Aug 31, 2015

It Ain't Me, Babe (Hades Hangmen #1)


ชื่อเรื่อง It Ain't Me, Babe
จากชุด Hades Hangmen
ผู้แต่ง Tillie Cole
โรมานซ์ ร่วมสมัย

เรื่องย่อ

Sinning never felt so good…

A fortuitous encounter.

A meeting that should never have happened.

Many years ago, two children from completely different worlds forged a connection, a fateful connection, an unbreakable bond that would change their lives forever…

Salome knows only one way to live—under Prophet David’s rule. In the commune she calls home, Salome knows nothing of life beyond her strict faith, nor of life beyond the Fence—the fence that cages her, keeps her trapped in an endless cycle of misery. A life she believes she is destined to always lead, until a horrific event sets her free.

Fleeing the absolute safety of all she has ever known, Salome is thrust into the world outside, a frightening world full of uncertainty and sin; into the protective arms of a person she believed she would never see again.

River ‘Styx’ Nash knows one thing for certain in life—he was born and bred to wear a cut. Raised in a turbulent world of sex, Harleys, and drugs, Styx, unexpectedly has the heavy burden of the Hades Hangmen gavel thrust upon him, and all at the ripe old age of twenty-six—much to his rivals’ delight.

Haunted by a crushing speech impediment, Styx quickly learns to deal with his haters. Powerful fists, an iron jaw and the skillful use of his treasured German blade has earned him a fearsome reputation as a man not to be messed with in the shadowy world of outlaw MC’s. A reputation that successfully keeps most people far, far away.

Styx has one rule in life—never let anyone get too close. It’s a plan that he has stuck to for years, that is, until a young woman is found injured on his lot… a woman who looks uncannily familiar, a woman who clearly does not belong in his world, yet a woman he feels reluctant to let go…


REVIEW

สิบห้าปีที่แล้วแมได้พบกับสติกซ์ ทั้งคู่ทิ้งไว้แค่จูบเดียวเท่านั้น จนกระทั่งถึงวันที่แมโตเป็นสาว เธอได้หลบหนีออกมาจากดิออร์เดอร์ ชุมชนคัลท์ที่ผู้หญิงรับบทบาทเป็นคนใจบาปและมีหน้าที่รองรับการปลดปล่อยของผู้ชายเท่านั้น เธอและพี่น้องของเธอถูกข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนแมก็ถูกลิขิตให้แต่งงานกับศาสดา แต่เธอได้หลบหนีออกมาในวันแต่งงาน แมบาดเจ็บสาหัสและได้พบกับสติกซ์ที่คลับของแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ สติกซ์ที่กำลังจัดการปัญหาการคุกคามที่เล็งเป้ามายังแก๊งค์ที่เขาเป็นหัวหน้า สิ่งที่ทำให้สติกซ์แปลกใจมากที่สุดก็คือ...เขาไม่คิดว่าชาตินี้เขาจะได้เจอหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาหมาป่าอีกแล้วจนกระทั่งเขาแมมาอยู่กับเขาในที่สุด

สติกซ์พยายามผลักไสแมออกห่างจากเขาเพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเธอ นั่นทำให้เขาไปขลุกอยู่กับโลอิส ผู้หญิงคนก่อนของเขา จนกระทั่งวันที่แมไปสนิทกับไรเดอร์ หนึ่งในสมาชิกของแฮงเมน สติกซ์หึงหวงที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เขาตัดสินใจบอกเลิกโลอิส ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ถูกยิงแสกหน้าจนตายต่อหน้าแม สติกซ์ที่มีปัญหาพูดติดอ่าง เวลาอยู่กับแม เขาสามารถพูดได้เกือบจะเป็นปกติ แมคือยารักษาของเขา และเมื่อคลับของเขาหาตัวหนอนบ่อนไส้ได้ สติกซ์ก็เชื่อว่าแมจะอยู่อย่างปลอดภัยเมื่อเขาสามารถจัดการภัยคุกคามไปได้

แต่เขาคิดผิด...

ไรเดอร์รักแม และเขาไม่เห็นด้วยที่แมจะไปลงเอยกับสติกซ์ ดังนั้นสติกซ์จึงขับไล่ไรเดอร์ออกจากคลับ ซึ่งทำให้แมเสียใจมากที่เธอสูญเสียเพื่อนคนเดียวไป แต่ไรเดอร์กลับมาพร้อมๆกับสมาชิกของดิออร์เดอร์ที่มารับตัวแมกลับไป และไรเดอร์เผยมาว่าเขาเป็นหลานชายของศาสดาและแฝงตัวเข้ามาอยู่ในคลับของสติกซ์เพื่อล้วงข้อมูลและกอบโกยผลประโยชน์ต่อกลุ่มของตัวเอง แมถูกจับตัวกลับไปยังชุมชนคัลท์ของเธอเพื่อแต่งงานกับศาสดาเดวิดอีกครั้ง ไรเดอร์คือคนที่ทรยศมาโดยตลอด

สติกซ์รวมพลแก๊งค์มอ'ไซค์เพื่อไปช่วยแมถึงที่ เขาได้ฆ่าศาสดาเดวิดและพาพี่น้องอีกสองคนของแมออกมาที่นั่น ในตอนท้ายที่สติกซ์และแมลงเอยกันในที่สุด ไรเดอร์ซึ่งชื่อแท้ๆก็คือเชียนได้กลับไปยังบ้านของเขาและพบกับน้องชายที่ต้องการให้เขารับตำแหน่งศาสดาต่อจากลุงของเขาที่ตายไปแล้ว

.......................................................

เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้วต้องเขียนรีวิวถึงให้ได้ ทิลลี่ โคลเธอเป็นนักเขียนที่มีเอกลักษณ์ในการเขียนหนังสือของตัวเอง เธอสร้างเนื้อเรื่องออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นที่จับชุมชนคัลท์กับ MC มาคู่กันเนี่ย ไม่แปลกใจเลยที่นางเอกเล่มนี้(และเล่มหน้า)ต้องเกิด culture shock กันทุกคน เพราะ MC ที่พระเอกเป็นเจ้าของจะใช้ภาษาสก๊อยคุยกันสนุกปาก นางเอกก็เรียบร้อยปานแม่ชี ส่วนภาพรวมของเนื้อเรื่อง หลังจากช่วงกลางๆไปเราว่าเข้มข้นมาก เราชอบไรเดอร์มากกว่าสติกซ์ หนังสือเล่มนี้มีคาแรคเตอร์น่าสนใจหลายตัว จนเราอยากจะกระโดดข้ามไปอ่านเล่มของเฟลมเลย

อ่านหนังสือไปก็นึกถึงเพลง Judas ของ Lady Gaga ตลอด (อ่านแล้วจะเข้าใจว่ามันฟีลเดียวกันเลยจริงๆ) หรือไม่เราก็ขอยกให้เพลงนี้เป็นธีมของหนังสือเล่มนี้ไปเลยก็ได้เอ้า ใครนึกภาพรวมของหนังสือไม่ออก ลองไปเปิดเอ็มวี Judas ดูแล้วจะร้องอ๋อเลยจริงๆ แล้วทิลลี่ก็เอาคาแรคเตอร์ Judas นี่แหละมาสร้างเป็นตัวละครตัวหนึ่งขึ้นมา จึงค่อนข้างแปลกใจพอสมควรที่พอเปิด playlist หลังหนังสือแล้วไม่มีเพลงนี้อยู่ด้วย ทั้งๆที่เราว่า Judas ของกาก้าน่าจะมีอิทธิพลต่อหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างมาก

ทิลลี่พยายามทำให้ส่วนอื่นของหนังสือเข้มข้น ดราม่าระหว่างแก๊งค์ อดีตของนางเอก จนเรารู้สึกว่าความรักของพระนางมันจืดชืดและไม่เป็นที่น่าสนใจสักเท่าไร ช่วงแรกพระเอกผลักไสนางเอกตลอด พอถึงช่วงตามหึงความรักระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง นางเอกเปรียบเทียบว่าตัวเองเป็นเพอร์เซโฟนี่ ส่วนพระเอกเป็นฮาเดส อืม ! จะว่ายังไงดีล่ะ เราขอยกให้นางเอกเป็นร่างอวตารของเบลล่า สวอนได้มั้ย?

คือมันมีอยู่ช่วงนึงที่แมเข้าไปหาไรเดอร์แล้วมันให้อารมณ์เบลล่า-เจคอบในตอนท้ายของ Eclipse มากๆ ที่เจคอบกำลังจะไปต่อสู้ แต่เบลล่าบอกว่า 'อยู่กับฉัน' เจคอบเลยตอบไปว่า 'นั่นยังไม่ดีพอ' นั่นแหละ เรื่องนี้แทบจะยกสถานการณ์นั้นมาทั้งกระแบะ โชคดีที่นางเอกไม่ตอบกลับไปว่า 'Kiss me' ไม่งั้นเราคงจะเงิบคาหนังสือไปแล้ว 555 อารมณ์นางเอกประมาณว่า 'ฉันรักคุณ แต่ฉันก็ต้องการเขาเหมือนกัน'

ไม่ใช่เราว่าว่าสติกซ์ไม่ดีนะ แต่เรามองเห็น passion ระหว่างไรเดอร์-แม มากกว่า สติกซ์-แม อีก เราว่าถ้าตัดอดีตตอนเด็กของสติกซ์ออกไป เราจะไม่เชื่อเลยจริงๆว่าคู่นี้รักกัน เคมีระหว่างพระนางบางเบามาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือเพราะตัวเราที่ผิดปกตินี่แหละ 555 ใครอ่านแล้วรบกวนมาบอกเราด้วยนะว่า...รู้สึกแบบนี้เหมือนกับเราบ้างมั้ย

โดยรวมสนุกนะ อ่านแล้วนึกถึง Becoming Calder ทิลลี่เล่าเรื่องออกมาได้โอเค น่าสนใจ มีมิติ แต่รัศมีและบทบาทของพระเอกยังดูไม่มากพอที่จะทำให้เราให้คะแนนสูงกว่านี้ได้ พระเอกเป็นถึง Prez แต่บทบาทที่เขาแสดงพลังออกมายังดูไม่ค่อยพีคเท่าไร ถ้าใส่ลูกบ้าให้พระเอกมากกว่านี้ หนังสือเล่มนี้จะโอเคมาก...

คะแนน 7.5/10

Aug 30, 2015

The Wrath of Mulgarath (The Spiderwick Chronicles #5)


ชื่อเรื่อง The Wrath of Mulgarath
จากชุด The Spiderwick Chronicles
ผู้แต่ง Holly Black , Tony DiTerlizzi
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

Three ordinary kids, Jared, Simon, and Mallory Grace, have entered another world -- without leaving this one! Two remarkable talents, New York Times best-sellers Tony DiTerlizzi and Holly Black, have risked everything to bring this remarkable account to light. Five books -- one thrilling adventure -- the Spiderwick Chronicles!
Their world is closer than you think.

REVIEW

เมื่อแม่ของพี่น้องเกรซถูกจับตัวไป จาเร็ด ไซม่อนและมัลลอรี่จึงต้องออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อันตรายเพื่อตามหาแม่ของพวกเขาให้ทันเวลา ระหว่างทางสามพี่น้องได้พบกับก็อบลินและเมื่อมาถึงที่อยู่ของมุลการาธ เด็กๆก็ได้พบกับแม่และพ่อตัวปลอมของพวกเขาที่กลายร่างเป็นมุลการาธ เมื่อสามพี่น้องปราบมุลการาธลงได้แล้ว จาเร็ดก็ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพวกเอลฟ์ว่าเขาจะเอาหนังสือภาคสนามไปมอบให้ แต่พวกเอลฟ์ไว้ใจจาเร็ดให้เก็บหนังสือนั้นไว้กับตัว ส่วนป้าลูซินก้าก็คือพบกับพ่อของตัวเอง อาร์เธอร์ สไปเดอร์วิกในที่สุด เขาตัดสินใจที่จะกลายเป็นเถ้าถ่านเมื่อเขาเยื้องย่างออกมาจากดินแดนแห่งเอลฟ์เพื่อที่จะพบหน้าลูกสาวของเขาเป็นครั้งสุดท้าย

..................................................

ตัวร้ายตายง่ายมากจนน่าตกใจ ฮ่าๆ แปลงร่างเป็นนกแล้วโดนกินเฉยเลย เรานี่นั่งขำอยู่นานกว่าจะอ่านต่อได้ สำหรับเล่มนี้เราชอบตอนจบ ลูซินด้ากับสไปเดอร์วิก เราว่าเป็นตอนจบที่ดูมีอะไรดี หลังจากห้าเล่มที่ผ่านมาเราให้น้ำหนักหนังสือชุดนี้พอๆกับนิทานก่อนนอน เพราะทั้งปม ตัวละครและก็อะไรอีกหลายๆอย่าง มันไม่หนักพอที่จะทำให้เราเรียกหนังสือชุดนี้ว่าเป็นนิยายได้เต็มปากเต็มคำเลย แต่ก็ถือว่าเอามาอ่านตอนว่างๆแก้เบื่อได้ดีจริงๆแหละ

คะแนน 7/10

The Ironwood Tree (The Spiderwick Chronicles #4)


ชื่อเรื่อง The Ironwood Tree
จากชุด The Spiderwick Chronicles
ผู้แต่ง Holly Black , Tony DiTerlizzi
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

First a pack of vile, smelly goblins snatch Simon. Then a band of elves try to entrap Jared. Why is the entire faerie world so eager to get their hands on Spiderwick's Guide? And will the Grace kids be left alone, now that the Guide has mysteriously disappeared? Don't count on it.
At school, someone is running around pretending to be Jared, and it's not Simon. To make matters even worse, now Mallory has disappeared and something foul in the water is killing off all the plants and animals for miles around. Clues point to the old abandoned quarry, just outside of town. Dwarves have taken over an abandoned mine there. And the faerie world's abuzz with the news that a creature with plans to rule the world has offered them a gift to join with him -- he's given them a queen...

