Oct 31, 2014

ตามรักล่าฝัน - Dream Chaser (Dream-Hunter #3)


ชื่อเรื่อง พรานล่าฝัน ตอน ตามรักล่าฝัน
จากเรื่อง Dream Chaser
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

โอกาสเดียวที่เขาจะได้แก้แค้น
ไซเฟอร์ ถูกเทพเจ้าประกาศิตให้มีชีวิตอยู่อย่างปราศจากอารมณ์ความรู้สึก แต่เมื่อเขาละเมิดกฎนั้น เขาจึงได้รับโทษทัณฑ์ให้ถูกทรมานอยู่ในตรุนรกทาร์ทารัสชั่วนิรันดร์ ทว่าเขายังได้รับโอกาสสุดท้าย เขาจะได้ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งเดือน และจะต้องไถ่บาปตัวเองภายในเวลานั้น แต่สิ่งที่เขาคิดจะทำมีเพียงการแก้แค้นหญิงแพศยาที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องถูกลงทัณฑ์
ก่อนที่จะต้องกลับสู่ตรุนรกทาร์ทารัสอีกครั้ง
ซิโมน ดูบัวส์เป็นแพทย์ชันสูตรศพที่ไม่ใคร่จะกลัวอะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหล่อนมีพลังพิเศษสามารถมองเห็นภูติผีวิญญาณได้ แต่เมื่อทีมชันสูตรคนหนึ่งพบว่าศพที่กำลังชันสูตรจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปได้หน้าตาเฉย ซิโมนก็ชักสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น และเมื่อหล่อนถูกปีศาจคล้องกำไลทองคู่กับชายหนุ่มผู้ลึกลับ รูปหล่อ และแสนอันตราย หล่อนก็รู้ว่าหล่อนเจอดีเข้าแล้ว
บัดนี้ ชะตากรรมของเขาอยู่ในมือหล่อน
ไซเฟอร์ไม่มีเวลาที่จะมาอยู่กับมนุษย์ผู้หญิงและคอยตอบคำถามของหล่อน แต่กำไลคู่นั้นผูกติดชะตากรรมของเขาและหล่อนไว้ด้วยกัน ความพยายามลึกลับที่จะเอาชีวิตของซิโมนบังคับให้ไซเฟอร์ต้องยืนขวางอยู่ระหว่างผู้หญิงที่เริ่มสัมผัสถึงหัวใจของเขากับอันตรายที่คุกคามชีวิตหล่อน... ่

REVIEW

ไซเฟอร์มีเวลาไม่กี่อาทิตย์ในการตามแก้แค้นซาทาร่า หญิงสาวที่ทรยศหักหลังเขาเป็นผลทำให้ไซเฟอร์ถูกลงทัณฑ์มาหลายศตวรรษ จนกระทั่งเขาได้พบกับซิโมน หญิงสาวที่มีพลังวิเศษสามารถมองเห็นวิญญาณที่อยู่รอบๆตัวของเธอได้ ซิโมนสอนให้ไซเฟอร์รู้สึกความรู้สึกต่างๆที่เขาคิดว่าตายดับไปแล้วอีกครั้ง

ซิโมนต้องใช้ชีวิตอยู่กับไซเฟอร์อย่างช่วยไม่ได้เมื่อทั้งสองถูกศัตรูผูกติดให้อยู่ด้วยกัน ตลอดระยะเวลานั้นทั้งคู่ค่อยๆทำความรู้จัก และไซเฟอร์ก็เรียนรู้ที่จะรับรู้สิ่งต่างๆอีกครั้ง เขายอมเสียสละเลือดของเขาเองเพื่อทำให้งานของซิโมนเป็นไปอย่างราบรื่น นั่นทำให้หญิงสาวซาบซึ้งใจอย่างมาก จนกระทั่งไซเฟอร์สามารถเรียนรู้คำว่ารักได้อีกครั้ง

กระนั้นไซเฟอร์ก็ไม่มีทางเอ่ยคำว่ารักออกไปให้ซิโมนได้ยินแน่ๆ เพราะอีกไม่กี่วัน ... เขาก็ต้องกลับไปยังทาร์ทารัสและถูกจองจำเช่นนั้นชั่วนิรันดร์ จะมีประโยชน์อะไรที่จะพูดคำนั้นออกไปในเมื่อทั้งคู่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เมื่อไซเฟอร์ได้เดินทางไปคาโลซิสและยื่นข้อเสนอแก่ซาทาร่าว่าจะไม่มีการแก้แค้นใดๆเกิดขึ้น เขารักซิโมนเกินกว่าจะจมปลักอยู่กับความแค้น ดังนั้นไซเฟอร์จึงยื่นชีวิตตัวเองให้แกซาทาร่าโดยแลกกับซาทาร่าจะต้องไม่มายุ่งกับซิโมนอีก

ซิโมนรู้ทันทีว่าไซเฟอร์ได้ตายจากเธอไปแล้ว และเขาสละชีวิตเพื่อปกป้องหล่อน ดังนั้นซิโมนจึงยื่นข้อเสนอแก่จาเดนเพื่อขอให้นำไซเฟอร์ออกมาจากทาร์ทารัส โดยที่หารู้ไม่ว่าไซเฟอร์ได้พิสูจน์ตัวเองแก่เฮดีสและเขาได้รับอิสระแล้ว ไซเฟอร์มาไม่ทันและพบว่าซิโมนตายแล้ว แต่นั่นคืออุบายที่จาเดนหยิบยื่นให้แก่ทั้งคู่เพื่อให้ซิโมนมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์เพื่อครองคู่กับไซเฟอร์ได้ตลอดไป ดังนั้นซิโมนจึงมีชีวิตใหม่อีกครั้งเฉกเช่นผู้เป็นอมตะ

..................................................................

เราพบว่าเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพรานล่าฝันแล้ว ทุกอย่างจะห้วนๆและง่ายๆ ไม่ได้สลับซับซ้อนเหมือนชุดพรานราตรี โดยเฉพาะตอนจบเล่มนี้ที่เราคิดว่าตัดได้ห้วนมากๆ ทั้งก่อนหน้านั้นที่ดูเหมือนจะปูทางมาอย่างดี พอใกล้ๆจบก็ค่อยๆดรอปลงซะงั้น อีกอย่างหนึ่งที่เราสังเกตได้คือ ... เราไม่รู้ว่านิสัยไซเฟอร์เปลี่ยนไปตอนไหนจากเข้มๆโหดๆในตอนแรกกลับกลายมาเป็นน่ารักมุ๊งมิ๊งตอนกลางเรื่องซะงั้น นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า ? ฮ่าๆๆ

เราอ่านข้ามเล่มนี้ก่อนที่จะเล่มของแอชรอนไปแบบไม่ได้ตั้งใจ ทั้งๆที่เอาหนังสือวางเรียงชุดไว้แล้วแท้ๆ แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้คาบเกี่ยวกันมาก เพราะ Dream Chaser จะเป็นการต่อยอดเรื่องราวจากเล่ม Devil May Cry โดยกล่าวถึงมีปีศาจกัลลูและดิมมีจากเล่มของซินที่รอดชีวิตมาได้และเล่มนี้ก็มีบทบาทในการเล่าเรื่องอยู่พอสมควร

เราคิดว่าไซเฟอร์เป็นตัวละครที่น่าสนใจตัวหนึ่ง หากการเขียนสามารถส่งเสริมตัวละครได้มากกว่านี้ เรามั่นใจว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้เรารู้สึกเหมือนตอนอ่านเล่มของซาเร็คแน่นอน เพราะปมของพระเอกค่อนข้างจะคล้ายกัน และนิสัยก็เหมือนกันอีกต่างหาก

การแก้ไขปัญหาของตัวละครในเล่มนี้ดูเหมือนจะง่ายเกินไปโดยเฉพาะตอนท้ายๆที่ทุกอย่างเคลียร์ได้ไวเกินจนน่าตกใจ แต่ด้วยความที่เราอ่านเล่มแอชรอนก่อนจะมาอ่านเล่มนี้ ทำให้เรารู้ว่าบางปมที่ยังไม่เคลียร์ในเล่มนี้ พอไปเล่มหน้า พี่แอชแกจัดการให้หมด ฮ่าๆ

สรุปว่าได้อ่านเพลินๆ และเนื้อเรื่องดีขึ้นกว่าพรานล่าฝันสองเล่มก่อนหน้าพอสมควร ...

คะแนน 7.5/10

ฝันนั้นคือเธอ - Where Dreams Begin


ชื่อเรื่อง ฝันนั้นคือเธอ
จากเรื่อง Where Dreams Begin
ผู้แต่ง ลิซ่า เคลย์แพส
โรมานซ์ ย้อนยุค
ผู้แปล วนิดา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

แซคคารี่ บรอนสันสร้างอาณาจักรแห่งความมั่งคั่งและอำนาจขึ้นในสังคมโดยถีบตัวขึ้นมาจากความยากจน เขาจำเป็นต้องมีภรรยาเพื่อช่วยให้ตำแหน่งในสังคมของเขามั่นคง...และทำให้เตียงของเขาอบอุ่น แต่ผู้หญิงที่เขามองหาใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ เธอจะต้องเป็นสุภาพสตรีชั้นสูงที่สามารถสอนมารยาทผู้ดีให้กับเขาได้ แล้วเขาก็โฉบเอาเลดี้ฮอลลี่ เทเลอร์เข้าสู่อ้อมแขนโดยไม่คาดฝัน เมื่อได้จุมพิตเธอ เขาก็ตระหนักว่าได้พบสตรีเจ้าของแรงพิศวาสที่ทัดเทียมกับเขาแล้ว...
เลดี้ฮอลลี่ เทเลอร์เป็นสุภาพสตรีที่งดงามเพียบพร้อม เธอดำรงตนอยู่ในกรอบสังคมอย่างเคร่งครัด ถึงแม้จะขัดกับสัญชาตญาณอันบ้าบิ่นของเธอ ทว่าจุมพิตของแซคคารี่ปลุกเร้าเธอได้อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน และเมื่อเขายื่นข้อเสนออันน่าตกใจที่ไม่ได้รวมถึงการแต่งงาน เธอจะเต็มใจเสี่ยงทุกสิ่งทุกอย่าง และติดตามเขาเข้าสู่สถานที่ซึ่งความฝันเริ่มต้นขึ้นหรือไม่...

REVIEW

แซคคารี่ต้องการภรรยาสักคนให้มาดูแลคฤหาสน์และสั่งสอนมารยาททางสังคมให้แก่เขา และผู้หญิงคนที่เขาเล็งๆเอาไว้ก็คือฮอลลี่ หญิงสาวผู้ที่เขาได้จุมพิตอย่างเร่าร้อนในงานเต้นรำ แซคคารี่ถีบตัวเองมาจากนักมวยสู่นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง เขาต้องการคนสั่งสอนให้เขามีหน้ามีตาทัดเทียมพอที่จะออกสังคมได้โดยไม่ขายหน้า

หลังจากสูญเสียจอร์จ สามีที่รักยิ่งของเธอไป ฮอลลี่ก็ไม่เคยเปิดรับชายใดเข้ามาอีกเลย จนกระทั่งมาเจอกับแซคคารี่ เขาทำให้เธอเกิดความรู้สึกปราถนาขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าทั้งคู่จะไม่มีความเหมาะสมกันใดๆเลยก็ตาม แต่แซคคารี่ก็ไม่สามารถอยู่ห่างๆจากฮอลลี่ได้

ฮอลลี่อบรมสั่งสอนคนในครอบครัวของแซคคารี่ให้รู้จักมารยาททางสังคมและทำให้น้องสาวของแซคคารี่ได้พบกับผู้ชายที่เธอรักและอยากแต่งงานด้วย ในขณะที่เธอเองปฏิเสธอนาคตที่จะมีร่วมกันกับแซคคารี่ และหันไปหาเพื่อสามีของเธอเพื่อทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของสามีเธอว่าให้แต่งงานกับเขาหลังจากที่สามีของเธอได้ตายไปแล้ว

แซคคารี่โมโหเรื่องที่ฮอลลี่ไม่ยอมเลือกเขาจะไม่คิดจะให้เธอกลับมาที่บ้านเขาอีก หลังจากที่ฮอลลี่ออกจากคฤหาสน์ของแซคคารี่ไป เธอก็ตัดสินใจได้ว่าใครคือผู้ชายที่เธอรัก ดังนั้นฮอลลี่จึงกลับไปหาแซคคารี่อีกครั้งและขอโอกาสกับเขา

ฮอลลี่กับแซคคารี่แต่งงานกันในท้ายสุด ก่อนหน้าที่ฮอลลี่จะป่วยเป็นโรคไข้รากสาดน้อย โรคเดียวกับที่พรากชีวิตของจอร์จไป แซคคารี่เป็นกังวลอย่างมากเพราะกลัวว่าเขาจะสูญเสียภรรยาซึ่งเป็นโลกทั้งใบของเขาไป เขาจึงไปตามหมอที่เก่งที่สุดมารักษาเธอจนฮอลลี่หายดี

.....................................

เป็นอีกเรื่องของลิซ่าที่พลอตไม่มีอะไรแต่เขียนออกมาได้น่าสนใจมากๆ ความสัมพันธ์ของพระนางไม่ซับซ้อน แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูด ทำให้เราติดตามอ่านจบภายในรวดเดียวได้ เราชอบโรส ลูกสาวของฮอลลี่ที่เพิ่มสีสันให้กับเรื่องนี้ ไหนจะคู่ของน้องสาวแซคคารี่อีก เราว่าคู่นี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

การดำเนินเรื่องทำให้เราติดหนึบตั้งแต่บทแรก จนกระทั่งกลางๆเรื่องที่เนื้อเรื่องค่อยๆพีคขึ้นตามลำดับ เอาจริงๆพระเอกเรื่องนี้ไม่ค่อยซ่อนเร้นความรู้สึกเหมือนพระเอกนิยายโรมานซ์ย้อนยุคเรื่องอื่นๆ กว่าจะรู้ตัวว่ารักนางเอกก็เกือบจบเล่มแล้ว เราชอบตรงจุดนี้มากๆ ที่รู้สึกยังไงก็ยอมรับออกมาตรงๆเสียตั้งแต่ทีแรกแล้วก็ค่อยมานั่งมองปัญหาว่าจะแก้ไขยังไงดี

ถึงแม้ว่าจะมีบางจุดที่ดูง่ายๆไปหน่อยในความรู้สึกเรา ไม่มีตัวร้ายมาเพิ่มสีสัน ตัวละครทุกตัวที่รายล้อมนางเอกก็แสนดีจนน่าใจหาย แต่ความดราม่าของเนื้อเรื่องก็กลบไปจนหมด บางตอนนี่อ่านไปน้ำตาเล็ดเลย ...

คะแนน 8.5/10

Oct 29, 2014

จอมเทพแอชรอน - Acheron (Dark-Hunter #8)


ชื่อเรื่อง พรานราตรี ตอน จอมเทพแอชรอน
จากเรื่อง Acheron
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ชีวิตที่ต้องสาปของเทพผู้ยิ่งใหญ่...
เมื่อหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีก่อน เทพเจ้าองค์หนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น ทว่าเขาถูกคำสาปให้ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์อย่างอัปยศอดสู เมื่อเขาถูกเข่นฆ่าโดยเทพเจ้าองค์หนึ่ง การตายของเขาก็ได้ปลดปล่อยความน่าสะพรึงกลัวที่เกือบจะทำลายโลก และแล้ว...เมื่อเขาถูกนำชีวิตกลับมาอีกครั้ง แอชรอนก็ได้กลายเป็นผู้ปกป้องหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ
เป็นเวลาหลายศตวรรษที่เขาต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์และซ่อนเร้นอดีตของเขาที่ไม่อยากให้ใครรู้ จนกระทั่งผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เกรงกลัวเขาบุกรุกเข้ามาในชีวิตของเขา
บัดนี้ ความอยู่รอดของแอชรอนและทุกคนขึ้นอยู่กับหล่อน และบรรดาศัตรูเก่าก็ได้หวนคืนมาเพื่อฆ่าพวกเขาทั้งสอง...

