Jul 30, 2015

The Voyage of the Dawn Treader (Chronicles of Narnia #5)


ชื่อเรื่อง The Voyage of the Dawn Treader
จากชุด Chronicles of Narnia
ผู้แต่ง C.S. Lewis
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ HarperCollins

เรื่องย่อ

Lucy, Edmund, and their cousin Eustace, are magically transported onto the ship, Dawn Treader, where King Caspian is searching for the seven lost friends of his father. On the voyage, the children meet many fantastical creatures, including the great Aslan himself.

REVIEW

ลูซี่ เอ็ดมันด์รวมทั้งยูสตาซได้เดินทางผ่านภาพวาดในห้องไปสู่ท้องทะเลแห่งนาร์เนีย พวกเขาได้พบกับเจ้าชายแคมเปียนที่กำลังล่องเรือเพื่อค้นหาขุนนางที่หายตัวไป และแคสเปียนได้ช่วยลูซี่ เอ็ดมันด์และยูสตาซมาจากพ่อค้าทาสได้อย่างหวุดหวิด และได้ล่องเรือต่อไปเพื่อต่อสู้กับอสุรกายแห่งท้องทะเล รวมไปถึงเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็น ลูซี่จึงต้องเดินทางเข้าไปยังคฤหาสน์ของจอมขมังเวทย์เพื่ออ่านตำราเวทย์ที่ทิ้งเอาไว้ ที่นั่นลูซี่ได้พบกับอัสลานอีกครั้ง

หลังจากเดินทางมาจากเกาะนั้นแล้ว เรือดอว์น เทรดเดอร์ ได้ล่องไปจนถึงบริเวณที่ถูกความมืดมิดปกคลุม และแคสเปียนได้ช่วยลอร์ดคนนึงมาจากที่นั่นได้สำเร็จ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางต่อไปอีกเกาะและได้พบกับลอร์ดอีกสามคนที่กำลังหลับไหลภายใต้มนตร์สะกด แคสเปียน เอ็ดมันด์ ลูซี่ ยูสตาซและรีพีชิ้พได้พบกับดวงดาวที่ไม่อาจโชนแสงได้ รวมถึงได้รู้วิธีที่จะได้ช่วยเหลือลอร์ดทั้งสามให้ตื่นขึ้นมา พวกเขาต้องเดินทางไปยังสุดขอบโลกทางตะวันออกและต้องทิ้งคนใดคนนึงไว้ทีนั่น โดยรีพีชิ้พเป็นผู้อาสาที่ว่านี้ เมื่อเดินทางไปถึงสุดขอบโลก ลูซี่ เอ็ดมันด์และยูสตาซได้พบกับอัสลานอีกครั้ง เขาบอกว่าลูซี่กับเอ็ดมันด์จะไม่ได้กลับมาที่นาร์เนียอีกครั้ง และอัลสานได้พาพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย ในขณะที่แคสเปียนได้ล่องเรือกลับเพื่อไปปกครองนาร์เนีย...

......................................

ช่วงแรกๆของหนังสือเราใช้เวลาอ่าน 7 วัน พอช่วงหลังเริ่มสนุกขึ้น เลยอ่านรวดเดียวจบ ... เล่มนี้จะเล่าถึงการล่องเรือของเจ้าชายแคสเปียนเพื่อตามหาลอร์ดทั้งเจ็ดที่หายตัวไป ถือว่าเป็นหนังสือที่อ่านได้เพลินๆ เราชอบช่วงที่ลูซี่เดินเข้าไปในบ้านเพื่ออ่านตำราเวทย์มากสุดละ แล้วตอนท้ายแคสเปียนเดินทางไปถึงเกาะที่ลอร์ดสามคนนอนหลับอยู่นี่ทำให้เรานึกถึง The Last Supper ขึ้นมาเลย คือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เอาไบเบิลสอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัว ไม่ได้รู้สึกว่ามันโดดขึ้นมาจนเว่อร์เหมือนกับเล่มก่อนๆ

เล่มนี้เราว่าบรรยากาศกลับไปคล้ายๆกับเล่ม The Lion, the Witch, and the Wardrobe บ้างละ คือมันมีเสน่ห์ของการเล่าเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับฟังนิทานก่อนนอน สบายๆ เพลินๆ

คะแนน 8/10

Jul 26, 2015

Nothing Special (Nothing Special #1)


ชื่อเรื่อง Nothing Special
จากชุด Nothing Special
ผู้แต่ง A.E. VIA
อีโรติค Contemporary/Menage
สำนักพิมพ์ Via Star Wings Books

เรื่องย่อ

Detective Cashel 'Cash' Godfrey is big, tattooed and angry so people typically keep their distance. He's fresh out of the police academy, however, no one is looking to partner with the six foot four beast with a huge chip on his shoulder and an inability to trust. When Cash scans the orientation room he wasn't expecting to find sexy hazel eyes locked onto him. Eyes of the handsome Detective Leonidis 'Leo' Day.

Leo is charming, witty, hilariously sarcastic and the only one that can make Cash smile. He’s proud, out and one bad-ass detective.

Together Cash and Leo become the most revered and successful narcotics detectives Atlanta’s ever seen. Able to communicate and understand each other, without even having to voice it, they quickly climb up the promotional ranks.

When Cash saves Leo's life in a raid that turns deadly, Leo begins to see something in the big man that no one else does…something special. But Leo fears he'll never break through the impenetrable wall that protects Cash's heart.

Nothing Special takes the reader through various emotions throughout the richly fulfilling plot that’s full of erotic gay romance, heartache, passion, trials and tribulations, police action scenes, and an intriguing twist that comes to an amazing ending that’s impossible to see coming.

REVIEW

ก็อดและเดย์เป็นคู่หูกันทั้งในและนอกสนาม ทั้งคู่ผ่านการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนตลอดสี่ปีและพวกเขาก็ไว้ใจกันและกันด้วยชีวิต จนกระทั่งวันที่ก็อดต้องเผชิญปัญหากับทางบ้านที่แม่และน้องชายเกลียดชังน้ำหน้าเขาอย่างกับอะไรดีเพราะเข้าใจว่าก็อดเป็นคนฆ่าพ่อเลี้ยงของตัวเอง แต่ก็อดก็ยังส่งค่าใช้จ่ายต่างๆให้กับแม่และน้องชายของเขาอย่างลับๆโดยไม่เปิดเผยตัวตน จนเขาแทบจะไม่เหลือเงินใช้ในแต่ละเดือน

ก็อดเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าเพื่อนให้เดย์มาโดยตลอด เดย์ก็เช่นกัน...เขารู้ว่าก็อดไม่ใช่เกย์เหมือนกับเขา แต่เดย์ก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกรักที่เขามีให้กับก็อดได้จนวันที่ก็อดป่วยเป็นหลอดลมอักเสบและทำให้เดย์ต้องไปดูเขาถึงบ้านเพราะก็อดตัดประกันของตัวเองทิ้งและเขาก็ยืนกรานว่าจะไม่มีโรงพยาบาล นั่นทำให้เดย์ต้องโทรเรียกแจ็กซ์ พี่ชายของเขามารักษาก็อดถึงบ้านจนหายดี แต่โชคร้ายที่เดย์โทรเรียกเจเนซิส น้องชายของก็อดมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นั่นทำให้เขากับก็อดทะเลาะกัน และเดย์ถูกตะเพิดไล่ออกจากบ้าน

ก็อดเสียใจที่เขาไล่เดย์ออกจากบ้านเขาไปแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงตามไปขอโทษเดย์ ทั้งคู่เคลียร์ความรู้สึกกันและก็อดก็สารภาพว่าเขาก็รักเดย์ ดังนั้นทั้งคู่จึงเปิดใจยอมรับความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้น จนกระทั่งวันที่เดย์ถูกจับเป็นตัวประกันและเกือบตาย ก็อดรู้ว่าเขาจะสูญเสียเดย์ไปไม่ได้ เดย์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่

ก็อดเล่าให้เดย์ฟังว่าตอนเด็กๆเขาถูกเพื่อนของพ่อเลี้ยงข่มขืนหลายครั้ง จนเขากับพ่อเลี้ยงทะเลาะกันและกระสุนปืนลั่นใส่พ่อเลี้ยงจนตาย แม่และเจเนซิสเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงคิดว่าก็อดเป็นคนฆ่าพ่อเลี้ยง แต่เมื่อเจเนซิสเห็นเทปบันทึกภาพทั้งหมดที่พ่อเลี้ยงข่มขืนเขาและตามมาขอโทษก็อดถึงบ้าน ทั้งคู่จึงปรับความเข้าใจกันและก็อดก็ได้น้องชายกับแม่คืนมาในที่สุด

ก็อดและเดย์เปิดรับจอห์นสันและโรว์นาวสกี้เข้ามาในเตียงของพวกเขา (พาร์ทนี้พังพินาศมาก เราว่าเนื้อเรื่องปูมาดีๆแบบนี้ไม่แน่ใส่ foursome เข้ามาเลย) และมีความสัมพันธ์แบบ foursome กัน แต่ก็อดก็เก็บความรักที่เขามีให้เพียงเดย์เท่านั้น ก็อดเอาชนะฝันร้ายของเขาโดยให้เดย์เป็นฝ่ายรุกเขาเพื่อลบภาพที่เขาโดนกระทำออกไปจากจิตใจ หลังจากนั้นทั้งก็อดและเดย์ก็ได้เลื่อนขั้นและจัดงานฉลองห้าปีในที่บ้านของพวกเขาทั้งคู่

...............................................................