REVIEW

มัลลอรี่ถูกคนแคระจับตัวไป และจาเร็ดก็ตกที่นั่งลำบากเมื่อเขาถูกจับระหว่างถือมีดอยู่ที่โรงเรียน จาเร็ดและไซม่อนจึงต้องออกเดินทางไปยังที่อยู่ของคนแคระเพื่อเอาหนังสือภาคสนามไปแลกกับตัวพี่สาวของพวกเขา แต่เด็กชายทั้งสองโดนคนแคระจับตัวไปเสียก่อนและได้พบกับมัลลอรี่ที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ในโลงแก้ว ทั้งจาเร็ดและไซม่อนจึงต้องหาวิธีที่จะช่วยมัลลอรี่ออกมาจากรังของคนแคระให้ได้ เมื่อพวกเขาทำได้สำเร็จ...จาเร็ด ไซม่อนและมัลลอรี่ก็ได้พบกับมุลการาธและรู้ว่าแม่ของพวกเขาถูกออร์คจับตัวเอาไว้

..................................................

ตอนช่วงผจญภัยในถ้ำคนแคระสนุกดี แต่ภาพรวมทั้งเล่มเราว่ายังเรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก จาเร็ดกับไซม่อนเวลาแท็คทีมกันก็ดูเท่ห์ไปอีกแบบ เอาจริงๆอ่านมาสี่เล่มแล้วเราว่าเนื้อเรื่องเบาโหวงไปหน่อยนะ การเคลียร์ปมในแต่ละเล่มก็ง่ายมาก แต่ถ้าคิดว่าหนังชุดนี้ก็คล้ายๆกับนิทานอีสปเล่มบางๆเหมือนของบ้านเราก็ถือว่าสนุกใช้ได้เลย

คะแนน 7.5/10

Aug 28, 2015

A Monster Calls


ชื่อเรื่อง A Monster Calls
ผู้แต่ง Patrick Ness
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Candlewick

เรื่องย่อ

At seven minutes past midnight, thirteen-year-old Conor wakes to find a monster outside his bedroom window. But it isn’t the monster Conor’s been expecting — he’s been expecting the one from his nightmare, the nightmare he’s had nearly every night since his mother started her treatments.

The monster in his backyard is different. It’s ancient. And wild. And it wants something from Conor. Something terrible and dangerous. It wants the truth.

From the final idea of award-winning author Siobhan Dowd — whose premature death from cancer prevented her from writing it herself — Patrick Ness has spun a haunting and darkly funny novel of mischief, loss, and monsters both real and imagined.

REVIEW

คอเนอร์ตื่นขึ้นมาพบปีศาจตนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างเป็นต้นยิวยืนอยู่นอกห้องนอนเขาตอนเวลาเที่ยงคืนเจ็ดนาที เด็กชายตระหนักได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่ความฝันสำหรับเขาเมื่อเขาพบกับเศษซากของต้นไม้ในตอนเช้าในขณะที่แม่ของคอเนอร์กำลังป่วยและนั่นทำให้คอเนอร์กลายเป็นไม่มีตัวตนในสายตาของเพื่อนๆที่โรงเรียน และเขายินดีที่จะอ้าแขนรับเพื่อนๆที่รุมซ้อมเขาอย่างเต็มใจเพราะนั่นเป็นการลงโทษที่เขาสมควรได้รับ

จนกระทั่งปีศาจตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดสามเรื่องให้แก้คอเนอร์ฟัง โดยเรื่องที่สี่ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้าย คอเนอร์ต้องเป็นคนเล่า เรื่องเล่าเรื่องแรกคือ...เจ้าชายที่ลงมือฆ่าคนรักของตัวเองเพื่อหวังแย่งบัลลังก์จากราชินีแม่มด ในนั้นปีศาจได้กล่าวว่า...ไมมีคนที่ดีไปเสียทุกอย่าง หรือคนที่เลวร้ายเกินทน ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ระหว่างสองสิ่งนี้แหละ

เรื่องเล่าเรื่องที่สองก็คือผู้เยียวยาที่ต้องการต้นยิวจากบาทหลวง แต่มิได้รับอนุญาต จนกระทั่งลูกสาวของบาทหลวงป่วยหนักและใกล้ตาย หนทางเดียวที่จะรักษาได้ก็คือใช้ยิวต้นนี้ เมื่อบาทหลวงอ้อนวอนให้เขารักษาลูกสาว ผู้เยียวยากลับยืนมองลูกสาวของบาทหลวงตายไปอย่างไม่สนอะไร และนั่นคือสิง่ที่บาทหลวงได้รับ เรื่องเล่าเรื่องที่สาม...คือชายคนหนึ่งผู้ซึ่งไม่มีตัวตนในสายตาคนอื่น และสุดท้ายเขาก็ตระหนักว่าสิ่งที่เลวร้ายกว่าการมีไม่มีตัวตนก็คือ การที่เรามีตัวตนและทุกๆคนมองเห็นเรา

เมื่อแม่ของคอเนอร์ป่วยหนักจนเขาถูกเรียกมาจากโรงเรียนกะทันหัน คอเนอร์รู้ว่ายายของเขาไม่ยอมที่พูดกับเขาเพราะเขาทำลายข้าวของในบ้านของเธอในค่ำคืนที่เขาได้ฟังเรื่องเล่าเรื่องที่สอง คอเนอร์รู้ว่าไม่มียาใดๆจะรักษาแม่ของเขาให้หายได้ แม้ว่าจะเป็นยาจากต้นยิวต้นนั้นก็ตามแต่ ในคืนนั้น...คอเนอร์ได้เผชิญกับเรื่องเล่าเรื่องที่สี่ของตัวเองในที่สุด

ในหุบเหวที่ลึกและมืดสนิท มีอสุรกายตัวหนึ่งยื่นมือมาคว้าแม่ของคอเนอร์ลงไปเบื้องล่าง มือน้อยๆของเขากอดเกี่ยวแม่เขาเอาไว้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจปล่อยเธอไป เขาก็เอ่ยความจริงมาให้ปีศาจตนนั้นฟังว่า ... เขาเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่ที่แม่ของเขาป่วย เขาก็อยากให้เรื่องนี้มันจบๆไปเสียที โดยเขารู้ดีอยู่แล้วว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร

คอเนอร์ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งแม่ของเขาก็เหลือเวลาอีกไม่มาก เมื่อคอเนอร์กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงในที่สุดแล้ว เขากอดแม่เอาไว้ และปีศาจตนนั้นก็อยู่กับเขาตลอดเวลาที่ผ่านไป จนคอเนอร์ได้รู้แล้วว่า ทำไมปีศาจถึงต้องมาหาเขาในเวลาเที่ยงคืนกับอีกเจ็ดนาที ...

..................................................................

ประทับใจ ละมุน เป็นหนังสือไม่กี่เล่มที่สามารถดึงอารมณ์เราออกมาได้ ...

A Monster Calls เป็นเรื่องราวที่จะว่าลึกก็ลึก จะว่าตื้นก็ตื้น ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจเล็กน้อยเวลาอ่าน แต่ในขณะเดียวกันอาจจะไม่ต้องใช้ความเข้าใจใดๆก็ได้ เพราะบางคนอาจจะใช้ประสบการณ์ในชีวิตของในการรับสารจากผู้แต่งล้วนๆและพบว่าเนื้อความของหนังสือเล่มนี้มันกระแทกใจอย่างแรง ด้วยเนื้อเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้หนังสือมันโดดออกมาก็คงจะเป็นสไตล์การบรรยายที่ผู้แต่งค่อยๆละเลียดเข้าถึงอารมณ์ทีละน้อย ไม่ใช่ปาอารมณ์ทั้งก้อนใส่ผู้อ่านรวดเดียว

เชื่อว่าทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์แบบคอเนอร์จะเข้าใจเองว่าไอ้สิ่งที่เด็กชายเผชิญอยู่นะ มันไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อเลย เราหลอกตัวเองว่าจะมีปาฏิหารย์ ทั้งๆที่เรารู้ความจริงข้อนั้นดีอยู่แล้ว และเราก็เหนื่อยที่จะต้องเผชิญกับมันเสียตั้งแต่ทีแรกแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราก้าวผ่านมันมาได้ก็คือ Speaking the truth แค่นี้จริงๆ

เหลือเชื่อนะที่บางประโยคเราอ่านแล้วขนลุก อย่างเช่น

If you speak the truth, the monster whispered in his ear, you will be able to face whatever comes.
“You do not write your life with words...You write it with actions. What you think is not important. It is only important what you do.”    
“There is not always a good guy. Nor is there always a bad one. Most people are somewhere in between.”
“Stories don't always have happy endings."
จะว่าหนังสือเล่มนี้เป็นภาพสะท้อนของประสบการณ์ชีวิตเสี้ยวหนึ่งก็ว่าได้นะ สุดท้ายเรื่องราวมันก็มาถึงจุดไคลแมกซ์ที่เราบอกได้เลยว่าเราชอบอะไรแบบนี้มากๆ เรารู้สึกว่านิยายมันถ่ายทอดออกมาได้สวย ทั้งๆที่ใช้ภาษา Middle Grade ด้วยซ้ำ แต่ก็จับใจเรามากๆ

ถือเป็นอีกเรื่องที่จะประทับใจเราไปอีกนาน...

ได้ข่าวว่ากำลังจะสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วยแหละ ไม่พลาดแน่นอน...

Conor could feel the monster close behind him, knew that it was kneeling, knew that it was putting its face up to his ear to whisper into in, to tell him the rest of the story. 
He called, it said for a monster.

คะแนน 9/10

Aug 23, 2015

The Breed Next Door (Breeds #6)


ชื่อเรื่อง The Breed Next Door
ชุด Breeds
ผู้แต่ง Lora Leigh
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

Lyra’s neighbor can’t be for real. A man who makes her hormones stand up and scream every time she sees him. And he’s breaking through her reserve to invade her dreams at night.

But Tarek Jordan is even more than he seems. A Breed Enforcer with a plan. First, find the Council Trainer he’s tracked to Fayetteville, Arkansas, and second, claim the woman next door as his own. She's fated to be his and his alone. He can feel it in his blood. Until the danger that has shadowed his life suddenly casts a darkness over Lyra's as well. Now Tarek knows that he can’t wait any longer to claim the woman his heart and soul burns for. He has to tell her who he is, what he is, and what he wants. And Lyra will have to accept him as he is, on his terms, and now. Her life depends on it.

REVIEW

ไลร่าเป็นเพื่อนบ้านกับทาเร็คตลอดหกเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งทาเร็คจับคนที่กำลังจะงัดเข้าบ้านของไลร่าได้และรู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตราย เขาจึงพาไลร่ามาอยู่กับเขาและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เมตติ้งฮีทเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ ทาเร็คให้ไลร่าเลือกว่าเธอจะวิ่งหนีเขาหรือยอมจำนนต่อเขา ไลร่าเลือกอย่างหลัง

ทาเร็คโดนกรอกหูมาตลอดว่าเขาเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวหนึ่งจนกระทั่งเขาได้เจอกับไลร่าครั้งแรก เขารู้ว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักเธอมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาไม่สามารถปล่อยเธอไปได้อีกแล้ว จนกระทั่งบ้านของทาเร็คถูกคนจากสภาบุกเข้ามา ด้วยความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสามและพ่อของไลร่าทำให้เขาสามารถปกป้องเธอเอาไว้ได้

..................................................

เป็นเรื่องสั้น อ่านแป๊บเดียวก็จบแล้ว ช่วงแรกเนื้อเรื่องจะช้าๆเรื่อยๆไม่มีอะไร แต่เราชอบตรงที่ว่าทาเร็คไม่เคยกินขนมปังและตามไปบ้านนางเอกเพราะว่าอยากกินขนมปังกับกาแฟ 555 น่ารักดีนะคู่นี้ ไม่ฮาร์ดคอร์เหมือนคู่ก่อนหน้านี้ เลิฟซีนดีตามมาตรฐานของลอร่า แต่ครึ่งแรกกับครึ่งหลังราวกับภาพยนตร์คนละม้วน อารมณ์มันไม่ connect กันอ่ะ ช่วงก่อน Mating Heat กับหลัง Mating Heat เหมือนความรู้สึกพระนางที่คลุมเครือกันอยู่มันเปลี่ยนไปแบบปุบปับเลย ฉากยิงกันตอนท้ายก็ดูอุตลุดไปหน่อย แต่ก็คือว่านี่เป็นเรื่องสั้นที่อ่านเพลินมากอีกเล่มหนึ่ง

คะแนน 7/10

Aug 21, 2015

Rise of the Evening Star (Fablehaven #2)


ชื่อเรื่อง Rise of the Evening Star
จากชุด Fablehaven
ผู้แต่ง  Brandon Mull
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

At the end of the school year, Kendra and her brother, Seth, find themselves racing back to Fablehaven, a refuge for mythical and magical creatures. Grandpa Sorenson, the caretaker, invites three specialists--a potion master, a magical relics collector, and a mystical creature trapper--to help protect the property from the Society of the Evening Star, an ancient organization determined to infiltrate the preserve and steal a hidden artifact of great power. Time is running out. The Evening Star is storming the gates. If the artifact falls into the wrong hands, it could mean the downfall of other preserves and possibly the end of the world. Will Kendra learn to use her fairy gifts in time? Will Seth stay out of trouble? Can they overcome paralyzing fear? Find out in book 2 of this bestselling series.