REVIEW


-ภาคอดีต-

แอชรอนถือกำเนิดขึ้นมาด้วยความเกลียดชังจากคนรอบข้าง เขาคือบุตรของอโพลิมีที่ถูกพรากจากครรภ์ของมารดาเพื่อต้องการที่จะรักษาชีวิตของเขาไว้จากการสังหารตามคำทำนายว่าแอชรอนจะนำความพินาศมาสู่พวกเขา ดังนั้นแอชรอนจึงลืมตาดูโลกผ่านทางครรภ์ของมารดาอีกคน เขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกับสติกซซ์ และด้วยคำบอกกล่าวว่าแอชรอนเป็นครึ่งเทพเจ้า นั่นทำให้เขาถูกเนรเทศจากครอบครัวไปสู่แอตแลนเตียน ที่นั่นเปลี่ยนให้แอชรอนกลายเป็นทาสและโสเภณีเพื่อแลกกับอาหาร จนกระทั่งริสซ่า พี่สาวของแอชรอนเดินทางไปช่วยเขาออกมาจากที่นั่น

แอชรอนถูกบิดาของเขาจับได้ว่ามาอยู่กับริสซ่า นั่นทำให้เขาถูกจับไปแอตแลนเตียนอีกครั้ง หลังจากอาของแอชรอนเสียชีวิตและเขาถูกปลดปล่อยจากที่นั่น บิดาและพี่น้องของแอชรอนก็เดินทางไปพบเขาเพียงเพื่อที่ว่าพวกเขาจะพบแอชรอนอยู่บนเตียงกับเจ้าชายองค์หนึ่ง นั่นทำให้แอชรอนถูกโยนไปข้างถนนด้วยสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงเสื้อคลุมของริสซ่าที่ปกปิดร่างกายของเขาไว้ หลังจากนั้นแอชรอนก็กลายเป็นโสเภณีเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง จนกระทั่งแอชรอนถูกบิดาของตนจับมาขังไว้ในคุกพระราชวัง เพราะทนความอับอายขายหน้าเรื่องที่ว่าผู้คนที่ไปใช้บริการแอชรอนชอบคิดว่าเขามีหน้าตาที่เหมือนกับสติกซซ์มากแค่ไหน

ริสซ่าถูกเสนอตัวให้อพอลโล แอชรอนตามพี่สาวของเขาไป เมื่อแอชรอนมาได้พบกับเทพีอาร์ทิมิสที่วิหารของนาง นั่นทำให้แอชรอนได้รู้จักกับความปราถนาจริงๆเป็นครั้งแรก อาร์ทิมิสสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกับแอชรอนและคอยดูแลแอชรอน ก่อนที่อาร์ทิมิสจะขับไล่แอชรอนไปหลังจากที่ทั้งคู่ร่วมรักกันครั้งแรกเพราะอาร์ทิมิสไม่คิดจะยอมจำนนให้ชายหน้าไหนเด็ดขาด แอชรอนเป็นชายเพียงคนเดียวที่ทำให้อาร์ทิมิสยอมจำนนได้

แอชรอนถูกทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทั้งเรื่องที่เขานำของไปสักการะที่วิหารเทพีอาร์ทิมิสหรือเรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดจะสังหารบิดาของตัวเองทั้งๆที่ทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือของสติกซซ์ แอชรอนจึงตัดสินใจสังหารน้องชายตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้สติกซซ์ก่อให้เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้อีก แต่สติกซซ์กลับไม่ตาย แอชรอนตระหนักได้ทันทีว่าคำสาปที่เชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกันนั้น มีไว้เพื่อรักษาชีวิตของเขาต่างหาก

อโพลิมีมอบพลังเทพให้แอชรอน แอชรอนจึงคิดว่าเขาสามารถทัดเทียมอาร์ทิมิสและสามารถอยู่กับนางได้ แต่ที่ไหนได้ ... อาร์ทิมิสกลับวางยาแอชรอน ในคืนนั้นริสซ่าและลูกสาวของหล่อนถูกสังหาร สองคนนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่แอชรอนยังหลงเหลืออยู่ เมื่ออพอลโลปรากฏตัว แอชรอนคิดจะสังหารอพอลโล แต่นั่นกลับทำให้แอชรอนเป็นฝ่ายถูกฆ่าจนถึงแก่ชีวิตเสียเอง ...

อโพลิมีรู้เรื่องลูกชายของนางถูกสังหาร นางจึงเป็นอิสระเมื่อแอชรอนตายแล้ว อโพลิมีบุกอาละวาดทุกสิ่งทุกอย่างและจมแอตแลนเตียนลงสู่ท้องทะเลด้วยความเสียใจที่สูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไป เป้าหมายสุดท้ายของนางคือโอลิมปัส ทำลายเทพเจ้ากรีกให้สิ้นซาก โชคดีที่อาร์ทิมิสพบหนทางในการยับยั้งอโพลิมี นั่นจึงทำให้นางให้แอชรอนดื่มเลือดของตนและผูกพันธ์ทั้งสองเข้าด้วยกันชั่วนิรันดร์ เมื่อแอชรอนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง นั่นเป็นการยับยั้งอโพลิมีให้ถูกขังอยู่ในคาโลซิสและไม่สามารถที่จะออกมาอาละวาดได้อีก

กว่าสองพันปีที่แอชรอนไม่เยี่ยมหน้าไปหาอาร์ทิมิส จนกระทั่งอาร์ทิมิสสร้างดาร์ค-ฮันเตอร์กลุ่มแรกขึ้นมาให้อยู่ในความดูแลของแอชรอน แต่นั่นทำให้คนทั้งสองต้องยุ่งเกี่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเลย เพราะหนทางเดียวที่จะปลดปล่อยดวงวิญญาณของดาร์ค-ฮันเตอร์ให้เป็นอิสระ แอชรอนต้องทำการแลกเปลี่ยนกับอาร์ทิมิสเพื่อนำดวงวิญญาณดวงนั้นๆมา ....

-ภาคปัจจุบัน-

ทอรี่มีหลักฐานยืนยันว่าแอตแลนติสมีอยู่จริง ด้วยบันทึกของริสซ่าที่เธอค้นพบทำให้แอชรอนต้องมาข้องแวะกับเธออย่างเสียไม่ได้ เขาจำเป็นต้อวหันเหทอรี่ออกจากหนทางที่จะเธอจะเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมดของเขา ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าแม่แท้ๆของเขาเองคือต้นกำเนิดที่ทำให้อพอลไลท์กลายเป็นดีมอน แล้วไหนจะเรื่องที่แอชรอนเคยเป็นโสเภณีอีกล่ะ

ภัยคุกคามเกิดขึ้นกับคนรอบตัวของทอรี่เมื่อมีคนบางคนกำลังตามหาบางสิ่งบางอย่างที่ทีมสำรวจของเธอเพิ่งค้นพบหมาดๆ แอชรอนแน่ใจว่าเจ้าสิ่งนั้นคือบันทึกของริสซ่าอีกเล่ม แอชรอนต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งผลกระทบที่จะตามมา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหมายถึงกาลวิบัติของโลกหรือตัวเขาก็ตาม

แอชรอนไม่กล้าที่จะไว้วางใจใครอีกหลังจากที่อาร์ทิมิสเคยทรยศเขาอย่างแสนสาหัสมาแล้ว แต่ยิ่งเขาได้อยู่ใกล้ทอรี่มากเท่าไร แอชรอนก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกปราถนาของเขาต่อเธอได้มากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งทั้งสองต้องลี้ภัยมาอยู่ที่แซงซัวรีย์ นั่นทำให้แอชรอนเปิดเปลือยความลับทั้งหมดของเขาต่อหน้าทอรี่ แอชรอนหวังว่าเขาจะเห็นแววตารังเกียจจากทอรี่ แต่ไม่เลย ... เธอร้องไห้และเขาและกอดเขาเอาไว้หลังจากรู้ความจริง

อาร์ทิมิสรู้เรื่องทอรี่และแอชรอน นางจึงโบยเขา หลังจากนั้นทอรี่ถูกซาทาร่าลักพาตัวไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับบันทึกของริสซ่าที่มีความลับในการสังหารอพอลโลและอาร์ทิมิสอยู่ในนั้น แอชรอนวางแผนโดยการส่งตัวสติกซซ์ไปรับทอรี่ที่คาโซลิสกลับมาและรวบรวมของกองทัพดาร์ค-ฮันเตอร์ทั้งหมดเพื่อต่อการกับเหล่าดีมอนที่กำลังจะบุกมาล้างบางเขา

ฝ่ายแอชรอนเป็นผู้ชนะศึกในครั้งนี้ แต่แอชรอนไม่สามารถอยู่ร่วมกับทอรี่ได้เมื่อเขายังต้องดื่มโลหิตจากอาร์ทิมิสอยู่ แอชรอนซมซานกลับไปหาอาร์ทิมิส นางกักตัวเขาไว้ เมื่ออาร์ทิมิสก็จับทอรี่ไปเป็นเหยื่อให้แอชรอนสูบโลหิตจากเธอจนเสียชีวิต วิญญาณของทอรี่ลอยไปอยู่ในมือของอโพลิมี และนางก็มอบของขวัญแก่ลูกชายของนางโดยการคืนชีวิตให้แก่ทอรี่

ทอรี่ได้รับพลังจากทั้งฝ่ายอโพลิมีและแอชรอน เมื่อหล่อนดื่มโลหิตจากเขา นั่นทำให้แอชรอนสามารถตัดพันธะที่ผูกพันธ์เขากับอาร์ทิมิสมานานหลายศตวรรษได้สำเร็จ แอชรอนกับทอรี่แต่งงานกัน และทอรี่ทำให้แอชรอนรู้สึกว่าเขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น ผู้ซึ่งอดีตไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว ...

.........................................................................

อ่านจบด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้น มีอยู่หลายครั้งที่เราร้อง โว้วววว ! ว้าววววว ! ให้กับความวิลิศมาหราของเนื้อเรื่อง อารมณ์ของภาคอดีตและปัจจุบัน ... เรากล้าออกปากเลยว่าต่างกันลิบลับ ซึ่งการอ่านภาคอดีตก็ไม่ได้ทำให้เราเสียน้ำตาเลยด้วยซ้ำ ภาคปัจจุบันนี่แหละที่ทำให้เราร้องไห้ออกมาตอนที่ทอรี่ยอมรับตัวตนของแอชรอนได้ มันเป็นความรู้สึกที่แบบว่า ... นี่แหละ ! มันต้องอย่างนี้ ! (พร้อมกับตบเข่าฉาดสามที) ก่อนหน้านี้เรานึกภาพไม่ออกจริงๆว่าแอชรอนจะคู่กับผู้หญิงคนไหนได้ จะมีจริงๆน่ะหรอที่จะมีผู้หญิงสักคนที่จะไม่ทำให้แอชรอนหวนไปนึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวด และมันก็มีจริงๆด้วยสิ !

สิ่งที่เราค่อนข้างแน่ใจตลอดการอ่านหนังสือทั้งเล่มก็คือ ... อาร์ทิมิสรักแอชรอนก็จริง แต่นางรักตัวเองมากกว่า ! มันคือคำซ้ำๆที่ว่ายเวียนอยู่ในหัวเราตลอดเวลา นั่นทำให้เราไม่รู้สึกสะดุดกับการนำเสนอคาแรคเตอร์ของอาร์ทิมิสเลย ซึ่งเราคิดว่าคงมีหลายคนที่เกลียดคาแรคเตอร์นี้แน่นอน แต่เราไม่ได้มองแบบนั้น เรามองในแง่มุมที่ว่า ... ถ้านิยายเรื่องนี้ขนาดอาร์ทิมิสไป แอชรอนก็คงจะไม่กลายมาเป็นคนแบบที่เขาเป็นทุกวันนี้หรอก จริงมั้ย ?

เรารักทุกบรรทัดที่ได้อ่าน เพราะมันทำให้เราเข้าใจตัวตนของแอชรอนมากยิ่งขึ้น บางย่อหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำของแอชรอนเกินกว่าจะรับไหว แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ... ทุกอย่างมันต้องจบแบบแฮปปี้แน่นอน แถมตอนจบยังเกินกว่าอะไรที่เราจะคิดเอาไว้เสียอีก ทุกอย่างมันลงตัว มันสวย และเราพอใจกับตอนจบแบบนี้มากๆ

ก่อนหน้านี้เราคาดหวังไว้สูงมากๆจนกลัวว่าพออ่านจริงๆแล้วจะผิดหวัง และหลังอ่านเรากล้าบอกได้เต็มปากเลยว่า ... นิยายเล่มนี้เหนือความคาดหมายของเราจริงๆ ลำพังแค่คาแรคเตอร์ของแอชรอนคนเดียวทำให้เราแจกคะแนนเต็มให้กับนิยายเล่มนี้ได้อย่างสบายๆแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเนื้อเรื่องที่พลิกไปพลิกมาอยู่ตลอดเวลาหรอก ทุกอย่างคือส่วนเติมเต็มกันและกันให้หนังสือเล่มนี้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก

คะแนน 10/10

Oct 28, 2014

เสน่หาล่าฝัน - Upon the Midnight Clear (Dream-Hunter #2)


ชื่อเรื่อง พรานล่าฝัน ตอน เสน่หาล่าฝัน
จากเรื่อง Upon The Midnight Clear
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักแสดงชื่อดัง ผู้เอื้อเฟื้อมอบตนเองและเงินทองให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน... จนกระทั่งผู้คนรอบตัวเขาปล้นชิงสิ่งต่างๆไปโดยไม่ขอ บัดนี้ไอดานไม่ต้องการข้องแวะใดๆกับโลก...หรือใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกใบนี้ เมื่อหญิงสาวแปลกหน้าผู้หนึ่งมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของเขา ไอดานก็รู้ทันทีว่าเขาเคยเห็นหล่อนมาก่อน...ในความฝันของเขา...
ลีต้าถือกำเนิดเป็นเทพีบนสรวงสวรรค์โอลิมปัส หล่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกมนุษย์เลย แต่ศัตรูตัวฉกาจรายหนึ่งทำให้หล่อนต้องออกจากโลกแห่งความฝัน และไปยังบ้านของบุรุษผู้เดียวที่จะช่วยหล่อนได้ นั่นคือไอดาน พลังอมตะของหล่อนได้มาจากอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ และความโกรธของเขาเป็นเชื้อเพลิงอย่างเดียวที่หล่อนจำเป็นต้องมีเพื่อใช้คุ้มกันตน
เมื่อถูกกักขังอยู่ด้วยกันในพายุหิมะ ไอดานและลีต้าต้องหันหน้าเข้าพึ่งพลังเพียงหนึ่งเดียวที่จะช่วยชีวิตของทั้งสอง หรือไม่ก็ทำลายพวกเขาทั้งคู่...นั่นคือ พลังแห่งความเชื่อมั่นไว้วางใจ...

REVIEW

ไอดานตกเป็นเครื่องมือการแก้แค้นระหว่างเทพทั้งสององค์ เขาเป็นนักแสดงที่ถูกคนรอบข้างหักหลังจนไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้อีก เมื่อลีต้ามาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านเขาพร้อมกับอาสาว่าจะคุ้มครองเขา ไอดานจะกล้าไว้ใจผู้หญิงคนนี้ได้อีกหรือไม่ หรือเธอจะทรยศเขาเหมือนที่คนอื่นๆทำกับเขามาโดยตลอด

ไอดานต้องไว้ใจลีต้าเพื่อที่จะต่อสู้กับโดลอร์และเอาชนะเขาให้ได้ ทั้งคู่ต่อสู้กับศัตรูของตนทั้งในฝันและความเป็นจริง จนกระทั่งพี่ชายไอดาน คนที่ทรยศและทำร้ายเขาจนยับเยินมาหาที่บ้านของเขาพร้อมโดลอร์เพื่อที่จะปลิดชีพไอดาน ไอดานก็รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาสงสารพี่ชายผู้ซึ่งริษยาเขามากกว่า ดังนั้นไอดานจึงปล่อยความเจ็บปวดทั้งมวลให้หายไป โดลอร์จึงถูกสังหารเมื่อไม่มีพลังจากไอดานหล่อเลี้ยงอีกแล้ว

ลีต้าถูกซูสสังหาร ไอดานสูญเสียเธอไป แต่ถึงกระนั้น ... ลีต้ากลับฟื้นคืนจากความตายด้วยความช่วยเหลือของเฮดิสและมาหาไอดานในคราบของมนุษย์เต็มตัว

............................................................