เนื้อเรื่องช่วงแรกดีมาก (นี่อ่านไปแทบจะลุกขึ้นปรบมือไป) แต่ดันมาพังพินาศราวกับโดนสึนามิถล่มตอน 83% คือเราเข้าใจว่าคาแรคเตอร์ตัวละครทั้งสองนี่น่าจะมาแบบผู้ชายธรรมดา แมนๆสองคน ชวนกันไปเตะบอล ... คือตอนแรกๆที่ต่างฝ่ายต่างเคลียร์ความรู้สึกกันมันดีมากๆ มันให้ความรู้สึกสมจริง รู้สึกว่าเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ก็อดสติแตกเมื่อเห็นเดย์เกือบถูกฆ่าตาย ตอนนั้นพีคมาก (พีคจนขนลุก) แล้วมันดี๊ดีมาเรื่อยๆ จน 83% ที่ก็อดกับเดย์เริ่มความสัมพันธ์แบบ Polygamous และกลายเป็นเอาผู้ชาย 4 คนมา foursome กัน (ขอเอามือก่ายหน้าผากแรงๆ)

คือเราเฉยๆกับความสัมพันธ์ threesome foursome นะ อ่าน open relationship ได้ก็ยังเฉยๆอยู่ แต่เรื่องนี้ตัวละครที่เป็นท็อปก็ดูจะ possessive ตั้งแต่แรก ไม่น่าปล่อยให้แฟนตัวเองไปทำอะไรแบบนี้ได้ แล้วก็ดั๊นเอาตัวละครหนึ่งที่เป็นพวก homophobic ในตอนแรกยัดเข้ามาด้วยในความสัมพันธ์นี้ แล้วกลางๆเรื่องก็เปลี่ยนใจมาเป็นเกย์เฉยเลย มาอ่อนระทวยในอ้อมแขนผู้ชายอีกคน สาเหตุทั้งหมดมาจากพระเอกเข้าไปช่วยชีวิตไว้ในนาทีคับขัน (คือมันใช่หรอ?) แล้วผู้ชายคนนั้นที่ homophobic ก็ออกลาย feminine แรงๆจนเราต้องเอามือก่ายหน้าผากแรงๆอีกครั้ง คือมันไม่สมเหตุสมผลเลย ไม่ว่าจะนอนคิดท่าไหน เราก็ไม่เชื่อว่าตัวละครเหล่านี้คือตัวละครที่เรารู้จักในช่วงแรกของหนังสือ ถึงว่าจะมีจุดให้ตัวละครเปลี่ยนใจก็ตามเถอะ แต่ปุบปับกระทันหันแบบนี้มันดูไม่น่าเชื่อมากเกินไป

การเคลียร์ conflicts ระหว่างก็อดแล้วก็แม่กับน้องชายดูง่ายมากๆ คือพอจะเดาไว้ว่าการแก้ปัญหาต้องมาพร้อมหลักฐานที่ทำให้แม่กับน้องชายเชื่อว่าก็อดโดนพ่อเลี้ยงลงไม้ลงมือจริงๆ แต่ช็อคตรงที่ว่าหลักฐานมาพร้อมกับวิดีโอเทปตอนที่ก็อดโดนข่มขืนพอดี ... โอ้โห ! อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น คือที่จริงเรื่องนี้มันดีนะ ถ้ามองข้ามความไม่สมเหตุสมผลที่ลอยฟุ้งอยู่ไปได้ จะเป็นอีกเรื่องที่อ่านสนุกมากๆเลยล่ะ

คะแนน 7.5/10

Jul 25, 2015

Maybe Someday & Bad Company: Part 1


ชื่อเรื่อง Maybe Someday
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

เรื่องย่อ

MAYBE SOMEDAY is an illustrated novella (Contains 15 illustrations with comprehensive studio notes) which takes the readers back to Shinohara Kenji's first case. The rookie's new assignment tests his resolve in the dark new world of human trafficking that took him from Tokyo into Hong Kong.

REVIEW

ชิโนะฮาระถูกดึงตัวให้ออกปฏิบัติภารกิจในระหว่างที่เขายังเรียนไม่จบ ซึ่งเขารู้แค่ว่าทางตำรวจต้องการเด็กใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักสำหรับภารกิจครั้งนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นชิโนะฮาระจึงถูกส่งตัวไปยังฮ่องกง เพื่อไปทำงานเป็นบาเทนเดอร์ในโรงแรม โดยหวังว่าจะสืบหาเบาะแสของเรอิ เด็กหนุ่มที่หายตัวไปให้ได้ ชิโนะฮาระหลับนอนกับเรนะ สาวสวยที่สนิทกับผู้จัดการโรงแรมเพื่อให้เขาได้รับความไว้วางใจจากคนที่นี่และสามารถเข้าถึงส่วนสำคัญของโรงแรมแห่งนี้ที่ยากูซ่าเป็นเจ้าของได้

แต่แผนการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหมาย ชิโนะฮาระถูกบอสใหญ่อย่างเทราโอกะจับตัวเอาไว้ได้ แถมยังรู้อีกว่าเขาเป็นตำรวจปลอมตัวมา เทราโอกะจึงลงมือข่มขืนชิโนะฮาระและพรากเอาความบริสุทธิ์ของเขาไป เมื่อชิโนะฮาระฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้พบกับโน้ตที่เทราโอกะทิ้งเอาไว้ ซึ่งก็คือสถานที่ที่จะส่งตัวเรอิคืนให้กับเขา แต่เมื่อชิโนะฮาระไปถึงจุดหมาย ... เขาก็พบว่าเรอิอยู่ในสภาพที่กลายเป็นศพและถูกบรรจุใส่กล่องเรียบร้อยแล้ว


ภารกิจครั้งแรกของชิโนะฮาระล้มเหลวไม่เป็นท่า ...

....................................................

ปกสวย แต่เนื้อเรื่องไม่ได้สวยงามตามปกด้วยเลย ... เนื้อเรื่องจะเล่าถึงชิโนะฮาระก่อนที่เราจะรู้จักเขาใน In these words ซึ่งสำหรับเล่มนี้เรามองไม่เห็น connection ระหว่างคาแรคเตอร์ตัวเดียวกันที่เป็นตัวเอกในอีกซีรีย์เลย แต่ก็อย่างว่า ระหว่าง Maybe Someday กับ In these words ยังมี time gap อีกมากมายที่จะทำให้เขากลายมาเป็นชิโนะฮาระแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน

เราเห็นช่องโหว่ในภารกิจครั้งนี้มากมาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่ชิโนะฮาระไปนอนกับเรนะละ ไม่คิดรึว่า...ตอนที่นางเปิดโทรศัพท์ดู นางจะไม่รู้ว่าชิโนะเป็นตำรวจและเอาไปบอกเทราโอกะ ? แถมพวกตำรวจก็ไม่ทันคิดรึยังไงว่าส่งชิโนะไปตอนนี้ พวกยากูซ่าจะไม่สงสัยว่าเป็นสายสืบจากตำรวจ ? ตลกดี เหมือนเรื่องนี้จะแหม่งๆอยู่หลายจุด ขาดความไหลลื่น ซึ่งเราเข้าใจว่าผู้แต่งต้องการภารกิจนี้ล้มเหลวตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่ทุกอย่างมันดูลอยๆไปหน่อย

ฝั่งคัตสึที่ก็โลกสวยชื่นมื่นอยู่กับเดวิด ฝั่งชิโนะก็ดันมาถูกยากูซ่าข่มขืน เฮ้ออออ ... น่าสงสารจริงๆเลย 555

คะแนน 7/10


..................................................


ชื่อเรื่อง Bad Company: Part 1
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

REVIEW

เนื้อเรื่องมีแค่ ... ตอนต้น คัตสึยะกับเดวิดนัวเนียกันบนเตียง แล้วตอนหลังเดวิดออกปฏิบัติหน้าที่เลยถูกซ้อมและถูกจับโยนขึ้นรถ

สั้นมาก แพงมาก ... คือเราชอบคาแรคเตอร์ของเดวิดตั้งแต่ prequel แล้วนะ แล้วก็ชอบปกนี้ที่สุดละ โคตรอาร์ตอ่ะ ชอบการลงสีกับการไล่เงาของผู้วาดมากๆ (กราบสามที)

คะแนน 7/10

In These Words (c12-c13)


ชื่อเรื่อง In These Words Chapter 12
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

REVIEW

เนื้อเรื่องต่อจาก Volume 2 ซึ่งตอนนี้น่าจะไปรวมเล่มอยู่ใน Volume 3 โน่นแน่ะ...