REVIEW

เคนดร้าพบก็อบลินตัวเป็นๆที่โรงเรียนของเธอและได้รับความช่วยเหลือจากเออร์โรวโดยการตามหารูปปั้นของโอล็อค นั่นทำให้เซธโดนรูปปั้นคางคกงับมือ จนกระทั่งทั้งคู่ได้รับการติดต่อจากเฟเบิลเฮเวนและได้รู้ว่าเออร์โรวไม่ใช่คนที่น่าไว้ใจ ปู่ของเด็กๆจึงส่งวาเนสซ่าไปรับทั้งคู่มายังเฟเบิลเฮเวน เมื่อไปถึงที่นั่น...เคนดร้าและเซธก็ได้รู้ว่า สิ่งของสำคัญของที่นี่กำลังจะถูกขโมยไปและสฟิงซ์ ซึ่งเป็นผู้รอบรู้ทุกสรรพสิ่งก็ได้เตือนพวกเขาว่าให้ตามหาสิ่งของนั้นให้พบและเปลี่ยนที่อยู่ใหม่เสีย ก่อนที่สิ่งๆนั้นจะตกไปอยู่ในมือขององค์กรอีฟนิ่งสตาร์

เมื่อรู้ว่ามีคนทรยศอยู่ในเฟเบิลเฮเวน เคนดร้ากับเซธจึงต้องคอยระมัดระวังทุกฝีเก้า จนกระทั่งวาเนสซ่าถูกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นคนของอีฟนิ่งสตาร์ นั่นทำให้คนทั้งบ้านถูกโจมตี โชคดีที่เคนดร้าหนีออกมาได้ ส่วนเซธก็ถูกโอล็อคจอมตะกละเขมือบลงท้อง โอล็อคจะตามหาผู้ที่ถูกมันกัดและจะไม่ล่าถอยจนกระทั่งมันจะกลืนกินเหยื่อของมันได้สำเร็จ เมื่อเซธออกมากับอุจจาระของโอล็อค ทั้งเขาและเคนดร้าจึงต้องช่วยทั้งปู่และย่าออกมาจากการคุมขังให้ได้ และภารกิจของพวกเขาก็คือ...ตามหาและคุ้มครองสิ่งของสำคัญนั้นให้ปลอดภัย

แต่การจะผ่านด่านผู้หวนคืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เซธต้องรวบรวมความกล้าและเอาชนะความกลัวของเขาเพื่อเอาชนะผู้หวนคืน เคนดร้ากับวาร์เรนจึงล่วงหน้าไปยังสถานที่ที่กักกับสิ่งของนั้นเอาไว้พร้อมกับกุญแจหนึ่งดอก ทั้งคู่ต้องผจญภัยบันไดที่เป็นภาพลวงตา การขโมยกุญแจจากรูปวาดสัตว์ประหลาดบนผนัง สุดท้านแล้ววาเนสซ่าก็ไล่ทั้งคู่มาทันและสงบศึกกับเคนดร้าช่วยคราวและร่วมมือต่อสู้กับแมวเก้าชีวิตที่กลายร่างใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่มันถูกฆ่าตาย

สุดท้ายแล้วเมื่อเคนดร้ารับสิ่งของสำคัญซึ่งเป็นกาน้ำชาที่สามารถรักษาบาดแผลทุกชนิดมาได้สำเร็จ เธอก็จับตัววาเนสซ่าให้สฟิงซ์ลงโทษเธอ และสฟิงซ์เป็นคนอาสาที่จะเป็นคนเก็บกาน้ำชาเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งของที่มีพลังมาก เมื่อเคนดร้ารู้สึกเอะใจและกลับไปยังคุกใต้ดินอีกครั้ง เธอก็ได้พบกับข้อความที่วาเนสซ่า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนของเธอ ได้ทิ้งเอาไว้ว่า...สฟิงซ์อยู่เบื้องหลังแผนการณ์ทั้งหมด เขาจ้างเธอมาทำงานนี้ แต่ตอนนี้สิ่งของสำคัญของเฟเบิลเฮเวนได้ตกไปอยู่ในมือของสฟิงซ์เสียแล้ว

...........................................................

เป็นหนังสือที่เอามาอ่านก่อนนอนได้สนุกมาก เนื้อเรื่องน่าสนใจขึ้นกว่าเล่มที่แล้ว แต่ยังไม่พีคถึงขนาดที่ว่า...อ่านแล้วจะวางไม่ลง เพราะเราหยิบๆวางๆหนังสือเล่มนี้หลายครั้งมากกว่าจะอ่านจบ เนื้อเรื่องตามสไตล์แบรนดอนเขาแหละ คือไม่เน้นความหวือหวา แต่เน้นบรรยากาศที่เรื่อยๆ อ่านเพลินๆ ไม่เร่งในการคลายปมปัญหา ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ...มันจะค่อยๆบิวท์อารมณ์เราไปเรื่อยๆแบบไม่มีสะดุด ข้อเสียก็คือ...มันง่วงจนเราหลับไปหลายรอบเลยน่ะสิ

จะว่าก็ว่านะ ... เซธน่ารำคาญน้อยกว่าเล่มที่แล้ว แต่ก็ยังมีมุมให้น่าตบกะโหลกอยู่อีกเหมือนกัน ส่วนเคนดร้าฉายเดี่ยวในตอนท้ายแบบเล่มก่อนอีกแล้ว สงสารเซธเลยงานนี้ ชวดบทสนุกส่งท้ายอีกตามเคย 555 รอดูว่าเล่มหน้าเซธจะได้ฉายเดี่ยวตอนท้ายเล่มบ้างมั้ย ภาพรวมแล้วหนังสือเล่มนี้สนุกขึ้นนะ แต่ยังไม่สามารถแตะถึงอารมณ์เราได้ คงอาจจะเป็นเพราะหนังสือเด็กหรือเปล่า ผู้แต่งเลยไม่ได้ลงลึกตรงส่วนนี้มากนัก ?

การผจญภัยตอนจบให้อารมณ์ Indiana Jones ภาคสามมากๆ ตื่นเต้น ระทึก บรรยายเห็นภาพชัด ที่แจ๋วที่สุดคือข้อความสุดท้ายของวาเนสซ่า ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้คนอ่านหงายเงิบกัน แต่ก็เชื่อว่าเล่มต่อๆไปคงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

คะแนน 7.5/10

Soul Deep (Breeds #5)


ชื่อเรื่อง Soul Deep
ชุด Breeds
ผู้แต่ง Lora Leigh
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

Mother Nature has a way of making the most unlikely couples ‘fit’. And what could be more unlikely than a sassy, independent President’s daughter who doesn’t know when to keep her mouth shut and a loner Coyote Breed with a hunger for a cute rosebud mouth that he’s determined to still.

The vote for Breed Law is coming down the pike. Kiowa’s job is to watch Amanda, the President’s daughter—look, but not touch. Just make sure the Goof Troop, the Secret Service detail assigned to protect her, do their job until the law is passed.

But when they don’t and the bad guys move in to take her out, Kiowa reluctantly slips in to the rescue, snatching her away to safety. But she isn’t going to come easy and it takes more than smooth talking to make her see his point of view.

For a man who’s had nothing, Amanda Marion is food for the hunger that has tortured him, the reality to every dream Kiowa never dared believe in. What he feels for her is more than heat, more than love. She breathes life into his hardened heart, melting the icy chill that has protected him all his life, and touches a part of him that he thought had died—his soul. And now he’ll kill anyone who tries to take her away from him.

But the one person he can’t fight is Amanda, and when she wants to leave…

REVIEW

อแมนด้าเป็นลูกสาวของประธานาธิบดี ระหว่างที่เธอกำลังจะถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มที่ต้องการใช้เธอเป็นข้อต่อรองไม่ให้กฎหมายคุ้มครองมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ผ่านการลงคะแนนเสียง อแมนด้าก็ถูกคิโอวาช่วยเอาไว้ทัน และจูบเดียวของทั้งคู่ก็ทำให้เมตติ้งฮีตเกิดขึ้น คิโอวาเป็นมนุษย์ที่มี DNA ของไคโยตี้ สิ่งมีชีวิตที่ไร้จิตวิญญาณและถูกออกแบบมาเพื่อฆ่าเท่านั้น

คิโอวาพาอแมนด้าไปยังที่อยู่ของบรีดส์ เขาตั้งใจจะเก็บเธอเอาไว้เป็นของเขาตลอดไป แต่อแมนด้าไม่ยอม เธอยอมให้หมอหาวิธีทางรักษาอาการของเธอในตอนนี้ ซึ่งทำให้คิโอวาเข้าใจผิดว่าอแมนด้าไม่อยากอยู่กับเขา เธอหนีเขาไปครั้งนึง แต่คิโอวาตามจับตัวกลับมาได้ จนกระทั่งคิโอวาตัดสินใจเว้นระยะห่างระหว่างทั้งคู่โดยการกลับไปอยู่บ้านเกิดของเขาเอง อแมนด้าจึงตามเขาไปและสารภาพความรู้สึกของทั้งคู่ออกมาในที่สุด พอดีกับจังหวะที่กฎหมายคุ้มครองบรีดส์ผ่านการลงคะแนนโหวตในที่สุด

.......................................................

เพราะมันสั้นเกินไปนี่แหละ จึงเป็นปัญหา ... ที่จริงเราว่าความรักระหว่างคู่นี้ดีมากๆเลยนะ แต่ถ้าทำให้มันยาวกว่านี้ ละเอียดกว่านี้ เราจะชอบไม่แพ้เล่ม 2-3 เลย พระเอกค่อนข้างจะมีปัญหากับการแสดงความรู้สึกต่อหน้านางเอกหรืออย่างไร ? เพราะอยู่ต่อหน้านางเอกทีไร เขาจะทำหน้า blank ใส่เธอทุกที... ส่วนนางเอกก็ตามสไตล์ลูกคุณหนูเขาแหละ.... ฉันจะกลับบ้านๆๆๆๆ... พอตอนท้าย งงหนักเลยว่าทั้งคู่ไปรักกันตอนไหน พระเอกยังพอเข้าใจว่ารักตั้งแต่ยังไม่แตะต้องนางเอก แต่การแสดงออกบางครั้ง มันทำให้เราเริ่มตั้งคำถามว่า ... ใช่หรอ ? รักนางเอกจริงๆหรอ ? แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่ได้สนใจอะไรตรงนั้นมากหรอก เพราะเล่มนี้...เลิฟซีนเด็ดมาก

นางเอกเป็นพวกนิยม Pain & Pleasure พออยู่บนเตียงทีไร วิญญาณอนาจาก Fifty Shades จะลงประทับนางทุกที I'm so naughty , I'm a bad girl. ยังดีที่พระเอกก็โดนองค์มิสเตอร์เกรย์มาประทับเป็นครั้งคราว บทตรงนี้มันเลยรับส่งต่อกันได้ดี เลิฟซีนบทหลังสุดก็ฮอตดี แต่เนื้อเรื่องนี่แทบจะไม่มีอะไรเลยมั้ง มุกเก่าๆอย่างนางเอกโดนลักพาตัว พระเอกตามไปช่วยนางเอกเลยถูกยิง ก็ไม่มีมาให้เห็นในเล่มนี้เลยเหมือนกัน ซึ่งมันก็ดีในแง่นึง แต่เราไม่อินความรักระหว่างพระนางในเล่มนี้เลยจริงๆ

คะแนน 7/10

Aug 20, 2015

Kiss of Heat (Breeds #4)


ชื่อเรื่อง Kiss of Heat
ชุด Breeds
ผู้แต่ง Lora Leigh
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

They've waited a decade to come together. Long years filled with unbearable pain, and soul-wrenching torment that have changed them both and left wounds that have laid their souls bare. Wounds that stand one chance of healing -- if only they could stop fighting each other long enough for the truth to work its healing balm.

Kane, a relentless warrior, lost more than his heart to Sherra in a night of mating passion that marked them both for life. But news of her death ripped his soul apart. For years he has fought to avenge the death of the woman he loved more than his own life, by revealing the deceit and cruelty of the Council that created the Breeds.

But Sherra didn't die. In a cruel and evil twist she was convinced by her sadistic handlers that the man she had given her body, heart and soul to had betrayed not only her, but the child she carried -- and lost.

Amid the rapidly escalating violence against the Feline Breeds, Kane and Sherra learn that there's more to mating than just the "heat", just as there's more to love than just the sex...

REVIEW

เคย เทย์เลอร์ คิดว่าเขาสูญเสียคนรักไปตลอดแปดปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเขาได้พบกับเชอร์ราอีกครั้ง เขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายเกลียดเขาเข้าแล้วเพราะเชอร์ราเชื่อว่าเคนทิ้งเธอไปหลังจากที่เขาทำให้เธอท้อง เชอร์ราก็แท้งลูกและถูกข่มขืนหลังจากที่เธอคิดว่าเคนจะไม่กลับมาหาเธออีก แต่แท้จริงแล้วตอนนั้นเคนถูกทำร้ายจนเขาไม่สามารถมาหาตามหาเธอได้ เมื่อเขาหายดี...เขาก็พบว่าแลบที่เชอร์ราเคยอยู่ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว

เซธ พี่ชายของโรนิตั้งใจวางแผนลักพาตัวเธอแต่นั่นเป็นการเปิดช่องทางให้กลุ่มเพียวริสเข้ามาทำร้ายถึงที่อยู่ของบรีดส์ เชอร์ราและเคนต้องปกป้องครอบครัวของพวกเขา ในขณะที่เชอร์ราไม่สามารถต่อสู้ร่างกายของเธอได้อีกต่อไป เธอยอมจำนนต่อเคน แต่เคนรู้ดีว่าสิ่งที่เขาได้จากเธอไม่มีความรักอยู่เลยแม้แต่น้อย เขารู้ว่าเชอร์ราทำหมันตัวเองเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องตั้งท้องอีก และนั่นก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เคนรักเธอได้เลย

คัลแลนวางแผนที่จะตอบโต้เพียวริสและสภาสุดกำลัง ในขณะที่เชอร์ราพบว่าตัวเองท้องจะด้วยเหตุผลประการใดก็แล้วแต่ นั่นอาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนของเธอที่ทำให้การทำหมันของเธอหมดประสิทธิภาพ เคนจึงดีใจมากที่เขาได้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่กับเชอร์ราอีกครั้ง

.........................................

