน่อย

- เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับรถม้าศึกที่ถูกขโมย - ★★★
เรื่องนี้ไม่มีอะไร แค่แคลรีสตามหารถม้าศึกที่หายไปของแอรีสโดยมีเพอร์ซีย์คอยช่วย

- เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับมังกรสัมฤทธิ์ - ★★1/2
เรื่องนี้อ่านแล้วเฉยๆ เป็นช่วงที่เพอร์ซีย์อยู่ในค่ายและเผอิญไปเจอมังกรสัมฤทธิ์ตอนแข่งเกมชิงธง

- เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับดาบแห่งฮาเดส - ★★★★
เรื่องนี้สนุกมากในที่สุดในบรรดาสามเรื่อง นิโค เพอร์ซีย์ ธาเลียต้องตามหาดาบของฮาเดสที่หายไป มีตัวละครโผล่มาเยอะแยะเลย ที่สำคัญมีบ๊อบขวัญใจเราโผล่มาด้วยแหละ 555 ตอนเราอ่านเล่ม HoH ก็สงสัยว่าบ๊อบไปความจำเสื่อมตอนไหน ที่แท้ก็โดนเพอร์ซีย์ผลักตกแม่น้ำเลธีตอนนี้นี่เอง

คะแนน 7/10

Nov 22, 2014

Tiger (New Species #7)


ชื่อเรื่อง Tiger
ชุด New Species
ผู้แต่ง Laurann Dohner
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

Zandy's had too much to drink and is in the wrong place at the wrong time. She knows she's going to die. When next her eyes open, a beautiful man-creature is holding her in his arms. He's just too tempting to resist; her very own fallen angel. She wraps herself around his body, determined to have him. But when this angel turns out to be flesh and blood, reality crashes in-she's seducing a New Species. Tiger's shock quickly turns to intense passion when the human female kisses him, despite the fact she's trying to get his clothes off while he's engaged in a task force operation. He's also made it clear he'll never take a mate. Rather difficult when he and Zandy can't keep their hands off each other. The taste and feel of his little human just leaves Tiger wanting more.

REVIEW

ไทเกอร์ไม่คิดว่าเขาจะมีคู่เป็นมนุษย์ผู้หญิงตัวเล็กๆมาก่อน เมื่อได้มาเจอกับแซนดี้...เขาก็ไม่สามารหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป ยิ่งแซนดี้มาทำงานที่เดียวกับเขาด้วยแล้ว ยิ่งยากไปกันใหญ่สำหรับไทเกอร์ที่จะละสายตาจากผู้หญิงคนนี้ เมื่อทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ไทเกอร์รู้ดีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องการคู่ครอง แซนดี้เช่นกัน ... หลังจากที่เธอหย่ากับสามีคนที่สองไป เธอก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่สามมาทำให้เธอเสียใจอีกต่อไป ดังนั้นทั้งไทเกอร์และแซนดี้จึงอยู่ในความสัมพันธ์ที่ครุมเครือเพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่จะไปลงเอยกันอย่างไร

เหล่ากลุ่มประท้วงรู้ข่าวว่าจัสทิซกำลังจะแต่งงานกับเจสซี่จึงบุกเข้ามายังเขตสงวนและจับตัวแซนดี้ไปเพราะคิดว่าแซนดี้คือคู่ของจัสทิซ เนื่องจากทั้งคู่มีผมสีเดียวกัน พอไทเกอร์รู้เรื่องว่าแซนดี้โดนทำร้ายเขาก็โกรธมาก แต่ด้วยภาระหน้าที่ของเขาทำให้ไทเกอร์ไม่มีเวลาพอที่จะมาดูแลแซนดี้ได้เลย และเมื่อแซนดี้ตกอยู่ในช่วงตกไข่ นิวสปีชีส์ผู้ชายก็เข้ามาหาแซนดี้เป็นการใหญ่เพราะพวกเขาได้กลิ่นจากตัวเธอ ไทเกอร์โมโหแซนดี้ที่ไม่ยอมเชื่อเขาว่าให้อยู่แต่ในที่พัก แซนดี้ออกมากินข้าวที่โรงอาหาร นั่นทำให้ไทเกอร์ต้องต่อสู้กับผู้ชายคนอื่นเพื่อไม่ให้พวกนั้นอ้างสิทธิ์ในตัวของแซนดี้

ไทเกอร์รู้ใจตัวเองในที่สุดว่าความรู้สึกที่เขามีต่อแซนดี้สามารถเอาชนะความกลัวในการมีคู่ของเขาไปจนหมด ไทเกอร์มาหาแซนดี้ ทั้งสองใช้เวลาทั้งคืนอยู่ด้วยกันก่อนที่ไทเกอร์จะโดนเรียกตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ ขากลับมายังเขตสงวน เฮลิคอปเตอร์ที่ไทเกอร์โดยสารถูกยิงจนตก ไทเกอร์บาดเจ็บสาหัส แซนดี้ตามไปเยี่ยม เธอดูแลไทเกอร์เป็นอย่างดี เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ไทเกอร์กลับไล่เธอให้ไปให้พ้นหน้าเขา แซนดี้เสียใจมากก่อนเธอจะกลับไปบ้านของเธอและโดนพวกต่อต้านนิวสปีชีส์จับตัวไป

ไทเกอร์ฟื้นขึ้นมาและจำไม่ได้ว่าเขาได้ทำร้ายจิตใจแซนดี้ระหว่างอยู่ในฤทธิ์ยา เขาต้องการแค่ไปขอโทษเธอและขอให้อภัยเขา แต่ทันทีที่ไทเกอร์รู้ว่าแซนดี้ถูกจับตัวไป เขาก็ตามไปช่วยเธอจนพวกที่ต่อต้านนิวสปีชีส์พาแซนดี้มาหาถึงทางเข้าเขตสงวนพร้อมกับจัดการแสดงต่อสาธารณชนว่าจะเผาแซนดี้ทั้งเป็น ไทเกอร์จึงช่วยแซนดี้ได้ทันเวลา หลังจากนั้นเขาก็สารภาพความในใจทั้งหมดออกมาและยอมรับว่าแซนดี้คือคู่ครองของเขาในที่สุด ...

...........................................................................