คัตสึยะวางแผนกับกรมตำรวจโดยมีชิโนะฮาระหนุนหลังว่า การที่ปล่อยข้อมูลผิดๆต่อสื่อมวลชนอาจจะทำให้ฆาตกรรายนี้ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจอยู่แล้วเผยจุดผิดพลาดออกมาที่จะนำไปสู่การระบุตัวตนที่แท้จริงได้สำเร็จ

ชิโนะฮาระรุกคัตสึยะอย่างหนัก และในระหว่างนั้น...ฆาตกรได้ลงมือฆ่าเหยื่ออีกราย...

คะแนน 7.5/10


.............................................


ชื่อเรื่อง In These Words Chapter 13
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

REVIEW

เล่มนี้มันจะย้อนไปชนกับพาร์ทนิยายตอนเริ่มต้น chapter 1 อย่างพอดิบพอดี ซึ่งอธิบายอะไรๆได้มาก และแน่นอน นั่นหมายความว่าเล่มนี้ได้ยืนยันว่าฆาตกรกับชิโนะฮาระไม่ใช่คนๆเดียวกัน

ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ของคัตสึยะและชิโนะฮาระดำเนินไปเรื่อยๆ คัตสึยะได้ทิ้งโน้ตไว้ให้ชิโนะฮาระว่าเขากำลังดำเนินโปรเจคบางอย่างอยู่ในช่วงสองสามวันข้างหน้า และให้มาหาเขาตอนวันศุกร์ และเมื่อห้าวันให้หลัง ... เหตุการณ์ก็ตัดไปยังร้านกาแฟในตอนแรกที่มีชายแปลกหน้าเข้ามาหาคัตสึยะและพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา โดยเปิดเผยความสนใจในตัวของอีกฝ่ายออกมาอย่างชัดเจน

ตอนจบของบทนี้ก็คือชิโนะฮาระไปหาคัตสึยะตามนัด แต่เขาติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายเริ่มจะเป็นห่วงคัตสึยะขึ้นมา

คะแนน 8/10

In These Words: Prequel (c01-c03)

ชื่อเรื่อง New York Minute
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

เรื่องย่อ

In These Words prequel that takes the readers back to a newly NY State employed Dr. Asano Katsuya. The 27 year-old had never sought company until one Christmas day Katsuya finally gave into the charm of a homicide detective at the Manhattan Precint.

REVIEW

ช่วงแรกจะเป็นคอมมิคไม่กี่หน้า เล่าถึงตอนที่คัตสึยะไปทำงานอยู่ที่นิวยอร์คและได้พบกับเดวิด คัตสึยะตอบรับคำชวนของเดวิดในวันคริสมาสต์ และเนื้อเรื่องก็ตัดมายังเป็นนิยายตอนช่วงที่คัตสึยะเข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ ของถูกเลนกลั่นแกล้ง จนหนักไปถึงการคุกคามทางเพศ เดวิดเห็นจึงทนไม่ได้ เขาตามไปสั่งสอนเลนว่าห้ามแตะต้องคัตสึยะอีก

เรื่องนี้น่ารักดี ตอนแรกคัตสึยะจะออกซึนๆ เดวิดก็เข้าหาเรื่อยๆจนท้ายนั่นแหละที่คัตสึยะใช้มุกเดียวกับเดวิดยิงใส่อีกฝ่าย ถึงได้รู้ว่าคัตสึยะก็มีมุมน่ารักๆเหมือนกัน ไม่ได้เย็นเป็นน้ำแข็งไปหมดเสียหน่อย

คะแนน 8/10

...............................................


ชื่อเรื่อง First Do No Harm
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

เรื่องย่อ

In These Words prequel that takes the readers back to a newly NY State employed Dr. Asano Katsuya. The 27 year-old had never sought company until one Christmas day Katsuya finally gave into the charm of a homicide detective at the Manhattan Precint.

REVIEW

ตอนนี้สนุกอ่ะ เดวิดถูกป้าแก่ๆเอามีดแทงเพราะไปแจ้งข่าวร้ายให้เธอฟัง จนเขาต้องลางานมานอนพักรักษาตัว คัตสึยะถูกเรียกไปดูแลเดวิด จากนั้นก็โฟกัสไปฉากบนเตียงอย่างเดียวจนจบเรื่องเลยละนะ

ไม่มีไรมากอ่ะตอนนี้ มุ๊งมิ๊งๆกันอยู่สองคน น่ารักดี

คะแนน 7.5/10

...............................................


ชื่อเรื่อง One of these Nights
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

เรื่องย่อ

From the popular In These Words series comes a prequel from Asano Katsuya's time as young doctor on loan to the NYPD. His lover, David Krause, is called away on assignment, scuttling their plans for his birthday...

REVIEW

ตอนนี้เดวิดถูกเรียกออกไปปฏิบัติงานตอนวันเกิดของเขา นั่นทำให้แผนการณ์จัดวันเกิดเป็นต้องล่ม ทั้งคู่โทรฯหากันก่อนที่คัตสึยะจะเป็นฝ่ายเดินทางมาเซอร์ไพรส์วันเกิดเดวิดถึงที่ ฮอตมากเลยตอนนี้ รู้สึกว่าคู่นี้หวานกว่าคู่คัตสึยะกับชิโนะฮาระซะอีก

คะแนน 8/10

In These Words Volume 2 (c06-c11)


ชื่อเรื่อง In These Words Volume 2
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

เรื่องย่อ

Asano Katsuya realizes the meaning of his nightmare as everything came around full circle. Finally, Katsuya learned who Shinohara Kenji was and the meaning of his presence in his memories. With some answers surfacing, more questions also were pulled up with it. In These Words rewinds and replays the past that begun it all.


REVIEW

ชิโนะฮาระได้โอกาสที่จะลักพาตัวคัตสึยะออกมา เขาได้พาคัตสึยะไปที่อพาร์ทเมนต์ร้างแห่งหนึ่งเพื่อที่จะลงมือฆ่าข่มขืน แต่ ณ ช่วงเวลานั้น ... ความทรงจำที่ขาดๆหายๆของคัตสึยะกลับชัดเจนขึ้นมากระทันหันและทำให้เขามองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฆาตกรโรคจิต ซึ่งไม่ใช่ชิโนะฮาระ ที่เขาเพียงแค่สร้างบทบาทและสถานการณ์ขึ้นมาเท่านั้นเพื่อช่วยให้ความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิตตัวจริงของคัตสึยะกลับคืนมา

ย้อนกลับไปตอนที่ชิโนะฮาระเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนและตามหาตัวคัตสึยะที่ตอนนั้นเขาเป็นศาสตราจารย์สอนอยู่ที่มหาลัย คัตสึยะรับปากว่าจะช่วยกรมตำรวจสืบหาฆาตกรโรคจิตรายนี้ให้ได้ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคัตสึยะและชิโนะฮาระ

..........................................................

เล่มนี้สนุกมากๆ แบบสนุกไม่บันยะบันยัง เราเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหนังสือชุดนี้มันถึงได้ดังนักหนา เมื่อเทียบเล่มนี้กับเล่มที่แล้ว เล่มที่แล้วเป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม เล่มนี้เปิดเผยการปอกเปลือกจิตใจของคนออกมาได้อย่างหมดจด และนั่นคือจุดที่เนื้อเรื่องพลิกผันไปในทางที่เราคาดไม่ถึงมาก่อน

บอกเลยว่าคดีพลิก...ชีวิตก็เปลี่ยน คือเล่มที่แล้วเราไม่คาดหวังว่าชิโนะฮาระกับคัตสึยะจะลงเอยอะไรกันได้นะ แต่พอมาเล่มนี้ อื้อหือ...คู่นี้มันเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ ชิโนะฮาระดูเหมือนจะเป็นลูกไล่คัตสึยะ แต่เราชอบความสัมพันธ์แบบนี้นะ เพราะมันดูมีอะไรๆดี

เล่มนี้กลับมาโรมานซ์ละ ไม่ได้ทริลเลอร์ตึงเครียดแบบเล่มที่แล้ว...

...เรื่องสั้น Wrapped Around Your Finger: ITW Side Story chapter 9.5 น่ารักๆดี เป็นตอนที่ชิโนะฮาระกับคัตสึยะนั่งคุยกันที่เลิฟโมเต็ล


คะแนน 8.5/10

In These Words Volume 1 (c01-c05)


ชื่อเรื่อง In These Words Volume 1
ผู้แต่ง Kichiku Neko, TogaQ (Illustrator), Guilt Pleasure (doujinshi circle)
แนว สืบสวนสอบสวน , M/M

เรื่องย่อ

Asano Katsuya is a US trained psychiatrist who has been recruited by the Tokyo Police Department to provide a profile through the victims' data. Based on Asano's profile and recommendation, an elaborate plan is put into place to lure the serial killer out - a plan that bore successful results Now, after three years and twelve victims, Shinohara Keiji is finally in police custody. Shinohara has promised a thorough confession, however, on the absolute terms that Asano has to be the one to receive it. Besides the curious request by the killer whom Asano was only familiar with on paper, disturbing nightmares begin to plague him as soon as he's given the case...



