Nov 17, 2014

รอยตราอาธีน่า - The Mark of Athena (The Heroes of Olympus #3)


ชื่อเรื่อง  รอยตราอาธีน่า
จากเรื่อง The Mark of Athena
ผู้แต่ง Rick Riordan
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง

เรื่องย่อ

เจ็ดมนุษย์กึ่งเทพในคำพยากรณ์บทใหญ่มารวมตัวกันแล้วในที่สุด ที่หมายคือแหล่งอารยธรรมกรีกและโรมัน ‘ของจริง’ หากการไปเยือนแดนโบราณก็ไม่ต่างกับเหยียบลงบนตัวอสุรกาย แถมมนุษย์กึ่งเทพตั้งเจ็ดคนในที่เดียวกัน มันยิ่งกว่าการตะโกนดังๆ ว่า “เฮ้! บุฟเฟ่ต์นานาชาติอยู่นี่แล้ว รีบมากินสิ!”เสียอีก

นี่คือภารกิจที่ต้องการความสามัคคีที่สุด แต่สองในเจ็ด... เพอร์ซีย์ เจสัน... ด้วยเป็นบุตรแห่งมหาเทพกันทั้งคู่ เลยอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะ ส่วนสามในเจ็ด... ลีโอ เฮเซล แฟรงก์... ก็ดูจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลับระหว่างเราอยู่นิดหน่อย บรรยากาศเลยตึงๆ ชอบกล

งานนี้ทำเอามันสมองของกลุ่มถึงกับกลุ้ม เป็นคนกลางนี่มันลำบากใจจริงๆ แถมแอนนาเบ็ธก็มีปัญหาของตัวเองให้ต้องเครียดอยู่แล้ว เมื่อเธอมีภารกิจลับ การตามรอยตราอาธีน่า ซึ่งธิดาของเทพีแห่งปัญญาจะต้องเดินลำพัง!

REVIEW

มนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ดมารวมตัวกันแล้ว ตอนแรกแผนกระชับมิตรระหว่างกรีกกับโรมันเกือบจะเป็นไปด้วยดี ถ้าลีโอไม่ถูกสิงแล้วยิงปืนใหญ่ใส่ค่ายโรมันไปเสียก่อน ทำให้มิตรภาพที่มีอยู่น้อยนิดป่นปี้ไม่มีเหลือ เพอร์ซีย์และผองเพื่อนต้องรีบเดินทางไปปกป้องกรุงโรมเพื่อปิดประตูแห่งความตายและช่วยเหลือนิโคที่ถูกจับตัวไป ระหว่างทางไพเพอร์ก็ได้เบาะแสบางอย่างมาว่าไดโอนิซุสอาจจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในศึกครั้งนี้ เขาบอกให้เพอร์ซีย์ไปตามหาทะเลในแอตเลนตาเสียก่อน ที่นั่นเพอร์ซีย์และแฟรงก์ได้เบาะแสบางอย่างมาแต่พวกเขาก็เกือบจะเอาชีวิตมาไม่รอดเหมือนกัน ดังนั้นป้ายต่อไปของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพก็คือตามหาแผนที่ที่นำไปสู่ตราอาธีน่าและเดินหน้าไปยังกรุงโรม

แผนการณ์เดินทางนั้นไม่ง่ายเลย เมื่อไกอามัวแต่ปุกปั่นให้มนุษย์กึ่งเทพทะเลาะกันเอง พวกเขามีเวลาเหลือเพียงห้าวันในการเดินทางไปยังกรุงโรมและช่วยนิโคออกมา คำทำนายที่บอกว่าตราแห่งอาธีน่าจะเผาผลาญโรมซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแอนนาเบ็ธโดยตรง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเธอในการตามหาตราอาธีน่าให้พบ เพราะนั่นจะเป็นการชี้ชะตาความขัดแย้งระหว่างโรมันและกรีกซึ่งมีมาเนิ่นนาน กองทัพของค่ายโรมันก็ตามมาประชิดตัวพวกมนุษย์กึ่งเทพทั้งเจ็ดเข้ามาที หนทางเดียวที่จะสลัดพวกนั้นหลุดก็คือต้องเดินทางสู่ดินแดนโบราณเท่านั้น