แรกๆอ่านแล้วไม่เข้าใจในที่มาที่มาไปของตัวละคร งงว่าทำไมไอดานถึงคร่ำครวญจะเป็นจะตายซะขนาดนั้น มารู้เรื่องเอาตอนที่เนื้อเรื่องจะจบแล้วถึงสาเหตุแบบชัดๆ คือก่อนหน้ามันอธิบายไม่ค่อยชัด เราก็เลยไม่ค่อยเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครสักเท่าไร

พระนางรักกันเร็วมาก ไม่ถึง 24 ชั่วโมงได้มั้ง โอ้โหกันไปตามระเบียบกับความไวและกระชับของเนื้อหาที่ถึงแม้จะไม่อิรุงตุงนังแต่ก็ไม่ได้สนุกซับซ้อนอะไร ถือว่าเป็นเล่มที่อ่านได้เรื่อยๆ อารมณ์ก็เฉยๆ

มีตอนพิเศษคริสมาสต์ตอนท้ายที่ทำให้เราหายคิดถึงตัวละครเล่มก่อนๆหน้า แอบสงสารนิคมากๆ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสที่เหตุการณ์ในโครนิเคิลส์ออฟนิคจะมาบรรจบในดาร์ค-ฮันเตอร์ไหม แต่เราว่าคงไม่มีละมั้ง เพราะเรื่องมันเป็นอีกจักรวาลนึงเลย T.T

คะแนน 6.5/10

รัก, เพื่อน - Love, Rosie


ชื่อเรื่อง รัก, เพื่อน
จากเรื่อง Love, Rosie
ผู้แต่ง ซิซีเลีย อะเฮิร์น
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
โรมานซ์ ร่วมสมัย
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

โรซี่ กับ อเล็กซ์ เป็นเพื่อนกันมานานแสนนาน อเล็กซ์อาจจะโกรธบ้างที่โรซี่บอกว่าหมาสุดรักของเขาตัวเหม็น แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็เป็นเพื่อนที่รักและสนิทกันมากที่สุด เมื่ออเล็กซ์ต้องย้ายไปบอสตัน ทั้งสองยังคงติดต่อกันไม่ได้ขาด ก่อนถึงวันงานเต้นรำครั้งสุดท้ายของชีวิตไฮสกูล อเล็กซ์และโรซี่ทำทุกทางเพื่อให้เขากลับมาเป็นคู่ควงของเธอให้ได้

REVIEW

อเล็กซ์กับโรซี่เป็นเพื่อนกันมานาน เมื่อทั้งคู่ต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง อเล็กซ์พลาดที่จะจับเที่ยวบินให้มาทันงานเต้นรำ นั่นทำให้โรซี่ต้องควงผู้ชายอีกคน และชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป ! โรซี่พบว่าตัวเองท้อง พอได้เป็นแม่คน โลกทั้งใบของโรซี่ก็พลิกตลบ ในขณะที่อเล็กซ์ได้เรียนแพทย์ต่อในมหาวิทยาลัย มีแฟนสาวหน้าตาสะสวยอย่างแซลลี่ และโรซี่ก็กลายเป็นคุณแม่ที่ต้องดูแลเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน บวกกับทำงานออฟฟิศให้เจ้านายสุดหื่นกะลิ้มกะเหลี่ยเธอไปวันๆ

ก่อนหน้านั้นโรซี่ได้จูบกันอเล็กซ์และคิดว่าเธอไม่สามารถที่จะลืมเขาลงได้ เมื่ออเล็กซ์กำลังจะแต่งงานกับแซลลี่และชวนโรซี่ให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว โรซี่จึงต้องเดินหน้าต่อไปและออกเดตกับเกร็ก หนุ่มคนใหม่ที่ยอมรับผู้หญิงอย่างเธอได้ ชีวิตคู่ของโรซี่และเกร็กราบรื่นเมื่อโรซี่ย้ายไปอยู่กับเขา โรซี่และอเล็กซ์ยังคุยตอบจดหมายกันอยู่เป็นประจำ แม้ว่าโรซี่จะสัมผัสได้ว่าแซลลี่ชักไม่ชอบขี้หน้าเธอเรื่องอเล็กซ์แล้วก็ตาม

อเล็กซ์หย่ากับแซลลี่ และโรซี่พบว่าเกร็กนอกใจเธอ อเล็กซ์ไร้ที่พึ่ง เขาเหลือโรซี่เพียงคนเดียวและตระหนักได้ว่าเธอสำคัญต่อเขาขนาดไหน เขารักโรซี่ อเล็กซ์ตัดสินใจเขียนจดหมายสารภาพรักส่งมาให้โรซี่ แต่มันกลับไม่ถึงมือเธอ เกร็กเป็นคนเก็บไว้ให้ เมื่อโรซี่ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเขาต่อไปและเข้ารับการปรึกษาปัญหาชีวิตคู่

โรซี่จับว่าเกร็กนอกใจเธอได้อีกครั้งหลังจากทั้งคู่กลับมาคืนดีกันและระหองระแหงไปเรื่อย เธอเลยเลิกกับเกร็ก โรซี่กำลังจะย้ายไปอยู่กับอเล็กซ์แต่พ่อที่แท้จริงของลูกสาวเธอกลับมาหาเธอ นั่นทำให้โรซี่ต้องติดแหง่กอยู่ที่เดิมพร้อมกับเปิดโอกาสให้ลูกสาวเธอรู้จักกับพ่อแท้ๆ อเล็กซ์กลับไปแต่งงานกับแฟนเก่าสมัยตอนเรียนและโรซี่ลาออกจากงานเดิมที่ทำและย้ายที่อยู่ ซึ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอเริ่มแย่ลง(อีกครั้ง)

โรซี่ตัดสินใจเรียนต่อ เธอเสียพ่อของเธอไป จนวันหนึ่ง ... จดหมายที่หายไปของอเล็กซ์ก็ถูกส่งมาถึงมือเธอ เนื้อความในนั้นคือสิ่งที่อเล็กซ์สารภาพมาจากหัวใจของเขา โรซี่ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของอเล็กซ์ในตอนนี้จะยังเหมือนตอนนั้นหรือเปล่าในเมื่อเขามีลูกคนใหม่ ภรรยาคนใหม่ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไปได้ไม่ดีหลังจากแต่งงานก็ตาม อเล็กซ์จึงหย่ากับภรรยาของเขาในที่สุด

อเล็กซ์เขียนจดหมายฉบับใหม่บอกความรู้สึกไปหาโรซี่อีกครั้งหลังจากที่เขารู้ผ่านลูกสาวของโรซี่ว่าตลอดเวลาโรซี่รู้สึกกับอเล็กซ์เฉกเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกกับโรซี่ ดังนั้นอเล็กซ์จึงไปหาเธอในที่สุด ........

.......................................................

โอยยยย ! น่าเบื่อมาก น่าเบื่อที่สุด ! หนังสือเล่มนี้ตอนช่วงหลังๆเราก็อ่านข้ามๆแล้ว ทนอ่านต่อไปอีกไม่ไหวอย่างแรง เนื้อเรื่องก็มีสนุกบ้างตามประสา Chick Lit นี่แหละ ที่ได้เห็นผู้คนใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา ตอบจดหมาย แชตไปเรื่อย ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ชอบสไตล์การเขียนหนังสือเล่มนี้จริงๆนะ มันเหมือนว่าเราอ่านจดหมายที่เขียน-ตอบและได้รู้ถึงความคืบหน้าของตัวละครต่างๆไปด้วยก็จริง แต่อ่านไปนานๆมันก็เริ่มเบื่อการเขียนแบบเดิมที่ดูจะซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบสักที

มันเป็นแบบนี้ตลอดทั้งเล่มซึ่งภาคหนึ่ง-ภาคสองเราก็ยังตื่นเต้นอยู่บ้าง เพราะได้อ่านอะไรใหม่ๆ แต่พอภาคสาม-ภาคสี่ ทุกอย่างมันกลายเป็นนรกสำหรับเราไปแล้ว เราเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วยังไงอเล็กซ์กับโรซี่ก็ต้องคู่กันใช่มั้ย แต่กว่าจะรักกันได้นี่ก็ 50 ปี 50 ปีเชียวนะ ! ระหว่างนั้นผู้แต่งทำให้ชะตาของสองคนนี้เฉียดไปเฉียดมาไม่ต่ำกว่าสามสี่รอบได้มั้ง ซึ่งเราได้แต่ภาวนาตลอดเวลาว่า ... จบๆซะดีได้ม้ายยยยยยยยยย เราไม่ไหวจะอ่านแล้วววววว ทำไมมันวนไปวนมาไม่จบไม่สิ้นสักที

เราแอบสงสัยว่าเกร็กเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ทำไม ในเมื่อทีแรกโทรไปต่อว่าอเล็กซ์จะเป็นจะตายขนาดนั้น ผู้ชายส่วนมากคงฉีกทิ้งถังขยะไปแล้วล่ะเพราะไม่อยากให้เมียตัวเองเห็น หรือว่าเกร็กจะเผื่อว่าสักวันตัวเองจะกลับใจแล้วมอบจดหมายฉบับนั้นให้โรซี่งั้นหรอ ? ประเด็นนี้ไม่สมเหตุสมผลนะเราว่า ...

เป็นครั้งแรกได้มั้งที่รู้สึกเสียดายเงินกับการซื้อหนังสือมากๆ แล้วก็ไม่ใช่ถูกๆซะด้วย เล่มละ 300 กว่าบาทแน่ะ ฮือออออออออ T.T เสียดายเงินจริงๆ

คะแนน 2/10

ปิศาจกำสรวล - Devil May Cry (Dark-Hunter #7)


ชื่อเรื่อง พรานราตรี ตอน ปิศาจกำสรวล
จากเรื่อง Devil May Cry
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ ปัจจุบัน-เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ซินเคยเป็นหนึ่งในเทพผู้ทรงอำนาจที่สุดในวงศ์เทพของสุเมเรียนโบราณ...จนกระทั่งถึงราตรีที่อาร์ทิมิสขโมยความเป็นเทพของเขาไปอย่างโหดเหี้ยมและทิ้งให้เขารอความตาย นานนับสหัสวรรษที่อดีตเทพเจ้าผู้นี้ต้องกลายมาเป็นดาร์ค-ฮันเตอร์ ความฝันเพียงประการเดียวของเขาคือทวงพลังอำนาจคืนมา และหาทางแก้แค้นอาร์ทิมิส
โชคร้ายที่เขามีเรื่องฝูงปีศาจที่จะต้องจัดการ บัดนี้พวกปีศาจกัลลูจอมโฉดที่เหล่าเทพเจ้าสุเมเรียนของเขาเคยฝังเอาไว้ตื่นขึ้นแล้ว เป้าหมายของพวกมันคือทำลายมวลมนุษยชาติ ซินเป็นเพียงคนเดียวที่จะยับยั้งพวกมันได้ - ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งไม่ฆ่าเขาเสียก่อน โชคไม่ดีที่ซินค้นพบว่าบัดนี้เขาจำต้องพึ่งพาหล่อน ไม่เช่นนั้นความหายนะอันใหญ่หลวงจะอุบัติขึ้น บัดนี้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรู้จักแต่การถูกทรยศหักหลังจะต้องไว้วางใจคนคนหนึ่ง ที่มีแนวโน้มสูงว่าจะส่งตัวเขาให้พวกปีศาจร้าย อาร์ทิมิสอาจขโมยความเป็นเทพของเขา ทว่าแต่สตรีนางนี้ได้ขโมยหัวใจเขาไปเสียแล้ว คำถามเดียวก็คือ หล่อนจะเต็มใจเก็บมันไว้ หรือเอามันไปให้ผู้ที่อยากจะปลิดชีพเขา

REVIEW

ซินเคยเป็นเทพเจ้าสุเมเรียนมาก่อน หากเขาไม่โดนอาร์ทิมิสยึดพลังไป เมื่อซินกำลังจะกลับมาแก้แค้นนาง อาร์ทิมิสจึงส่งแคท ลูกสาวของนางกับแอชรอนออกมาจัดการซิน โดยที่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วซินไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายอย่างที่ใครๆเข้าใจ เขากำลังต่อสู้กับปีศาจกัลลูกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะทำลายล้างโลกในไม่ช้า เมื่อแคทรู้ความจริงข้อนี้แล้ว เธอจึงต้องร่วมมือกับเขาอย่างเสียไม่ได้เพื่อรักษาโลกใบนี้เอาไว้

แอชรอนได้รู้ความจริงจากอาร์ทิมิสว่าเขามีลูกสาวหนึ่งคน เขาเดือดดาลมากที่อาร์ทิมิสบอกเขาเรื่องนี้หลังจากผ่านมาหนึ่งหมื่นปี เมื่อแคทมาหาแอชรอน ... เขาก็ยอมรับเธอสู่อ้อมกอดและมอบความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆที่จะนำทางแคทไปหาน้องชายของซินซึ่งมีพลังที่จะยับยั้งไม่ให้ปีศาจดิมมีบุกทำลายล้างโลกนี้ได้

แคทและซินหาทางที่จะยับยั้งการปลดปล่อยดิมมีจนกระทั่งแคทไปขอความช่วยเหลือจากไซเฟอร์ให้ไปสืบความลับของศัตรู นั่นทำให้เธอรู้ว่ายังพอมีวิธีที่จะยับยั้งไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ระหว่างนั้นซินพยายามกันแคทให้ออกห่างๆจากเขา เพราะเขาไม่สามารถแยกสมาธิไปจากหล่อนได้ เขากลัวว่าทุกอย่างที่เขาพยายามมาจะต้องเสียหายเพราะหล่อน

แคทเสียใจที่ซินกันเธอออกไปห่างๆจากเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แคทก็ยอมกลับมาหาซิน ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันและเดินหน้าจัดการกับศัตรูโดยการไปที่สุสานลูกสาวของซินเพื่อนำกุญแจมายับยั้งดิมมี ระหว่างนั้นแอชรอนก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใต้คำสั่งของอาร์ทิมิสและร่วมต่อสู้กับลูกสาวของเขา ซินได้พลังของเขาคืนจากอาร์ทิมิสแต่ต่อสู้เพื่อปิดผนึกปีศาจดิมมีได้สำเร็จ แม้ว่าจะมีตัวหนึ่งหลุดรอดออกไปก็ตาม แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องตามหามันให้พบ

..........................................................................

อ่านแล้วไม่รู้สึกถึงเคมีระหว่างพระนางจริงๆนะ ไม่รู้ทำไม ! แต่เรารู้สึกว่าเรื่องของแอชกลบเรื่องของคู่หลักไปจนหมดเลย คงเป็นเพราะใกล้จะถึงเล่มของแอชด้วยแหละ แอชก็เลยเด่นขึ้นผิดหูผิดตา ฮ่าๆ อีกอย่างนึงที่เราไม่ค่อยชอบเกี่ยวกับเล่มนี้ก็คือเชอร์ริลีนเธอขยายวงศ์เทพเจ้าให้กว้างมากยิ่งขึ้นจนไปครอบครุมวงศ์สุเมเรียนเข้าไปอีก นั่นทำให้เรารู้สึกว่าเนื้อเรื่องเล่มนี้อิรุงตุงนังไปหมด มีทั้งดาร์ค-ฮันเตอร์ ดรีม-ฮันเตอร์ เทพเจ้ากรีกโรมัน ไหนจะแอตแลนเตียนอีกละ อ่านแล้วปวดหัวเบาๆ โดยเฉพาะชื่อไอเท็มแปลกๆในเล่มนี้เนี่ย อ่านจบแล้วยังจำไม่ได้เลยว่าอะไรเป็นอะไร -*-

คือเอาจริงๆเล่มนี้มันก็สนุกนะสำหรับการต่อสู้ตอนสุดท้าย แต่เราไม่ชอบที่เนื้อเรื่องดันไปลงอีหรอบเดิมเหมือนเล่มก่อนๆหน้า นั่นก็คือ ... แอชมา ... ปัญหาเคลียร์ อ่านเยอะๆมันก็เลยเริ่มเซง ยังจะมีเรื่องพระเอกกีดกันนางเอกไปแบบไม่เข้าเรื่องอีก ถ้ามาให้ถูกจังหวะกว่านี้อีกนิด มันจะช่วยส่งเสริมเนื้อเรื่องให้ดีขึ้นแน่นอน

ในความรู้สึกเรา เราว่าเล่มนี้ยังดีได้กว่านี้อีก ...

คะแนน 7/10

Oct 27, 2014

ขอเพียงแค่ฝัน - Dreaming of You (Gamblers #2)

ชื่อเรื่อง ขอเพียงแค่ฝัน
จากเรื่อง Dreaming of You
ผู้แต่ง ลิซ่า เคลย์แพส
โรมานซ์ ย้อนยุค
ผู้แปล ไอริส
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ในร่มเงาอบอุ่นของกระท่อมชนบท ซาร่า ฟีลดิ้งจรดปากกาลงบนกระดาษเพื่อสรรค์สร้างความฝัน แต่ความอยากรู้อยากเห็นล่อใจให้หญิงสาวผู้เรียบร้อยและได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีเดินออกจากสววรค์อันปลอดภัยของเธอเข้าสู่โลกอันตรายของดีเร็ค คราเวน
หนุ่มค็อกนีย์รูปหล่อ ทรหด และมีทิฐิ ได้ถีบตัวขึ้นจากความยากจนสู่การเป็นเจ้าของบ่อนการพนันที่หรูที่สุดของลอนดอน การดิ้นรนสู้ชีวิตทำให้ดีเร็ค คราเวนร่ำรวยมหาศาล แต่ก็ทำให้เขาเป็นคนกระด้างและไม่ไว้ใจใคร และบัดนี้หน้าที่ทำให้เขาต้องยอมให้ซาร่า ฟีลดิ้งเข้าสู่โลกของเขา พร้อมด้วยกิริยามารยาทอันไม่มีที่ติของเธอ แต่ ณ ที่นี่...ในอาณาจักรของความไม่แน่นอนที่โชคชะตาพลิกผันอยู่เสมอ แม้แต่ หนูน้อย ผู้ทำตัวถูกต้องเหมาะสมก็สามารถแปลงโฉมเป็นสาวทรงเสน่ห์ยวนตาได้ และนักพนันผู้หน่ายโลกก็อาจถูกสั่นสะเทือนจนถึงแก่นได้ด้วยอำนาจแห่งความพิศวาส...และสัญญาแห่งรัก

REVIEW

ซาร่าคือนักเขียนที่เดินทางมาหาข้อมูลเกี่ยวกับบ่อนพนันเพื่อนำไปเขียนนิยายเล่มใหม่ของเธอ ส่วนดีเร็คคือช่วยหนุ่มที่ถีบตัวเองมาจากความสกปรกยากจน บัดนี้เขาได้ครอบครองทุกสิ่ง ไม่มีหญิงสาวคนไหนที่จะไม่อยากนอนกับเขา แต่ชีวิตของดีเร็คกลับดูว่างเปล่าอย่างไม่น่าเชื่อทั้งที่ตอนนี้เขามีทุกสิ่งที่เขาเคยอยากจะมี คืนหนึ่ง ... ซาร่าช่วยชีวิตดีเร็คเอาไว้ตอนเขากำลังถูกทำร้าย และความรู้สึกบาอย่างก็ได้เกิดขึ้นในตัวของซาร่า มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนแม้กระทั่งตอนที่เธออยู่กับชายหนุ่มที่เธอเคยสัญญาว่าจะแต่งงานด้วยอย่างเพอร์รี่