REVIEW


คัตสึยะมีความทรงจำอันลางเลือนที่เขาถูกฆาตกรโรคจิตลักพาตัวไปหลังจากการพบหน้ากันที่ร้านกาแฟ และเหยื่อทุกรายของฆาตกรก็ถูกทำร้ายร่างกายด้วยของมีคม คัตสึยะถูกฆาตกรบังคับขืนใจหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อสุดท้ายแล้วคัตสึยะต้องมาพัวพันกับการสอบปากคำของชิโนะฮาระที่ทางกรมตำรวจบอกว่าเป็นฆาตกรโรคจิตที่พวกเขาจับตัวได้ นั่นรวมถึงการทำ profile ของคนร้ายด้วย

ในภาพอันไม่ชัดเจนนั้นคัตสึยะถูกทรมานครั้งแล้วครั้งเล่าจนสิ่งเดียวที่เขาร้องขอคือความตาย แค่คำที่ฆาตกรพร่ำบอกคัตสึยะเสมอนั่นก็คือ 'ผมรักคุณ' ที่ถูกความวิปลาสบิดเบือนจนคัตสึยะมองไม่เห็นความสำคัญของคำนั้นอีกต่อไป

แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ... เมื่อบ้านทั้งหลังเหลือเพียงแค่คัตสึยะและชิโนะฮาระ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร เขาอาศัยจังหวะนั้นจู่โจมคัตสึยะที่ปอกเปลือกตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา..

ในคำเหล่านั้น ... มีสิ่งใดซ่อนอยู่ ?

..............................................................

สิ่งแรกที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจก่อนหนังสือเล่มนี้เลยก็คือ ... นี่ไม่ใช่หนังสือโรมานซ์ เนื้อเรื่องจะออกแนวสืบสวนสอบสวน ฆาตกรโรคจิต ซึ่งจะไม่น่าแปลกใจและไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยถ้าผู้วาด/ผู้แต่งไม่ได้ใส่ฉากเซ็กส์ระหว่างผู้ชายสองคนเข้ามาตลอด 5 chapters ที่ก่อนหน้านี้ได้แบ่งขายย่อยออกมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาลงเอยด้วยการรวมเล่มในท้ายที่สุด

Scope ของหนังสือเล่มนี้ไม่ได้กว้างมากเท่าไร แต่ก็ไม่ได้แคบด้วยเช่นกัน ผู้แต่งพรีเซ้นต์ความวิปลาสของฆาตกรโดยยัดเซ็กซ์ซีนแบบ non-consensual เข้ามาตูมๆๆๆ และที่น่าแปลกเข้าไปใหญ่ก็คือเนื้อหาสั้นๆ(มาก)เพียงไม่กี่บท แต่ทำให้เราเห็นความลึกและมิติของตัวละครได้มากมายขนาดนี้ แม้ว่าเนื้อเรื่องเล่มแรกจะยังไม่มีอะไรมาก เหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายอยู่ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราอยากอ่านเล่มต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ

เราใช้เวลาทำความเข้าใจนานมากในการแยกภาพของชิโนะฮาระและฆาตกรออกจากกัน ซึ่งไม่รู้เราเข้าใจถูกรึเปล่านะ แต่เราเดาว่า ฆาตกรโรคจิตกับชิโนะฮาระน่าจะเป็นคนละคนกัน

แอบงงตรงที่ว่า...ฉากที่ฆาตกรจับคัตสึยะไปข่มขืนน่าจะเกิดขึ้นก่อนหน้าปัจจุบัน แต่เรื่องนี้น่าจะเล่นกับสภาวะทางจิตไม่น้อยเลย เหมือนกับนิยายแนวสืบสวนของต่างประเทศก็ว่าได้ ลึกลับซับซ้อนดี ชอบๆ เล่มนี้เหมือนกับเกริ่นนำ ไม่ได้มีอะไรให้รู้สึกน่าตื่นเต้นมากมาย คิดว่าเล่มต่อไปต้องดีกว่าเล่มนี้แน่

ให้ Chapter 1-4 = 3 ดาว และ Chapter 5 = 3.5 ดาว

คะแนน 7.5/10

Jul 24, 2015

Harry Potter and the Deathly Hallows (Harry Potter #7)


ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ


Harry is waiting in Privet Drive. The Order of the Phoenix is coming to escort him safely away without Voldemort and his supporters knowing - if they can. But what will Harry do then? How can he fulfil the momentous and seemingly impossible task that Professor Dumbledore has left him?




REVIEW

ภาคีมาหาแฮร์รี่เพื่อพาตัวเขาไปยังที่หลบภัย บ้านโพรงกระต่ายคือสถานที่นัดพบ และแฮร์รี่ทั้งเจ็ดเป็นเหยื่อล่อที่ทำให้ผู้เสพความตายสับสน เมื่อแฮร์รี่ไปถึงบ้านโพรงกระต่ายอย่างปลอดภัย นั่นทำให้เขาเริ่มวางแผนเพื่อออกตามหาฮอร์ครักซ์ร่วมกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ และเมื่องานแต่งงานของบิลและเฟลอร์ถูกขัดจังหวะจากผู้เสพความตาย แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่จึงหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของซีเรียส หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนปลอมตัวเข้าไปในกระทรวงเวทมนตร์เพื่อขโมยล็อกเกตที่แท้จริงออกมาแล้ว พวกเขาก็ต้องหลบหนีซ่อนตัวตามสถานที่ต่างๆ และในขณะที่รอนปลีกแยกออกจากการเดินทางด้วยเหตุผลส่วนตัว แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ได้เดินทางกลับไปยังก็อดดริก ฮอลโลว์ บ้านเกิดของแฮร์รี่นั่นเอง

กวางสาวปราฏตัวขึ้นทำให้แฮร์รี่ค้นพบดาบของกริฟฟินดอร์และทำลายฮอร์ครักซ์ได้สำเร็จ รวมไปถึงการกลับมาของรอน ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงออกเดินทางกันต่อแต่ก็ถูกจับตัวไปยังคฤหาสน์มัลฟอยด์ ที่นั่นพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากด็อบบี้ให้หลบหนีออกมาได้ แต่นั่นก็ต้องแลกด้วยชีวิตของเอลฟ์ประจำบ้านเช่นเดียวกัน แฮร์รี่วางแผนที่จะปล้นกริงกอตส์หลังจากนั้นเพื่อขโมยถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟออกมา

แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่หวนกลับคืนสู่ฮอกวอตส์ที่ซึ่งฮอร์ครักซ์ชิ้นสุดท้ายซ่อนอยู่ ที่นั่นแฮร์รี่ได้ตามหารัดเกล้าของเรเวนคลอร์จนเจอและได้ทำลายมันพร้อมๆกับถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟ การตายของสเนปทำให้แฮร์รี่รู้ความจริงว่าวิญญาณส่วนสุดท้ายของโวลเดอมอร์อยู่ในตัวของเขา และทางเดียวที่เขามี ก็คือ...เขาจะต้องตาย... ดังนั้นแฮร์รี่จึงเดินทางออกสู่ป่าต้องห้ามเพื่อเผชิญหน้ากับความตายครั้งสุดท้ายของเขา แต่โชคดีที่เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของโวลเดอมอร์นั้นบรรจุเวทมนตร์ของลิลลี่และปกป้องแฮร์รี่เอาไว้ ทำให้แฮร์รี่ไม่ตายจากเงื้อมือของโวลเดอมอร์

แฮร์รี่โค่นล้มโวลเดอมอร์ได้สำเร็จ และสิบเก้าปีผ่านไป...ลูกๆของเขากับจินนี่ได้เดินทางขึ้นรถไฟเพื่อไปสู่ฮอกวอตส์ ที่นั่นแฮร์รี่ได้พบกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ และแผลเป็นของเขาก็ไม่เคยเจ็บอีกหลายตลอดหลายปีที่ผ่านมา

.................................................................