เมื่อมาถึงกรุงโรม แอนนาเบ็ธต้องเดินทางเพียงลำพังไปตามหาตราแห่งอาธีน่าซึ่งเป็นรูปปั้นแม่ของเธอเอง การเดินทางเต็มไปด้วยอันตราย ที่สำคัญแอนนาเบ็ธต้องเอาชนะความกลัวที่ลึกที่สุดของเธอ เพื่อต่อสู้และนำสันติภาพกลับสู่โรมันและกรีกให้ได้ ทางด้านเพอร์ซีย์และเจสัน พวกเขาสามารถช่วยชีวิตนิโคและต่อสู้เอาชีวิตรอดจากยักษ์ฝาแฝดมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นมนุษย์กึ่งเทพทั้งหกก็เดินทางมาเพื่อช่วยแอนนาเบ็ธที่กำลังต่อสู้อยู่ตัวคนเดียว

เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธร่วงลงสู่นรกทาร์ทารัส ซึ่งเป็นหุบเหวแห่งการลงทัณฑ์ที่ไม่เคยมีมนุษย์ใดเข้าออกมาได้ พวกมนุษย์กึ่งเทพที่เหลือต้องฝากความหวังไว้ที่เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธว่าพวกเขาจะสามารถปิดประตูแห่งความตายอีกฝั่งได้สำเร็จ ในขณะที่พวกที่อยู่บนโลกมนุษย์ต้องปิดประตูแห่งความตายอีกด้านให้จงได้โดยต้องฝันฝ่ากองทัพของไกอาเพื่อเข้าไปยังเคหาสน์แห่งฮาเดส ...

.....................................................................

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าสองเล่มก่อนหน้านี้ได้กรุยทางมาเพื่อเล่มนี้จริงๆ โดยพลอตเรื่องใน The Mark of Athena เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น และการผจญภัยก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ตัวละครเริ่มมีการพัฒนาการและยอมรับในตัวตนของพวกเขาแล้ว นอกจากนี้เรายังได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ไม่ใช่เฉพาะคู่รัก แต่ยังมีมิตรภาพที่พัฒนาไปอีกขั้น โดยระหว่างเพอร์ซีย์และเจสันที่มีความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาและไว้ใจกันมากกว่าที่จะแยกออกไปต่อสู้ตัวใครตัวมัน ตรงนี้แหละคือจุดสำคัญ

ตอนจบทิ้งท้ายเอาไว้ได้ epic สุดๆ มันไม่ได้ cliffhanger อะไรมากมาย แต่จุดเล็กๆในตอนท้ายทำให้เราต้องรีบหยิบหนังสือเล่มต่อไปมาอ่านเพราะกลัวว่าความสนุกจะขาดช่วง อันที่จริง ... เราแน่ใจว่าตั้งแต่เล่มนี้ต่อไปคงต้องสนุกขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะเส้นตายเข้าใกล้มาทุกทีแล้ว

ช่วงท้ายๆของการผจญภัยเรายอมรับว่าติดหนึบและสนุกมากๆ (สนุกกว่าสองเล่มแรกอีก) ดีใจที่ตอนท้ายมี Plot twist เข้ามาซึ่งทำให้อารมณ์ส่วนหนึ่งแตกต่างออกไปจากสองเล่มที่แล้วเลยจริงๆ

สรุปว่า ... ชอบ ประทับใจ เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นที่เล่มนี้ อ่านแล้วลุ้น ช่วงท้ายมันส์มากกกกกก

คะแนน 9/10

No comments:

Post a Comment