ซาร่าแปลงโฉมเข้ามาในงานเลี้ยงของดีเร็คด้วยภาพลักษณ์ของหญิงสาวคนละคนกับที่เธอเป็น เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เธอไม่เคยได้ลิ้มลองในงานเลี้ยงครั้งนี้ ทันทีที่ดีเร็คเห็นซาร่า ... เขาก็ติดตาต้องใจเธอโดยที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้คือใคร แต่เมื่อเขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นซาร่า เขาก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องเธอ และขอให้เธอกลับบ้านไปซะ เมื่อซาร่ากลับบ้าน ... เธอรู้สึกเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนคนเดิมที่เธอเคยเป็น แต่เธอก็ยังเชื่อว่าจะยังมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขกับเพอร์รี่ได้ แต่ผลปรากฏออกมาว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ชีวิตของเธอกับเพอร์รี่ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เคยเสียแล้ว

ซาร่าตอบรับคำเชิญและเดินทางมาลอนดอน นั่นทำให้เธอได้พบกับดีเร็คอีกครั้ง ดีเร็คพยายามอดกลั้นกับความรู้สึกโหยหาที่เขามีต่อซาร่ามาตลอดหลายเดือน เมื่อเธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาและสารภาพว่าเธอรักเขา ซาร่าเขย่าโลกทั้งใบของดีเร็ค ทำให้เขาเริ่มฉุกคิดว่าเขามีคุณค่าพอที่จะรักใครจริงๆน่ะหรอ หรือว่าท้ายสุดแล้วเขาจะทิ้งเธอไป ดังนั้นมันจึงง่ายที่จะเดินจากเธอไปเสียตั้งแต่ตอนนี้

ซาร่าถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงโดยฝีมือคู่นอนคนเก่าของดีเร็ค ดังนั้นดีเร็คจึงรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดด้วยการแต่งงานกับซาร่า ชีวิตคู่ของคนทั้งสองราบรื่นโดยที่ดีเร็คไม่พยายามจะเปลี่ยนซาร่าเหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่ต้องการให้เธอเลิกเขียนนิยายหลังจากแต่งงาน และซาร่าก็ไม่คิดจะก้าวก่ายหน้าที่การงานของดีเร็คเหมือนกัน เธอเปิดอิสระให้เขาได้ทำงานอย่างเต็มที่ในยามค่ำคืนที่บ่อนพนันของเขา

ดีเร็คและซาร่าต้องประคับประคองชีวิตคู่ของพวกเขา เมือซาร่าถูกคู่นอนเก่าของดีเร็คจับตัวไปและบ่อนของดีเร็คถูกวางเพลิงจนมอดไหม้ ชายหนุ่มไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เขาคิดว่าซาร่าตายจากเขาไปในกองเพลิง เมื่อซาร่าจัดการกับคู่นอนคนเก่าได้สำเร็จ เธอก็เดินทางกลับมาหาดีเร็ค และที่นั่น ... ดีเร็คได้เอ่ยคำว่ารักให้ซาร่าได้ยินเป็นครั้งแรก เมื่อดีเร็ครู้ตัวว่าเขาเฉียดฉิวใกล้จะเสียหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขารักมากมายไปขนาดไหน

..................................................................

ไม่คิดว่าไม่ฝันว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้เรารู้สึกชอบได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้าที่จะอ่านเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับนิยายเล่มนี้ แต่ที่ไหนได้ ... เรากลับชอบมากๆ ทั้งการดำเนินไปของเนื้อเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป ความสัมพันธ์ของพระนางที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นทีละน้อย แถมเรายังได้เห็นการพัฒนาการของดีเร็คเมื่อเขาเริ่มที่จะไว้ใจและรักซาร่า หญิงสาวเพียงคนเดียวที่เข้ามาเขย่าโลกทั้งใบของเขา

มันเป็นความรู้สึกที่เต็มตื้นหลังจากอ่านนิยายเล่มนี้ ถึงเราจะไม่ได้เสียน้ำตาให้ แต่สิ่งที่นิยายเล่มนี้มีผลต่อเรานั่นก็คือความประทับใจ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่หยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ตอนแรกๆอ่านแล้วแอบหมั่นไส้ดีเร็คมากๆ 555 ทั้งในความคิดเรา เราว่าความสัมพันธ์ระหว่างดีเร็คกับซาร่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย ในเมื่อดีเร็คเป็นชายหนุ่มเสเพล เราจึงคิดว่าสุดท้ายแล้วเขาจะจบลงที่ซาร่าได้จริงๆน่ะหรอ แม้ว่าในใจเรารู้ดีว่ายังไงมันก็ต้องจบแบบ HEA ละน่า ลิซ่าสามารถดึงความสนใจเราได้อยู่หมัดจริงๆ ทั้งความเป็นไปได้ของเนื้อเรื่อง หรือความมีมิติและซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร

ไม่แปลกใจว่าทำไมหลายคนถึงชอบนิยายเล่มนี้ ขนาดเราไม่ค่อยถูกจริตกับนิยายย้อนยุคเท่าไรนักเท่าที่อ่านๆมา (แต่ช่วงหลังๆก็พยายามที่จะอ่านแนวนี้ให้เยอะขึ้น เผื่อว่าจะเจอเล่มที่ชอบเล่มที่โดนบ้าง ฮ่าๆ) เรายังกล้าเอ่ยปากเลยว่านิยายเล่มนี้ 'ยอดเยี่ยม' จริงๆ

คะแนน 9.5/10

เกมล่าปริศนา ตอน คำสั่งสังหาร - The Kill Order (The Maze Runner #0.5)

สำนักพิมพ์ : Enter books
ผู้เขียน : James Dashner
ผู้แปล : แสงตะวัน

เรื่องย่อ

‘การลุกวาบของดวงอาทิตย์’ ที่มาอย่างไม่มีลางบอกเหตุคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกินครึ่ง คลื่นความร้อนแผดเผาผู้คนทั้งเป็น พวกเขาล้วนตกตายชนิดไม่ทันรู้ตัว ทว่านั่นอาจเป็นโชคดีแล้ว ตายๆ ไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวคงดีกว่า...

ตลอดหนึ่งปีนี้ ฝันร้ายในวันนั้นยังคงตามหลอกหลอนมาร์ค เด็กหนุ่มหวังว่าจะลืมมันได้ในสักวันขณะที่ค่อยๆ ชินกับชีวิตใหม่ ขณะที่รู้สึกว่าอะไรๆ กำลังจะดีขึ้น...จนกระทั่งเบิร์กลำโตมาบินอยู่เหนือหมู่บ้าน และนำฝันร้ายระลอกใหม่มาสู่มนุษยชาติอีกหน

มันเริ่มจากการเวียนหัวธรรมดา ก่อนลุกลามไปเป็นการเพ้อพร่ำ เสียสติ โหดเหี้ยมอำมหิต ใคร...ไม่สิ ‘องค์กร’ ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กัน พวกเขาทำไปทำไม นี่คือคำถามที่มาร์คต้องหาคำตอบไปพร้อมกับช่วยเหลือเพื่อนๆ และช่วยตัวเองให้รอดชีวิตอีกครั้งจากความบ้าคลั่งป่าเถื่อนของโลกใบใหม่นี้!

REVIEW

มาร์คและคนอื่นๆหนีรอดจากการลุกวาบของดวงอาทิตย์มาได้ แต่เรื่องเลวร้ายไม่ได้จบลงแค่นั้นเมื่อเบิร์กลำหนึ่งล่อนลงมาและสาดลูกดอกใส่คนในหมู่บ้านจนมีคนเสียชีวิต บางคนก็มีอาการคลุ้มคลั่งอันน่าแปลกประหลาด มาร์คกับอเล็คจึงต้องเดินทางไปยังสำนักงานเบิร์กตามแผนที่ที่เขาค้นพบเพื่อดูว่ามีอะไรรออยู่ที่นั่นกันแน่

การเดินทางของมาร์คไม่ได้เรียบง่ายเมื่อเขามีชีวิตของทริน่าที่เขารักต้องปกป้อง ไหนจะเรื่องที่เพื่อนของเขาล้มตายอย่างเสียสติเพราะไวรัสบ้าๆนั่นอีก ระหว่างการเดินทางมาร์คก็ยังพบพวกคลุ้มคลั่งที่พร้อมจะเข้ามาทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อ นั่นทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ง่ายเสียแล้ว แต่มันก็ทำให้เขาพบกับดีดี้ เด็กหญิงที่มีภูมิคุ้มกันไข้วาบอย่างน่าประหลาด

มาร์คและอเล็คแยกทางกับคนอื่นที่เหลืออย่างช่วยไม่ได้ จนพวกเขารู้ว่าผู้หญิงถูกจับตัวไป มาร์คจึงเดินทางไปยังสำนักงานเบิร์กเพื่อที่จะพบว่าคนที่นั่นเป็นบ้าเพราะไข้วาบกันไปหมดแถมยังส่งตัวพวกผู้หญิงไปที่อื่นอีก อเล็คจึงขโมยยานเบิร์กและขับออกไปตามหาคนอื่นๆที่เหลือไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่บ้าคลั่ง เพื่อที่จะพบว่าเขามาช้าเกินไป ทริน่าสูญเสียความทรงจำที่จะจำมาร์คได้ไปแล้ว

มาร์คค้นพบจดหมายของรัฐบาลที่สั่งให้มีการสังหารประชาชนของตัวเรียกที่เรียกว่า The Kill Order เพื่อลดการบริโภคทรัพยากร เนื่องจากจะทำให้ประชาชนกลุ่มที่ถูกเลือกขาดอาหารกันมากขึ้น จึงมีการใช้ไวรัสไข้วาบทำให้ผู้คนส่วนมากล้มตาย เมื่อมาร์ครู้ดังนั้น ... เขาจึงตัดสินใจส่งดีดี้ผ่านระนาบเคลื่อนย้ายไปที่อื่นเพราะเธอคือความหวังเดียวของมนุษยชาติในการผลิตวัคซีนไข้วาบ และมาร์คก็ตัดสินใจทำลายระนาบเคลื่อนย้ายพร้อมกับสละชีวิตของเขาเองเพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้คนที่บ้าคลั่งหลุดเข้าไปยังสถานที่ที่ดีดี้กำลังจะไปอีกแล้ว ...

..............................................................

เล่มนี้ไม่ค่อยสนุก เนื้อเรื่องเดาง่าย ตัวละครจืดๆธรรมดาๆ แถมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังแว่บไปแว่บมา ยังไม่ทันให้คนอ่านทำความเข้าใจเลย ก็ตัดไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งซะแล้ว พูดง่ายว่าอ่านแล้วไม่อิน ! ยังดีที่มีบทแอ็คชั่นมันส์ๆมาช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่งั้นเราคงอ่านไม่จบเป็นแน่แท้ ไหนจะการผจญภัยที่ยืดเยื้อเกินความจำเป็น สรุปว่าทั้งเรื่องตัวเอกแค่ตามหาเพื่อนที่หายตัวไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลยด้วยซ้ำ

ยังดีที่ตอนจบทำให้เราพอชอบได้อยู่บ้าง ทุกสิ่งทีเ่กิดขึ้นมันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นใน The Maze Runner ทั้ง 3 เล่ม แต่ถ้าถามว่ามีความเชื่อมโยงอะไรมากกว่านั้นมั้ย เราตอบได้เลยว่า ไม่ ! เพราะเราไม่รู้ว่าดีดี้คนนี้เธอจะโตขึ้นไปและรับบทบาทไหนในการผลิตวัคซีนรักษาไข้วาบ ถ้าเราจำไม่ผิด The Maze Runner ทั้งสามเล่มไม่ได้เอ่ยถึงชื่อนี้เลยด้วยซ้ำมั้ง หวังว่าเล่มต่อๆไปจะเผยบทบาทของเธอให้เราได้เห็นมากขึ้นกว่านี้บ้าง

ถามว่าความรู้สึกหลังจากอ่านเล่มนี้จบมันอยู่ตรงจุดไหนของสามเล่มก่อนหน้านี้ เราขอตอบเลยว่า ... The Kill Order ทำให้เรารู้สึกเหมือนตอนอ่าน The Death Cure เลย เราชอบในแง่บทสรุปของ The Kill Order ที่แม้จะดูห้วนๆเพราะคำอธิบายสั้นๆกระชับๆชองแดชเนอร์ แต่มันก็คือสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงๆและไม่ได้ยึดมั่นในตอนจบแบบสวยงามเหมือนนิยายเล่มอื่นๆ ขอชื่นชมแดชเนอร์ที่ซื่อสัตย์ต่อคนอ่านได้ขนาดนี้

มีส่วนเนื้อเรื่องของโทมัสมานิดนึง ซึ่งแทบจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาเลย เราก็สงสัยเหมือนกันว่าจะใส่มาเพื่อ ?

คะแนน 6.5/10

Oct 26, 2014

โฉมงามพิชิตรัก - When Beauty Tamed the Beast (Fairy Tales #2)


ชื่อเรื่อง เทพนิยายในฝัน ตอน โฉมงามพิชิตรัก
จากเรื่อง When Beauty Tamed the Beast
ผู้แต่ง เอลอยซา เจมส์
โรมานซ์ ย้อนยุค
ผู้แปล ปริศนา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ
มิสลินเนท เบอร์รี ธรินน์คือโฉมงาม...เป็นธรรมดาที่เธอจะหมั้นหมายกับอสูร เพียร์ส เยลเวอร์ตัน เอิร์ลแห่งมาร์แชนท์ อาศัยอยู่ที่ปราสาทในแคว้นเวลส์ เป็นที่ร่ำลือว่าอารมณ์ร้ายกาจของเขาเชือดเฉือนทุกคนที่ขัดใจ แล้วยังลือกันอีกว่าการบาดเจ็บทำให้เขามีภูมิต้านทานต่อเสน่ห์ของหญิงสาวทั่วไป
ทว่าลินเนทไม่ใช่หญิงสาวทั่วไป เธอเป็นมากกว่าโฉมงาม สติปัญญาและเสน่ห์ของเธอเคยทำให้เจ้าชายยอมศิโรราบมาก่อน เธอประเมินว่าเอิร์ลหนุ่มจะตกหลุมรักเธอหมดหัวใจ... ภายในสองสัปดาห์ แต่ลินเนทไม่รู้เลยว่าหัวใจของเธอตกอยู่ในอันตรายจากชายหนุ่มที่อาจจะไม่มีวันรักเธอตอบ ถ้าเธอตัดสินใจจะทำตัวร้ายกาจอย่างยิ่ง... เธอจะต้องชดใช้มากเพียงใดเพื่อกำราบหัวใจไม่เชื่องของเขา...

REVIEW

ลินเนทถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเมื่อเธอโดนข้อกล่าวหาว่ากำลังตั้งท้อง ทั้งๆที่ความจริงเธอแค่กินของแสลงเข้าไปแล้วอาเจียนออกมากลางงานเท่านั้นเอง ชื่อเสียงของเธอถูกทำลาย ลินเนทจึงถูกพ่อของเขามัดมือชกแล้วส่งเธอไปอยู่กับเพียร์ส หมอปากร้ายที่ใครๆต่างก็เรียกเขาว่าอสูร เมื่อลินเนทปะจันหน้ากับเพียร์ส ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าจะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นเด็ดขาด !

เพียร์สรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถต้านทานโฉมงานอย่างลินเนทได้ แม้ว่าเขาจะผลักไสเธอแค่ไหน แต่เสน่ห์ของเธอก็ทำให้เขายอมจำนน สำหรับครั้งแรกของลินเนท เพียร์สทำให้แน่ใจว่ามันจะค่อยเป็นค่อยไปและถนอมเธอเอาไว้อย่างที่สุด ลินเนทมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยของเพียร์สมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเธอแทบจะเปลี่ยนชีวิตของผู้ป่วยบางรายที่ได้แต่นอนสิ้นหวังไปวันๆได้เลยทีเดียว เมื่อเด็กชายคนหนึ่งกลับมาเดินได้อีกครั้งเมื่ออยู่ภายใต้ความดูแลของลินเนท

มีแผลเป็นมากมายกว่าที่จะมองเห็นได้ประทับอยู่ในใจของเพียร์ส ตั้งแต่เรื่องที่พ่อของเขาติดยาและลงมือทำร้ายจนเขาต้องพิการมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะให้อภัยพ่อของเขาได้ และนั่นทำให้เขาอารมณ์ร้ายปากเสีย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะทนแต่งงานกับเขาได้ลง เพราะเขากลัวว่าเขาจะลงเอยแบบพ่อของเขานั่นก็คือลงมือทำร้ายภรรยาของตัวเอง

เกิดโรคระบาดขึ้น นั่นทำให้เพียร์สยุ่งมากขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เขาผลักไล่ไสส่งลินเนทไปด้วยโยนคำร้ายๆใส่เธอว่าเขาไม่ได้รักเธอ และจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด ลินเนทจึงเดินทางกลับลอนดอน แต่เธอก็ไปได้ไม่ไกลเมื่อพบว่าตนเองติดโรคระบาด ลินเนทนอนซมอยู่ในเล้าไก่ระหว่างทางและทุกอย่างดูเหมือนจะสิ้นหวังไปเสียหมด

เพียร์สตามหาลินเนทจนพบเมื่อรู้ว่าเธอป่วยหนัก เขารักษาเธอ ป้อนยาเธอ อุ้มเธอไปนอนบนฟูกสะอาดๆแม้ว่าเขาจะลงเอยด้วยการต้องคลานบนพื้นในสภาพเปลือยกายก็ตาม เมื่อลินเนทได้สติและอาการดีขึ้น เพียร์สก็ตัดสินใจจะขอเธอแต่งงาน พอลินเนทเห็นสภาพตัวเองแล้ว เธอก็ตัดสินใจว่ากลับลอนดอนเพราะลินเนทไม่ต้องการให้เพียร์สมาขอเธอแต่งงานและต้องทนอยู่กับความเวทนาในสายตาของเขาเด็ดขาด เพียร์สจึงตามง้อลินเนทและอธิบายให้เธอฟังว่ารูปลักษณ์ของเธอไม่ได้มีผลอะไรต่อเขาเลย เพราะเขารักที่ตัวตนของเธอ ลินเนทจึงยอมแต่งงานกับเขาได้ในที่สุด ...