อ่านไปร้องไห้ไป หัวเราะไป ยิ้มทั้งน้ำตาก็มี ... อ่านจบแล้วก็กอดหนังสือไว้แนบอก ในใจคิดว่า...มันจบแล้วสินะ... มันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันที่ได้เดินทางมาไกลขนาดนี้ สำหรับ Deathly Hallows เล่มนี้ บทที่เราชอบมากที่สุดก็คือ The Prince's Tale ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเชือดเฉือนหัวใจเรามากขนาดไหน และตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น เซเวอร์รัส สเนป คำพูดแต่ละคำที่เขาพูดออกมา โดยเฉพาะตอนที่ดัมเบิลดอร์ถามว่า "After all this time?" แล้วสเนปตอบกลับไปว่า "Always" คือเราอยากจะบอกว่า ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่ทำให้ใจเรากระตุกมากมายขนาดนี้ ไม่ต้องพล่ามบทบรรยายเยอะๆหรือบิวท์อารมณ์มาหลายเล่ม แค่บทเดียวก็เอาอยู่แล้วสำหรับฝีมือของเจเคโรว์ลิ่ง

...เราโตมาพร้อมกับหนังสือชุดนี้ และยังจำได้ดีว่าการค้างเติ่งในช่วงที่กว่าแต่ละเล่มจะออกเป็นยังไง มีอยู่ครั้งนึงตอนเล่ม 6 ออกใหม่ๆแล้วเรายังไม่ได้อ่าน ไปโรงเรียน...มีเพื่อนคนนึงเดินดุ่มๆเข้ามาหาแล้วบอกเราว่า "ดัมเบิลดอร์ตายนะ" เรานี่อึ้ง ! ตัวชา ยืนเคารพธงชาติด้วยอารมณ์แบบว่า ... นี่มันไม่จริงใช่มั้ย เพื่อนคนนั้นต้องอำเราแน่ๆ ... จนเราได้อ่านเล่ม 6 จริงๆนั่นแหละ มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บ...แต่ก็ต้องยอมรับ เราเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของเจเคโรว์ลิ่งว่าที่เธอพยายามกำจัดตัวละครที่คอย support แฮร์รี่เพราะเธอต้องการให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เด็ดเดี่ยวอยู่บนขาสองข้างของตัวเองได้ ถ้าดัมเบิลดอร์และซีเรียสยังอยู่ แฮร์รี่ก็อาจจะไม่ได้เฉียบคมอย่างในเล่มนี้ก็เป็นไปได้

เราโกรธฉบับแปลไทยมากๆ ครั้งแรกที่ได้อ่าน (ตอนนั้นอยู่ม.1ละมั้ง) เราได้อ่านต้นฉบับมาก่อนแล้ว ช่วงนั้นถ้าจำไม่ผิดซีเอ็ดนำ Hardcover เข้ามาขายก่อนที่ฉบับแปลไทยจะออก แล้วเราก็ซื้อมาอ่านสองคนกับเพื่อน แปลออกบ้างไม่ออกบ้างตามประสาเด็กๆ แต่ที่เราโกรธเคืองสนพ.มากๆก็คือเล่มนี้ฉบับแปลไทย...มีจุดบกพร่องเกิดขึ้นมากมาย ไม่รู้ว่าทางผู้แปลรีบหรือสนพ.เร่งที่จะออกหนังสือ ทำให้จุดบกพร่องที่เราเห็นชัดๆก็คือในตอนท้ายเล่มที่เสนปใกล้ตายแล้วบอกแฮร์รี่ว่า "Look at me" ฉบับแปลไทยแปลว่า "ดูฉันด้วย" เรานี่ถึงกับอุทานออกมาว่าอะไรวะ !!! คือมันเป็นช่วงที่สเนปต้องการมองตาแฮร์รี่เพื่อที่จะรู้ว่าเขากำลังจะตายไปพร้อมกับการมองตาของลิลลี่เป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นคำว่า "ดูฉันด้วย" มันคงไม่เหมาะเท่าไร ซึ่งรู้เลยว่าเล่มนี้น่าจะใช้คนแปลหลายคน เพราะภาษาที่ใช้ไปคนละทิศคนละทางมาก

มีจุดหนึ่งเราคาใจเรานิดๆ อ่านจบแล้วต้องเสริจหาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ต เพื่อที่จะขยี้ตรงจุดนั้นให้ชัดเจนและได้รู้ว่า...แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นตอนโวลเดอมอร์เสกคาถาเพื่อฆ่าแฮร์รี่ในป่า ?...

"What exactly happened when Voldemort used the Avada Kedavra curse on Harry in the forest?" 
Again, Voldemort violated deep laws of magic he did not understand, but there is more to it than that. 
Having taken Harry’s blood into himself, Voldemort is keeping alive Lily’s protective power over Harry. So Voldemort himself acts almost like a Horcrux for Harry – except that the power of Lily’s sacrifice is a positive force that not only continues to tether Harry to life, but gives Voldemort himself one last chance (Dumbledore refers to this last hope in chapter 35). Voldemort has unwittingly put a few drops of goodness back inside himself; if he had repented, he could have been healed more deeply than anyone would have supposed. But, of course, he refused to feel remorse.
Voldemort is also using the Elder Wand - the wand that is really Harry’s. It does not work properly against its true owner; no curse Voldemort casts on Harry functions properly; neither the Cruciatus curse nor the Killing Curse. The Avada Kedavra curse, however, is so powerful that it does hurt Harry, and also succeeds in killing the part of him that is not truly him, in other words, the fragment of Voldemort’s own soul still clinging to his. The curse also disables Harry severely enough that he could have succumbed to death if he had chosen that path (again, Dumbledore says he has a choice whether or not to wake up). But Harry does decide to struggle back to consciousness, capitalises on Lily’s ‘escape route’, and pulls himself back to the realm of the living. 
It is important to state that I always saw these kinds of magic (the very deepest life and death issues) as essentially un-scientific; in other words, there is no “Elder Wand + Lily’s Blood = Assured Survival” formula. What count, ultimately, are Harry and Voldemort’s own choices.
They have each been given certain weapons and safeguards, but the power of these objects and past happenings lie in how they are understood, and how they are used or enacted upon. Harry has a deeper and truer understanding of the meaning of the objects and past events, but his greatest powers, those that save him, are free will, courage and moral certainty."
สรุปว่าเล่มนี้เป็นเล่มจบที่ปิดซีรีย์ชุดนี้ได้อย่างเพอร์เฟ็คที่สุด นักอ่าน(อย่างเรา)คงไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว นอกจากมุมสบายๆและเวลาว่างเยอะๆเพื่อที่จะได้กลับไปดื่มด่ำกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 1 ใหม่อีกครั้ง ....

คะแนน 10/10


Jul 23, 2015

Very Good Lives: The Fringe Benefits of Failure and the Importance of Imagination


ชื่อเรื่อง Very Good Lives
ผู้แต่ง J.K. Rowling
สำนักพิมพ์ Little, Brown and Company

เรื่องย่อ

In 2008, J.K. Rowling delivered a deeply affecting commencement speech at Harvard University. Now published for the first time in book form, Very Good Lives offers J.K. Rowling’s words of wisdom for anyone at a turning point in life, asking the profound and provocative questions: How can we embrace failure? And how can we use our imagination to better both ourselves and others?

Drawing from stories of her own post-graduate years, the world-famous author addresses some of life’s most important issues with acuity and emotional force.

REVIEW

เป็นหนังสือที่คมมาก ช่วงแรกๆแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน ความล้มเหลว การจินตนาการและจุดพลิกผันของชีวิตที่ใครๆก็คาดไม่ถึง ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อน บางครั้งคุณอาจควบคุมมันไม่ได้ แต่มนุษย์อย่างเราๆรู้ว่าจะเอาชีวิตรอดจากมันมาได้ยังไง และการหลอกตัวเองว่าเรื่องยุ่งๆจะจบสวยเหมือนกับในนิทาน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้น ก็ไม่ได้ช่วยอะไรอีกเช่นเดียวกัน

พอมาถึงในช่วงท้ายก็เริ่มเข้าสู่การกล่าวถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ และจากการทำงานของเจเคโรว์ลิ่งทำให้เธอได้เห็นผู้คนมากมายที่ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมา และเธอยังได้พูดอีกว่าเราไม่ได้ต้องการเวทมตร์บนโลกใบนี้หรอก แต่เรามีพลังอยู่ในตัวเราเรียบร้อยแล้ว เรามีพลังที่จะคิดถึงในสิ่งที่ดีกว่า เธอได้ปลูกฝังให้รู้สึกการใช้จินตนาการเพื่อสัมผัสคนอื่น ได้รู้ว่าพวกเขารู้สึกยังไง

ยิ่งอ่านยิ่งชอบ จนต้องกลับไปอ่านซ้ำใหม่ คำพูดของเธอไม่ได้เรียบเป็นเส้นตรงและมันมี volume ที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองสามารถรับมือกับความล้มเหลวได้ดีขึ้นหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว นอกจากนี้...เรายังรู้สึกชอบคำพูดของเจเคโรว์ลิ่ง ตรงที่เธอไม่ได้เริ่มต้นประโยคว่า 'พวกคุณต้อง...' อย่างที่บางคนนิยมใช้คำพูดพวกนี้ในกล่าวเปิดงานต่างๆ ซึ่งเราคิดว่ามันคล้ายกับการตีกรอบอนาคตไปในตัว 'พวกคุณต้องเป็นคนดีของประเทศชาติ' ใช่ ! คุณพูดถูกต้อง แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่กลวง ผ่านไปสองสามวันก็ลืมหมดแล้ว แต่ถ้ามองในแง่กลับกันว่า...หากลองใช้คำพูดที่ทิ้งแง่คิด คำพูดธรรมดาๆนี่แหละ ที่ทำให้เราเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเองหลังฟังจบว่า 'เออ มันก็จริงนี่นา !?' เราว่ามันจะดีกว่าเยอะเลย