อ่านเพลินดี เนื้อเรื่องช่วงแรกๆนี่มีแต่เลิฟซีนติดๆกันจนพลอตหลักไม่ขยับไปไหน แต่พอผ่านช่วงกลางๆไปก็เริ่มสนุกเข้มข้นขึ้นตามลำดับ แนวทางการเล่าเรื่องไม่ได้เปลี่ยนจากเล่มก่อนๆมากนัก ก็คือใช้มุกเดิมๆนี่แหละที่นางเอกถูกลักพาตัวและพระเอกก็ตามไปช่วย แต่เล่มนี้เราว่าเป็นน่าสนใจตรงที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทเกอร์กับแซนดี้ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการผูกพันธ์กันลึกซึ้ง แซนดี้ก็หย่ากับสามีมาแล้วสองคนส่วนไทเกอร์ก็เคยสัญญาว่าเขาจะไม่มีคู่เป็นของตัวเองเด็ดขาด

ช่วงคลายปมตอนท้ายเรื่องก็น่ารักดี ตอนที่ไทเกอร์สารภาพว่าเขาต้องการทำให้แซนดี้ท้องเพราะเขาไม่ต้องการให้เธอไปจากเขา เราว่ามันน่ารักมากๆที่ผู้ชายอย่างไทเกอร์สารภาพอะไรออกมาแบบนี้ ... ถ้าไม่มีคนรอบข้างของไทเกอร์คอยเชียร์ทั้งคู่ ไม่รู้ว่าไทเกอร์จะรู้ใจตัวเองและคู่นี้จะลงเอยกันรึเปล่าก็ไม่รู้ 555

คะแนน 8/10

Nov 19, 2014

โลหิตแห่งโอลิมปัส - The Blood of Olympus (The Heroes of Olympus #5)


ชื่อเรื่อง โลหิตแห่งโอลิมปัส
จากเรื่อง The Blood of Olympus
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

Though the Greek and Roman crewmembers of the Argo II have made progress in their many quests, they still seem no closer to defeating the earth mother, Gaea. Her giants have risen—all of them—and they're stronger than ever. They must be stopped before the Feast of Spes, when Gaea plans to have two demigods sacrificed in Athens. She needs their blood—the blood of Olympus—in order to wake.

The demigods are having more frequent visions of a terrible battle at Camp Half-Blood. The Roman legion from Camp Jupiter, led by Octavian, is almost within striking distance. Though it is tempting to take the Athena Parthenos to Athens to use as a secret weapon, the friends know that the huge statue belongs back on Long Island, where it "might" be able to stop a war between the two camps.

The Athena Parthenos will go west; the Argo II will go east. The gods, still suffering from multiple personality disorder, are useless. How can a handful of young demigods hope to persevere against Gaea's army of powerful giants? As dangerous as it is to head to Athens, they have no other option. They have sacrificed too much already. And if Gaea wakes, it is game over.

REVIEW

เหล่าศัตรูวางแผนสกัดกั้นไม่ให้การเดินทางของเหล่าเจ็ดมนุษย์กึ่งเทพลุล่วงไปได้ด้วยดี เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะถึงวันที่หนึ่งสิงหาคม เมื่อนั้นไกอาจะฟื้นคืนชีพและทุกอย่างจะพังราบเป็นหน้ากลอง มนุษย์กึ่งเทพได้รับภาคกิจให้พิชิตเทพีแห่งชัยชนะให้ได้ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือทางอพอลโลและอาร์ทิมิส ทางด้านนิโคและเรย์นาที่เดินทางผ่านเงาเพื่อเอารูปปั้นอาธีน่ากลับไปที่ค่ายฮาล์ฟบลัดก็เจออุปสรรคหนักหน่วงไม่แพ้กัน เมื่อพวกเขาก้าวล้ำเข้าไปในปอมเปอีและเกือบจะโดนวิญญาณของผู้ล่วงลับทำร้ายจนเอาชีวิตไม่รอด นิโคก็เหน็ดเหนื่อยกับการผ่านเงาจนเขาต้องผจญกับสิ่งต่างๆระหว่างการเดินทางมากมาย จนต้องหลบหนีจากศัตรูที่ต้องการขัดขวางแผนการเดินทางครั้งแล้วครั้งเล่า

เฮเซลล่วงรู้ถึงคำพยากรณ์ว่าหนึ่งในมนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ด ต้องมีคนใดคนนึงเสียชีวิตจากศึกครั้งนี้ เจสันก็บาดเจ็บเมื่อโดนอาวุธที่ถูกออกแบบเมื่อเพื่อสังหารมนุษย์กึ่งเทพทำร้ายเข้า แต่ก็หายดีเมื่อเขาเข้าร่วมต่อสู้กับเพอร์ซีย์ในศึกใต้ท้องทะเล ลีโอ เฮเซลและแฟรงก์ตามหาอาร์ทิมิสและอพอลโลพบในที่สุด ทั้งคู่พยายามหาทางเอายารักษาตามที่เฮร่าแนะนำมา ลีโอคิดว่าเขาจะเป็นคนที่สละชีวิตเพื่อภารกิจนี้เอง และเขาจะโกงโชคชะตาไม่ได้ เพราะนั่นจะทำให้ทุกคนตายกันหม ดังนั้นเขาจึงสลับยารักษามาไว้กับตัวแล้วเอาของปลอมให้ไพเพอร์ไป

มนุษย์กึ่งเทพเดินทางเข้าสู่สนามศึกครั้งสุดท้ายของพวกเขา ไพเพอร์ แอนนาเบ็ธและเพอร์ซีย์เป็นแนวหน้าเพื่อเดินทางผ่านอุโมงค์ใต้ดินเพื่อไปปลดอาวุธรอบๆบริเวณที่ไกอากำลังจะฟื้นคืนชีพ โชคร้ายที่แอนนาเบ็ธและเพอร์ซีย์ถูกยักษ์จับตัวเอาไว้ได้เสียก่อน และโลหิตแห่งโอลิมปัสจากทั้งมนุษย์กึ่งเทพชายหญิงกำลังจะหลั่งรินเพื่อการฟื้นคืนชีพของไกอาในไม่ช้า ทางด้านเรย์นาก็เดินทางพาเอารูปปั้นอาธีน่ามาถึงค่ายฮาล์ฟบลัดในที่สุด เหลือเวลาอีกไม่นาน ... ดังนั้นนิโคจึงต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ชาวกรีกโจมตีชาวโรมันอย่างเรย์นาเพื่อที่จะได้เอารูปปั้นเข้าไปวางในค่ายได้