...................................................................................

เล่มนี้ไม่ค่อยดราม่าแบบที่เราคาดเอาไว้สักเท่าไร เราหวังเอาไว้ก่อนที่จะอ่านว่าพระเอกต้องเป็นพวกโขกสับทำร้ายนางเอกสารพัด แต่มันไม่ใช่ ! ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย คาแรคเตอร์ของเพียร์สดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆนี่แหละ ที่มีแผลเป็นทั้งร่างกายและจิตใจจนเขาเลือกแสดงออกในด้านร้ายๆออกมา การกระทำของเขาทุกอย่างมีเหตุมีผล ไม่ได้งี่เง่าจนทำให้เราหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ... เรากลับเห็นใจและเอาใจช่วยเขาไปตลอดทั้งเล่ม

การเล่าเรื่องสามารถทำให้อินได้กว่านี้อีกนะ ในความรู้สึกเราเหมือนคาแรคเตอร์ของเพียร์สสามารถไปได้ไกลมากกว่านี้และเน้นความดราม่าให้เนื้อเรื่องมากกว่าที่เป็นอยู่ได้

เรารู้สึกว่าเนื้อเรื่องไปสนุกตอนครึ่งเล่มหลังที่เพียร์สกับลินเนทติดพายุลูกเห็บด้วยกันสองคนนั่นแหละ โดยครึ่งเล่มก่อนหน้านี้ เนื้อเรื่องนิ่งสนิท จนเราต้องใช้ความพยายามในการอ่านมากพอสมควร เราไม่รู้ว่านิยายของเอลอยซาเป็นแบบนี้ทุกเล่มเลยหรือเปล่า แต่เท่าที่อ่านมาแล้วสองเล่ม เรารู้สึกว่าตอนต้นๆถึงกลางเรื่องจะขาดความน่าสนใจไปอย่างมาก ตัวละครออกมากันให้พรึ่บพรั่บแต่ก็ไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องเดินหน้าไปไหนเลยจริงๆ

คาแรคเตอร์ของเพียร์สคงเส้นคงวาตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายเลยว่าได้ เราชอบที่เขาเป็นคนพูดตรงๆ โผงผาง มีความเป็นตัวของตัวเอง และเมื่อมาอยู่ด้วยกันกับลินเนทแล้ว ในความรู้สึกเราเธอคนนี้ก็คือเบลนั่นเอง ด้วยนิสัยใจคอแบบเบลแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้คงอยู่บนเส้นของความอดทน แต่เรามองว่ามันเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกันมากกว่า นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ตัวละครเล่มนี้ไม่ใช่อยู่ในขีดจำกัดของความเพ้อฝันจนแตะต้องไม่ได้ แต่เรามองว่าความสัมพันธ์แบบนี้แหละคือสิ่งธรรมดาและมีค่ายิ่งกว่าความรักแบบฟุ้งเฟ้อเสียอีก

คะแนน 8/10

จุมพิตลิขิตรัก - A Kiss at Midnight (Fairy Tales #1)


ชื่อเรื่อง เทพนิยายในฝัน ตอน จุมพิตลิขิตรัก
จากเรื่อง A Kiss at Midnight
ผู้แต่ง เอลอยซา เจมส์
โรมานซ์ ย้อนยุค
ผู้แปล ปริศนา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

มิสเคท ดัลทรีไม่เชื่อในเรื่องเทพนิยาย...หรือการครองคู่อย่างมีความสุขตลอดไป เมื่อถูกแม่เลี้ยงบังคับให้ไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ เคทจึงได้พบกับเจ้าชาย...ที่ยโสอวดดีเป็นที่สุด ทั้งสองปะทะกันทางปัญญาและคารม แต่สองหนุ่มสาวรู้ว่าแรงดึงดูดระหว่างกันที่ไม่อาจต้านทานได้จะมุ่งไปสู่ทางตัน ในเมื่อเกเบรียลหมั้นหมายแล้วกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง...สตรีที่เป็นถึงเจ้าหญิง... ซึ่งการแต่งงานกับหล่อนจะทำให้ความปรารถนาของเขาบรรลุผล
เกเบรียลชอบคู่หมั้นของเขา แต่เขาไม่ได้รักหล่อน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาควรทำคือเกี้ยวพาว่าที่เจ้าสาวของตนเอง ไม่ใช่สาวสวยยากไร้ผู้เฉลียวฉลาดที่ไม่ยอมประจบเอาใจเขา
แม้ว่าจะมีแม่ทูนหัวและรองเท้าแก้ว แต่นี่คือเทพนิยายที่โชคชะตาคร่าโอกาสที่เคทและเกเบรียลจะได้ครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอดไป นอกจากเจ้าชายจะสละทุกสิ่งที่ทำให้เขาเป็นผู้ทรงเกียรติ... นอกจากเดิมพันแห่งหัวใจดื้อรั้นจะสามารถเอาชนะโชคชะตา... นอกจากจุมพิตหนึ่งในยามเที่ยงคืนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้...

REVIEW

เคทต้องปลอมตัวเป็นวิกตอเรีย น้องสาวของตนเพื่อไปงานบอลล์ให้เจ้าชายดูตัวก่อนที่น้องสาวของเธอจะได้รับอนุญาติแต่งงาน แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้ง่ายเลยเมื่อเจ้าชายเกเบรียลกลับโอ้โลมเธอ และผู้ชายอย่างเกเบรียลคือผู้ชายประเภทที่เคทไม่ต้องการจะไปยุ่งด้วยเด็ดขาด เมื่อเกเบรียลกำลังจะแต่งงานกับเจ้าหญิงรัสเซียเพื่อทรัพย์สินที่จะค้ำจุนคนในปกครองของเขา ก่อนที่เขาจะออกไปทำตามฝันแล้วทิ้งให้ภรรยายอยู่เฝ้าปราสาท

แม้ว่าเคทและเกเบรียลจะติดตาต้องใจกันมากแค่ไหน แต่เรื่องทั้งคู่ก็เป็นไปไม่ได้เมื่อเคทไม่มีแม้กระทั่งสินเดิมติดตัว นั่นทำให้เกเบรียลไม่สามารถที่จะแต่งงานกับเธอได้ เพราะเขาก็ต้องการเงินที่จะมาดูแลคนของเขาเช่นกัน เคทและเกเบรียลแอบพบกันอย่างลับๆเมื่อเจ้าหญิงทาเทียน่าแห่งรัสเซียมาถึง ใจหนึ่งเกเบรียลก็อยากจะเป็นผู้ชายธรรมดาที่ได้รักกับเคท แต่เขามีหน้าที่ที่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบคอยอยู่ด้วยการแต่งงานกับทาเทียน่า

เคทรู้ว่าหล่อนไม่มีหวังในเรื่องของเกเบรียลอีกต่อไป เพราะภาระที่เขาแบกอยู่นั้นหนักหนาเหลือเกิน เคทจึงเนรมิตให้กลายเป็นซินเดอเรลล่าในชั่วข้ามคืนเพื่อไปโลดแล่นบนฟลอร์เต้นรำในงานเลี้ยงของเจ้าชายที่กำลังมาถึง ทันทีเกเบรียลเห็นเคท เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้ เขาพาเคทไปยังที่ลับตาคนที่มอบจุมพิตครั้งสุดท้ายให้แก่หล่อน

ผ่านไปหนึ่งเดือน ... เกเบรียลตัดสินใจตามหาเคทและขอหล่อนแต่งงาน เคทซึ่งกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในลอนดอนด้วยสินเดิมของหล่อนยังไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่เจ้าชายทันที เมื่อเกเบรียลหาวิธีที่จะเจือจุนปราสาทของเขาไปได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินจากภรรยาของเขา ทั้งคู่แต่งงานกัน ... เคทก็เดินทางไปกับเกเบรียลเพื่อขุดค้นโบราณสถานแบบที่เกเบรียลอยากทำมาโดยตลอด

...................................................

เรื่องนี้เป็นการนำนิทาน 'ซินเดอเรลล่า' มาเล่าใหม่ สิ่งที่ทำให้เราประทับใจก็คือเนื้อเรื่องไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จมากเกินไปจนทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะลุ้น นอกจากนี้เอลอยซาได้เพิ่มความดราม่าเข้ามา และตัวละครที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระนางมีอุปสรรคมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราต้องขอชื่นชมกลเม็ดในการเขียนตรงจุดนี้จริงๆ

ขอสารภาพตามตรงว่าการอ่าน 3/4 แรกของเล่ม เราไม่ค่อยพบประเด็นที่น่าสนใจเลยนอกจากการบรรยายที่ออกจะน้ำท่วมทุ่งไปในบางครั้ง แต่ 1/4 สุดท้ายของเรื่องนี่สิ ! .... มันมาครบทุกอารมณ์ ทั้งดราม่า ความโรแมนติค และต้องบอกว่าเราอดที่จะลุ้น เอาใจช่วยไปพร้อมๆกับตัวละครว่าพวกเขาจะหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร แต่ทุกอย่างจะจบแบบที่เราหวังเอาไว้หรือไม่

แต่น่าเสียดายหน่อยนึงที่บทแม่เลี้ยงใจร้ายดูท่าจะส่งไปไม่ถึงอย่างที่เราหวังเอาไว้ ซึ่งน่าจะทำให้ตอนต้นเรื่องที่เราได้บ่นๆว่าค่อนข้างน่าเบื่อดูมีสีสันมากขึ้นกว่านี้ถ้าเคทต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอบ้าง ไม่ใช่ถูกแม่เลี้ยงประเคนใส่พานให้เจ้าชายซะงั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ... มีตัวละครอีกหลายตัวที่เอลอยซาสร้างขึ้นมาและได้ทำให้เรื่องนี้มีสีสันมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือตัวแม่ทูนหัวเฮนรี่ที่เป็นตัวประสานเรื่องราวต่างๆ เราบอกได้เลยว่า ถ้านิยายเรื่องนี้ไม่ได้เธอ บทสรุปของตอนจบก็คงจะไม่ได้สวยงามแบบนี้อย่างแน่นอน

ทีแรกเรามองว่าคาแรคเตอร์ของเจ้าชายเกเบรียลไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้ชายที่ต้องแต่งงานเพราะเงิน ดังนั้นก็เลยทำให้เราประหวั่นว่า ... สุดท้ายแล้วทั้งคู่จะรักกันได้จริงๆน่ะหรอ ถึงลึกๆเราจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงนางซินอย่างเคทต้องโป๊ะแตกกลายเป็นเศรษฐีด้วยสินเดิมของหล่อนตามที่ผู้แต่งได้หยอดๆเอาไว้หลายครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสในตอนท้ายเรื่องลดลงไปเลย เราประทับใจและซาบซึ้งกับบทสรุปแบบนี้ที่ยังคงความเป็น Fairy Tales เอาไว้มากๆ

คะแนน 7/10

Oct 25, 2014

หัวใจในกรงขัง - Blaze of Memory (Psy-Changeling #7)


ชื่อเรื่อง พลังแห่งรัก ตอน หัวใจในกรงขัง
จากเรื่อง Blaze of Memory
ผู้แต่ง นลินี ซิงห์
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล วาลุกา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ผู้หญิงคนหนึ่งถูกนำมาทิ้งไว้หน้าบ้านเขาในสภาพหมดสติและบาดเจ็บ หล่อนจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร...รู้เพียงว่าหล่อนคือตัวอันตราย!
สิ่งที่คนภายนอกเห็น...เขาคือผู้อำนวยการมูลนิธิซึ่งให้การช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหา แต่แท้จริงแล้วเขาคือนักรบที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนของเขา...เหล่าผู้ถูกลืม ชีวิตซึ่งอุทิศให้กับหน้าที่ทำให้เขาต้องแกร่ง โหดเหี้ยม ไร้ความปรานี จนหัวใจไม่ต่างจากเหล็กกล้า...
แต่หญิงสาวชาวไซผู้นี้กลับเล็ดลอดผ่านเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้หัวใจ หญิงสาวผู้ถูกทารุณกรรมอย่างโหดร้ายได้ปลุกสัญชาตญาณการปกป้องของเขา หรือว่าหล่อนเพียงแค่หลอกลวง เพื่อเป้าหมาย...ทำลายผู้คนที่เขาปกป้องด้วยชีวิต!

REVIEW

แคทยาถูกนำมาทิ้งไว้ในสภาพบาดเจ็บที่หน้าบ้านของเดฟ เธอสูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด ในระหว่างที่เดฟกำลังตั้งข้อสงสัยว่าแคทยาคนนี้คือชาวไซที่ถูกส่งมาให้ล้วงความลับจากผู้ถูกลืมหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงเดฟก็ต้องระวังเอาไว้ก่อน เนื่องจากเขาคือผู้นำของเหล่าผู้ถูกลืม เดฟจึงไม่สามารถปล่อยให้หญิงสาวคนนึงมาทำลายความพยายามตลอดหลายปีของเขาในมูลนิธิไชน์ลงได้

แคทยาจึงขอให้เดฟเข้ามาในจิตของเธอเพื่อตรวจสอบว่าแท้จริงแล้วเธอถูกส่งมาทำอะไรกันแน่ แต่ถึงกระนั้นเดฟก็ไม่ทำ แคทยาจึงวางแผนที่จะค้นพบความทรงจำที่ขาดๆหายๆไปของเธอด้วยตัวเอง แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าหมิงเป็นคนทำกับเธอแบบนี้เพื่อล้วงความลับจากผู้ถูกลืมและลงมือฆ่าเดฟ แต่ยังไงแคทยาก็ต้องหลบหนีออกจากความดูแลของเดฟให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรกก่อนที่เธอจะทำตามสัญชาตญาณโดยการเดินทางขึ้นเหนือ ไหนจะมีเรื่องที่เกิดปัญหาขึ้นกับผู้ถูกลืมซึ่งเป็นปัญหาที่ดูคล้ายกับชาวไซที่เสียสติ นั่นจึงทำให้เดฟต้องแบกภาระเอาไว้นักขึ้น ทั้งเรื่องผู้หญิงของเขาและผู้คนของเขา

เดฟตามไล่แคทยาจนทันและตัดสินใจพาเธอเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปพิสูจน์ความจริงว่าที่นั่นมีอะไรรออยู่กันแน่ เมื่อไปถึงที่นั่นทั้งคู่ก็ได้รู้ว่าพื้นที่นั้นเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไซซึ่งพินาศด้วยอาการทางจิตที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ทำให้หมิงต้องลงมือกวาดล้างคนเหล่านั้นทั้งหมด แคทยาตั้งใจว่าเธอจะไม่ยอมให้หมิงควบคุมเธอได้ง่ายๆอีก ด้วยการร่วมมือกับเดฟ เขาตั้งมั่นว่าเขาจะฆ่าหมิงให้จงได้

เดฟมีแผนการที่ดีกว่าในการจัดการกับหมิงเพื่อให้แน่ใจว่าแคทยาจะปลอดภัย แต่เวลาก็ไม่คอยท่าเมื่อแคทยาเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่และสมองของเธอเริ่มถูกทำลายจากการตั้งเงื่อนไขไปทีละน้อย แคทยาซ้อนแผนเดฟ แต่ถึงกระนั้นก็แค่ทำร้ายหมิงให้บาดเจ็บสาหัส เมื่อแคทยาเข้าใกล้ความตาย เดฟไม่สามารถที่จะปล่อยเธอไปได้ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะรั้งเธอเอาไว้ได้เหมือนกัน แต่แล้วปาฏิหารย์ได้เกิดขึ้นเมื่อคีแนนและนูร์รักษาแคทยาจนหายดี และจิตของเธอก็เชื่อมเข้ากับโครงข่ายของเหล่าผู้ถูกลืมโดยแชร์พลังผ่านทางตัวของเดฟ ...