เจเคโรว์ลิ่งเธอมีความสามารถที่จะขัดเกลาคำพูดธรรมดาๆให้ออกมาไม่ธรรมดา บทความไม่กี่หน้าแต่ทำให้เรารู้สึกได้อะไรมากกว่านั้น สุดยอดจริงๆ ... อ่านไปก็ขำกิ๊กๆตรงมุกแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เธอยิงมาได้ถูกที่ถูกเวลา โดยเฉพาะตอนท้ายนี่เราขำก๊ากเลย
"They are my children's godparents, the people to whom I've been able to turn in times of trouble, people who have been kind enough not to sue me when I took their names for Death Eaters."
ที่จริงหนังสือเล่มนี้คือ Commencement ตั้งแต่ปี 2008 โน่นแน่ะ แต่สนพ.เพิ่งจะเอามาตีพิมพ์ปีนี้ เห็นบอกว่ารายได้ทั้งหมดจะเข้ามูลนิธิ Lumos เพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่ประสบความยากจน บกพร่อง ตามประเทศต่างๆ (ตามที่กล่าวไว้ท้ายเล่ม)
คะแนน 8.5/10

Jul 8, 2015

Tangle of Need (Psy-Changeling #11)


ชื่อเรื่อง Tangle of Need
จากชุด Psy-Changeling
ผู้แต่ง นลินี ซิงห์
โรมานซ์ เหนือจริง

เรื่องย่อ

Adria, wolf changeling and resilient soldier, has made a break with the past—one as unpredictable in love as it was in war. Now comes a new territory, and a devastating new complication: Riaz, a SnowDancer lieutenant already sworn to a desperate woman who belongs to another.

For Riaz, the primal attraction he feels for Adria is a staggering betrayal. For Adria, his dangerous lone-wolf appeal is beyond sexual. It consumes her. It terrifies her. It threatens to undermine everything she has built of her new life. But fighting their wild compulsion toward one another proves a losing battle.

Their coming together is an inferno…and a melding of two wounded souls who promise each other no commitment, no ties, no bonds. Only pleasure. Too late, they realize that they have more to lose than they ever imagined. Drawn into a cataclysmic Psy war that may alter the fate of the world itself, they must make a decision that might just break them both.

REVIEW

หลังจากการระเบิดพลังของเซียนน่า ทำให้ฝูงสโนวแดนเซอร์เตรียมรับมือกับกลุ่มเพียวไซที่ใกล้เข้ามา ริอาซเดินทางกลับมายังฝูงของเขาและได้พบกับเอเดรีย ทั้งคู่ที่ภูมิหลังอันแสนเจ็บปวดโดยทางฝ่ายริอาซเขาก็เพิ่งผิดหวังจากความรักมา เพราะลิเซตต์ คู่ชีวิตเขาแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว ส่วนเอเดรียก็เพิ่งแยกทางกับสามีเพราะชีวิตของพวกเขาสองคนเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นเมื่อริอาซและเอเดรียต่างถูกดึงดูดเข้าหากัน พวกเขาสองคนจึงตกลงความสัมพันธ์เป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์เท่านั้น

เฮนรี่ยังไม่ตาย เขาถูกช่วยชีวิตให้รอดจากพลังของเซียนน่าและพร้อมที่จะดำเนินแผนการณ์ขั้นต่อไป ส่วนหมิงก็รู้แล้วว่าครอบครัวลอเรนยังอยู่รอด และเซียนน่าคือเป้าหมายใหม่ของเขา ถ้าเขาควบคุมพลังของเธอไม่ได้ เขาก็จะจัดการเธอทิ้งซะ ดังนั้นฮอว์คจึงต้องปกป้องคู่ชีวิตของเขาสุดความสามารถเมื่อมีไซมาสะกดรอยที่เขตแดนของสโนวแดนเซอร์อีกครั้ง เมื่อหลักยึดของไซเน็ตหลายคนถูกฆ่าตาย ทำให้บางส่วนในไซเน็ตพังทลายลง ชาวไซล้มตายมากมาย เคเลบจึงกระจายคำเตือนออกไปภายใต้ความช่วยเหลือจากเอเดนและวาสิกที่ตามสืบเรื่องนี้อยู่

ริอาซสามารถก้าวข้ามลิเซตต์ไปได้ และสานสัมพันธ์กับเอเดรีย จนกระทั่งลิเซตต์กลับเข้ามาในชีวิตของริอาซอีกครั้ง เมื่อเอเดรียรู้เข้า เธอจึงเป็นฝ่ายที่เดินหนีไปเพราะเธอไม่อยากตกเป็นที่สองรองจากใครทั้งนั้น ทางด้านเฮนรี่และเพียวไซที่โจมตีหลักยึดในไซเน็ตอย่างหนักถูกสะกัดด้วยกองทัพสโนวแดนเซอร์ หลังจากนั้นวาสิกจึงตัดสินใจฆ่าเฮนรี่ที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทิ้ง ริอาซและเอเดรียที่เคลียร์กับคนรักเก่าได้สำเร็จก็กลับมาลงเอยกันในท้ายสุด

ในบท Retrieval ซึ่งเป็นบทสุดท้ายของหนังสือ เคเลบเจาะเข้าไปในเน็ต ฝ่าด่านป้องกันมากมาย และได้พบกับผู้หญิงที่เขาตามหามานานแสนนานในที่สุด ...

..............................................

ตอนแรกว่าจะให้ดาวเดียว ไปๆมาๆ เพิ่มเป็น 2 ดาวเพราะบท Retrieval ไปละกัน เพราะนี่น่าจะเป็นการเปิดตัวอย่างสวยงามไปสู่เล่ม Heart of Obsidian จริงแล้วๆ

หนังสือเล่มนี้ทนอ่านกว่าจะจบนี่ทรมานมากๆ เคมีระหว่างพระนางไม่มีเลย เห็นแล้วก็ถอนหายใจไปพลางๆ แล้วก็ดันใส่คู่หลักๆจากเล่มก่อนๆมาอีก ฮอว์ค/เซียนน่า แล้วก็มีคู่ของจัดด์ ไรลีย์ ดรูว์ โอ๊ยยย เยอะแยะไปหมด คือมันก็ดีนะที่ใส่คู่เก่าๆมาให้หายคิดถึง แต่มันมากเกินไป มากจนทำให้เนื้อเรื่องของคู่ริอาซกับเอเดรียแทบจะไม่ขยับไปไหน จุดอ่อนของนลินีตั้งแต่แรกคือบทโรมานซ์ในบางเล่มที่เธอเขียนออกมาได้จืดจางสุดๆ แต่เล่มนั้นๆจะจับความสนใจเราได้ด้วยพลอตหลัก การต่อสู้กันระหว่างไซและเชนจิงค์ เกมการเมืองที่ตื่นระทึกซะทุกเล่ม พอมาเล่มนี้...พลอตหลักดันมากร่อยอีก เพราะมันคือสิ่งที่เราเดาได้ว่าสมควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่เล่มก่อนๆแล้ว แต่เหมือนนลินีพยายามจะยื้อไว้สุดฤทธิ์(ด้วยเหตุผลบางประการ)

เราเบื่อกับมุกเดิมๆที่ 75% แรกของหนังสือต่างฝ่ายจะคุมเชิงกัน พอท้ายๆเล่มถึงปะทะกัน มันเป็นแบบนี้ทุกเล่มเลยจริงๆ แล้วจังหวะการเล่าเรื่องเล่มนี้ก็คล้ายๆกับ Kiss of Snow เลยอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเซงเราเบื่อก็ได้ ตรงบทโรมานซ์เราสัมผัสความป่วยได้ตั้งแต่บทแรกๆ พอมากลางๆเรื่องนี่ยิ่งชัดเลย บางตอนนี่ให้ความรู้สึกว่า '...บอกฉันทำไม นี่ฉันไม่ได้อยากรู้เลยนะ' (ก็เลยอ่านข้ามไป) ยิ่งตอนจบของริอาซและเอเดรียบอกเลยว่าไม่ได้ทำให้เราพอใจเลยสักนิด ทั้งคู่เป็นเชนจิงค์ แต่บทลงเอยอย่างกับละครไทย ขาดความลึกซึ้งไปหน่อยนะ (ขอเอามือก่ายหน้าผาก)