ไกอาผงาดขึ้นมาด้วยโลหิตแห่งโอลิมปัสจากเพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธ เหล่าเทพเจ้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้งเมื่อรูปปั้นอาธีน่าถูกวางคืนตำแหน่งที่ฮาล์ฟบลัด แต่การพิชิตไกอาอยู่นอกเหนือขอบเขตของเทพเจ้าตามคำทำนายที่ว่ามนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ดต้องต่อสู้กับไกอาด้วยตัวพวกเขาเอง ดังนั้นชาวกรีกและโรมันจึงร่วมมือกันต่อต้านมหาวิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ค่ายฮาล์ฟบลัดซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของศึกครั้งนี้

ลีโอค้นพบวิธีการกำจัดไกอาคือการพานางขึ้นไปบนท้องฟ้า ตามวิธีที่ไกอาเคยใช้ในการกำจัดอูรานอสโดยการลากเขาลงมาบนพื้นดิน ลีโอตัดสินใจระเบิดตัวเอง(และได้รับความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากอ็อกเทเวียนที่เพิ่งเป็นบ้าไปหมาดๆ) ไกอาถูกทำลายลงในที่สุดพร้อมกับชีวิตลีโอที่ดับดิ้นไปตามๆกัน

มนุษย์กึ่งเทพทั้งหกกลับคืนสู่ค่ายของตัวเอง พร้อมความเศร้าสลดเพราะคิดว่าทุกคนได้สูญเสียลีโอไปแล้ว ทั้งกรีก-โรมันต่างประสานรอยร้าวและร่วมมือกันเยียวยาบาดแผลจากสงครามครั้งนี้ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ... นิโคตัดสินใจสารภาพความในใจกับเพอร์ซีย์ในที่สุด แต่ในเมื่อมีอีกคนที่รอเขาอยู่นั่นก็คือวิล โซเลซ นิโคเลยคิดว่าการแอบชอบเพอร์ซีย์ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เจสันกับไพเพอร์ร่วมสร้างความทรงจำแห่งรักของทั้งคู่ขึ้นมาใหม่ ในขณะที่แฟรงก์และเฮเซลกลับไปใช้ชีวิตในอาณาจักรโรมันใหม่เพื่อที่จะได้จัดการบริหารบ้านเมืองต่อไป

ลีโอฟื้นคืนขึ้นมาอีกทีบนหลังของมังกรเฟสตัสที่เขาเพิ่งดัดแปลงมาจากเรือก่อนหน้านี้ไม่นาน ... เขายังไม่ตาย ... เนื่องด้วยลีโอเก็บยารักษาไว้ในตัวเฟสตัสมาโดยตลอด เขาเลยรอดชีวิตจากการโค่นล้มไกอามาได้ และตอนนี้ลีโอกำลังบินไปรับคาลิปโซของออกเกาะนั่น หลังจากนั้นเขาก็กำลังจะบินไปหาเจสันและเพื่อนๆของเขาทั้งหมดที่กำลังรอเขาอยู่ที่ค่าย ...

......................................................................................

กว่าจะต่อสู้กันจริงๆก็ปาไป 30% สุดท้ายแล้ว มีฉากเดียวเท่านั้นที่เราคิดว่ามัน Amazing มากๆ นั่นก็คือฉากที่เทพโอลิมปัสลงมาต่อสู้กับพวกยักษ์ร่วมกับลูกๆของพวกเขา มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆในความรู้สึก และหลังจากนั้นเราก็คิดว่าเนื้อเรื่องเริ่มดรอปลงๆ เมื่อการต่อสู้กับไกอาไม่ได้สมภาคภูมิอย่างที่เราหวังเอาไว้ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย Rick สร้างคาแรคเตอร์ไกอาให้ดูน่าเกรงขามและยากที่จะได้ชนะได้มาตลอดทั้งสี่เล่ม แต่พอเอาเข้าจริงๆ ... จุดจบของไกอาเป็นอะไรที่ง่ายมากไปหน่อยสำหรับเรา จนเราถึงกับเหวอแล้วร้องว่า ' ฮะ ! มีแค่นี้หรอ ! '

สำหรับเล่มนี้เนื้อเรื่องจบแบบจบสนิทจริงๆ ... ไม่ทิ้งปมไว้เหมือนกับ The Last Olympian ในภาคที่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับบทสรุปสุดท้ายในเพอร์ซีย์ภาคที่แล้ว เราคิดว่าโครนอสยังจะชั่วร้ายและปราบยากกว่าไกอาเสียอีก เนื้อเรื่องตอนต้นๆของ The Blood of Olympus ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากเล่มก่อนหน้านี้เลย ทั้งๆที่เล่มนี้เป็นเล่มจบ และเข้าใกล้บทสรุปมากขึ้นทุกที เนื้อเรื่องก็น่าจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆใช่มั้ย แต่นี่ช่วงแรกๆไม่ได้มีอะไรนอกจากการทำเควสแล้วตัดไปตัดมาระหว่างภารกิจของเพอร์ซีย์กับนิโค คือจะพูดว่ายังไงล่ะ ... ไอ้สนุกมันก็สนุกนะ แต่มันดูเรียบง่ายและธรรมดาไปหน่อย ถ้าเอาเล่มนี้ไปเทียบกับ The House of Hades เล่มนั้นจะมีทั้งความเข้มข้นด้านเนื้อหาและอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมากกว่าเล่มนี้เสียอีก

สรุปว่า ... เป็นตอนจบของซีรีย์ที่เฉยมากๆอีกเล่มหนึ่ง บอสใหญ่ตายง่ายมากๆ โผล่มาไม่ถึงสิบหน้ามั้งก็โดนฆ่าตายซะแล้ว ลูกๆยักษ์ของนางยังจะเก่งกว่าตัวแม่อีก 555

คะแนน 7.5/10

Nov 18, 2014

เคหาสน์แห่งฮาเดส - The House of Hades (The Heroes of Olympus #4)


ชื่อเรื่อง  เคหาสน์แห่งฮาเดส
จากเรื่อง The House of Hades
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

เหล่าลูกเรืออาร์โกสองแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม นัดหมายกันทำภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะฟากเพอร์ซีย์ แอนนาเบ็ธ ที่ร่วงหล่นลงสู่นรกทาร์ทารัส

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเป็นพิษ ทั้งพื้นดิน แม่น้ำ อากาศ ศัตรูมากมายที่เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธเคยสังหารมาตั้งแต่เริ่มรู้จักโลกของมนุษย์กึ่งเทพกำลังรอที่จะแก้แค้นพวกเขาทั้งคู่อยู่ นอกจากนี้ยังมีข้อน่าสงสัย ว่าในนรกทาร์ทารัสบ้านเกิด อสุรกายจะตายเป็นหรือเปล่านะ?