........................................................

บอกตามตรงเลยว่า 4-5 บทสุดท้ายช่วยชีวิตนิยายเล่มนี้เอาไว้ได้อย่างมากๆ หลังจากที่อารมณ์เรานิ่งสนิทเกือบจะตลอดทั้งเล่มในแง่ความสัมพันธ์ตัวละครที่ดูก้าวกระโดดไปแบบรวดเร็วมากๆ จนเราเริ่มสงสัยว่าทั้งคู่ไปรักกันตั้งแต่ตอนไหน

ถึงอย่างไรก็ตาม ... แม้ว่าจะมีบางอย่างประดักประเดิดทั้งในด้านคาแรคเตอร์ของเดฟที่เราว่า possessive จนเกินพอดีไปนิดนึง แต่พลอตหลักก็ยังทำให้เราติดหนึบเมื่อเล่มนี้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนของหน่วยแอร์โรว์มากขึ้น รวมถึงการผูกเรื่องที่ไม่หนักไม่เบา ออกจะพอดีๆด้วยซ้ำถ้าเทียบกับบางเล่มก่อนหน้านี้ที่เนื้อเรื่องดูจะหนักจนมากเกินไป

Blaze of Memory เป็นนิยายที่ทำให้เราอุทานออกมาในช่วงโค้งสุดท้ายของเรื่องบ่อยมากๆ ทั้งในด้านความดราม่าที่ใส่มาแบบพอดีๆไม่ได้เว่อร์เกินความจำเป็น จนทำเอาเราน้ำตาซึม หรือการแก้ไขปัญหาของตัวเอง แม้ว่าจะถอดแบบจากสูตรสำเร็จเป๊ะๆ แต่เราก็ไม่ได้ถือว่านั่นเป็นจุดด้อยของนิยายเรื่องนี้เลย เราออกจะมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นิยายเล่มนี้สมบูรณ์มากขึ้น

เราไม่คิดว่าชื่อภาษาไทยของนิยายเล่มไหนจะเหมาะไปกว่า 'หัวใจในกรงขัง' ที่อธิบายได้ถึงสภาวะความเป็นความตายของนางเอกในเรื่องนี้ได้ดีมากๆ แต่น่าเสียดายที่มีการเปิดเผยความทรงจำที่หายไปของแคทยาเร็วเกินไป ถ้าปล่อยให้คนอ่านได้เดาผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังมากกว่านี้อีกนิด เราว่านิยายเล่มนี้คงจะต้องสนุกมากขึ้นแน่นอน

คะแนน 8/10

Oct 23, 2014

สุดฟ้าทะเลฝัน - The Dream Hunter (Dream-Hunter #1)


ชื่อเรื่อง พรานล่าฝัน ตอน สุดฟ้าทะเลฝัน
จากเรื่อง The Dream Hunter
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ ปัจจุบัน-เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

เมื่อต้องคำสาปให้มีชีวิตนิรันดร์โดยปราศจากอารมณ์ความรู้สึก เอริโกสจะมีความรู้สึกได้ก็ต่อเมื่อเขาอยู่ในความฝันของผู้คนอื่นเท่านั้น นับพันๆปีที่เขาเที่ยวท่องผ่านนิทรารมย์ของมวลมนุษย์เพื่อรับรู้อารมณ์ความรู้สึก ในที่สุดเขาก็ได้พบคนช่างฝันผู้มีอารมณ์บรรเจิดเพริศแพร้ว ที่เติมเต็มความว่างเปล่าให้เขาได้
ดอกเตอร์มีเจียร่า กาเฟียรี่ มองเห็นบิดาทำลายชีวิตและชื่อเสียงของเขาด้วยการค้นหาเพื่อพิสูจน์ว่าแอตแลนติสมีอยู่จริง คำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อก่อนเขาตายว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงของเขาชักนำให้หล่อนเดินทางมาสู่กรีซ ตั้งใจจะพิสูจน์ให้ได้ว่า เกาะในตำนานตั้งอยู่ในจุดที่พ่อของหล่อนบอกว่ามันตั้งอยู่ แต่หล่อนกลับพบชายแปลกหน้าลอยคออยู่ในท้องทะเล...ชายที่หล่อนเคยเห็นใบหน้าของเขามาแล้วหลายครั้งหลายครา...ในความฝัน
สิ่งที่หล่อนไม่รู้ก็คือ เอริกเก็บงำความลับไว้มากกว่าความลับเก่าแก่โบราณทื่ช่วยให้หล่อนค้นพบเกาะปริศนาแห่งแอตแลนติส เขาทำข้อตกลงกับยมเทพเฮดิสเอาไว้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการเป็นมนุษย์สองสัปดาห์ เขาจะต้องกลับไปสู่สรวงสวรรค์โอลิมปัส พร้อมกับวิญญาณของมนุษย์หนึ่งดวง...วิญญาณของมีเจียร่า

REVIEW

เจียรี่เดินทางมาสำรวจแอตแลนติสที่จมอยู่ในท้องทะเลโดยได้รับความช่วยเหลือของเอริก ดรีม-ฮันเตอร์ผู้ผันทำสัญญากับเฮดิสเพื่ออยู่ในร่างมนุษย์เพียงสองอาทิตย์ แลกกับดวงวิญญาณของเจียรี่ที่เขาจะนำไปมอบให้ แม้ว่าทั้งเจียรี่และเอริกเคยพบหน้ากันหลายครั้งหลายคราในความฝัน แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งคู่ก็ไม่อาจแตะต้องกันได้ดังใจ จนกระทั่งเสียงเรียกร้องจากอโพลิมีดึงดูดให้เจียรี่หาทางที่จะปลดปล่อยนางออกมาจากท้องทะเลลึก ทั้งเหล่าข้ารับใช้เทพเจ้าที่แฝงตัวอยู่ในคณะสำรวจต้องหาทางยับยั้งไม่ให้เจียรี่ปลอดปล่อยอโพลิมีออกมา

เรือสำรวจของเจียรี่เกิดระเบิดและทำให้เธอต้องยกเลิกการสำรวจไปกระทันหัน พอดีกับที่เธอตัดสินใจออกเดทกับอีริกและล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา นั่นจึงทำให้ชีวิตของเจียรี่มีเรื่องยุ่งยากมากกว่าที่คิด เมื่อความจริงเรื่องข้อแลกเปลี่ยนของเอริกถูกเปิดเผยทำให้เขาถึงแก่ชีวิต จึงเป็นหน้าที่ของเจียรี่ในการนำดวงวิญญาณของเอริกกลับคืนมาโดยการทำข้อตกลงกับเฮดิสโดยมีเพอร์เซฟโฟนี ภรรยาของเขาร่วมมือด้วยอีกคน

เจียรี่และเอริกต้องผ่านบททดสอบการเดินทางออกจากนรก ทั้งคู่จะไม่สามารถมองหันหลังกลับไปเป็นอันขาด ไม่งั้นเอริกจะติดอยู่ในนรกชั่วนิรันดร์ แต่ในที่สุดเจียรี่ก็ทำสำเร็จและเธอตัดสินใจที่จะทำให้การค้นพบแอตแลนติสของเธอยังคงเป็นความลับอยู่ต่อไป เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของผู้คนที่เธอรู้จักอีกแล้ว

.....................................................................

เล่มนี้อ่านไปได้สักพัก อารมณ์ก็ชะงักเป็นระยะๆ สงสัยเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ของพระนางที่รวบรัดและก้าวกระโดดมากๆ เข้าใจว่าทั้งคู่รู้จักกันมาในความฝันแล้ว แต่ในความเป็นจริง ... เราว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและการทำความเข้าใจกับตัวเองมันดูหยาบๆเกินไป บางเรื่องก็ไม่มีน้ำหนักมาพอมารองรับ แถมคาแรคเตอร์บางตัวยังดูลอยๆชอบกล

ถ้าเทียบๆกับงานชุดก่อนหน้าของเชอร์ริลีนอย่าง Dark-Hunter ถือว่า Dream-Hunter ตกมาตรฐานไปเลยทีเดียว แต่เราก็ยังชอบการนำปกรณัมกรีกมาเล่าใหม่ให้น่าสนใจตามสไตล์ของนักเขียนท่านนี้กับการแก้ไขปัญหาตัวละครตอนท้ายๆเรื่องที่ทำให้นิยายเล่มนี้ดูมีอะไรขึ้นมาหน่อยนึง

เราหักคะแนนตอนต้นๆเรื่องที่รู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่ค่อยคืบหน้าไปไหนเลย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรนักในความคิดของเรา การอ่านนิยายเล่มนี้ทำให้เรานึกถึงการ์ตูนของวอลท์ดิสนีย์เรื่อง Atlantis เราคิดว่าธีมการผจญภัยเหมือนกันมาก แม้ว่า Dream Hunter จะออกมาในรูปแบบที่มีการผสมผสานตำนานเทพเจ้าด้วยก็ตาม ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

คือถ้าจะอ่านเพลินๆ ก็ได้นะ แต่ถ้าจะอ่านจริงจังและจับประเด็นสำคัญๆหรือความดราม่าเหมือนตอนอ่าน Dark Hunter เราว่านิยายเล่มนี้ยังตอบโจทย์ได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะยังมีบางส่วนบางตอนที่ยังดูขาดๆเกินๆอยู่

คะแนน 7/10

Oct 22, 2014

Angelfall (Penryn & the End of Days #1)



ชื่อเรื่อง Angelfall
ผู้แต่ง Susan Ee
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ Amazon Children's Publishing

เรื่องย่อ

It's been six weeks since angels of the apocalypse descended to demolish the modern world. Street gangs rule the day while fear and superstition rule the night. When warrior angels fly away with a helpless little girl, her seventeen-year-old sister Penryn will do anything to get her back.

Anything, including making a deal with an enemy angel.

Raffe is a warrior who lies broken and wingless on the street. After eons of fighting his own battles, he finds himself being rescued from a desperate situation by a half-starved teenage girl.

Traveling through a dark and twisted Northern California, they have only each other to rely on for survival. Together, they journey toward the angels' stronghold in San Francisco where she'll risk everything to rescue her sister and he'll put himself at the mercy of his greatest enemies for the chance to be made whole again.

REVIEW

ในตอนแรก ... มันเริ่มต้นจากขนนกเส้นหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ...

หลังวันสิ้นโลก กองทัพเทวดาบุกโจมตีพื้นที่ทุกแห่งหน เพนรินพาแม่และน้องสาวผู้พิการของเธอฝ่าความเงียบสงัดกลางเมืองเพื่อไปซ่อนในที่ที่ปลอดภัย ถ้าเธอไม่เจอการต่อสู้กันระหว่างเทวดาเสียก่อน เทวดาตนหนึ่งผู้มีปีกสีขาวราวหิมะถูกโจมตีและสูญเสียปีกของเขาไป ในขณะที่เพจ น้องสาวของเพนรินถูกเทวดาจับตัวไป ที่มีเหลืออยู่ตอนนี้คือเทวดาตนหนึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งเพนรินต้องพาเดินทางไปด้วยและรักษาจนกว่าเขาจะได้สติและรีดเค้นข้อมูลให้ได้ว่าพวกเขาเอาน้องสาวของเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน หรือน้องสาวของเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

เทวดาตนนั้นมีนามว่า ราฟี่ เขาและเพนรินต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยเพจให้ได้ใจขณะที่เพนรินสัญญาว่าจะคืนและรักษาปีกให้เขา ทั้งคู่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัวและรักษาบาดแผล หากราฟี่ไม่ถูกกองกำลังมนุษย์จับได้เสียก่อน นั่นทำให้เขารู้ว่ามีมนุษย์บางกลุ่มกำลังวางแผนอย่างลับๆเพื่อหาทางโจมตีกลับเหล่าเทวดา ราฟี่และเพนรินหลบหนีออกมาได้และมุ่งหน้าไปยังซานฟรานซิสโกที่ตอนนี้ถูกสงครามทำลาย ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าเข้าสู่รังที่เหล่าเทวดากบดานอยู่เพื่อช่วยเพจออกมา

เพนรินตามหาเพจจนเธอและพบว่าเธอถูกเปลี่ยนสภาพไปเป็นอะไรบางอย่าง ในขณะที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในรังของเทวดาเพื่อก่อชนวนระเบิดอันนำไปสู่ก้าวแรกแห่งการโต้ตอบของมนุษยชาติ เพนรินได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้ ส่วนราฟี่ที่ได้รับความช่วยเหลือในการเย็บปีกกลับคืนกลับถูกหักหลังและติดปีกของปีศาจเข้าไปแทน เนื่องจากเขาได้ไปขวางทางขึ้นสู่อำนาจของเทวดาบางองค์เข้า นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ราฟี่ถูกทำร้ายตั้งแต่ทีแรก

รังของเทวดาระเบิดย่อยยับ ก้าวเล็กๆของมนุษยชาติในการต่อต้านเทวดาลุล่วงไปด้วยดี เพนรินเห็นราฟี่บินได้อีกครั้งแม้ว่านั่นจะไม่ใช่ปีกของเขาก็ตาม ...

........................................................................

เราหมดความสนใจที่จะอ่านเรื่องนี้ไปตั้งแต่ 30% แรกของเล่ม ทั้งๆที่เนื้อเรื่องอยู่ในเกณฑ์สนุกใช้ได้เลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเราก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครแต่ละตัวได้ นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระนางที่แทบจะไม่คืบหน้าและไม่แสดงอะไรออกมาเลย เหมือนผู้เขียนต้องการให้เราโฟกัสไปที่เนื้อหาหลักเกี่ยวกับสงครามระหว่างเทวดาและมนุษยชาติเสียมากกว่า

หลังๆก็เลยกลายเป็นว่าเราต้องอ่านแบบ skimming เพราะทนอารมณ์อันเหนื่อยหน่ายของตัวเองที่ต้องการจะอ่านเล่มนี้ให้จบๆไม่ไหว หากเราสรุปประเด็นอะไรผิดพลาดก็เป็นความผิดของเราเองที่อ่านเนื้อเรื่องไม่ละเอียด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ... เราว่าพลอตเรื่อง Angelfall น่าสนใจและแนวทางในการดำเนินเรื่องก็ดีมากๆ แต่สิ่งที่ขาดไปคือ 'เอกลักษณ์' ที่จะดึงดูดผู้อ่านให้ติดหนึบไปกับการผจญภัยของตัวละคร และอีกสิ่งคือ 'ที่มา' ของตัวละครและ 'สาเหตุ' ของเรื่องทั้งหมดที่ผู้เขียนบรรยายได้ไม่เคลียร์อย่างแรง นี่ก็คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยอินกับตัวละครมากเท่าที่ควร

เราว่าน่าเสียดายมากๆ ถ้าหาก Angelfall สามารถเติมเอกลักษณ์ให้ตัวเองที่จะทำให้นักอ่านนึกถึงนิยายเล่มนี้ทันที หากมีใครเอ่ยประเด็นสำคัญๆอะไรขึ้นมาสักอย่าง แต่นี่ ! ถ้าจะให้เราแนะนำคนอื่นให้อ่านนิยายเล่มนี้ บอกตามตรงว่าเราไม่รู้จะเอาอะไรไปพรีเซนต์ได้เลย  อย่างเช่น นิยายเล่มนี้เกี่ยวกับสงครามระหว่างเทวดากับมนุษยชาติ งั้นหรอ ? เราว่ามันก็ไม่น่าสนใจมากพอเพราะมันดันไปคล้ายกันเต็มๆกับภาพยนตร์เรื่อง Legion น่ะสิ นอกจากที่เอ่ยมาแล้วก็ไม่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอีกเลย ทั้งคาแรคเตอร์พระนางที่ไม่โดดเด่นโดดเด้ง ออกจะจืดชืดไปด้วยซ้ำ และด้วยนิสัยใจคอความคิดของเพนริน จึงทำให้เราไม่รู้สึกว่าเธอพิเศษกว่าใครเลย

ขอให้คะแนนแค่ 5 คะแนนก่อน แต่ต้องบอกว่านิยายเล่มนี้สนุก แต่การเล่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่แนวทางที่เราชอบเท่านั้นเอง ^.^

คะแนน 5/10

Night of Cake & Puppets (Daughter of Smoke & Bone #2.5)


ชื่อเรื่อง Night of Cake & Puppets
ผู้แต่ง เลย์นี เทย์เลอร์
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ Little, Brown Books

เรื่องย่อ

In Night of Cake & Puppets, Taylor brings to life a night only hinted at in the Daughter of Smoke & Bone trilogy—the magical first date of fan-favorites Zuzana and Mik. Told in alternating perspectives, it’s the perfect love story for fans of the series and new readers alike. Petite though she may be, Zuzana is not known for timidity. Her best friend, Karou, calls her “rabid fairy,” her “voodoo eyes” are said to freeze blood, and even her older brother fears her wrath. But when it comes to the simple matter of talking to Mik, or “Violin Boy,” her courage deserts her. Now, enough is enough. Zuzana is determined to meet him, and she has a fistful of magic and a plan. It’s a wonderfully elaborate treasure hunt of a plan that will take Mik all over Prague on a cold winter’s night before finally leading him to the treasure: herself! Violin Boy’s not going to know what hit him

REVIEW

Night of Cake & Puppets เป็นนิยายตอนสั้นๆซึ่งเล่าถึงการพบเจอครั้งแรกระหว่างมิคและซูซานา
น่ารักมากกกกก อบอุ่นมากกกกก
เราชอบการบรรยายถึงกลเม็ดในการที่ซูซานาให้แผนที่บอกใบ้หาทางมาหาเธอ แต่ละวิธีก็ครีเอทๆทั้งนั้น
แล้วตอนท้ายที่เธอคลาดกับมิค จนคิดว่ามิคอาจจะไม่ตามเธอมาแล้ว
ที่ไหนได้ ... มิคก็ทำเซอร์ไพรส์เธอจนได้
อ่านแล้วอบอุ่น สบายๆ แถมเรายังชอบบทสนทนาระหว่างซูซานากับคารูว์ด้วย ดูมีสีสันมากๆ

คะแนน 9/10

Oct 19, 2014

Obsidian (Lux #1)


ชื่อเรื่อง Obsidian
ผู้แต่ง Jennifer L. Armentrout
วรรณกรรมเยาวชน โรมานซ์-เหนือจริง
สำนักพิมพ์ Entangled Teen

เรื่องย่อ

Starting over sucks.