หนังสือชุดไซที่เราอ่านๆมาเนี่ย สารภาพตามตรงเลยว่าอ่านเพราะเล่ม Heart of Obsidian แต่พอมาถึงเล่มนี้ ก็มีเป๋ๆไปบ้างเหมือนกัน กว่าจะอ่านเล่มของเคเลบต่อก็คงสักพักแหละ ขืนอ่านต่อมีหวังคงไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าที่ควรแน่ๆ เฮ้ออออออ เราว่านักเขียนคนอื่นก็มีเล่มที่เราชอบมากชอบน้อยต่างกันไปนะ แต่ไม่ถึงกับไม่ชอบเลยเหมือนกับเล่มนี้ ความคิดเราตั้งแต่แรกคือ Tangled of Need ไม่น่าจะทำเป็น Full-length น่าจะเป็น Novella เล่มบางๆซะมากกว่า

คะแนน 5/10

Jul 7, 2015

Harry Potter and the Half-Blood Prince (Harry Potter #6)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Half-Blood Prince
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ


The war against Voldemort is not going well; even Muggle governments are noticing. Ron scans the obituary pages of the Daily Prophet, looking for familiar names. Dumbledore is absent from Hogwarts for long stretches of time, and the Order of the Phoenix has already suffered losses.
And yet…

As in all wars, life goes on. Sixth-year students learn to Apparate — and lose a few eyebrows in the process. The Weasley twins expand their business. Teenagers flirt and fight and fall in love. Classes are never straightforward, though Harry receives some extraordinary help from the mysterious Half-Blood Prince.

So it’s the home front that takes center stage in the multilayered sixth installment of the story of Harry Potter. Here at Hogwarts, Harry will search for the full and complex story of the boy who became Lord Voldemort — and thereby find what may be his only vulnerability.

REVIEW

การเรียนในชั้นปีที่หกของแฮร์รี่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ตั้งแต่เรื่องที่แฮร์รี่ถูกเรียกว่าผู้ถูกเลือก และข่าวการกลับมาของโวลเดอมอร์ที่ทำให้เกิดความหวาดผวาไปทั่วทุกหนแห่ง ศาสตราจารย์สลักฮอร์นเป็นผู้สอนวิชาปรุงยาในฮอกวอตส์ปีนี้ ส่วนสเนปเป็นผู้สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแทนอัมบริดจ์ที่ออกไปเมื่อปีที่แล้ว ทั้งแฮร์รี่ยังต้องไปพบกับดัมเบิลดอร์ตามเวลานัดเพื่อเรียนรู้จากความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดผ่านอ่างเพนซิฟ

ความทรงจำที่ดัมเบิลดอร์แสดงให้แฮร์รี่ดูคือจุดเริ่มต้นของทอม ริดเดิ้ล กระทั่งเขากลายมาเป็นโวลเดอมอร์ในปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้ว...แฮร์รี่ยังกุมความลับเกี่ยวกับหนังสือของเจ้าชายเลือดผสมที่เขาค้นพบโดยบังเอิญ รวมถึงคาถาและทริคการปรุงยาต่างๆมากมายในนั้น สิ่งที่คาใจแฮร์รี่อยู่ตลอดเวลาก็คือพฤติกรรมลับๆล่อๆการมัลฟอยและการสุมหัวกับสเนปที่แฮร์รี่คิดว่าทั้งคู่ต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ แต่ไม่มีใครเชื่อเขาเพราะสเนปคือคนที่ดัมเบิลดอร์ไว้ใจ

การตามหาความทรงจำที่ขาดหายไปของซลักฮอร์นทำให้แฮร์รี่ต้องใช้เล่ห์กลเพื่อนำความทรงจำที่แท้จริงของศาสตราจารย์กลับมาให้ได้ และเขาได้มาแล้ว...มันคือการปลดล็อคจิ๊กซอว์ส่วนสุดท้ายที่ชี้ไปยังส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เมื่อโวลเดอมอร์อาศัยความรู้ที่เขาได้จากซลักฮอร์นในการสร้างฮอว์ครักซ์ขึ้นมา เขาไม่ได้แค่ตัดแบ่งวิญญาณของเขาออกเป็นสองส่วน แต่โวลเดอมอร์ฉีกกระชากวิญญาณของเขาออกเป็นทั้งหมดเจ็ดส่วนด้วยกัน และแต่ละครั้งต้องแลกมาด้วยการสังเวยชีวิตของเหยื่อ

และนั่นคือภารกิจใหม่ของแฮร์รี่และดัมเบิลดอร์ในการตามหาฮอว์ครักซ์ทั้งหกชิ้นให้พบ เมื่อชิ้นที่เจ็ดคือตัวของโวลเดอมอร์เองที่ต้องถูกกำจัดเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านั้นฮอว์ครักซ์ทั้งสองชิ้นก็ถูกทำลายไปแล้ว ก็คือ...สมุดบันทึกของริดเดิ้ลและแหวนประจำตระกูล ดัมเบิลดอร์พาแฮร์รี่ไปยังถ้ำที่ซ่อนฮอว์ครักซ์ชิ้นที่สามอยู่ ที่นั่นดัมเบิลดอร์ต้องดื่มยาพิษเพื่อนำล็อกเก็ตออกมา เมื่อแฮร์รี่พาดัมเบิลดอร์กลับมายังฮอกวอตส์ ตรามารถูกเสกขึ้นบนท้องฟ้า ดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่ติดอยู่บนหอคอยที่ผู้เสพความตายกำลังบุกทะลวงขึ้นมา และนั่นคือหนทางที่นำไปสู่การตายของดัมเบิลดอร์ด้วยน้ำมือของเจ้าชายเลือดผสม ซึ่งก็คือสเนปนั่นเอง

หลังจากพิธีฝังศพดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่ตัดสินใจที่จะทำเป้าหมายของเขาให้สำเร็จ เขาจะตามหาฮอว์ครักซ์ทั้งสี่ชิ้นให้พบ เพราะล็อกเก็ตที่เขาไปเอามาปรากฏว่าเป็นของปลอม และแฮร์รี่ก็พบว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนของเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ยินดีที่จะร่วมเดินไปพบถนนสายนี้กับเขาไม่ว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม...

..............................................

จำได้ว่าอ่านแล้วเล่มนี้ตอนป.6 แล้วไม่กล้าหยิบมาอ่านอีกเลย เพราะเป็นเล่มที่อ่านถึงตอนจบแล้วรู้สึกเศร้า รู้สึกว่ามันเป็นการสูญเสียที่เปล่าประโยชน์ ทั้งนั้นเรายังไม่เข้าใจแรงจูงใจของตัวละครอย่างโวลเดอมอร์ อะไรทำให้เขาต้องทำถึงขนาดนั้น ความเชื่อมโยงในอดีตอันแสนซับซ้อนของเขามันจำเป็นด้วยหรือที่เจเคจะต้องเล่าออกมาหมดในเล่มนี้ ตอนนั้น(ด้วยความที่ยังเด็ก)เลยไม่เข้าใจอะไรพวกนี้ เพราะอยากจะอ่านแต่ฉากต่อสู้ การเสกคาถาใส่กัน ซึ่งในเล่มนี้มันโดนความดาร์คกลบไปจนเกลี้ยงเลยจริงๆ

และความดาร์คในเล่มนี้นี่แหละที่พอโตขึ้นแล้วเรากลายเป็นชอบมากๆ พอเราโต มุมมองในการมองโลกก็เริ่มแตกต่างออกไป เราเข้าใจโวลเดอมอร์ เห็นเหตุจูงใจและความชิงชังต่อตระกูลที่ทำให้เขากลายเป็นเลือดผสม ปมด้อยที่คาใจเขามาโดยตลอด การถูกแม่ทิ้งไว้ในบ้านเด็กกำพร้า มันมากพอที่จะทำให้เด็กคนนึงเกิดความสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบและตัดสินใจที่จะแสวงหาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง ความทะเยอทะยานที่มากเกินพอดีนำไปสู่เส้นทางที่ผิดพลาด และทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ส่งผลมาถึงแฮร์รี่ ... พอเราอ่านมาถึงจุดนี้และดึงประเด็นนี้ออกมานั่งมอง มันทำให้เรานับถือเจเคจริงๆที่เธอวางปมเหล่านี้มาอย่างแยบยลตั้งแต่เล่มแรกๆ และมันเป็นการวางพลอตเรื่องที่เรารู้สึกว่าเรียบรื่น ไม่รู้สึกเหมือนเพิ่งแต่งขึ้นมาสดๆร้อนๆเพื่อกลบช่องโหว่ที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินเรื่อง

ไม่รู้จะเขียนอะไรนอกจาก...การใช้เวลาไปกับแฮร์รี่มันเป็นช่วงที่เราคิดว่าคุ้มค่ามากที่สุดแล้ว และคิดว่าเมื่อเราอ่านเล่มหน้า(ซึ่งเป็นเล่มจบ)จบแล้ว เราคงจะต้องหยิบเล่มแรกขึ้นมาอ่านใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ...