เรืออาร์โกสองมุ่งหน้าข้ามทะเลสู่กรีซโดยปราศจากบุตรแห่งท้องสมุทร กับมันสมองของกลุ่ม ขณะที่แต่ละคนต่างมีปัญหาของตัวเอง ความซับซ้อนของจิตใจ และการต้องเอาชนะจุดอ่อนแอโดยไม่อาจให้ใครยื่นมือเข้าช่วยได้เลย

REVIEW

เรืออาร์โกสองมุ่งหน้าสู่กรีซ เพื่อปิดประตูแห่งความตาย มนุษย์กึ่งเทพทั้งห้าต้องเจาะผ่านกองกำลังของไกอาเข้าไปให้ได้เสียก่อนที่จะเข้าถึงเคหาสน์แห่งฮาเดส ในขณะที่เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธตกลงสู่นรกทาร์ทารัส ทั้งคู่ต้องผจญกับศัตรูเก่าแก่ที่พวกเขาเคยสังหารไปแล้วเพื่อให้ไปถึงประตูแห่งความตายให้ได้ พวกเขาต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดทีอยู่ในตัวและจิตใจของพวกเขาโดยได้รับความช่วยเหลือจากบ๊อบ ยักษ์ไททันที่เคยสูญเสียความทรงจำเพราะตกลงไปในแม่น้ำเลธีมาก่อน

เจสัน ไพเพอร์ ลีโอ แฟรงก์ เฮเซลและนิโคต้องร่วมมือกันฝ่าด่านอสุรกายที่จ้องจะโจมตีเรือมนุษย์กึ่งเทพ พวกเขาแต่ละคนต้องพิสูจน์ศักยภาพและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปให้หากอยากจะมีชีวิตรอดไปถึงเคหาสน์แห่งฮาเดส นิโคต้องสารภาพความจริงที่อยู่ในใจของเขาออกมาแก่คิวปิด ลีโอได้พบกับคาลิปโซ ไพเพอร์ได้แสดงความสามารถของตนเองในการชักจูง เฮเซลได้พยายามฝึกใช้เวทมนตร์ตามที่เฮคาทีแนะนำมา แฟรงก์ก็ต้องเอาชนะความกลัวและเสริมความมั่นใจในการบัญชากองทัพ ส่วนเจสันก็ต้องพาเพื่อนของเขาให้ไปถึงเป้าหมายให้ได้ก่อนเส้นตายที่กำลังใกล้เข้ามาในไม่ช้า

เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธเอาชนะความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจยามที่อยู่ในทาร์ทารัส ทั้งสองระหกระเหินจนมาถึงประตูแห่งความตายที่รายล้อมไปได้อสุรกายจำนวนมหาศาลได้สำเร็จ จนในที่สุดทั้งคู่ก็ผ่านประตูแห่งความตายและปิดมันได้สำเร็จโดยได้รับความช่วยเหลือจากบ๊อบ ยักษ์ไททันผู้ภักดีที่ยอมเสียสละตนเอง ทันทีที่เฮเซลต่อสู้ฟันฟ่าในเคหาสน์แห่งฮาเดสจนถึงอีกฝั่งของประตูแห่งความตาย ทุกคนต่างรู้ดีว่าศึกครั้งนี้ยังไม่จบ เมื่อเหล่ายักษ์ทั้งหมดหนีออกมาจากทาร์ทารัสได้สำเร็จ และไกอาก็ต้องโลหิตแห่งโอลิมปัสเพื่อคืนชีพให้กับนางอยู่

ทุกคนต้องเดินทางไปยังเอเธนส์เพื่อทำศึกสุดท้ายที่กำลังรอพวกเขาอยู่ ...

.....................................................................

เล่มนี้เป็นเล่มที่เราคิดว่าสนุกมากที่สุดในชุด เนื้อเรื่องมีมิติ มีแง่มุมให้ได้ตีความและขบคิดมากยิ่งขึ้น มีอะไรให้ได้ย่อยหลังจากที่อ่านจบ ต่างจากเล่มก่อนๆที่เหมือนอาหารจานสำเร็จที่ประเคนมาให้ถึงปาก แต่เมื่ออ่านเล่มนี้จบ มันกลับทิ้งตะกอนเล็กๆอยู่ในใจเราที่สะบัดออกไปไม่หมด ทำให้เราเริ่มมองว่า เมื่อตัวละครอายุมากขึ้นและเริ่มจะมีประสบการณ์ สิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้แต่ละคนมีความกร้าวแกร่งทนทานมากกว่าเดิม และเราดีใจมากๆที่ได้เห็นการพัฒนาตัวละครอย่างชัดเจนในเล่ม The House of Hades (แม้ว่าเหตุการณ์บางอย่างจะจงใจไปหน่อย เหมือนต้องการแจกจ่ายบทให้เท่าเทียมแก่ตัวละครทุกตัว เพื่อให้ตัวละครแต่ละคนดูเติบโตขึ้นผ่านเหตุการณ์เหล่านี้)

ประเด็นที่เราคิดว่าฮอตมากที่สุดในเล่ม (และเชื่อว่าใครหลายคนคงคิดเหมือนเรา) นั่นก็คือเรื่องของ ... นิโค เป็นการเฉลยความจริงที่ทำเอาเรา Jaw-dropping พอย้อนกลับมามองอีกครั้ง เราดีใจที่ Rick ใส่ประเด็นนี้เข้ามานะ เพราะเหมือนกับสอนน้องๆหนูๆที่อ่านนิยายเล่มนี้ ให้มองว่าคนอย่างนิโคไม่ใช่สิ่งผิดปกติ หรือเป็นที่น่ารังเกียจอะไรในสังคมเรา ณ ปัจจุบัน เช่นเดียวกับเจสันที่สนิทแนบแน่นกับนิโคมากกว่าเดิมอีกหลังจากที่เขาได้รู้ความจริง