เล่มนี้รำคาญนางเอกสุดกำลัง ถ้าเอาความน่ารำคาญของเธอไปแลกเป็นสแตมป์เซเว่น บอกได้เลยว่าสงสัยได้โต๊ะพับมาหลายตัว ! ครึ่งเล่มแรกไม่มีอะไรนอกจากนางเอกจะแง่งๆแล้วก็วิ่งหนีพระเอก อีกครึ่งเล่มที่เหลือก็ไม่มีอะไรอีกเอ้า ตอนจบนี่ก็นะ ชินแล้วล่ะ ไอ้สไตล์ที่จบแบบมีต่ออีกอ่ะ ตื่นเต้นดี ได้รู้ภาพรวมคร่าวๆของหนังสือเล่มต่อๆไปเนอะ

เป็นเพราะเราหรือเพราะสไตล์การเล่าเรื่องของลอร่าที่เล่มนี้เราอ่านแล้วงงเป็นพักๆ กำลังจะตั้งท่าต่อสู้กัน พอจบบทขึ้นบทใหม่ ประโยคแรกที่เราเจอก็คือ ... หลายชั่วโมงผ่านไป! ตัดฉากต่อสู้ทิ้งซะงั้น เสียดายมาก บอกเลย การแก้ปัญหาในตอนท้าย...ง่ายมาก ! ก่อหวอดประเด็นนางเอกมาสามเล่ม แต่การคลี่ปมดราม่าระหว่างพระนางดูไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อเลย ยังไงก็เอาเถอะ...นิยายอิโรติค ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว หยิบเล่มหน้าขึ้นมาอ่าน ที่จริงอยากอ่านคู่ของแทนเนอร์และเมิซนะ แต่อ่านเรียงเล่มไปเรื่อยๆดีกว่า

คะแนน 6.5/10

Aug 16, 2015

Elizabeth's Wolf (Breeds #3)


ชื่อเรื่อง Elizabeth's Wolf
ชุด Breeds
ผู้แต่ง Lora Leigh
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

She brought him back from death and made him live again.

Dash thought himself alone, a soldier, a fighting machine and no more.

Elizabeth made him realize he was a man.

Danger surrounds the woman his soul marked as his mate, death and blood and a treachery that goes beyond even his worst nightmares. But he will protect her and what she claims as her own. He was created to kill, trained to do it efficiently, and only a man bound to her, heart and soul, will have the strength to save Elizabeth and her prized possession.

He is a lone wolf. A man alone. No pack, no family, no one to call his own until one single, innocent letter awoke Elizabeth's wolf.

REVIEW

แดชกำลังจะตายในสนามรบหากเขาไม่ได้รับจดหมายจากแคสซี่ที่ส่งมาหาเขาตลอดหลายเดือนนั่น แดชไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อน ไม่มีอะไรที่เป็นของเขาเลยแม้แต่สักอย่างเดียว เขาโตขึ้นมาศูนย์ทดลองและหลบหนีออกมาจากที่นั่นตอนอายุสิบขวดและมาเข้าร่วมกับกองทัพทหารหลังจากนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งจดหมายนั้นก็ไม่ส่งมาหาเขาอีก แดชกระวนกระวายจนจดหมายถูกส่งมาถึงเขาอีกครั้งและจดหมายฉบับนั้น...แคสซี่บอกเขาว่า เธอและแม่ของเธอ เอลิซาเบ็ธ กำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อแดชหายดี เขาออกไปตามหาตัวแม่ลูก ทั้งๆที่เขาไม่เคยเห็นหน้าทั้งสองคนมาก่อน แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าเอลิซาเบ็ธและแคสซี่เป็นของของเขาที่เขาต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้

เอลิซาเบ็ธหนีเกรนจ์มาตลอดสองปีเต็ม เกรนจ์ต้องการจับตัวแคสซี่ ลูกสาวของเธอไปด้วยเหตุผลบางอย่างและนั่นทำให้พ่อของแคสซี่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาเธอเนื่องจากเขาพยายามขายลูกสาวตัวเองให้กับเกรนจ์ เมื่อสองแม่ลูกได้พบกับแดช สัญชาตญาณหมาป่าที่อยู่ใน DNA บอกเขาว่าเอลิซาเบ็ธเป็นคู่ของเขา ดังนั้นแดชจึงพยายามอย่างมากที่จะทำให้เอลิซาเบ็ธยอมไว้ใจเขาให้ได้ หลังจากที่เธอถูกหักหลังมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

แคสซี่ถูกส่งตัวไปอยู่กับคัลแลนเพื่อความปลอดภัยในขณะที่แดชกับเอลิซาเบ็ธดำเนินตามแผนที่หลอกล่อเกรนจ์และเข้าไปเอาไฟล์หลักฐานซึ่งบอกว่าแคสซี่เกิดจากเชื้อพันธุ์ของหมาป่า ไม่ใช่สามีเก่าของเอลิซาเบ็ธที่ให้กำเนิดลูกของเธอขึ้นมา เพราะสามีของเธอไม่สามารถมีลูกได้ เขาจึงเปิดช่องทางนั้นให้หมอทำให้เอลิซาเบ็ธท้องด้วยน้ำเชื้อจากผู้ชายที่มี DNA ของหมาป่า และเกรนจ์ต้องการตัวแคสซี่เพราะว่าเธอเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติของบรีดส์

สุดท้ายแดชและเอลิซาเบ็ธก็บุกเข้าไปในที่อยู่ของเกรนจ์ได้และรู้ว่าแท้จริงแล้วแคสซี่เป็นส่วนผสมของหมาป่าและไคโยตี้ เอลิซาเบ็ธยิงเกรนจ์ตายแต่ก่อนที่เขาจะส่งลูกกระสุนมายังหน้าอกเธอ เอลิซาเบ็ธบาดเจ็บสาหัสและแดชสติแตกขั้นสุดเมื่อคิดว่าเขาจะสูญเสียคนๆเดียวในโลกนี้ที่เขารักไป แต่เอลิซาเบ็ธรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดในที่สุด

.....................................................................

เรารีบหยิบ Elizabeth's Wolf หลังจากที่อ่าน The Man Within จบ แม้ว่าตัวละครในเล่มนี้จะไม่ใช่ตัวละครที่เราคุ้นหน้าในสองเล่มที่แล้วก็ตาม แดชเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าเป็น Lone Wolf เลยก็ว่าได้ ส่วนเอลิซาเบ็ธเป็นผู้หญิงที่ถึก อึด บึกบึนและสู้ชีวิตมากมาย ทำให้เราไม่รู้สึกรำคาญคาแรคตเตอร์ตัวละครในเล่มนี้ตรงไหนเลย เนื้อเรื่องในช่วงแรกจะค่อนข้างอืดๆนิดหน่อย เพราะถึงช่วงที่พระนางอยู่กันตามลำพังนั่นแหละ ลอร่าเธอปล่อยของมาเต็มมาก จุใจคนอ่านกันเลยทีเดียว

แล้วมันก็ถึงช่วงที่พระนางต้องรวมหัวกันแก้ปัญหา เราว่าเป็นเอกลักษณ์การเขียนของลอร่าไปแล้วหรือเปล่า ที่ครึ่งค่อนเล่มพระนางดูจะซีเรียสกับปัญหาที่เกิดขึ้นมาก แต่พอเอาจริงๆ...การเคลียร์ปัญหามักใช้เวลาแค่บทเดียว และจบลงด้วยอีหรอบธรรมะชนะอธรรมอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องของปกติของนิยายโรมานซ์ แต่ที่เราแปลกใจคือทำไมตอนจบเทือกๆนี้มันดูห้วน รวบรัดไปหมดซะทุกเล่ม จนเรารู้สึกว่าผู้แต่งไม่ได้ให้ความสำคัญกับตอนจบมากเท่าที่ควรหรือเปล่านะ แบบพอเหมือนหมดเรื่องจะเล่าแล้ว ก็รีบทำให้มันจบๆไปด้วยสูตรสำเร็จนี่แหละง่ายดี

แต่ถึงอย่างไร เราก็ชื่นชมลอร่า ลีว่าเป็นนักเขียนที่มีกึ๋น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ประทับใจงานเล่มแรกของเธอ เพราะเรารู้สึกว่ามันติ๊งต๊องและไม่สมเหตุสมผลมากไปหน่อย แต่พอเล่มสองเล่มสาม เราก็รู้สึกว่าแนวทางการเขียนแบบนี้ทำให้เราอยากติดตามงานของเธอไปเรื่อยๆและเรื่อยๆ แต่ด้วยระยะทางที่หนังสือชุดนี้ออกมาสิริรวมแล้ว 30 เล่ม เราว่าต้องมีสักเล่มที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มตัวกับหนังสือชุดนี้แน่ๆ แต่ยังไงก็ไม่ใช่อีกสี่ห้าเล่มถัดจากนี้แน่นอน

คะแนน 8/10

Aug 15, 2015

The Man Within (Breeds #2)


ชื่อเรื่อง The Man Within
ชุด Breeds
ผู้แต่ง Lora Leigh
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

He had protected her as a child, filled all her teenaged fantasies and stole her womanly heart, only to break it. Now, fifteen months later, the news has released. The man she loves is one of the genetically altered Feline Breeds who have shocked the world with their presence. He's also her mate. The mark on her neck attests to that. The fire that rages in her heart and in her body further proves it. But he hadn't wanted her then. Does he really want her now? Deceit and treachery born in the past, now haunt the present as Taber and Roni fight to make sense of their sudden bonding, the mating of heart, body and soul. Taber must battle the forces raging against his union with the woman he has claimed as the man and beast within begin to merge.

REVIEW

เทเบอร์ทิ้งโรนิไปในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะพัฒนาความสัมพันธ์กัน เขาได้ฝากจดหมายที่ทำให้โรนิช้ำใจจนผ่านไปสิบห้าเดือน หลังจากข่าวของคัลแลนและเมอรินัสถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน พ่อของโรนิที่เห็นรอยกัดบนคอของเธอไม่รอช้าที่จะขายลูกสาวให้สื่อเพื่อแลกกับผลประโยชน์ตัวเอง โรนิต้องหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อเธอไม่ได้ตกเป็นเหยื่อแค่สำหรับนักข่าวอย่างเดียว แต่เธอยังเป็นอันตรายจากองค์กรที่ตามล่ามนุษย์ที่มีดีเอ็นเอของสัตว์อยู่ในตัว

เทเบอร์ตามมาช่วยโรนิไว้และพาเธอไปอยู่ด้วย แม้ว่าเขาจะพยายามทิ้งระยะห่างระหว่างทั้งคู่เพราะจดหมายที่เธอทิ้งไว้ให้เขาก็ตามแต่ แต่เมื่อเขาได้พบกับโรนิอีกครั้ง เขาก็รู้แล้วว่าครั้งนี้เขาจะไม่สามารถปล่อยเธอไปได้อีกแล้ว เทเบอร์ทำให้ช่วงเมตติ้งของระหว่างทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น และช่วงเวลานี้จะไม่หยุดจนกว่าโรนิจะท้อง ซึ่งทำให้เธอโกรธมากที่เทเบอร์ไม่เหลือทางเลือกไว้ให้กับเธอเลย จนกระทั่งเทเบอร์และโรนิต่างรู้ว่าจดหมายที่ทั้งคู่ได้รับไม่ใช่ฝีมือของพวกเขาเอง แต่เป็นฝีมือของคนอื่นที่ทรยศต่อคัลแลนและได้ชดใช้ด้วยชีวิตไปแล้ว

พ่อของโรนิมาหาเธอถึงที่ เทเบอร์ตัดสินใจเก็บเขาไว้เพื่อเฝ้าคอยระวังเขาทุกฝีเก้า จนกระทั่งมีการบุกโจมตีในที่พัก เทเบอร์ฆ่าคนต่อหน้าโรนิ เขาคิดว่าเธอต้องเกลียดเขาที่เห็นเขาในสภาพเช่นนี้ แต่ตรงกันข้าม...โรนิเข้าใจและสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเทเบอร์หลังจากนั้น ไม่นานโรนิก็พบว่าตัวเองท้องกับเทเบอร์และเมตติ้งฮีตได้สิ้นสุดลง พ่อของโรนิบุกเข้ามาทำร้ายเธอจนถูกยิงตาย แต่โรนิรู้แล้วว่าคนที่เธอเคยเชื่อว่าเป็นพ่อมาหลายปีจริงๆแล้วไม่ใช่พ่อของเธอ แต่พ่อแท้ๆของโรนิอยู่เบื้องหลังการบุกโจมตีเดอะบรีดส์ และหลังจากรู้ข่าวโรนิ เขาก็ส่งเซธออกมาดูว่าโรนิมีความสุขกับชีวิตของเธอหรือเปล่า

..................................