...แอบคิดว่าตอนเล่ม 5 ต้องมีคนบ่นให้เจเคฟังแน่ๆว่าเธอดำเนินเรื่องช้าไปหน่อย พอมาถึงเล่มนี้เราก็รู้สึกว่าจังหวะในการเล่าเรื่องเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่เอื่อยเหมือนเล่มที่แล้ว...

คะแนน 9.5/10


Jul 2, 2015

Grey (Fifty Shades #4)



ชื่อเรื่อง Grey
จากเรื่อง Fifty Shades
ผู้แต่ง E.L. James
แนว Erotic BDSM

เรื่องย่อ

See the world of Fifty Shades of Grey anew through the eyes of Christian Grey.

In Christian's own words, and through his thoughts, reflections, and dreams, E L James offers a fresh perspective on the love story that has enthralled millions of readers around the world.


Christian Grey exercises control in all things; his world is neat, disciplined, and utterly empty—until the day that Anastasia Steele falls into his office, in a tangle of shapely limbs and tumbling brown hair. He tries to forget her, but instead is swept up in a storm of emotion he cannot comprehend and cannot resist. Unlike any woman he has known before, shy, unworldly Ana seems to see right through him—past the business prodigy and the penthouse lifestyle to Christian’s cold, wounded heart.

Will being with Ana dispel the horrors of his childhood that haunt Christian every night? Or will his dark sexual desires, his compulsion to control, and the self-loathing that fills his soul drive this girl away and destroy the fragile hope she offers him?

REVIEW

ในโลกของคริสเตียน เกรย์นั้นเต็มไปด้วยฝันร้ายจากอดีตที่ตามหลอกหลอนเขาทุกคืน จนกระทั่งเขาได้พบกับอนาสตาเซีย สตีลหญิงสาวที่มาสัมภาษณ์เขา คริสเตียนก็เกิดความสนใจในตัวของเธอทันที เขาให้คนของเขาตามสืบหาที่ทำงานของเธอ ประวัติทั้งหมดของเธอ จนกระทั่งคริสเตียนตามล่าเธอไปจนถึงที่ทำงานและได้ทำความรู้จักกับอนามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่อนายอมให้เขาเป็นคนรักคนแรกของเธอ

แต่คริสเตียนต้องการมากกว่าเซ็กส์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงร่างสัญญาขึ้นมาและพาอนาเข้าสู่โลกอีกโลกหนึ่งที่โลดแล่นภายใต้ความเจ็บปวดและความสุขสม การรับบทดอมและซับที่เขาต้องการฝึกฝนอนาจนเธอเชี่ยวชาญ แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่ออนาเป็นหญิงสาวใสซื่อ โรแมนติคและต้องการดอกไม้และคำหวาน โดยตรงกันข้าม...คริสเตียนไม่ใช่ผู้ชายนิยมความรัก และเขาไม่มีสิ่งที่อนาสตาเซียต้องการ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาไกลจนกระทั่งคริสเตียนนยอมเล่าเรื่องเอเลน่าให้กับอนาฟัง เอเลน่าเป็นเพื่อนแม่ของเขาที่แนะนำให้เขารู้จักการปลดปล่อยความเครียดออกมาภายใต้บทบาทของซับมิสซีฟ เขาคือคนที่คริสเตียนมีเซ็กส์ด้วยคนแรกจนกระทั่งคริสเตียนไม่เคยแตะต้องใครหลายตลอดเวลาที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย แม้กระทั่งทุกวันนี้ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันอยู่แม้จะหยุดความสัมพันธ์กับแค่เพื่อนเท่านั้น

อนาต้องการให้คริสเตียนทำให้เธอได้รู้จักกับความเจ็บปวดที่ถึงที่สุดในความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ ดังนั้นคริสเตียนจึงพาเธอเข้าห้องเพลย์รูมและโบยเธอหกที อนาทนรับความเจ็บปวดนั้นไม่ไหวและเธอผลักคริสเตียนออกห่าง เขาเจ็บปวดที่เธอเดินออกจากชีวิตเขา แม้ว่าอนาจะสารภาพว่าเธอรักเขาก็ตาม แต่คริสเตียนกลัวความรู้สึกนั้น เพราะเขาไม่สามารถที่จะรักใครได้

หลังจากที่อนาทิ้งคริสเตียนไป ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาไปพบกับจิตแพทย์และได้ปรึกษาจนรู้ว่าอนาเป็นหญิงสาวที่แตกต่างออกไปจากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาทั้งหมด และไม่ว่าเธอจะต้องการความสัมพันธ์แบบไหน คริสเตียนก็ยินดีจะตามใจเธอ ขอเพียงแค่เธอกลับมาหาเขา...และเขาก็พร้อมที่จะเอาชนะใจเธออีกครั้ง

........................................................................

เป็นการอ่านที่สยดสยองมากๆสำหรับเรา คือเนื้อเรื่องอย่างที่เรารู้ๆกันแล้ว ตอนอ่านเล่มนี้คิดว่า Christian's POV ย่อมต้องดีกว่าอนาแน่ๆ แต่ที่ไหนได้ เหอๆ...อนาแค่ทำเรารำคาญ แต่คริสเตียนนี่ทำเราขนลุก อ่านเล่มนี้จบแล้วถึงรู้ว่าคู่นี้เหมาะกับราวผีเน่ากับโลงผุ อยู่ด้วยกันไปเหอะสองคนนี้อ่ะ เหมาะกันดี คนหนึ่งซื่อจนโง่ อีกคนก็โรคจิต คือวันๆคริสเตียนไม่คิดอะไรนอกจาก ผมจะกินตับเธอ ผมจะกินตับเธอบนเปียโน ผมจะกินตับเธอบนโต๊ะทำงาน ผมจะกินตับเธอในห้อง ผมจะกินตับเธอบนสนามหญ้า ตับๆๆๆๆๆ ทั้งเรื่อง !! ตู้หูยยยย !! นี่ถ้าจะมากขนาดนี้นะ...รบกวนกินยาถ่ายพยาธิด้วยล่ะ กินตับอยู่นั่นแหละทั้งเรื่องอ่ะ

นี่มีอีกนะ ไอ้ตรงคำบรรยายที่แบบ ...

My cock agrees. / Her words travel straight to my cock. / My cock concurs. / My cock hardens in response. / My cock stirs with approval.

สงสัยว่าอวัยวะส่วนนั้นคริสเตียนมันเป็นคนหรือว่าอะไร ดูเหมือนอยากจะแย้มหน้ามาทักทายคนอ่านตลอดเวลา นี่แบบอ่านจนรำคาญ อยากจะถือมีดเข้าไปฟัน My Cock ทิ้งมาก เลิกพูดถึงซะทีเหอะ มันไม่ได้อีโรติคเลยนะนั่น มันตลก มันทำให้เราคิดว่านี่ My cock หรือปลาไหลญี่ปุ่นกัน ลื่นไปลื่นมาอยู่นั่นแหละ

สำนวนไม่ได้พัฒนาขึ้นจากสามเล่มก่อนหน้าเลย แย่ยังไงก็แย่เหมือนเดิม การเล่าเรื่องจืดชืด ไร้รสชาติ ขาดความน่าสนใจ คาแรคเตอร์คริสเตียนตอนที่เล่าผ่าน POV ของอนายังดูน่าสนใจอยู่นะ แต่เมื่อได้เข้าไปอยู่ในหัวของคริสเตียนแล้ว รู้ได้เลยว่า...เขาเป็นคนจับจด น่ารำคาญ โรคจิต ไร้สาระ เหมือนคนป่วยจิตเวชที่ลืมกินยา อ่านๆไปก็อยากจะบอกว่า...มิสเตอร์เกรย์ เชิญรับยาได้ที่ช่อง 2 !

อีแอลเจมส์เธอเลือกที่จะใช้ช่วงที่กระแสภาพยนตร์ยังไม่ซาเท่าไรออกหนังสืออีกเล่ม ซึ่ง GREY นั้นไม่ได้มีเนื้อหาอะไรแตกต่างไปจาก Fifty Shades of Grey (เล่มแรก)เลยแม้แต่น้อย ยกเว้นว่าเล่มนี้จะเล่าผ่านมุมมองของคริสเตียน... และน่าจะมีมุมมองของคริสเตียนผ่านเล่ม Darker และ Freed ออกมาแน่ๆ ซึ่งเราไม่รู้ว่าอีกสองเล่มนั้นจะออกเมื่อไร แต่เหมือนมันเป็นเวรเป็นกรรมของคนอ่านอย่างเรา ที่เกิดมาในยุคหนังสือชุดนี้มันดัง ตอนแรกว่าจะไม่อ่าน เห็นกระแสใน GR มาหนักๆเข้าก็ต้องซื้อมาอ่านอยู่ดี เพราะความอยากรู้อยากลอง...

คะแนน 2/10