คาแรคเตอร์ตัวหนึ่งที่ได้ใจเราไปเต็มๆ นั่นก็คือ ... บ๊อบ แม้ว่าเราจะจำบทบาทของเขาในเพอร์ซีย์ภาคที่แล้วไม่ได้ แต่แค่เล่มนี้เล่มเดียวก็ทำให้เรารู้สึกรักและผูกพันธ์กับตัวละครนี้อย่างไม่รู้ตัว ยิ่งบทสรุปตอนท้ายออกมาเช่นนี้ด้วยแล้ว เราก็ยิ่งอยากรู้ว่าบ๊อบจะมีโอกาสได้เห็นดวงดาวแบบที่เขาหวังเอาไว้หรือเปล่า

คะแนน 9.5/10

Nov 17, 2014

รอยตราอาธีน่า - The Mark of Athena (The Heroes of Olympus #3)


ชื่อเรื่อง  รอยตราอาธีน่า
จากเรื่อง The Mark of Athena
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

เจ็ดมนุษย์กึ่งเทพในคำพยากรณ์บทใหญ่มารวมตัวกันแล้วในที่สุด ที่หมายคือแหล่งอารยธรรมกรีกและโรมัน ‘ของจริง’ หากการไปเยือนแดนโบราณก็ไม่ต่างกับเหยียบลงบนตัวอสุรกาย แถมมนุษย์กึ่งเทพตั้งเจ็ดคนในที่เดียวกัน มันยิ่งกว่าการตะโกนดังๆ ว่า “เฮ้! บุฟเฟ่ต์นานาชาติอยู่นี่แล้ว รีบมากินสิ!”เสียอีก

นี่คือภารกิจที่ต้องการความสามัคคีที่สุด แต่สองในเจ็ด... เพอร์ซีย์ เจสัน... ด้วยเป็นบุตรแห่งมหาเทพกันทั้งคู่ เลยอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะ ส่วนสามในเจ็ด... ลีโอ เฮเซล แฟรงก์... ก็ดูจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลับระหว่างเราอยู่นิดหน่อย บรรยากาศเลยตึงๆ ชอบกล

งานนี้ทำเอามันสมองของกลุ่มถึงกับกลุ้ม เป็นคนกลางนี่มันลำบากใจจริงๆ แถมแอนนาเบ็ธก็มีปัญหาของตัวเองให้ต้องเครียดอยู่แล้ว เมื่อเธอมีภารกิจลับ การตามรอยตราอาธีน่า ซึ่งธิดาของเทพีแห่งปัญญาจะต้องเดินลำพัง!

REVIEW

มนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ดมารวมตัวกันแล้ว ตอนแรกแผนกระชับมิตรระหว่างกรีกกับโรมันเกือบจะเป็นไปด้วยดี ถ้าลีโอไม่ถูกสิงแล้วยิงปืนใหญ่ใส่ค่ายโรมันไปเสียก่อน ทำให้มิตรภาพที่มีอยู่น้อยนิดป่นปี้ไม่มีเหลือ เพอร์ซีย์และผองเพื่อนต้องรีบเดินทางไปปกป้องกรุงโรมเพื่อปิดประตูแห่งความตายและช่วยเหลือนิโคที่ถูกจับตัวไป ระหว่างทางไพเพอร์ก็ได้เบาะแสบางอย่างมาว่าไดโอนิซุสอาจจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในศึกครั้งนี้ เขาบอกให้เพอร์ซีย์ไปตามหาทะเลในแอตเลนตาเสียก่อน ที่นั่นเพอร์ซีย์และแฟรงก์ได้เบาะแสบางอย่างมาแต่พวกเขาก็เกือบจะเอาชีวิตมาไม่รอดเหมือนกัน ดังนั้นป้ายต่อไปของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพก็คือตามหาแผนที่ที่นำไปสู่ตราอาธีน่าและเดินหน้าไปยังกรุงโรม

แผนการณ์เดินทางนั้นไม่ง่ายเลย เมื่อไกอามัวแต่ปุกปั่นให้มนุษย์กึ่งเทพทะเลาะกันเอง พวกเขามีเวลาเหลือเพียงห้าวันในการเดินทางไปยังกรุงโรมและช่วยนิโคออกมา คำทำนายที่บอกว่าตราแห่งอาธีน่าจะเผาผลาญโรมซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแอนนาเบ็ธโดยตรง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเธอในการตามหาตราอาธีน่าให้พบ เพราะนั่นจะเป็นการชี้ชะตาความขัดแย้งระหว่างโรมันและกรีกซึ่งมีมาเนิ่นนาน กองทัพของค่ายโรมันก็ตามมาประชิดตัวพวกมนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ดเข้ามาที หนทางเดียวที่จะสลัดพวกนั้นหลุดก็คือต้องเดินทางสู่ดินแดนโบราณเท่านั้น

เมื่อมาถึงกรุงโรม แอนนาเบ็ธต้องเดินทางเพียงลำพังไปตามหาตราแห่งอาธีน่าซึ่งเป็นรูปปั้นแม่ของเธอเอง การเดินทางเต็มไปด้วยอันตราย ที่สำคัญแอนนาเบ็ธต้องเอาชนะความกลัวที่ลึกที่สุดของเธอ เพื่อต่อสู้และนำสันติภาพกลับสู่โรมันและกรีกให้ได้ ทางด้านเพอร์ซีย์และเจสัน พวกเขาสามารถช่วยชีวิตนิโคและต่อสู้เอาชีวิตรอดจากยักษ์ฝาแฝดมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นมนุษย์กึ่งเทพทั้งหกก็เดินทางมาเพื่อช่วยแอนนาเบ็ธที่กำลังต่อสู้อยู่ตัวคนเดียว

เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธร่วงลงสู่นรกทาร์ทารัส ซึ่งเป็นหุบเหวแห่งการลงทัณฑ์ที่ไม่เคยมีมนุษย์ใดเข้าออกมาได้ พวกมนุษย์กึ่งเทพที่เหลือต้องฝากความหวังไว้ที่เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธว่าพวกเขาจะสามารถปิดประตูแห่งความตายอีกฝั่งได้สำเร็จ ในขณะที่พวกที่อยู่บนโลกมนุษย์ต้องปิดประตูแห่งความตายอีกด้านให้จงได้โดยต้องฝันฝ่ากองทัพของไกอาเพื่อเข้าไปยังเคหาสน์แห่งฮาเดส ...