When we moved to West Virginia right before my senior year, I'd pretty much resigned myself to thick accents, dodgy internet access, and a whole lot of boring.... until I spotted my hot neighbor, with his looming height and eerie green eyes. Things were looking up.

And then he opened his mouth.

Daemon is infuriating. Arrogant. Stab-worthy. We do not get along. At all. But when a stranger attacks me and Daemon literally freezes time with a wave of his hand, well, something...unexpected happens.

The hot alien living next door marks me.

You heard me. Alien. Turns out Daemon and his sister have a galaxy of enemies wanting to steal their abilities, and Daemon's touch has me lit up like the Vegas Strip. The only way I'm getting out of this alive is by sticking close to Daemon until my alien mojo fades.

If I don't kill him first, that is

REVIEW

เคที่ย้ายมาอยู่ในเมืองเล็กๆ  เมื่อเคธี่ได้ผูกมิตรกับเด็กสาวที่ชื่อดีกับเด็กหนุ่มที่ชื่อเดม่อน ซึ่งดูเหมือนจะเกลียดขี้หน้าเธออยู่เนืองๆ ชีวิตใหม่ของเคที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยปริศนามากมาย ไหนจะเรื่องการที่เธอถูกทำร้ายและข่าวลือเรื่องเอเลี่ยนที่ยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่ เมื่อเคที่ตกอยู่ในอันตรายจากการโดนรถพุ่งขน เดม่อนก็มาช่วยเธอเอาไว้ ด้วยความสามารถที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เดม่อนตัดสินใจบอกความจริงกับเคที่ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เขาคือ Luxen เอเลี่ยนที่อพยพมาอาศัยอยู่บนโลก เผ่าพันธุ์ของเขา มีรูปร่างที่แท้จริงเป็นกลุ่มแสงและมีความสามารถแตกต่างกันไปนั้นต้องหลบหนีจาก Arum ศัตรูที่ตามล่

ร่องรอยการใช้พลังที่เดม่อนทิ้งเอาไว้หลงเหลืออยู่บนตัวเคที่ และนั่นจึงทำให้เดม่อนตามติดเคที่ทุกฝีก้าวจนกว่าแสงพลังนั้นจะหายไปเพื่อปกป้องคุ้มครองเธอจากการตามล่าของศัตรู เคที่ต้องรับมือการจากโจมตีของ Arum และเอาชีวิตเข้าไปช่วยเดม่อนเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยลบนิสัยกวนประสาทของเดม่อนไปได้

Arum ตนที่รอดชีวิตไล่ล่าเดม่อนและมุ่งหน้ามายังบ้านของดี เคที่ตัดสินใจใช้พลังของดีทำให้ตัวของเธอส่องแสงเพื่อล่อ Arum นั้นไปที่อื่น เคที่ต่อสู้จนเธอบาดเจ็บสาหัสแต่ในที่สุดเธอก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้ เดม่อนช่วยชีวิตของเคที่เอาไว้โดยการกระทำบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองผูกพันธ์เข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง

..................................................................................

เป็นนิยายที่ทำให้เรานึกถึงนิยายอีกหลายเรื่องที่ได้อ่านๆมา ทั้ง Twilight ที่ธีมดำเนินไปแบบเดียวกับเป๊ะๆตั้งแต่ต้นจนจบ หรือกระทั่ง I am number 4 ในเรื่องแอ็คชั่นไซไฟที่โครงเรื่องไลเลี่ยกันมา แต่เรื่องนี้กลับปูพื้นไม่แน่นเท่า แม้ว่า Obsidian จะต่อเสริมเติมแต่งต่อยอดจากนิยายทั้งสองเรื่องที่เรากล่าวมา แต่เราก็พบว่าความรู้สึกหลังอ่านนิยายเล่มนี้จบคือนิ่งมากๆ บอกไม่ได้ว่าชอบหรือเกลียดนั่นแน่ ออกจะกึ่งๆอยู่ระหว่างสองอย่างนั้นด้วยซ้ำมั้ง

การออกแบบคาแรคเตอร์ของนิยายเล่มนี้อย่างเคที่ เชื่อว่าถูกใจใครหลายๆคนที่ชอบอ่านหนังสือแน่นอน เพราะเธอคือ Blogger ที่ทำหน้าที่รีวิวหนังสือนิยายที่เธออ่าน และอยู่มาวันหนึ่งก็จับพลัดจับผลูไปเจอเพื่อนบ้านมาดแมนแฮนซั่มเข้า เธอก็ชักจะสงสัยว่าเขาอาจจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา จนมีเหตุให้ค้นพบความจริงนั่นแหละ เธอถึงรู้ว่าเดม่อนเป็นอะไรกันแน่ แต่เราว่าถ้าจะนับจริงๆ เนื้อเรื่องมันเริ่มไปสนุกช่วง Chapter 20 เป็นต้นไปอ่ะ -*- ช่วง Chapter แรกๆ เฉยมาก มีบาง Chapter ที่น่าเบื่อเกินไปด้วยซ้ำเพราะมันไม่มีอะไรนอกจากบรรยายชีวิตวัยรุ่นไฮสคูลธรรมดาๆ

เราชอบการเล่าเรื่องที่ไม่สะดุดและต่อเนื่องไปตลอดทั้งเรื่อง แต่ความรู้สึกในเชิงลบกลับมีมากกว่าทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระนางที่ดำเนินไปช้ามากๆ แทบจะจบเล่มแล้วทั้งคู่ยังไม่ได้แสดงความรู้สึกแบบที่อะไรที่ดูชัดเจนเลย  (นอกจากจะง๊องแง๊งตั้งแง่ไม่ยอมพูดกันเพราะความกวนประสาทของพระเอกนี่แหละ) ชอบให้คนอ่านมโนไปเองว่าทั้งคู่ต้องมีซัมติงอะไรกันแน่ๆ แต่พระเอกก็เก๊กหน้าเก่งมาก(ทั้งเรื่อง) หรือกระทั่งภัยคุกคามของเนื้อเรื่องที่แทบจะถอดแบบ Twilight มาทุกระเบียด ซึ่งเราคิดว่า Obsidian ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำในบางมุม แต่เมื่อผนวกทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว เรากลับชอบความรู้สึกตอนอ่าน Twilight มากกว่า 

เราคิดว่าคงจะติดตามต่อไปนะ เพราะเรารู้สึกว่านิยายชุดนี้ต้องสนุกมากขึ้นไปเรื่อยๆแน่นอน ดูเหมือนอะไรๆเริ่มจะลงตัวและความรู้สึกของพระนางเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาบ้างแล้ว เรามีความเชื่อลึกๆว่าเล่มต่อๆไปต้องทำได้ดีกว่าเล่มแรกนี้แน่นอน

คะแนน 6.5/10

Oct 11, 2014

นิมิตแห่งเทวาและอสูร - Dreams of Gods & Monsters (Daughter of Smoke & Bone #3)



ชื่อเรื่อง นิมิตแห่งเทวาและอสูร
จากเรื่อง Dreams of Gods & Monsters
ผู้แต่ง เลย์นี เทย์เลอร์
ผู้แปล พรรษพร ชโลธร
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

เมื่อกองทัพเทวาฝ่ายอธรรมล่วงล้ำเข้าไปในโลกมนุษย์ คารูว์ และ อาคีวา จึงต้องผนึกกำลังกองทัพของตน เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามนั้น ความหวังครั้งใหม่ก่อกำเนิดขึ้น...ความหวังเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างสองเผ่าพันธุ์ แม้กระทั่งความหวังเรื่องความรัก แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า ยังมีภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่กว่ารอพวกเขาอยู่ที่อีกฟากของขอบฟ้า มนุษย์ เซราฟิม และไคเมรา ร่วมมือกันต่อสู้ ดิ้นรน และล้มตายในมหาสงคราม ที่จะทำลายเส้นแบ่งระหว่างศัตรูกับพันธมิตร ความดีกับความเลวลงโดยสิ้นเชิง

REVIEW

กาลครั้งหนึ่ง เทวาและปีศาจเอามือทาบหัวใจตน ... และเปิดฉากวันสิ้นโลก

เมื่อกองทัพเทวาฝ่ายชั่วร้ายเดินหน้าบุกโลกมนุษย์ อาคีวาและคารูว์จึงต้องร่วมมือกันภายใต้สถานการณ์อันไม่น่าไว้วางใจของแต่ละฝ่าย ความเป็นศัตรูกันของไคเมราและเทวาหยั่งรากลึกเกินกว่าจะเชื่อว่าทั้งคู่จะร่วมมือกันผนึกกองทัพต่อต้านจาเอล ภายใต้โฉมหน้าอันน่าสะพรึงของทิอาโกผู้นำของเหล่าไคเมรานั้นคือซิริ ชายหนุ่มที่หลงรักคารูว์และคาดหวังว่าทั้งสองจะมีอนาคตร่วมกันได้ แม้ว่านั่นจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆแค่ไหนก็ตาม เมื่อความปราถนาระหว่างอาคีวาและคารูว์ยังลุกโพลงอยู่ทุกขณะจิต

หนทางที่มีคือความริบหรี่ที่จะเอาชนะสงครามครั้งนี้โดยสูญเสียเหล่ามวลมนุษย์ให้น้อยที่สุด คารูว์ทำหน้าที่ปลุกชีพกองทัพไคเมรา ในขณะที่อาคีวานั้นจมอยู่กับตัวเองเพื่อพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดในสงครามครั้งนี้ เมื่อทางออกเริ่มแจ่มชัดขึ้น คารูว์และอาคีวาจึงมีความหวังว่าทั้งคู่สามารถก้าวผ่านสงครามครั้งนี้ไปได้ ในขณะที่ทางฝั่งโลกมนุษย์เกิดความยุ่งเหยิงทั้งเรื่องการแถลงการณ์ของเหล่าเทวาซึ่งนำทัพโดยจาเอลว่าจะมีปีศาจบุกมาทำร้ายมนุษย์ และหลักฐานการมีอยู่ของอีกจักรวาลก็มีมากขึ้นไปอีกเมื่อมีการขุดพบศพของเหล่าไคเมราที่ถูกฝังเอาไว้

Oct 5, 2014

Tangled (Tangled #1)


ชื่อเรื่อง Tangled
ผู้แต่ง Emma Chase
โรมานซ์ ร่วมสมัย
สำนักพิมพ์ Omnific Publishing

เรื่องย่อ

Drew Evans is a winner. Handsome and arrogant, he makes multimillion dollar business deals and seduces New York’s most beautiful women with just a smile. He has loyal friends and an indulgent family. So why has he been shuttered in his apartment for seven days, miserable and depressed?

He’ll tell you he has the flu.

But we all know that’s not really true.

Katherine Brooks is brilliant, beautiful and ambitious. She refuses to let anything - or anyone - derail her path to success. When Kate is hired as the new associate at Drew’s father’s investment banking firm, every aspect of the dashing playboy’s life is thrown into a tailspin. The professional competition she brings is unnerving, his attraction to her is distracting, his failure to entice her into his bed is exasperating.

Then, just when Drew is on the cusp of having everything he wants, his overblown confidence threatens to ruin it all. Will he be able untangle his feelings of lust and tenderness, frustration and fulfillment? Will he rise to the most important challenge of his life?

Can Drew Evans win at love?

Tangled is not your mother’s romance novel. It is an outrageous, passionate, witty narrative about a man who knows a lot about women…just not as much as he thinks he knows. As he tells his story, Drew learns the one thing he never wanted in life, is the only thing he can’t live without.

REVIEW

ดรูว์ไม่นึกมาฝันมาก่อนว่าหญิงสาวที่เขาติดตาต้องใจในคืนสุดร้อนแรง จะเข้ามาทำงานในบริษัทของเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือดรูว์ต้องการแม่สาวแคทเทอรีน บรู๊คส์คนนี้สุดใจขาดดิ้น จนกระทั่งเธอกลายมาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งในที่ทำงานของเขานี่แหละ ดรูว์จึงต้องหาทางจัดการกับผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อเธอกำลังจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเขา แล้วยังจะมาแย่งลูกค้าคนสำคัญของดรูว์ไปอีก งานนี้ดรูว์จึงสู้สุดตัว มาทำงานตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ค้นคว้าหนังสือที่มีทุกเล่มที่มีเพื่อเอาชนะเธอให้ได้

ผลปรากฏออกมาว่าทั้งดรูว์และเคทต้องเริ่มมือกันในงานชิ้นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ดรูว์ไม่สามารถละสายตาไปจากเคทได้ทั้งๆที่เธอมีคู่หมั้นแล้ว ดรูว์ออกโรงปกป้องเคทจนทั้งคู่ต้องยกเลิกข้อตกลงทางธุรกิจอันสำคัญครั้งนี้กับลูกค้า แต่ดรูว์ไม่นึกเสียใจเลยเมื่อเขากระทำสิ่งที่คิดว่าสมควรทำ หลังจากนั้นไม่นานเคทก็เลิกกับคู่หมั้นของเธอ สิ่งเดียวที่ดรูว์รู้คือ ... เคทกำลังเปิดโอกาสให้เขาแล้ว

ดรูว์พาเคทขึ้นเตียงเขาได้สำเร็จ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมานานจนกระทั่งดรูว์รู้ตัวว่าเขาหลงรักเคทเข้าให้แล้ว เขาหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่น แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเมื่อแฟนเก่าของเคทกลับมาขอคืนดี ดรูว์จึงคิดว่าเคทกำลังจะทิ้งเขา เขาเลยตัดสินใจพูดคำร้ายๆใส่หน้าเคทไปเพื่อตัดเธอ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด พอดรูว์ตระหนักได้ว่าเขาต้องการเคทมาอยู่ในชีวิตของเขามากเพียงใด ดรูว์จึงลองคิดทุกอย่างใหม่ บางที ... เคทอาจจะไม่ได้กลับไปคืนดีกับแฟนเก่าอย่างที่เขาคิดก็เป็นไปได้

ดรูว์ขอโอกาสคืนดีกับเคทอีกครั้ง แต่เคทก็ไม่ใจอ่อนง่ายๆเอาเสียเลย ดังนั้นดรูว์จึงต้องงัดสารพัดวิธีออกมาเพื่อเอาชนะใจหญิงสาวให้ได้ แม้ว่าดรูว์จะลงทุนแค่ไหน ทั้งวงดนตรี ดอกไม้สวยๆ แม่ชี หรือกระทั่งคำสารภาพบนท้องฟ้าของเขา เคทก็ไม่คิดจะให้โอกาสเขาเลย ดรูว์จึงต้องงัดไม้ตายออกมา จนเคทยอมไปดินเนอร์กับเขา ที่นั่น ดรูว์ใช้มุขจากภาพยนตร์ The Notebook มาง้อเคทและทำให้เธอยอมคืนดีกับเขาในที่สุด ...

......................................................