เล่มนี้ดีกว่าเล่มแรกแบบผิดหูผิดตา อ่านไปก็ถามตัวเองไปว่านี่ใช่ผู้แต่งคนเดียวกับเล่มที่แล้วที่เขียนเนื้อเรื่องออกมามึนๆหรือเปล่า มันใช่หรอ ใช่จริงๆอ่ะ 555 อาจจะเป็นเพราะเราชอบความสัมพันธ์แบบนี้ด้วยล่ะมั้งเลยอ่านแล้วชอบเป็นพิเศษ พระนางรู้จักกันตั้งแต่เด็ก แต่มีเรื่องเข้าใจผิดที่ทำให้สองคนต้องแยกจากกันไป พอกลับมาพบกันใหม่แล้วเช็คความรู้สึกกันอีกที อ้าว ! เราสองคนยังใจตรงกันอยู่นี่นา แล้วเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปแบบร้อนฉ่า ร้อนแบบต้องเอาพัดลมจ่อหน้า ถึงจะมีรำคาญนางเอกบ้าง (อยากจะโบกให้หัวทิ่ม) แต่ก็สนุก เราว่าการสร้างตัวละครของ The Man Within คล้ายๆกับชุด New Species ของ Laurann Dohner ที่สุดละ พระเอกจะรักนางเอกรุนแรงมาก แต่อยู่ในขอบเขตที่เรารับได้ และพอมาอยู่ในเล่มนี้ด้วยแล้ว มันสนุก ครบรส

มีตินิดนึงตรงช่วงท้ายที่จู่ๆนางเอกก็เปลี่ยนบุคลิกซะงั้น แบบก่อนหน้านี้เราก็ไม่เข้าใจอารมณ์เธอเหมือนกันนะ ย่อหน้านี้ตั้งแง่กับพระเอก ย่อหน้าต่อไปเธอก็แบบ...เอ้อ ไม่เป็นไรเนอะ คิดแบบนี้ดีกว่า อืม ! ถือว่าเป็นตัวละครที่เราตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆ ส่วนพระเอกโอเคอยู่ มีอะไรแปลกๆ เหวอๆโผล่มาให้เห็นบ้าง แต่ไม่ได้เยอะจนเสียอารมณ์เหมือนกับเล่มที่แล้ว โมเม้นต์ฟินจิกหมอนเยอะอยู่นะเล่มนี้

คะแนน 8.5/10

Aug 14, 2015

The Martian


ชื่อเรื่อง The Martian
ผู้แต่ง Andy Weir
สำนักพิมพ์ Crown
แนว Sci-fi

เรื่องย่อ

Six days ago, astronaut Mark Watney became one of the first people to walk on Mars. Now, he's sure he'll be the first person to die there. After a dust storm nearly kills him & forces his crew to evacuate while thinking him dead, Mark finds himself stranded & completely alone with no way to even signal Earth that he’s alive—& even if he could get word out, his supplies would be gone long before a rescue could arrive. Chances are, though, he won't have time to starve to death. The damaged machinery, unforgiving environment or plain-old "human error" are much more likely to kill him first. But Mark isn't ready to give up yet. Drawing on his ingenuity, his engineering skills—& a relentless, dogged refusal to quit—he steadfastly confronts one seemingly insurmountable obstacle after the next. Will his resourcefulness be enough to overcome the impossible odds against him?


REVIEW

ภารกิจสำรวจดาวอังคารของมาร์คกลายเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา เมื่อมาร์คถูกพายุทรายพัดกระเด็นและเพื่อนๆของเขาคิดว่าเขาตายไปแล้ว นั่นทำให้เขาถูกทิ้งไว้บนดาวอังคาร พอมาร์คฟื้นขึ้นมา เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดบนดาวดวงนี้ให้ได้ ไม่เว้นแม้แต่นำอุจจาระมาปลูกมันฝรั่ง และการผลิตน้ำจากไฮโดรเจนและออกซิเจน นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเขาต้องหาทรัพยากรในการดำรงชีพเป็นเวลาทั้งหมดสี่ปี เมื่อรอยาน Ares 4 ที่จะมาเยือนดาวอังคารอีกครั้ง เมื่อนั้น...ถ้ามาร์คยังมีชีวีตรอด เขาจะได้กลับบ้าน

มาร์คใช้ติดต่อกับนาซ่าได้สำเร็จ แต่มันไม่ง่ายเมื่อมาร์คกำลังจะอดตายเมื่อมันฝรั่งของเขาตายเรียบ นาซ่าจึงต้องส่งความช่วยเหลือมาให้ถึงมาร์คก่อนที่เขาจะแย่ไปมากกว่านี้ ด้วยอุปสรรคต่างๆนานา ผ่านไปปีกว่าๆที่มาร์คต้องใช้ชีวิตอยู่บนดาวองคาร เขาก็สามารถขึ้น MAV เพื่อนเดินทางกลับบ้านได้ในที่สุด

..................................................

" ถ้ารู้ว่าตัวเองเกลียดวิทยาศาสตร์เข้ากระดูกดำ อย่าริอ่านหนังสือเล่มนี้ " มีคนเคยเตือนเรานานแล้วตั้งแต่ The Martian ออกใหม่ๆแล้วเราเกิดความรู้สึกอยากลองของ เราเป็นคนดู Star Wars แล้วไม่ค่อยอิน หนังที่ไซไฟหนักๆ ก็ค่อนข้างไม่ถูกจริตอีก ก่อนอ่านนั้นเรามโนไปว่า...มันก็ไม่เท่าไรหรอกมั้ง อ่านเพลินๆ อ่านขำๆ พอหลังจากอ่านจบแล้ว...ขำไม่ออกจ้า ช่วงแรกของหนังสืออ่านแล้วโอเคกับมันอยู่นะ สนุกตรงคำพูดประชดเสียดสีของมาร์คนี่แหละที่เป็นส่วนทำให้เนื้อเรื่องมันไม่ได้จืดชืดไปซะหมด พอช่วงกลางๆที่นาซ่าติดต่อมาร์คได้และเริ่มยื่นมือมาช่วยเหลือ ช่วงแรกของพาร์ทนี้สนุกมาก พอช่วงกลางๆ-หลังๆ เราสติแตกขั้นสุด

ช่วงท้ายๆเราอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย นี่ขนาดข้ามส่วนที่พูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ล้วนๆไปแล้วนะ มันก็ยังไม่ช่วยอะไรอยู่ดี คือจำได้ตอนเด็กๆเราเป็นคนที่อ่านหนังสือดาราศาสตร์ไม่รู้เรื่อง สำนวนในตอนท้ายๆของหนังสือเล่มนี้เราว่ามันค่อนข้าง cliché และถึงจะหย่อนมุขมาก็ทำให้เราขำไม่ได้เหมือนกับตอนแรกๆแล้ว การสลับ pov ตัดสลับเหตุการณ์ทำให้เรางงเราเบาๆว่าข้อความนี้ส่งถึงใคร และใครส่งมา อะไรยังไง เรางง

ยกเว้นคาแรคเตอร์ของมาร์คแล้ว เราว่าไม่มีตัวละครไหนน่าสนใจเลย เพราะทุกตัวมันแบนราบเป็นหนึ่งมิติไปซะหมด อ่านจบบทแล้วก็จำแทบไม่ได้ว่าตัวละครนี้มีบทบาทอะไร คือ The Martian เป็นนิยายแนวเอาชีวิตรอด ไม่มี plot twist หรือหักมุมอะไรทั้งนั้น เนื้อเรื่องจากจุดเริ่มต้นลากเป็นเส้นตรงไปแตะจุดสุดท้ายแบบไม่มีเลี้ยวโค้งตรงไหน เพียงแค่คุณเปิดหน้าแรก คุณก็สามารถเดาตอนจบได้แล้วล่ะ จริงๆ

ถ้าคนสนใจนิยายที่เป็น Pure sci-fi หรือเป็นคอ sci-fi ดั้งเดิมอยู่แล้ว จะอ่านหนังสือเล่มนี้สนุก(มาก)แบบไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แล้ว คิดจะมาอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะคิดว่ามัน...น่า...จะสนุก คุณอาจจะพบจุดจบแบบเรา ที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่รู้เรื่องไปกันใหญ่ เตลิดเปิดเปิงมาก 555

คะแนน 5.5/10

Aug 11, 2015

On Dublin Street (On Dublin Street #1)


ชื่อเรื่อง On Dublin Street
จากชุด On Dublin Street
ผู้แต่ง Samantha Young
โรมานซ์ ร่วมสมัย
สำนักพิมพ์ Penguin

เรื่องย่อ

Jocelyn Butler has been hiding from her past for years. But all her secrets are about to be laid bare…

Four years ago, Jocelyn left her tragic past behind in the States and started over in Scotland, burying her grief, ignoring her demons, and forging ahead without attachments. Her solitary life is working well—until she moves into a new apartment on Dublin Street where she meets a man who shakes her carefully guarded world to its core.

Braden Carmichael is used to getting what he wants, and he’s determined to get Jocelyn into his bed. Knowing how skittish she is about entering a relationship, Braden proposes an arrangement that will satisfy their intense attraction without any strings attached.

But after an intrigued Jocelyn accepts, she realizes that Braden won’t be satisfied with just mind-blowing passion. The stubborn Scotsman is intent on truly knowing her… down to the very soul.

REVIEW

โจเซลินกำลังหาที่พักใหม่ จนกระทั่งเธอได้พบกับเอลลี่มาเป็นรูมเมทและได้เข้าไปอยู่ในที่พักสุดหรูที่เอลลี่บอกว่าพี่ชายเป็นคนซื้อให้เธอ และพี่ชายของเอลลี่ก็คือ...บราเดน คาร์ไมเคิล ชายหนุ่มที่โจเซลินได้พบมาก่อนหน้านี้แล้วบนรถแท็กซี่ จนเมื่อโจเซลินได้พบกับบราเดนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็พบว่าตัวเองไม่สามารถห้ามแรงดึงดูดระหว่างทั้งคู่ได้ จนบราเดนเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดของเขา

โจเซลินเป็นโรค PTSD ซึ่งเกิดจากการสูญเสียครอบครัวของเธอและเพื่อนไปในวัยเด็ก ทำให้เธอไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับใครได้อีก แต่บราเดนสามารถมองลึกเข้าไปในตัวเธอและรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง ดังนั้นเขาจึงยื่นข้อเสนอว่าให้ทั้งคู่เป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์กัน และไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น จนเมื่อบราเดนพาโจเซลินไปดินเนอร์และเธอได้รู้ว่าบราเดนเคยหย่ากับภรรยาของเขามาหนหนึ่งแล้ว และเขาสามารถก้าวผ่านมันมาได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาในการเยียวยาก็ตาม

เมื่อเอลลี่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง โจเซลินสติแตกเพราะการสูญเสียในวัยเด็กของเธอที่ปล่อยให้เพื่อนของเธอตายเพราะตัวเองเป็นสาเหตุ เธอบอกเลิกกับบราเดนเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แต่บราเดนไม่ยอมง่ายๆ เขาตามตื๊อเธอ ทั้งคู่ทะเลาะกัน โจเซลินเข้าใจผิดว่าบราเดนไปอยู่กับหญิงอื่นหลังจากเธอบอกเลิกเขา โจเซลินเลยวางแผนจะไปเวอร์จิเนียเพื่อลาหลุมศพครอบครัวเธอ บราเดนขโมยตั๋วเธอไป โจเซลินเลยไปหาเขาที่อพาร์ตเมนท์และได้ปรับความเข้าใจกัน

.....................................................

เหมือนกำลังนั่งอ่านฟิคนักร้องเกาหลีที่จับพระนางซึ่งไม่มีเคมีระหว่างกันเลยมาคู่กันแล้วก็พยายามยัดเยียดเซ็กซ์ซีนมาเยอะๆเพื่อทำให้คนอ่านเชื่อว่า...นี่แก ! เค้าสองคนรักกันจริงๆนะ แต่เชื่อเราเถอะ ! เราไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย คือกว่าพระนางจะเข้าหากันจริงๆก็ปาไปเกือบครึ่งเล่ม ไม่มีตรงไหนที่จะทำให้เราซื้อได้เลยว่าพระนางรักกันจริงๆ ความสัมพันธ์เริ่มต้นจาก Friends with benefits พอเอาเข้าจริงๆ นางเอกผลักพระเอกออกห่างตลอด ตอนจบนี่ทั้งคู่ลงเอยกันไอ้เราก็นั่งถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับยิ้มอ่อน ไม่ใช่ไรหรอก ! ดีใจที่อ่านจบสักที

เป็นปกติที่นิยายแนวนี้จะใส่อะไรฮอตๆเข้ามา แต่เราชอบอ่านนิยายเรื่องอื่นๆตรงที่มันเกิด Sexual tension ขึ้นระหว่างตัวละครก่อน พอถึงช่วงที่มันระเบิดออกมา มันจะเป็นอะไรที่สนุกมากสำหรับเรา มันให้อารมณ์เหมือนเราไปมุดอยู่ใต้เตียงพระนางในขณะที่เตียงกำลังโยกเอี๊ยดอ๊าด แต่สำหรับเล่มนี้ ! เราไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย มันน่าเบื่อจริงๆ รู้สึกสนุกเฉพาะตรงส่วนที่ไม่เกี่ยวกับบราเดนและโจเซลิน 20% ท้ายโน่นแน่ะที่เรารู้สึกกระเตื้องมาหน่อยนึง เราสนใจตรง เอลลี่ อดัม ครอบครัวพระเอก แม้แต่บทนำเรายังว่าสนุกเลยเอ้า เพราะไม่มีพระนางมีอยู่ด้วยกัน อ่านๆไปใจเราก็ภาวนาขออย่าให้พระนางลงเอยกันเลยเถอะ ถ้าเลิกกันเราจะแฮปปี้มาก แล้วจะแจก 5 ดาวเลย เราไม่ชอบเลยคู่นี้ พอตอนจบมันเป็นอะไรที่ง๊องแง๊งๆก็เลยเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเราคงไม่ไปต่อกับนิยายชุดนี้แล้วล่ะ ลาก่อยยยยย สำหรับเรา...นิยายเล่มนี้มันจบแบบสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนที่นางเอกบอกเลิกพระเอกแล้ว ถ้าจบแบบนี้จะสมใจอยากเรามาก 555

มีเรื่องเข้าใจผิดแบบงี่เง่าตามแบบฉบับละครไทยเยอะนะ แบบนางเอกยั่วพระเอกให้หึง พระเอกก็เลยทำบ้าง นางเอกเรื่องนี้เป็น PTSD ไอ้เราก็พยายามรอคอยฉากที่ไปพบหมอ พอเอาเข้าจริงๆ โมเมนต์ wtf ในเรื่องนี้เยอะมาก เราว่าจิตแพทย์แทบไม่ช่วยอะไร เพราะสถานการณ์พาไปบวกกับความตื๊อของพระเอกล้วนๆเลยลงเอยกันได้เนี่ย ที่เราอ่านเรื่องนี้เพราะอยากเก็บความประทับใจซีนใน Edinburgh ซึ่งเรามีความรู้สึกดีๆกับสกอตแลนด์เป็นพิเศษ แต่ในความเป็นจริง พระนางขลุกอยู่แต่ในอพาร์ตเมนท์กับผับเกือบทั้งเรื่อง  // นั่งร้องไห้

อนึ่งรีวิวนี้เขียนตามจริตส่วนตัวของเราล้วนๆ แฟนหนังสืออย่าด่าเรานะ เราไม่สนุก อาจมีหลายคนเยอะแยะที่อ่านสนุกก็ได้ ถือว่าปล่อยนกปล่อยปลาทำบุญนะ อย่าถือสาเราเลย 555 กลัวมากเดี๋ยวนี้ เวลาจะให้หนังสือเล่มไหน 1 ดาว ต้องระวังดีๆ เดี๋ยวจะโดนด่าแบบเคสก่อน 555

คะแนน 4.5/10

Aug 10, 2015

Fablehaven (Fablehaven #1)


ชื่อเรื่อง Fablehaven
จากชุด Fablehaven
ผู้แต่ง  Brandon Mull
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

For centuries mystical creatures of all description were gathered into a hidden refuge called Fablehaven to prevent their extinction. The sanctuary survives today as one of the last strongholds of true magic. Enchanting? Absolutely. Exciting? You bet. Safe? Well, actually, quite the opposite.