.....................................................................

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าสองเล่มก่อนหน้านี้ได้กรุยทางมาเพื่อเล่มนี้จริงๆ โดยพลอตเรื่องใน The Mark of Athena เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น และการผจญภัยก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ตัวละครเริ่มมีการพัฒนาการและยอมรับในตัวตนของพวกเขาแล้ว นอกจากนี้เรายังได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ไม่ใช่เฉพาะคู่รัก แต่ยังมีมิตรภาพที่พัฒนาไปอีกขั้น โดยระหว่างเพอร์ซีย์และเจสันที่มีความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาและไว้ใจกันมากกว่าที่จะแยกออกไปต่อสู้ตัวใครตัวมัน ตรงนี้แหละคือจุดสำคัญ

ตอนจบทิ้งท้ายเอาไว้ได้ epic สุดๆ มันไม่ได้ cliffhanger อะไรมากมาย แต่จุดเล็กๆในตอนท้ายทำให้เราต้องรีบหยิบหนังสือเล่มต่อไปมาอ่านเพราะกลัวว่าความสนุกจะขาดช่วง อันที่จริง ... เราแน่ใจว่าตั้งแต่เล่มนี้ต่อไปคงต้องสนุกขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะเส้นตายเข้าใกล้มาทุกทีแล้ว

ช่วงท้ายๆของการผจญภัยเรายอมรับว่าติดหนึบและสนุกมากๆ (สนุกกว่าสองเล่มแรกอีก) ดีใจที่ตอนท้ายมี Plot twist เข้ามาซึ่งทำให้อารมณ์ส่วนหนึ่งแตกต่างออกไปจากสองเล่มที่แล้วเลยจริงๆ

สรุปว่า ... ชอบ ประทับใจ เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นที่เล่มนี้ อ่านแล้วลุ้น ช่วงท้ายมันส์มากกกกกก

คะแนน 9/10

Nov 16, 2014

บุตรแห่งสมุทรเทพ - The Son of Neptune (The Heroes of Olympus #2)

ชื่อเรื่อง  บุตรแห่งสมุทรเทพ
จากเรื่อง The Son of Neptune
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

ขณะที่อีกฟากหนึ่งกำลังวุ่นวายกับการหายตัวไปของเพอร์ซีย์ แต่เจ้าตัวกลับมาปรากฏตัวอยู่หน้าค่ายจูปิเตอร์พร้อมกับความทรงจำที่แหว่งเว้า แม้จะรู้สึกว่าตนมาอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่เขาจะทำอะไรได้ เช่นเดียวกับที่เด็กค่ายจูปิเตอร์ซึ่งเป็นชาวโรมันจะทำอะไรได้ ในเมื่อเทพีเป็นผู้ฝากฝังเพอร์ซีย์ด้วยตัวนางเองเลย

พวกเขาไม่เป็นมิตรกับชาวกรีก และรังเกียจสายเลือดแห่งเนปจูน มีเพียง ‘เฮเซล’กับ ‘แฟรงก์’ให้การต้อนรับเขา เพราะทั้งสามต่างก็มีจุดร่วม นั่นคือเป็นตัวปัญหาของค่ายเหมือนๆ กัน

แต่บทพิสูจน์ตนก็เวียนมาถึงรอบของพวกเขาแล้ว เมื่อ ‘ความตาย’ถูกคุมขัง ทำให้คนตายไม่ยอมตาย อสุรกายไม่ยอมสลายไป เพอร์ซีย์และเพื่อนใหม่ทั้งสองต้องมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่อลาสก้า ดินแดนแห่งน้ำแข็ง สถานที่ซึ่งเหล่าเทพโอลิมปัสแผ่อำนาจไปไม่ถึง เพื่อปลดปล่อยความตาย นำโอกาสที่จะสู้อย่างสูสีมาสู่พี่น้องมนุษย์กึ่งเทพทุกค่าย และทุกคน

REVIEW

เพอร์ซีย์เดินทางมายังค่ายโรมันพร้อมความทรงจำที่ขาดหาย เขาได้พบกับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน แฟรงก์ และ เฮเซล นี่ยังไม่รวมถึงนิโค น้องชายของเฮเซลที่เพอร์ซีย์มีความคุ้นเคยอย่างประหลาดราวกับว่าทั้งสองเคยพบกันมาก่อนหน้านี้ เมื่อความตายถูกกักขัง ทำให้เหล่าอสุรกายไม่ยอมตาย เพอร์ซีย์ แฟรงก์และเฮเซลจำต้องเดินหน้าขึ้นเหนือเพื่อปลดปล่อยทานาโทสออกจากที่คุมขังให้ได้

ระหว่างทางทั้งสามคนก็เริ่มพูดคุยถึงอดีตของตนเอง เฮเซลเปิดเผยว่าเธอเป็นคนที่ตายไปแล้ว และเธอก็เป็นคนปลุกยักษ์ตัวหนึ่งขึ้นมาซึ่งทั้งสามคนกำลังจะเดินทางไปปราบ ส่วนแฟรงก์ บุตรแห่งมาร์ส ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับแท่งไม้เพียงแท่งเดียว หากมันมอดไหม้เมื่อไร ชีวิตของเขาจะดับสิ้นลงไปด้วย

การเดินทางสู่อลาสก้าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อระหว่างทาง เพอร์ซีย์ แฟรงก์และเฮเซลต้องเผชิญกับศัตรูที่ไกอาเป็นคนส่งออกมา จนกระทั่งพวกเขาเดินทางไปยังอลาสก้าซึ่งเป็นสถานที่ที่อัลคีโอเนียสแข็งแกร่งที่สุด ทั้งสามปลดปล่อยทานาโทสได้สำเร็จและความตายก็กลับไปทำตามหน้าที่ของมัน นอกจากนั้นแล้วแฟรงก์กับเฮเซลยังสามารถพิชิตยักษ์อัลคีโอเนียสได้อีกด้วย

เพอร์ซีย์และผองเพื่อนต้องย้อนกลับมาปกป้องค่ายโรมันเพื่อต่อสู้จัดการกับเหล่ายักษ์อีกกลุ่มที่บุกเข้ามา ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด เพอร์ซีย์สามารถโค่นล้มยักษ์อีกตนลงได้สำเร็จ และนั่นทำให้เพอร์ซีย์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพของค่ายอีกนี้ ประจวบเหมาะกับพวกเจสัน ไพเพอร์ ลีโอและแอนนาเบ็ธเดินทางมาถึงพอดี ตามคำพยากรณ์ของมนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ดที่จะร่วมมือกันต่อต้านไกอาในครั้งนี้ ...