จุดเด่นของนิยายเล่มนี้คือการเขียนที่โลดแล่นและมีความสดใหม่ ไม่แปลกที่หลายคนอ่านแล้วชอบ เพราะ Tangled เล่าผ่านมุมมองของ Playboy ตัวเอ้อย่างดรูว์ ความคิดของเขานั้นช่างจิกกัดและน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน ผู้ชายที่มั่นใจแบบนี้มักจะมีมุมมองที่กว้างและเต็มไปด้วยสีสัน นั่นยังไม่รวมถึงความงี่เง่าของตัวพระเอกที่ทำเอาเราเกลียดไม่ลง เพราะทุกอย่างที่ดรูว์ทำลงไปนั้น คือสิ่งที่มนุษย์ผู้ชายทุกคนต้องเคยคิดหรือเคยทำลงไปกันแน่ๆ

อีกสิ่งหนึ่งทีเราขอชื่นชมนั่นก็คือ ผู้แต่งเป็นผู้หญิง แต่เขียนงานในมุมมองของผู้ชายออกมาได้ดีมากๆ อ่านๆไปก็เหมือนฟังเพื่อนผู้ชายในกลุ่มมานั่งเล่าเรื่องแฟนสาวของเขาให้ฟัง มันเจ๋งดีสำหรับไอเดียการเล่าเรื่องแบบนี้พร้อมด้วยมุขตลกๆที่หยอดมาเป็นระยะๆ  ซึ่งตอนแรกก็ตลกอยู่หรอกมันคือความสดใหม่ของเนื้อเรื่อง พอไปกลางๆท้ายๆเราก็เริ่มจะเฉยๆละ สงสัยชินกับแนวทางในการเล่าเรื่องของเอ็มม่าไปแล้ว

แต่ก็มีบางจุดในนิยายเล่มนี้ที่ดรอปๆลงไปบ้างซึ่งเราก็ไม่ได้มองว่ามันแย่อะไร แต่จุดที่เราคิดว่ารู้สึกขัดใจมากที่สุดก็คือ Bed Scene ตอนกลางเรื่องที่มันเฝือเหลือเกิน หนึ่งหรือสองครั้งนี่พอไหวนะ แต่นี่เล่นซะเยอะแยะมากมาย มาแบบคอมโบ้กันเลยทีเดียว ครบทุกท่าทุกกระบวนการ ปกติเราจะชอบอ่านเลิฟซีนกุ๊กกิ๊กระหว่างพระนางนะ แต่พอมาเจอเล่มนี้เนี่ย แอบเซงเบาๆว่าเมื่อไรจะจบแล้วเนื้อเรื่องจะได้เดินหน้าสักที คือเราว่าเอ็มม่าใส่มาถูกจังหวะก็จริง แต่เธอลากยาวเกินไปจนอาจทำให้ดูน่าเบื่อไปเลยถ้าระหว่าง Bed Scene นั้นเนื้อเรื่องไม่มีความคืบหน้าใดๆ

บอกตามตรงว่าแอบลุ้นตามดรูว์ตามง้อเคทตอนท้ายมากๆ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะต้อง HEA แน่นอน แต่ก็สงสารอีตาดรูว์นะ พยายามทุกวิถีทาง แต่ละวิธีก็น่ารักๆทั้งนั้น (คาดหวังว่าฉากง้อตอนสุดท้ายมันจะต้อง epic กว่านี้ แต่ไม่เป็นไร ได้แค่นี้ก็ดีเท่าไรแล้วสำหรับผู้ชายอย่างดรูว์ 555)

คะแนน 9/10

Oct 2, 2014

ปาฏิหาริย์แห่งอัคคี - Inferno (Chronicles of Nick #4)


ชื่อเรื่อง โครนิเคิลส์ออฟนิค ตอน ปาฏิหาริย์แห่งอัคคี
จากเรื่อง Inferno
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

สถานการณ์ยังคงคุกรุ่น ในขณะเดียวกัน ภัยคุกคามใหม่สำหรับมนุษยชาติก็อุบัติขึ้น...
นิคมีใบขับขี่แล้ว และเขาใช้มันอย่างไม่ลังเล แต่การย่างเข้าสู่อายุสิบหกไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ขณะที่เด็กผู้ชายในวัยเขาจะกังวลเรื่องการหาคู่ควงออกงานพร็อมและการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย นิคกลับมีศัตรูที่ดาหน้ากันเข้ามาเพื่อจบชีวิตเขา เขาไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้วว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง พันธมิตรเดียวที่มีอยู่ก็ไม่แน่นักว่าอาจจะเป็นคนปลิดชีพเขาเสียเอง แถมพวกที่ต้องการจะได้ตัวเขายังอัญเชิญพลังเก่าแก่โบราณที่แม้แต่เทพเจ้ายังหวาดกลัวเพื่อมาเล่นงานนิค เมื่อนิคเรียนรู้ที่จะบัญชาและควบคุมธาตุได้แล้ว ธาตุที่เขาต้องควบคุมให้ได้เพื่อที่จะต่อสู้กับศัตรูรายล่าสุดคือสิ่งที่อาจจะทำลายเขาได้มากที่สุด เพราะตามที่คำโบราณว่าไว้ เปลวไฟนั้นไร้ความปรานีโดยสิ้นเชิง...

REVIEW

นิค โกเชร์ จุดไฟเผาเพื่อนที่โรงเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจ แถมเขายังมารู้ความรักว่าโคดี้ แฟนสาวของเขาตั้งใจจะฆ่าเขาอีก นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่นิคตกเป็นเป้าหมายจากการตามล่าของสิ่งมีชีวิตตั้งครึ่งค่อนจักราลอีกนะ ไหนจะเรื่องเสียงกระซิบแปลกๆที่เขาได้ยินอีก นิคจึงต้องพยายามหาทางจัดการมันก่อนที่ชีวิตของเขาจะสับสนวุ่นวายไปมากกว่านี้

นิคเลิกกับโคดี้และเปิดทางให้สาวอีกคนเข้ามาในชีวิตเขา ดังนั้นชีวิตของนิคจึงเปลี่ยนไปในทางที่เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นมาก่อน นอกจากนี้แล้ว ... กริมยังเข้ามาเป็นอาจารย์เคมีที่โรงเรียนของนิคด้วยเหตุผลบางอย่าง จนเมื่อเหตุการณ์วุ่นๆเกิดขึ้น นิคได้พบกับเพื่อนที่เคยทำร้ายเขาเป็นเหตุให้เขาได้เจอกับไคเรียนในตอนแรก เมื่อสบโอกาส ... จิตใต้สำนึกสั่งให้นิคสังหารเพื่อนของเขาซะ แต่โชคดีที่เขายั้งได้ทันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปและเขาปล่อยให้พลังมาลาไคเข้าครอบงำตัวเขา

อดาเรียนแหกคุกมาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ดังนั้นหนทางเดียวที่นิคพอจะทำได้ก็คือขโมยพลังของพ่อเขามาซะก่อนที่พ่อของเขาจะได้พลังของนิคไปแล้วทำให้ทั้งโลกวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม แต่แผนการณ์ของเขาถูกขัดขวาง เมื่อนิคถูกเฮลลักพาตัวไปยังอีกโลกหนึ่ง ซึ่งโชคดีที่นิคได้รับความช่วยเหลือจากซาวิดให้หลบหนีออกมาจากได้ แต่นั่นก็ทำให้นิคต้องผ่านบททดสอบจิตใจมากมายเหมือนกัน สุดท้ายแล้วนิคก็ต้องเอาตัวเข้าไปผูกติดกับซาวิดเหมือนที่ผูกกับคาเลบอย่างช่วยไม่ได้

นิค คาเลบ โคอี้ ร่วมมือกันเพื่อที่จะช่วยแม่ของนิคซึ่งถูกลักพาตัวไป แต่ใครจะรู้ว่าในขณะที่อดาเรียนชิงชังนิคสุดหัวใจ เขากลับรักแม่ของนิคหมดใจเช่นกัน อดาเรียนสละชีวิตของเขาเพื่อปกป้องหล่อน ดังนั้นพลังมาลาไคจากพ่อของเขาจึงถ่ายเทมาที่ตัวนิคจนหมด ถ้านิคไม่ได้น้ำยาผูกพลังช่วยเอาไว้ เขาก็ไม่รู้จะควบคุมพลังมาลาไคที่เพิ่งได้รับมายังไงเหมือนกัน

เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ก็คือกริมที่วางแผนเอาไว้อย่างแนบเนียน ด้วยการตบตาเฮลเพื่อแลกเปลี่ยนโฮลเลอร์ให้เป็นทาสของนาง และทำให้อดาเรียนอ่อนแอลง เพื่อให้เฮลปล่อยซาวิด ซึ่งจะทำให้ซาเรลด้าแข็งแกร่งมากขึ้นในการผูกหัวใจนิคไว้กับหล่อน แต่แผนของกริมก็มาพังเสียก่อนเมื่อเฮลรู้ทันกลโกงของเขา เป็นผลให้นิคถูกเอลจับตัวไป เมื่อหล่อนรู้ว่าเขาเป็นมาลาไค

.......................................................................................................

งง งง งง (ง.งูล้านตัว) 1/3 ตอนท้ายเป็นอะไรที่เราขอบอกว่า 'หัวสมองเรารับกับรายละเอียดแทบไม่ไหว' มันถาโถมมาชนิดที่เรียกได้ว่า ... ไม่ได้เกรงใจกันเลยทีเดียว คือนอกจากจะมีเรื่องของ Dark Hunter เข้ามาเอี่ยวแล้ว เล่มนี้ยังมีเรื่องของ Hellchaser มาครอสโอเวอร์อีก ไหนจะความเป็นมาของมาลาไคที่มีรายละเอียดยิบย่อยชวนงง รวมถึงเรื่องของคาเล็บและซาวิดที่เป็นตัวละครที่น่าสนใจมากๆในเล่มนี้

เราต้องขอยอมรับว่าเชอร์ริลีนเขียนหนังสือเล่มนี้ได้สนุกกว่าเล่มที่ผ่านๆมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ความสนุกมักพ่วงมาด้วยความอิรุงตุงนังอย่างถึงขีดสุด หากคุณคิดว่าสามเล่มก่อนหน้านี้อิรุงตุงนังแล้ว มาเจอเล่มนี้สามเล่มก่อนหน้าจะกลายเป็นหนังสือนิทานก่อนนอนไปเลย ไม่ใช่แค่รายละเอียดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของเทพเจ้าที่ทำให้เรางงในเล่มนี้อย่างเดียว แต่มันรวมถึงการตัดฉากที่แวบไปแวบมา งงเหลือเกินว่าตกลงนี่ความจริงหรือภาพมายาหรือโลกอะไรก็ตามตามท้องเรื่อง

เราจับแนวทางในการเขียนของเชอร์ริลีนได้แล้ว คือ 2/3 ของเนื้อเรื่องจะอืดๆและช้ามากๆ แทบจะไม่มีประเด็นความสำคัญอะไรนอกเสียจากนิคฝึกใช้พลัง หรืออธิบายชีวิตประจำวันของนิคที่ซ้ำไปซ้ำมากับเล่มก่อนหน้า แต่ไคลแมกซ์ 1/3 ที่เหลือในตอนท้ายจะยิบย่อยไปด้วยรายละเอียดซึ่ง(บางครั้ง)ก็มากเกิน จนเราไม่แน่ใจเชอร์ริลีนลืมไปว่าต้องทำให้คนอ่านเข้าใจด้วยการปูพื้นเสียตั้งแต่ตอนแรกหรือเปล่า ? หรือว่าเชอร์ริลีนคาดเดาว่าผู้อ่านทุกคนที่อ่านงานของเธอต้องรู้ตำนานเทพเจ้าอยู่แล้ว ถึงใส่ๆๆๆๆเนื้อหาแบบไม่มียั้ง ?

บอกได้คำเดียวว่าตั้งตัวไม่ติดจริงๆกับนิยายเล่มนี้ ซึ่งเราเป็นคนที่อ่านนิยายค่อนข้างระเอียดและเก็บประเด็นได้เกือบครบทั้งหมด แต่ Inferno นี่เราขอยอมจำนน โดยเฉพาะตอนท้ายๆที่โหดร้ายทารุณกับเมมโมรี่ของเรามาก เพราะเราถึงกับ Error แล้วต้องเปลี่ยนการอ่านไปโฟกัสการแก้ไขปัญหาของนิคแทนที่จะเก็บรายละเอียดในส่วนของตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามาได้อย่างไม่หยุดหย่อน

และเราก็ได้ข้อสรุปว่า Chronicles of Nick เป็นนิยายที่ไม่น่าจัดอยู่ในหมวด Young Adult เป็นอย่างยิ่งเพราะนึกภาพเยาวชนมาอ่านนิยายเรื่องนี้ คงงงกันเป็นแถบว่าตัวละครตัวนี้เป็นใคร แล้วมีความสำคัญอะไรต่อเนื้อเรื่อง ไม่ต้องพูดถึงน้องๆหนูๆที่อายุไม่ถึง 18 และไม่ได้หยิบชุดพรานราตรีมาอ่าน จะไม่มีทางอ่านเล่มนี้เข้าใจอย่างแน่นอน ! เพราะด้วยพื้นฐานของหนังสือเล่มนี้ คุณต้องอ่านพรานราตรีมาได้ประมาณสิบเล่มถึงจะเก็ตรายละเอียดบางส่วน

เป็น YA ที่เนื้อเรื่องหนักจนไม่น่าจะเป็น YA เอาเสียเลย...

คะแนน 7.5/10

Oct 1, 2014

ศึกปิศาจเทร็กเซียน - Infamous (Chronicles of Nick #3)


ชื่อเรื่อง โครนิเคิลส์ออฟนิค ตอน ศึกปิศาจเทร็กเซียน
จากเรื่อง Infamous
ผู้แต่ง เชอริลีน แคนยอน
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

เรื่องย่อ

ไปโรงเรียน ได้เกรดดี ๆ อยู่ให้ไกลจากปัญหา นั่นคือภารกิจของเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ แต่นิค โกเชร์ไม่ใช่วัยรุ่นธรรมดาทั่วไป เขาเป็นหนุ่มน้อยผู้มีชะตาชีวิตที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ และภารกิจแรกสุดของเขาคือมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ในขณะที่คนอื่น ๆ...รวมทั้งพ่อของเขาเอง...พยายามที่จะฆ่าเขา

เขาเรียนรู้การกำจัดซอมบี้และการปลุกชีพคนตาย การมองเห็นอนาคต และการมองเห็นสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น ถ้าอย่างนั้นทำไมการหัดขับรถกับการมีแฟนถึงได้ยากนักล่ะ? แต่นั่นไม่ใช่ทักษะที่เขาต้องฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ ทักษะการเอาชีวิตรอดต่างหากที่เขาต้องฝึกฝน

นิคอยู่ในจุดที่หมิ่นเหม่ต่อการจะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด... หรือไม่ก็ผู้ที่ทำให้โลกถึงกาลอวสาน เมื่อศัตรูทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่ามารวมพลกัน เขาจะต้องเรียกพลังทุกส่วนของตนออกมาต่อสู้ ไม่เช่นนั้นเขาจะสูญเสียทุกคนที่เขารักใคร่ไยดี...หรือแม้กระทั่งตัวเขาเอง...

REVIEW

นิค โกเชร์ เจอปัญหาใหม่เข้าแล้ว เมื่อเพื่อนๆที่โรงเรียนเขาถูกใครบางคนกลั่นแกล้ง ในขณะที่เขาต้องรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหม่ เมื่ออดาเรียน พ่อแท้ๆของนิคพยายามวางแผนที่จะแย่งชิงพลังของเขา และทำให้ตนเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไหนจะเรื่องเงาแปลกๆที่คอยตามตัวเขาอีกล่ะ เรื่องนี้ชักจะแย่ไปกันใหญ่แล้วสิ !

นิคตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีข่มขืน เขาถูกจับ แต่นั่นยังไม่หนักหนาเท่าก่อนหน้านั้น นิคถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เป็นผลให้เขาต้องลากตัวเองไปยังการต่อสู้ในอีกโลกหนึ่ง นิคใช้พลังมาลาไคของเขาเอาชนะศัตรูโดยที่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของเขา

สุดท้ายแล้ว ... นิคค้นพบว่าปีศาจเทร็กเซียนนี่เองที่ได้เข้าสิงเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเขาและปุกปั่นความแตกแยกระหว่างกัน โดยนิคตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายในเกมนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ... ชะตากรรมอันโหดร้ายก็กำลังรอนิคอยู่เมื่อเขาจะต้องเป็นมาลาไคซึ่งครอบครองขุมพลังแห่งความชั่วร้าย แต่ก็ยังมีหวังลึกๆว่านิคอาจจะเป็นมาลาไคที่แตกต่างจากตนอื่นๆก่อนหน้านี้

.............................................................................

เล่มนี้สนุกกว่าเล่มที่แล้ว แต่เนื้อเรื่องตอนหลังๆนี่สิ อิรุงตุงนังกันไปหมด จนเราตามแทบจะไม่ทัน เดี๋ยวฟื้นเดี๋ยวสลบ จนเราชักจะงงๆว่าตกลงตอนนี้นิคอยู่ในโลกไหนกันแน่ !?

มีประเด็นหลายอย่างในเล่มนี้ที่น่าสนใจ สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างเด่นนั่นก็คือเรื่องของนิคกับแม่ของเขาที่เล่มนี้ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาได้ชัดเจนมากๆ และที่มาที่ไปของมาลาไคก็ตอบคำถามในสองเล่มก่อนหน้านี้ได้พอสมควร แม้ว่าจะยังไม่เคลียร์ 100% แต่ก็พอให้เราสามารถเดาทางได้ว่าแรงจูงใจของตัวละครแต่ละตัวไปในทิศทางไหน

เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านจบภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ด้วยความระทึกของเนื้อเรื่องที่ทิ้งระเบิดทางอารมณ์เป็นพักๆ อ่านแล้วเลยรู้สึกไม่เบื่อ แม้ว่าจะมีบางจุดที่ตามไม่ทันอยู่บ้างก็ตาม สไตล์การเขียนของเชอร์ริลีนที่โลดแล่นอย่างรวดเร็วต่างจาก Dark Hunter มากๆ ซึ่งเราสงสัยว่าสไตล์การเขียนชุดโครนิเคิลส์ออฟนิคนี่ เหมาะกับกลุ่มผู้อ่าน Young Adult จริงๆน่ะหรือ ?

คะแนน 8/10