Kendra and her brother, Seth, have no idea that their grandfather is the current caretaker of Fablehaven. Inside the gated woods, ancient laws keep relative order among greedy trolls, mischievous satyrs, plotting witches, spiteful imps, and jealous fairies. However, when the rules get broken -- Seth is a bit too curious and reckless for his own good -- powerful forces of evil are unleashed, and Kendra and her brother face the greatest challenge of their lives. To save their family, Fablehaven, and perhaps even the world, Kendra and Seth must find the courage to do what they fear most.

REVIEW

เคนดร้าและเซธไปพักอาศัยร่วมกับคุณปู่ เด็กทั้งสองได้ไปพักในห้องใต้หลังคา ทีแรกพวกเขาคิดว่าบ้านนี้เป็นบ้านธรรมดาๆ นอกจากคำสั่งของคุณปู่ที่ห้ามเด็กๆเข้าป่า จนกระทั่งวันหนึ่งเคนดร้าและเซธเริ่มมองเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับที่แห่งนี้ เซธเดินสำรวจป่าและได้พบกับแม่มดที่นั่งแทะปมเชือกอยู่ เมื่อเขากลับมาเคนดร้าก็ได้พบหนังสือที่บอกว่าให้เธอดื่มนม พอพวกเขาดื่มนมเข้าไป โลกอีกใบก็ระเบิดต่อสายตาพวกเขา เหล่าแฟรี่บินว่อนอยู่รอบบ้าน และสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือธรรมชาติตัวอื่นๆที่พวกเด็กไม่เคยเห็นมาก่อน

คุณปู่อธิบายให้พวกเขาฟังว่าที่แห่งนี้คือเฟเบิลเฮเวน ซึ่งเป็นที่พำนักของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติซึ่งมีทั้งอันตรายและไม่อันตราย จนกระทั่งเซธไปจับแฟรี่ตนนึงเข้าและโดนพรรคพวกแฟรี่ที่เหลือรุมทำร้าย ปู่ของเขาจึงต้องพาเซธเข้าไปในป่าเพื่อขอความช่วยเหลือจากมูเรียล แม่มดแก่เพื่อแรกกับการทำลายปมเชือกที่ล่ามเธอเอาไว้ หากปมเชือกถูกทำลายจนหมด แม่มดตนนั้นก็จะเป็นอิสระ

วันมิดซัมเมอร์อีฟมาถึง ปู่ของเด็กทั้งสองเตือนว่าจะเป็นวันที่เหล่าสิ่งมีชีวิตออกมาอาละวาดและเขาขอให้เซธกับเคนดร้าเก็บตัวอยู่ในห้อง แต่มีหรือที่เซธจะยอมฟังคำของปู่ ตกกลางคืน...เขาเปิดประตูห้องให้สัตว์ประหลาดและก็อบลินเข้ามาในห้องนอน พอถึงตอนเช้าทั้งคู่ก็พบว่าคนในบ้านได้หายตัวไปหมด ดังนั้นพวกเขาจึงออกตามหาคุณปู่และคนในบ้าน

เซธและเคนดร้าได้พบกับคุณย่าที่กลายร่างเป็นไก่ ดังนั้นพวกเขาจึงพาเธอไปหามูเรียล แลกกับการทำลายปมเชือกปมสุดท้ายของเธอ มูเรียลจึงเป็นอิสระ เมื่อคุณย่าพบว่าคุณปู่ถูกจับไปยังโบสถ์ร้าง หล่อนก็เล่าให้เด็กๆฟังว่าที่แห่งนั้นคือสถานคุมขังของเบอามัท ออกมูเรียลไปถึงก่อน แม่มดจะปล่อยเบอามัดออกมา และไม่มีสนธิสัญญาหรือเขตแดนใดๆที่จะปกป้องทุกๆคนที่อาศัยอยู่ในเฟเบิลเฮเวนแห่งนี้อีกต่อไป

เมื่อทุกคนถูกมูเรียลจับตัวไว้ เคนดร้าวิ่งหนีออกมาและมาขอความช่วยเหลือจากราชินีแฟรี่ เธอได้นำกองทัพแฟรี่ที่มีไซส์ใหญ่เท่ามนุษย์ไปบุกถึงโบสถ์และจัดการกับมูเรียลและเบอามัทได้สำเร็จ หลังจากนั้นเด็กๆก็ถึงเวลาที่พ่อแม่จะมารับกลับบ้าน โดยเคนดร้ารู้ว่าดิเอเวนนิ่งสตาร์ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องทำการทำลายอย่างพักพิงของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอยู่ภายใต้แผนการณ์ปลดปล่อยเบอามัทในครั้งนี้ และพวกเขากำลังรอวันที่จะแทรกซึมเพื่อทำลายเฟเบิลเฮเวนให้จงได้

...............................................

เรารู้สึกว่าผู้แต่งมาถูกทางละนะ เนื้อเรื่องก็สนุกพอตัวเลยแหละ มีเอกลักษณ์อยู่บ้าง แต่เราว่ามันยังไม่สุด เหมือนกับขาดอะไรบางอย่างไป ทีแรกว่าจะให้แค่ 2 ดาว แต่พออ่านตอนจบแล้วเราว่ามันโอเคขึ้นมาหน่อย และบวกอีก 1 ดาวเพิ่มไปละกัน ตอนแรกเรารำคาญตัวละครทั้งสองตัวมาก โดยเฉพาะ...เซธ เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ตอนแรกเรามองว่าซุกซน แต่พออ่านไปเรื่อยๆเรารู้สึกว่ามันมีเส้นบางๆกั้นระหว่างคำว่า...ซุกซน กับ นิสัยเสียอยู่ ซึ่งเราก็หาข้อสรุปได้ว่าเซธน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เราว่าซุกซนน่าจะใช้อธิบายเด็กๆที่ซน แต่ยังพอหาความน่ารักได้ พอโดนผู้ใหญ่ตักเตือน เขาจะรู้สึกผิดบ้างไม่มากก็น้อย แต่นิสัยเสียคือการที่ผู้ใหญ่เตือนก็ไม่ฟัง แลบลิ้นปลิ้นตา แถมยังขัดคำสั่งไปซะทุกอย่าง พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ในขณะที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายผิดต่อตัวเองเสมอ พอตัวเองทำผิดพลาดก็ไม่มีสลด ไม่เคยจำ หาเรื่องทำให้คนอื่นวุ่นวายโดยไร้ซึ่งสำนึกตลอด ส่วนพี่สาวก็เหมือนจะห้ามปรามน้องนะ แต่เอาจริงๆแล้วก็ไม่ เออออห่อหมกไปกับน้องตลอด

ฉากในห้องนอนนี่เกลียดมาก เดาได้ว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่นิสัยของเซธนี่น่าตบให้หัวทิ่มเลยจริงๆ ซึ่งนี่อาจจะเป็นความตั้งใจของผู้แต่งก็ได้ที่ต้องการดีไซน์ให้เซธออกมานิสัยแบบนี้เพื่อให้ผู้อ่านไม่ชอบขี้หน้า ถ้าผู้แต่งตั้งใจแบบนั้นจริงๆ เราขอกราบงามๆสามที เพราะคุณทำสำเร็จแล้วล่ะ
"Are all girls as brainless as you ?"
เจอประโยคนี้เข้าไปถึงกับเงิบ นี่คือประโยคที่เซธพูดกับพี่สาวตัวเอง เดิมทีไม่ค่อยชอบเซธอยู่แล้ว ถึงตรงนี้เรากลายเป็นเกลียดเด็กร้ายกาจคนนี้ไปเลย  น่ากลัวมากนะที่จะปล่อยให้เด็กคนนี้โตไปโดยไม่มีเครื่องขัดเกลา แต่ตอนท้ายเคนดร้าก็เริ่มโอเคสำหรับเราขึ้นมานิดนึง แต่เซธเนี่ยแทบอยากจะบอกผู้แต่งว่าฆ่ามันทิ้งเหอะ ไม่มีหลาบจำหรอก คือกำลังอ่านสนุกๆ อยู่ดีๆเซธก็จะโพล่งประโยคที่ทำให้เราหมดอารมณ์ตลอด

บ่นเรื่องของตัวละครมาซะยืดยาว มาถึงตรงนี้เราบอกได้เลยว่า หนังสือชุดนี้ สนุกน่าติดตาม แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่ได้หนัก แต่มันก็น่าสนใจมากพอที่จะทำให้เราติตดามหนังสือชุดนี้ต่อไป ตอนจบถึงจะง่ายไปหน่อย และถ้าสามารถมองข้ามนิสัยแย่ๆของตัวละครไปได้ หนังสือเล่มนี้จะสนุกไม่เบาเลยทีเดียว

คะแนน 7/10

Aug 9, 2015

Lucinda's Secret (The Spiderwick Chronicles #3)


ชื่อเรื่อง Lucinda's Secret
จากชุด The Spiderwick Chronicles
ผู้แต่ง Holly Black , Tony DiTerlizzi
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ
As if being attacked by goblins and a bridge troll weren't enough, Jared is now being targeted by Thimbletack. Simon is keeping an injured and very hungry griffin hidden in the carriage house. And Mallory is convinced the only way to get things back to normal is to get rid of the Guide. But that doesn't seem to be an option. With more creatures from Arthur Spiderwick's Field Guide to the Fantastical World Around You popping up, the Guide seems to be the only protection the Grace kids have. But why do the faeries want it so badly? There's only one person to go to for answers -- crazy, old Aunt Lucinda!

REVIEW

จาเร็ด ไซม่อนและมัลลอรี่เดินทางไปหาป้าลูซินด้าเพื่อที่จะพบว่าอาร์เธอร์ สไปเดอร์วิก ผู้เขียนหนังสือตำราภาคสนามได้หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากนั้นพี่น้องตระกูลเกรซก็ได้พบว่าหนังสือได้หายไป ซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของทิมเบิลแท็คแน่ เมื่อเด็กๆกลับมาบ้าน พวกเขาก็ได้พบแผนที่ที่ซ่อนเอาไว้ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ป่าของเอลฟ์ พอไปถึงที่นั่น...เอลฟ์ก็เรียกร้องให้สามพี่น้องสั่งหนังสือของอาร์เธอร์มาให้พวกเขา แต่โชคร้ายที่เด็กๆไม่มีหนังสือ เป็นผลทำให้จาเร็ดถูกเอลฟ์จับตัวเอาไว้ ด้วยเล่ห์กลและสติปัญญาของจาเร็ดจึงทำให้เขาหลอกล่อเอลฟ์ให้ปล่อยตัวพวกเขามาได้สำเร็จ

............................................................

เนื้อเรื่องค่อยๆเผยมาทีละนิดทีหน่อย สำหรับเล่มนี้เราได้รู้ความลับของอาร์เธอร์ สไปเดอร์วิกและได้รู้ว่าหนังสือเล่มนั้นมีความสำคัญยังไง เล่มนี้การผจญภัยไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไร แอบเซงตรงนิสัยของจาเร็ดนิดๆ ยึดติดหนังสือยังไม่เท่าไร พอมีอะไรชอบโทษมัลลอรี่พี่สาวตัวเองนี่สิ ! แต่ชอบฉากตรงที่เด็กๆไปคุยกับป้าลูซินด้านะ ดูขลังดี
 
คะแนน 7/10

Aug 8, 2015

The Seeing Stone (The Spiderwick Chronicles #2)


ชื่อเรื่อง The Seeing Stone
จากชุด The Spiderwick Chronicles
ผู้แต่ง Holly Black , Tony DiTerlizzi
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

The Grace kids are just beginning to get used to Aunt Lucinda's strange old mansion when Simon suddenly disappears. Jared and his sister have to rely on the help of a mischievous house boggart, a nasty bridge troll, and a loud-mouthed hobgoblin to get him back.