......................................................................

อ่านเล่มนี้เหมือนอ่าน The Lost Hero Version 2 เลยอ่ะ เอิ่ม -*- เนื้อเรื่องมาอีหรอบกับเล่มที่แล้วเป๊ะๆ เข้าใจว่าเป็นภาคการผจญภัยของเพอร์ซีย์ในการแลกเปลี่ยนตัวไปยังค่ายโรมัน (เล่มที่แล้วของเจสัน แลกเปลี่ยนไปยังค่ายกรีก) แต่ทำไมไม่ทำให้ Story มันต่างกันบ้างอ่ะ นิดนึงก็ยังดีเนอะ แต่นี่การใส่ปม การเฉลยปม มันมาในจังหวะเดียวกับเล่มที่แล้วหมดเลย แถมพอมาอ่านเล่มนี้หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดว่าอะไรเป็นอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง ศัตรูครั้งนี้คือใคร บอกตรงๆว่า ... มันไม่ตื่นเต้นเลย อ่านด้วยอารมณ์ที่นิ่งเฉย พร้อมกับคาดหวังในใจว่า 'เล่มหน้าคงสนุกขึ้นมั้ง (?)'

300 หน้าแรกเป็นอะไรที่อืดและเอื่อยมากๆ แต่ละคนต่างก็มีปัญหาในชีวิตกันหมด (เพอร์ซีย์เหมือนจะเบากว่าเค้าหมด) แต่แฟงก์กับเฮเซลนี่สิ ผลัดกันฝัน ผลัดกัน flashback พอมาติดๆ มาเยอะๆ มันก็เลยเบื่อนิดๆ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะในส่วนของ flashback ก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นได้ก็คือ ... เล่มนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ขันเอาเสียเลย อย่างที่เราได้พูดไปเล่มที่แล้วว่ามีตัวโจ๊กอย่างลีโอและโค้ชที่ออกมาปล่อยมุกเป็นระยะๆ แต่เล่มนี้ไม่มีตัวละครที่ออกมาเล่นมุก ซึ่ง Rick กลับเพิ่มความลึกซึ้งให้กับปมปัญหาของตัวละครที่ละเอียดอ่อนกว่าเล่มที่แล้วมากขึ้น

แอบคิดว่าเมื่อมนุษย์กึ่งเทพทั้งสองกลุ่มทั้งฝั่งกรีกและโรมันมาเผชิญหน้ากันในเล่มหน้า ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบที่เราคาดหวังเอาไว้มั้ย คือจะต้องมีการปะทะและทะเลาะกัน ไหนจะเรื่องอดีตของตัวละครทั้งสองฝั่งที่ยังเชื่อมกันอยู่อีกล่ะ โอ้โห ! งานนี้มาม่าชามใหญ่แน่ๆเลย (แต่ก็หวังว่าจะไม่ลากยาวจนทำให้เนื้อเรื่องหลักมันอืดไปเสียหมดนะ)

ยังสนุกตามมาตรฐานของ Rick แม้ว่าจะตกมาตรฐานของเราไปหน่อยก็เถอะ - -' ช่วง 300 หน้าแรกน่าเบื่อไปหน่อย เพราะการดำเนินเรื่องมันเหมือนกับเล่มที่แล้วมากๆ จนแทบจะไม่มีอะไรให้ขบคิดหรือให้สงสัยใคร่รู้บ้างเลย เนื่องจาก The Son of Neptune ดันไปดำเนินเรื่องตาม The Lost Hero ทุกระเบียด เราเลยกะจังหวะกะช่วงเวลาถูกหมด

คะแนน 7.5/10

Nov 15, 2014

วีรบุรุษผู้สาบสูญ - The Lost Hero (The Heroes of Olympus #1)


ชื่อเรื่อง  วีรบุรุษผู้สาบสูญ
จากเรื่อง The Lost Hero
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

สงครามกับยักษ์ไททันจบลงแล้ว แต่ความสงบสุขยังมาไม่ถึง เพราะคำพยากรณ์บทใหญ่อุบัติขึ้น! ไม่กี่เดือนหลังศึกที่แมนฮัตตัน ค่ายฮาล์ฟบลัดก็ต้องระส่ำระสายเมื่อวีรบุรุษคนสำคัญหายตัวไป ขนาดเหล่าพรานแห่งอาร์เทมีสทุ่มกำลังแกะรอยก็ยังหาตัวไม่เจอ ความช่วยเหลือจากเทพเทพีก็ไม่มีมา เนื่องจากจู่ๆ โอลิมปัสได้ปิดตัวลง

ช่วงเวลาเดียวกัน บนรถโรงเรียนซึ่งมุ่งหน้าสู่แกรนด์แคนยอน ‘เจสัน’ที่สะดุ้งตื่นขึ้นไม่รู้เลยว่าตนอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร และตัวเองเป็นใคร! อาการความจำเสื่อมประหลาดๆ นี้สร้างความเป็นกังวลให้กับ ‘ไพเพอร์’และ ‘ลีโอ’แฟนและเพื่อนซี้ของเจสันอย่างมาก

หากเรื่องประหลาดที่สุดก็เกิดขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขากลายเป็นปีศาจลมพายุบ้าคลั่ง โค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลมีเท้าเป็นกีบแพะ และรถศึกเทียมม้าเพกาซัสร่อนลงมาจากบนฟ้า!