REVIEW

ไซม่อนถูกพวกก็อบลินลักพาตัวไป จาเร็ดและมัลลอรี่จึงออกตามหาโดยใช้ศิลาที่ทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติได้ เมื่อสองพี่น้องเดินทางเข้าไปในป่า พวกเขาได้เจอกับโทรลล์และได้ช่วยเหลือไซม่อนรวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆจากก็อบลิน เด็กๆได้พบกับฮอบก็อบลินที่ช่วยเหลือพวกเขาอีกที โดยสามพี่น้องได้ล่อพวกก็อบลินลงไปในแม่น้ำที่โทรลล์อาศัยอยู่ทำให้พวกมันถูกเขมือบ

.....................................................

อ่านได้เพลินๆดี ความสนุกเท่าเล่มที่แล้ว ปกตินิยายเล่มสองของชุด ความรู้สึกที่อ่านจะไม่ได้แปลกใหม่อีกแล้วเหมือนตอนอ่านเล่มแรก แต่เล่มนี้คือโอเคเลยนะ นิยายสไปเดอร์วิกนี่จะค่อยๆเผยปริศนาเรื่องราวรวมถึงสิ่งมีชีวิตแปลกๆมาทีละนิดทีละหน่อย ตอนทิ้งท้ายก็ทำไว้ได้น่าติดตามดี

คะแนน 7.5/10

The Field Guide (The Spiderwick Chronicles #1)


ชื่อเรื่อง The Field Guide
จากชุด The Spiderwick Chronicles
ผู้แต่ง Holly Black , Tony DiTerlizzi
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

When the three Grace children -- Mallory, Jared, and Simon -- and their mom move into Aunt Lucinda's old house, readers know there's magic afoot. The kids uncover a nest of assembled junk, and on a visit to the secret library via the dumbwaiter, Jared finds a note describing "my secret to all mankind." After a few mysterious pranks that get blamed on Jared, the boy finally digs up the real prize: Arthur Spiderwick's Field Guide to the Fantastical World Around You. Fortunately enough, the kids meet one of the critters listed in the guide -- a brownie named Thimbletack -- who makes it all "real" and helps provide the book's suspenseful conclusion: "'Throw the book away, toss it in a fire. If you do not heed, you will draw their ire.'"

REVIEW

จาเร็ด ไซม่อนและมัลลอรี่ได้ย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านของป้าลูซินด้า เด็กๆได้ค้นพบลิฟต์เล็กๆที่นำพาจาเร็ดไปสู่ห้องลับที่ไม่มีประตู จาเร็ดได้อ่านปริศนาที่ถูกเขียนเอาไว้ และเมื่อเขาเดินขึ้นบันไดไปยังห้องใต้หลังคาและไขปริศนา จาเร็ดก็ได้พบกับหนังสือของอาร์เธอร์ สไปเดอร์วิก ในนั้นรวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับแฟรี่ ทีแรกไม่มีใครเชื่อจาเร็ดหลังจากมัลลอรี่ตื่นขึ้นมาและผมของเธอถูกผูกติดกับหัวเตียง รวมถึงห้องครัวที่ถูกทำลายจนพินาศ

จาเร็ดเชื่อว่านั่นเป็นฝีมือของบ็อกการ์ดที่โมโหเมื่อพวกเขาได้ไปทำลายบ้านของมันที่อยู่ใต้ฝาผนัง ดังนั้นจาเร็ดจึงสร้างบ้านให้บ็อกการ์ดขึ้นมาใหม่และเอาไปไว้ในห้องที่ต้องขึ้นไปทางลิฟต์เท่านั้น หลายวันผ่านไปเด็กๆทั้งสามกลับไปยังห้องนั้นและได้พบกับคนแคระพร้อมคำเตือนให้พวกเขารีบทำลายหนังสือเล่มนั้นทิ้งซะ !

........................................................

เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือเด็กที่มีภาพประกอบไปแล้ว สำหรับสไปเดอร์วิกนี่เคยดูหนังเมื่อหลายปีก่อน ชอบนะ พอมาอ่านแล้วรู้สึกว่าหนังสือนี่เล่าเรื่องแบบกระชับมาก ไม่ยืดเยื้อ ภาพประกอบก็สวย ให้อารมณ์ลึกลับน่าติดตาม ติดแค่ตรงเนื้อเรื่องเล่มแรกสั้นมาก เป็นการปูพื้นไปเล่มต่อๆไป แต่อ่านแล้วติดใจจนต้องหยิบเล่มต่อขึ้นมาอ่านทันที

คะแนน 7.5/10

Aug 3, 2015

Heart of Obsidian (Psy-Changeling #12)


ชื่อเรื่อง Heart of Obsidian
จากชุด Psy-Changeling
ผู้แต่ง นลินี ซิงห์
โรมานซ์ เหนือจริง

เรื่องย่อ

Step into New York Times bestseller Nalini Singh’s explosive and shockingly passionate Psy-Changeling world…

A dangerous, volatile rebel, hands stained bloodred.
A woman whose very existence has been erased.
A love story so dark, it may shatter the world itself.
A deadly price that must be paid.
The day of reckoning is here.

From “the alpha author of paranormal romance” (Booklist) comes the most highly anticipated novel of her career—one that blurs the line between madness and genius, between subjugation and liberation, between the living and the dead.

REVIEW


ในที่สุดเคเลบ ไครเช็คก็พาตัวซาฮาร่า ไคเรียคัสหญิงสาวคนเดียวที่สำคัญต่อเขากลับมาได้ และเธอคือโลกทั้งใบของเคเลบ ไม่มีเธอ...โลกใบนี้ก็ไม่มีความหมาย หลังจากเวลาเจ็ดปีที่ซาฮาร่าถูกจับตัวไป เธอสร้างเขาวงกตในสมองขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง นั่นทำให้ความทรงจำของเธอหายไป เคเลบไม่กดดันเธอ เขาให้เวลาเธอเพื่อฟื้นความทรงจำ แม้ว่าเมื่อซาฮาร่าสามารถจำทุกสิ่งได้ เขาจะกลายเป็นปีศาจในสายตาของเธอก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่เคเลบแน่ใจก็คือ ... เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปไหน เธอเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

มือของเคเลบเปื้อนเลือดจนกว่าจะนับได้ ด้วยกลุ่มเพียวไซที่ลงมือสังหารหลักยึดในไซเน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนล้มตายมากมาย แล้วยังมีเรื่องโรคระบาดในไซเน็ตที่เป็นภัยคุกคามต่อชาวไซอีก เคเลบจึงต้องหาวิธีที่จะยับยั้งเรื่องราวเหล่านี้ภายใต้ความช่วยเหลือจากเอเดนและวาสิค หน่วยแอร์โรวที่ยังไม่ไว้ใจเคเลบอย่างสุดหัวใจเท่าไร เพราะพวกเขา รวมถึงวาสเควซ ผู้นำคนใหม่ของเพียวไซ ต่างรู้ดีว่าเคเลบสามารถที่จะขึ้นเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมดของไซเน็ตได้อย่างง่ายดาย

ซาฮาร่าขอให้เคเลบพาเธอกลับมายังบ้าน เพื่อพบพ่อของเธอที่ตามหาลูกสาวเป็นเวลาเจ็ดปี แต่เคเลบไม่มีทางที่จะปล่อยซาฮาร่าไป ขอแค่เธอเรียกเขา เขาจะมาหาตัวเธอทันที ในระหว่างที่เคเลบกำจัดตัวการที่จับซาฮาร่าไปขังเอาไว้ได้ นั่นก็คือทาเทียน่า ที่ต้องการเข้าถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวของซาฮาร่าซึ่งเป็นกุญแจสำคัญไปสู่อำนาจ ก็ยังมีคนติดตามซาฮาร่าเพื่อลักพาตัวเธอเรื่อยๆ จนเธอรู้ว่า เอนริเก้ ผู้ฝึกเคเลบมาคือผู้สมรู้ร่วมคิดในการลักพาตัวเธอ และเมื่อขุดความจริงนั้นลึกลงไปอีก ซาฮาร่าจึงรู้ว่าเอนริเก้คือพ่อแท้ๆของเคเลบที่ต้องการสร้างไซคาร์ดินัลที่มีระดับความสามารถสูงที่สุดขึ้นมาเพื่อให้อยู่ภายใต้อาณัติของเขา

เพียวไซเริ่มก่อการวางระเบิดที่ฮ่องกองเพื่อให้เห็นความสำคัญของไซเลนซ์และต้องการให้ไซเข้าร่วมกันพวกเขา แต่เคเลบสามารถยังยั้งเหตุการณ์ในฮ่องกงเอาไว้ได้ วาสเควซจึงเตรียมดำเนินแผนการณ์ต่อไป ซาฮาร่าค้นพบว่าพลังของเธอสามารถเจาะเข้าไปในจิตใจและอ่านความคิดได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ นั่นทำให้เธอมีประโยชน์ในการสืบหาเป้าหมายต่อไปในการก่อวินาศกรรมของเพียวไซ

หลังจากที่เคเลบยับยั้งวาสเควซได้อีกครั้งในซานฟรานซิสโก เขาให้หน่วยแอร์โรตามกำจัดสมาชิกเพียวไซที่เหลือ ในที่สุดความทรงจำเสี้ยวสุดท้ายที่หายไปของซาฮาร่าก็กลับคืนมา นั่นคือวันที่เอนริเก้รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเคเลบ ทำให้เธอถูกจับทรมานต่อหน้าเขา เคเลบพยายามต่อสู้เอาชนะเอนริเก้ให้ได้ จนกระทั่งซาฮาร่าถูกพาตัวไป หลังจากนั้นเคเลบก็ถูกเอนริเก้ข่มขืนทางจิตมาโดยตลอด เพื่อที่สักวันหนึ่ง...เคเลบจะเป็นอิสระและสามารถพาตัวซาฮาร่ากลับคืนมาได้

เคเลบกับซาฮาร่าสร้างสายสัมพันธ์ขึ้นมาระหว่างทั้งคู่ในไซเน็ต และถึงเวลาที่ไซเลนซ์ต้องพังทลาย เพราะนั่นคือทางเดียวที่จะทำให้เผ่าพันธุ์ของไซสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ สุดท้ายเคเลบจึงได้ความร่วมมือจากเอเดน วาสิคและคนอื่นๆในการไปสู่รุ่งอรุณใหม่ที่ชาวไซไม่ต้องโดนปิดกั้นความรู้สึกและพลังของตัวเองอีกต่อไป...

........................................

ผู้ชายที่มีผู้หญิงคนเดียวเป็นโลกทั้งใบของเขา และเขายอมที่จะวางศพเรียงรายบนท้องถนนเพื่อเธอ หากไม่มีเธอ สิ่งใดๆในโลกก็ไม่มีความหมาย ... แค่ตัวละครอย่างเคเลบ ไครเช็คคนเดียวก็กินขาดแล้วนะเราว่า สำหรับ Heart of Obsidian เล่มนี้ ทุกโมเม้นต์ที่พระนางอยู่ด้วยกัน เราว่ามันพีคมาก อิ่มมาก มาเต็มมาก ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆจนกระทั่งซาฮาร่าถูกลักพาตัวไป เคเลบรู้สึกว่าเขาดูแลเธอได้ไม่ดีพอ หลังจากนั้นเขาจึงทุ่มเทตามหาเธอและไม่สนว่ามือจะตัวเองจะเปื้อนเลือดสักแค่ไหน ซาฮาร่าคือคนเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขา

-- the light embracing the dark, the dark protective around the light.

ขอชื่นชมทั้งพระเอกและนางเอก โดยเฉพาะซาฮาร่า เธอมีเหตุผล เธอเป็นนางเอกที่ไม่พยายามจะทำให้พระเอกกลับมาเป็นเด็กชายคนเดิมที่เธอรู้จัก แต่เธอคือแสงสว่างที่จะส่องแสงไปสู่ความมืดในตัวของเขา เธอยอมรับในตัวพระเอกและไม่เคยโทษเขาเลยเพราะเรื่องในอดีต ดังนั้นเราจึงว่านี่เป็นหนังสือที่ลงตัวที่สุดในชุด Psy-Changeling นี้ นลินีเธอทุ่มเทพลังในการเขียนมาก การดีไซน์ออกแบบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเคเลบและซาฮาร่า คือมันเซอร์ไพรส์คนอ่านมาก ในเมื่อซาฮาร่าถูกเอ่ยถึงในเล่ม2 นิดหน่อยๆ แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะกลายมาเป็นนางเอกเต็มตัวในเรื่องนี้

ถึงแม้ว่าใจเราอยากจะให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับนางเอกๆเพื่อดึงอารมณ์หนังสือให้มันพีคมากกว่านี้ แต่มาคิดๆดู มันคงเป็นไปไม่ได้ แค่จะมีคนมาทำร้ายนางเอก ยังไม่ทันแตะตัวนางเอก พี่เคเลบเล่นใช้พลังจิตหักคอซะแล้ว 555 แต่นางเอกโดนทำร้ายตอนท้ายเรื่องล่ะก็ เคเลบคงระเบิดโลกทิ้งอะเราว่า เคเลบเป็นตัวละคร Anti-hero ที่เราชอบสุดละ ที่ได้อ่านเรื่องอื่นๆมา อ่านแล้วต้องขมวดคิ้ว แบบการกระทำบางอย่างก็ดูเหวอๆ แต่สำหรับเรื่องนี้ คือเราเข้าใจเคเลบทุกอย่าง ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป อ่านแล้วเข้าใจอกเข้าใจ ส่งเสริมซะด้วยซ้ำเวลาเคเลบจะทำอะไรนี่แทบจะร้องตะโกนว่า "ฆ่ามันนนนนนนนน"