ชะตากรรมแบบใดกันที่กำลังรอเด็กทั้งสามอยู่ นี่เกี่ยวข้องกับการที่เทพเทพีขาดการติดต่อหรือไม่ ยังมีการหายตัวไปของเพอร์ซีย์ แจ็กสันอีก แต่ที่รู้แน่ๆ เลยก็คือนับจากนี้... โลกในสายตาของพวกเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

REVIEW

เจสันตื่นชึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่หายไป เขาถูกลากเข้าไปท่ามกลางการต่อสู้ของมนุษย์กึ่งเทพอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อนทั้งสองคนของเขา ไพเพอร์และลีโอก็ถูกพามายังค่ายฮาล์ฟบลัดเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนได้รับภารกิจในการตามหาเทพีเฮร่าที่ถูกจับตัวไป ทางด้านแอนนาเบ็ธก็กำลังตามหาตัวเพอร์ซีย์ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อโอลิมปัสถูกปิดลง นั่นอาจหมายถึงสัญญาณบางอย่าง เจสัน ไพเพอร์และลีโอ มีเวลาแค่สี่วันในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ตามคำนายครั้งใหม่ที่กล่าวว่ามนุษย์กึ่งเทพเจ็ดคนถูกลิขิตมาให้กอบกู้โอลิมปัสในครั้งนี้

เจสันและผองเพื่อนเดินทางฝ่าภยันอันตรายมายังที่พำนักของเอโอลัส ระหว่างทางพวกเขาก็พบว่าคนที่ตายไปแล้วได้ฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ภายใต้แผนการของไกอา ผืนโลกทั้งหมดผู้ให้กำเนิดโครนอสและเป็นเชื้อสายของเทพโอลิมปัสทั้งหมดทั้งมวล ไกอาต้องการทำลายโอลิมปัสตามแผนการของนาง ในระหว่างที่ไพเพอร์ต้องวางแผนช่วยเหลือพ่อของตัวเองออกมาจากที่คุมขังของเอนเซลาดัส ผู้รับใช้ไกอา

ธาเลียเดินทางไปเพื่อช่วยเฮร่าออกมาเมื่อเธอได้พบกับเจสัน น้องชายที่คิดว่าตายไปแล้วของเธอ เมื่อเวลากระชั้นชิดขึ้นมาทุกที ... ทั้งลีโอและไพเพอร์จำต้องปลดปล่อยเฮร่าออกมาากที่คุมขังให้ได้ ในขณะที่เจสันต้องรับมือกับพอร์ฟีเรียน ราชาแห่งยักษ์ที่กำลังจะปลุกไกอาขึ้นมาในเร็วๆนี้ เมื่อเฮร่าได้ปลดปล่อยพลังและกำราบเหล่าศัตรูลงได้ พอร์ฟีเรียนก็หลบฟรีไป ภัยคุกคามยังไม่หมดสิ้น มนุษย์กึ่งเทพทั้งสามต้องล่องเรือสู่กรีซ เพื่อป้องกันไม่ให้ไกอาผงาดขึ้นมาให้ได้ ...

เฮร่ามาหาเจสันพร้อมข่าวสารเรื่องการแลกเปลี่ยนผู้นำระหว่างค่ายฮาล์ฟบลัดของกรีก-โรมัน นั่นทำให้ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากยิ่งขึ้น และเป็นคำตอบว่าทำไมเพอร์ซีย์ถึงหายตัวไป พราะเขาถูกส่งไปยังค่ายของโรมัน ให้อีกฝ่ายได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับกรีก เผื่อผนึกกำลังและก้าวข้ามความเป็นปรปักษ์และสามารถพิชิตไกอาได้สำเร็จ

...............................................................................

เราดองหนังสือเล่มนี้เอาไว้ 2 ปีกว่าจนเกือบลืมว่าเคยซื้อไปแล้ว พอเห็นว่าชุดนี้ออกครบทุกเล่ม ก็เลยหยิบมาอ่านรวดเดียวเลยจะไม่ได้ค่าง เนื้อเรื่องก็สนุกตามมาตรฐานของ Rick แม้เราจะคิดว่าการผจญภัยของเพอร์ซีย์จะสนุกกว่านิดนึงก็เถอะ (สงสัยเป็นเพราะตอนที่เราได้อ่านเพอร์ซีย์เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ทุกสิ่งเกี่ยวกับพวกเทพเจ้ากรีกยังแปลกใหม่สำหรับเราอยู่) สำหรับ The Lost Hero เราคิดว่า Storyline ชัดเจนดี ถึงจะเป็นเส้นตรงไปหน่อยก็ตาม ไม่ค่อยมีหักเลี้ยวหักมุมให้ใจหายใจคว่ำเท่าไร แต่ก็มีความ fresh มากพอที่จะทำให้เรารู้สึกเข้าถึงภาคผจญภัยได้ดียิ่งขึ้น

ช่วงแรกๆเราไม่สามารถเข้าถึงตัวละครได้เท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะความกระจัดกระจายของคาแรคเตอร์ที่แบ่งออกเป็น 3 คน นั่นทำให้ Pov ของแต่ละคนดูไม่ค่อยรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันเลย ในเมื่อแต่ละคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น แถมต่างคนต่างยังฝันคนละเรื่อง ฝันถี่ๆบ่อยๆอีกต่างหาก เลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่ค่อยขยับไปไหนเท่าไร Bond ระหว่างตัวละครก็คิดว่ายังชัดเจนไม่พอที่จะทำให้เราเชื่อทั้งสามจะสามารถฝันฝ่าอุปสรรคหนักๆไปด้วยกันได้ (สงสัยเล่มต่อๆไปคงต้องเล่นประเด็นตรงนี้แน่ๆเลย)

เราชอบตรงไอเดียที่แบ่งเทพเจ้าเป็น 2 ภาค คือ กรีกและโรมัน ซึ่งเราว่ามันน่าสนใจมากๆและเป็นการขยายขอบเขตของเนื้อเรื่องให้กว้างขึ้นโดยที่ไม่ทำให้เนื้อเรื่องที่ดีอยู่แล้วหลุดกรอบไป ไหนจะยังมีเรื่องค่ายฮาล์ฟบลัดอีกค่ายของโรมันอีกล่ะ อ่านตอนจบแล้วแทบจะหยิบเล่มต่อไปขึ้นมาอ่านทันที คิดว่าหนังสือชุดนี้ต้องสนุกมากขึ้นเรื่อยๆแน่นอน

ปล. ชอบคาแรคเตอร์ของลีโอกับโค้ช ฮามากๆ บางช่วงอ่านไปขำไม่หยุดเลย ฮ่าๆ

คะแนน 8/10