มีช่วงที่อ่านแล้วน้ำตาจะไหล อินมากกกกก สงสารทั้งคู่ ตอนที่เคเลบเอาของขวัญมาให้ซาฮาร่าตลอดช่วงเวลาที่เธอหายไป ลึกซึ้งมาก คือไม่ว่าจะเพราะเราลำเอียง หรือนลินีตั้งใจเขียนเล่มนี้เป็นพิเศษ เราเลยรู้สึกว่าเลิฟซีนเล่มนี้ดีมาก คือส่งต่อบทบาทมันดูมีพลัง รู้สึกว่าทั้งคู่เท่าเทียมกัน ไม่ได้มีใครพยายามวิ่งตามใคร แต่ทั้งคู่จับมือเดินไปด้วยกันเพื่อเอาชนะใจตัวเอง

พระเอกที่เทพๆแบบเคเลบเนี่ย แบบมีพลังยิ่งกว่าระดับบอส มันน่ากลัวมากตรงที่ว่า...มีแค่เส้นบางๆกั้นระหว่างความเป็นมนุษย์กับปีศาจอยู่ พลาดพลั้งนิดนึง เขาจะทำลายโลกทั้งใบโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่าช่วงที่อ่าน POV ของเคเลบมันน่าสนใจมาก ได้เข้าไปอยู่ในหัวของคนที่มีพลังระดับเทพแบบเนี้ยเนี่ย มันก็เท่ไม่เบาเลยทีเดียว อ่านไปอ่านมาก็นึกถึงแอชรอน Dark Hunter เป็นระยะๆ แต่อดีตเคเลบก็ไม่ได้บัดซบอะไรเท่ารายนั้นหรอก

ตอนจบเล่มนี้เอาเป็นตอนจบของซีรีย์ชุดนี้ก็ยังได้ เหมือนกับนั่งดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งแน่ะ หนักแน่น ทรงพลัง รุ่งอรุณแห่งวันใหม่ ทิ้งท้ายปลายเปิดสวยๆแบบนี้ยังได้เลย แต่มีเรื่องของเอเดนกับวาสิคที่ยังไม่ได้เขียนอีกเนอะ

คะแนน 9.5/10

Aug 2, 2015

A Court of Thorns and Roses (A Court of Thorns and Roses #1)



ชื่อเรื่อง A Court of Thorns and Roses
จากชุด A Court of Thorns and Roses
ผู้แต่ง Sarah J. Maas
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Bloomsbury USA Childrens

เรื่องย่อ

A thrilling, seductive new series from New York Timesbestselling author Sarah J. Maas, blending Beauty and the Beast with faerie lore.

When nineteen-year-old huntress Feyre kills a wolf in the woods, a beast-like creature arrives to demand retribution for it. Dragged to a treacherous magical land she only knows about from legends, Feyre discovers that her captor is not an animal, but Tamlin—one of the lethal, immortal faeries who once ruled their world.

As she dwells on his estate, her feelings for Tamlin transform from icy hostility into a fiery passion that burns through every lie and warning she's been told about the beautiful, dangerous world of the Fae. But an ancient, wicked shadow grows over the faerie lands, and Feyre must find a way to stop it . . . or doom Tamlin—and his world—forever.

Perfect for fans of Kristin Cashore and George R. R. Martin, this first book in a sexy and action-packed new series is impossible to put down!

REVIEW

เฟย์เรอฆ่าหมาป่าตัวนึงตาย และนั่นทำให้เธอต้องชดใช้ด้วยการไปอยู่กับทัมลินในดินแดนแฟรี่ของเขา แต่ความเป็นจริงไม่ใช่สิ่งที่เฟย์เรอเรียนรู้มาโดยตลอดว่าแฟรี่คือสิ่งชั่วร้ายที่ทำสงครามกับมนุษย์จนยุติด้วยการทำสนธิสัญญา และดินแดนทั้งสองฝั่งมีกำแพงที่เป็นปราการกั้นเอาไว้ เมื่อทัมลินพาเฟย์เรอมายังสปริงคอร์ทของเขา ทัมลินเอาใจใส่ดูแลเฟย์เรอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยเอาเรื่องที่เธอไปฆ่าเพื่อนของเขาในคราบหมาป่าจนตาย แต่การมาใช้ชีวิตอยู่กับทัมลิมทำให้เฟย์เรอต้องทิ้งครอบครัวเธอเอาไว้เบื้องหลัง ครอบครัวที่ไม่เคยใยดีเธอเลยแม้แต่น้อย ทัมลินและเฟย์เรอจึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันเมื่อทำความรู้จักตัวตนของแต่ละฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวันที่ผ่านไป

เมื่อริแซนด์เดินทางมายังที่อยู่ของทัมลินเพื่อข่มขู่เขาเกี่ยวกับอมารันธา ทัมลินจึงตัดสินใจส่งเฟย์เรอผ่านกำแพงสู่โลกมนุษย์ซึ่งเป็นบ้านของเธอ เขาจะยอมให้อมารันธาใช้เฟย์เรอเป็นเครื่องมือไม่ได้ เขารักเฟย์เรอมากเกินกว่าจะทนเห็นเธอเจ็บปวดเพราะเขา แต่เมื่อเฟย์เรอเริ่มเห็นว่าโลกมนุษย์เริ่มถูกรบกวนโดยเหล่าแฟรี่ เธอรู้ในทันทีว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในสปริงคอร์ทที่ทัมลินปกครองอยู่ นั่นส่งผลให้เฟย์เรอเดินทางกับมายังดินแดนแห่งแฟรี่ผ่านช่องโหว่บนกำแพง และได้พบกับความว่างเปล่าและซากความเสียหายเมื่อเธอกลับไป ...

เฟย์เรอได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วไม่ได้มีความเสื่อมถอยในโลกแห่งแฟรี่อะไรทั้งนั้นที่ทำให้เวทมนตร์เสื่อมสภาพลง มีแต่ความชิงชังของอมารันธาต่อเหล่ามนุษย์เพราะการถูกทรยศของน้องสาวเธอ อมารันธาแทรกซึมเข้าสู่คอร์ทต่างๆของแฟรี่และเมื่อเธอปราถนาในตัวของทัมลินและต้องการเขามาเป็นของเธอ ทัมลินปฏิเสธ ดังนั้นอมารันธาจึงสาปทัมลินว่าเขาจะต้องตกมาเป็นของหล่อนเมื่อเวลาเจ็ดปีผ่านไปเจ็ดหน ทางเดียวที่จะแก้คำสาปได้ก็คือ...ทัมลินต้องหาหญิงสาวที่ชิงชังแฟรี่สุดหัวใจซึ่งมากพอที่จะทำให้เธอลงมือสังหารคนของเขาได้ หญิงสาวที่จิตใจนั้นเย็นยะเยือก และคำว่ารักจากปากของเธอเท่านั้น ที่จะถอนคำสาปนี้ได้

ในปีแรกหลังคำสาปทัมลินส่งคนของเขาไปตายในดินแดนมนุษย์มากมาย จนเขาล้มเลิกความตั้งใจ แต่เมื่อเวลาสี่สิบเก้าปีผ่านไปและเขาเหลือเวลาอีกไม่มาก ทัมลินจึงส่งคนออกไปอีกครั้ง เพื่อที่ดินแดนที่เขาปกครองจะได้ไม่ตกอยู่ในอำนาจของอมารันธา นั่นทำให้เขาได้พบกับเฟย์เรอ เมื่อเธอตัดสินใจฆ่าหมาป่าที่เป็นคนของทัมลิน และทัมลินนำตัวเธอมายังคฤหาสน์ของเขา

เฟย์เรอต้องทำภารกิจทั้งสามอย่างเพื่อแลกกับการปล่อยให้อมารันธาปล่อยตัวทัมลินและอิสรภาพของคอร์ทต่างๆ ภารกิจแรกเฟย์เรอต้องต่อสู้กับหนอนยักษ์ เธอเอาชนะมันได้ ภารกิจที่สองเธอต้องตอบคำถามบนกำแพงทั้งๆที่เธออ่านหนังสือไม่ออก เธอผ่านมันมาได้ พอถึงภารกิจที่สาม เฟย์เรอต้องลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์ทั้งสามคน แม้ว่าจะฝืนใจแค่ไหน เธอก็ลงมือฆ่าไปแล้วทั้งสองคน พอมาถึงคนที่สาม เฟย์เรอพบว่าคนนั้นคือทัมลิน เธอฆ่าเขาไม่ได้ และอมารันธาจะเป็นผู้ชนะในเกมครั้งนี้อย่างใสสะอาด

แต่เฟย์เรอรู้ความลับอีกอย่างตลอดเวลาที่เธออาศัยอยู่ที่คอร์ทว่า หัวใจของทัมลินนั้นเป็นหิน ดังนั้นเธอจึงปักมีดลงไป แต่อมารันธานั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เธอไม่ได้ตกลงทำสัญญาว่าจะมอบอิสรภาพให้ทันทีหลังจากที่เฟย์เรอทำภารกิจทั้งสามอย่างเสร็จ แต่อมารันธาจะปลดปล่อยแฟรี่ไปก็ต่อเมื่อ เธอแก้คำปริศนาของหล่อนได้ และเมื่อวินาทีสุดท้ายของเฟย์เรอมาถึง...เธอรู้แล้วว่าคำตอบของปริศนานั้นคือคำว่ารัก เธอตอบปริศนานั้นได้สำเร็จพร้อมลมหายใจสุดท้ายที่ถูกพรากไปจากร่างของเธอ

เมื่อคำสาปถูกถอน ทัมลินฆ่าอมารันธาจนตาย หน้ากากที่สวมใส่อยู่บนใบหน้าของเหล่าแฟรี่สปริงคอร์ทเนื่องด้วยคำสาปนั้นได้หลุดออกไปจนหมด โผยโฉมหน้าที่แท้จริงของทัมลินภายใต้หน้ากาก เหล่าแฟรี่ที่เห็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของเฟย์เรอนั้นได้มอบพลังอำนาจแก่เธอ จนสุดท้ายเฟย์เรอได้กลายเป็นแฟรี่เหมือนพวกเขา เหมือนกับทัมลิน และทัมลินกับเฟย์เรอก็ได้อยู่ด้วยกันในท้ายที่สุด...

.............................................

สนุกนะ สนุกว่าชุด Throne of Glass อีก คือก่อนหน้าที่จะอ่าน ACOTAR เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลยกับงานของ Maas เล่มนี้ ด้วยการไม่หวังอะไรนี่แหละ เลยทำให้เราสมหวังมากหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ACOTAR คือการนำ Beauty and the Beast มาปัดฝุ่นและเล่าใหม่ผ่านโลกแห่งแฟนตาซีของ Maas ที่กว้างใหญ่ไพศาลจนต้องเขียนแผนที่ออกมา โดยการเล่าเรื่องใหม่ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้มันออกมาหวานจ๋อยเหมือนกับการ์ตูนของดิสนีย์หรือนิยายรีเทลลิ่งเรื่องอื่นๆ แต่ Maas เล่าผ่านพื้นหลังที่ลึกลับ ซับซ้อนและดาร์คอยู่พอตัว

ดังนั้นแน่นอน หนังสือเล่มนี้จึงไม่ได้เจาะกลุ่มเป้าหมาย YA สักเท่าไร เพราะเราว่ามันน่าจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า เนื้อเรื่องถึงพริกถึงขิง มีฉากรัก ช่วงแรกจะให้อารมณ์ว่านางเอกคือร่างอวตารของแคตนิส เอเวอร์ดีน + เบลล่า สวอน พอนางเอกมาอยู่กับพระเอกแล้ว ช่วงนี้แหละคือจุดที่เราจะหักคะแนน โอยยย มันเนือยมากกกก มันน่าเบื่ออ่ะ คือเราไม่ได้รู้สึกถึงเคมีระหว่างพระนางเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม...สิ่งที่เราชื่อว่ามันมีความรักระหว่างทั้งคู่อยู่ก็คือ Maas ทำให้เราเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าเฟย์เรอคือ Beauty และทัมลินคือ Beast และทั้งสองเกิดมาเพื่อคู่กัน นั่นทำให้เราพอจะอ่านต่อไปได้จนจบโดยไม่ติดใจอะไรมาก นิสัยของพระเอกจะดูเมินๆ เฉยๆ โอเค ... มันมีช่วงที่พระเอกพยายามจะเข้าหานางเอกอยู่ก็จริง แต่เราว่ามันไม่สุดอ่ะ มันเหมือนเด็กไฮสคูลที่เพิ่งหัดจีบกัน เนือยไปอีก

ความรักระหว่างพระนางเนี่ย Maas เขียนออกมาได้งุ่มง่ามมาก ช่วงเลิฟซีนก็พยายามบรรยายหลบๆเลี่ยงๆตลอด (แอบขัดใจ) นางเอกสมบุกสมบันต่อสู้จนแขนหักกระดูกทิ่มออกมา ส่วนพระเอกทำอะไรหรอ ? นั่งเฉยๆอยู่ข้างตัวร้ายจ้า (โอยยยย ร้องไห้แป๊บ) แต่คือถ้าใครชอบ เบลล่า Twilight ในคราบสาวนักสู้แบบแคตนิส The Hunger Games กับพระเอกทื่อๆแบบโฟร์ Divergent ก็คงจะชอบเรื่องนี้แน่ๆ (แล้วเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยไง)

แต่โดยรวมแล้วสนุก อ่านแล้วต้องเปิดหน้าต่อไปพั่บๆๆๆ เรียกว่าเป็น real page-turner เลยก็ว่าได้ ตอนจบถึงจะห้วนไปหน่อย แต่เข้าใจว่ามีเล่มต่อ และยังเหลือคิงไฮเบิร์นอีกราย เนื้อเรื่องน่าจะไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ 9 คะแนนเพราะตรงกับรสนิยมส่วนตัวเต็มๆ ชอบการเล่าเรื่องกับโลกในหนังสือเล่มนี้มากๆ

คะแนน 9/10