Showing posts with label James Dashner. Show all posts
Showing posts with label James Dashner. Show all posts

Oct 27, 2014

เกมล่าปริศนา ตอน คำสั่งสังหาร - The Kill Order (The Maze Runner #0.5)

สำนักพิมพ์ : Enter books
ผู้เขียน : James Dashner
ผู้แปล : แสงตะวัน

เรื่องย่อ

‘การลุกวาบของดวงอาทิตย์’ ที่มาอย่างไม่มีลางบอกเหตุคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกินครึ่ง คลื่นความร้อนแผดเผาผู้คนทั้งเป็น พวกเขาล้วนตกตายชนิดไม่ทันรู้ตัว ทว่านั่นอาจเป็นโชคดีแล้ว ตายๆ ไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวคงดีกว่า...

ตลอดหนึ่งปีนี้ ฝันร้ายในวันนั้นยังคงตามหลอกหลอนมาร์ค เด็กหนุ่มหวังว่าจะลืมมันได้ในสักวันขณะที่ค่อยๆ ชินกับชีวิตใหม่ ขณะที่รู้สึกว่าอะไรๆ กำลังจะดีขึ้น...จนกระทั่งเบิร์กลำโตมาบินอยู่เหนือหมู่บ้าน และนำฝันร้ายระลอกใหม่มาสู่มนุษยชาติอีกหน

มันเริ่มจากการเวียนหัวธรรมดา ก่อนลุกลามไปเป็นการเพ้อพร่ำ เสียสติ โหดเหี้ยมอำมหิต ใคร...ไม่สิ ‘องค์กร’ ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กัน พวกเขาทำไปทำไม นี่คือคำถามที่มาร์คต้องหาคำตอบไปพร้อมกับช่วยเหลือเพื่อนๆ และช่วยตัวเองให้รอดชีวิตอีกครั้งจากความบ้าคลั่งป่าเถื่อนของโลกใบใหม่นี้!

REVIEW

มาร์คและคนอื่นๆหนีรอดจากการลุกวาบของดวงอาทิตย์มาได้ แต่เรื่องเลวร้ายไม่ได้จบลงแค่นั้นเมื่อเบิร์กลำหนึ่งล่อนลงมาและสาดลูกดอกใส่คนในหมู่บ้านจนมีคนเสียชีวิต บางคนก็มีอาการคลุ้มคลั่งอันน่าแปลกประหลาด มาร์คกับอเล็คจึงต้องเดินทางไปยังสำนักงานเบิร์กตามแผนที่ที่เขาค้นพบเพื่อดูว่ามีอะไรรออยู่ที่นั่นกันแน่

การเดินทางของมาร์คไม่ได้เรียบง่ายเมื่อเขามีชีวิตของทริน่าที่เขารักต้องปกป้อง ไหนจะเรื่องที่เพื่อนของเขาล้มตายอย่างเสียสติเพราะไวรัสบ้าๆนั่นอีก ระหว่างการเดินทางมาร์คก็ยังพบพวกคลุ้มคลั่งที่พร้อมจะเข้ามาทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อ นั่นทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ง่ายเสียแล้ว แต่มันก็ทำให้เขาพบกับดีดี้ เด็กหญิงที่มีภูมิคุ้มกันไข้วาบอย่างน่าประหลาด

มาร์คและอเล็คแยกทางกับคนอื่นที่เหลืออย่างช่วยไม่ได้ จนพวกเขารู้ว่าผู้หญิงถูกจับตัวไป มาร์คจึงเดินทางไปยังสำนักงานเบิร์กเพื่อที่จะพบว่าคนที่นั่นเป็นบ้าเพราะไข้วาบกันไปหมดแถมยังส่งตัวพวกผู้หญิงไปที่อื่นอีก อเล็คจึงขโมยยานเบิร์กและขับออกไปตามหาคนอื่นๆที่เหลือไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่บ้าคลั่ง เพื่อที่จะพบว่าเขามาช้าเกินไป ทริน่าสูญเสียความทรงจำที่จะจำมาร์คได้ไปแล้ว

มาร์คค้นพบจดหมายของรัฐบาลที่สั่งให้มีการสังหารประชาชนของตัวเรียกที่เรียกว่า The Kill Order เพื่อลดการบริโภคทรัพยากร เนื่องจากจะทำให้ประชาชนกลุ่มที่ถูกเลือกขาดอาหารกันมากขึ้น จึงมีการใช้ไวรัสไข้วาบทำให้ผู้คนส่วนมากล้มตาย เมื่อมาร์ครู้ดังนั้น ... เขาจึงตัดสินใจส่งดีดี้ผ่านระนาบเคลื่อนย้ายไปที่อื่นเพราะเธอคือความหวังเดียวของมนุษยชาติในการผลิตวัคซีนไข้วาบ และมาร์คก็ตัดสินใจทำลายระนาบเคลื่อนย้ายพร้อมกับสละชีวิตของเขาเองเพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้คนที่บ้าคลั่งหลุดเข้าไปยังสถานที่ที่ดีดี้กำลังจะไปอีกแล้ว ...

..............................................................

เล่มนี้ไม่ค่อยสนุก เนื้อเรื่องเดาง่าย ตัวละครจืดๆธรรมดาๆ แถมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังแว่บไปแว่บมา ยังไม่ทันให้คนอ่านทำความเข้าใจเลย ก็ตัดไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งซะแล้ว พูดง่ายว่าอ่านแล้วไม่อิน ! ยังดีที่มีบทแอ็คชั่นมันส์ๆมาช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่งั้นเราคงอ่านไม่จบเป็นแน่แท้ ไหนจะการผจญภัยที่ยืดเยื้อเกินความจำเป็น สรุปว่าทั้งเรื่องตัวเอกแค่ตามหาเพื่อนที่หายตัวไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลยด้วยซ้ำ

ยังดีที่ตอนจบทำให้เราพอชอบได้อยู่บ้าง ทุกสิ่งทีเ่กิดขึ้นมันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นใน The Maze Runner ทั้ง 3 เล่ม แต่ถ้าถามว่ามีความเชื่อมโยงอะไรมากกว่านั้นมั้ย เราตอบได้เลยว่า ไม่ ! เพราะเราไม่รู้ว่าดีดี้คนนี้เธอจะโตขึ้นไปและรับบทบาทไหนในการผลิตวัคซีนรักษาไข้วาบ ถ้าเราจำไม่ผิด The Maze Runner ทั้งสามเล่มไม่ได้เอ่ยถึงชื่อนี้เลยด้วยซ้ำมั้ง หวังว่าเล่มต่อๆไปจะเผยบทบาทของเธอให้เราได้เห็นมากขึ้นกว่านี้บ้าง

ถามว่าความรู้สึกหลังจากอ่านเล่มนี้จบมันอยู่ตรงจุดไหนของสามเล่มก่อนหน้านี้ เราขอตอบเลยว่า ... The Kill Order ทำให้เรารู้สึกเหมือนตอนอ่าน The Death Cure เลย เราชอบในแง่บทสรุปของ The Kill Order ที่แม้จะดูห้วนๆเพราะคำอธิบายสั้นๆกระชับๆชองแดชเนอร์ แต่มันก็คือสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงๆและไม่ได้ยึดมั่นในตอนจบแบบสวยงามเหมือนนิยายเล่มอื่นๆ ขอชื่นชมแดชเนอร์ที่ซื่อสัตย์ต่อคนอ่านได้ขนาดนี้

มีส่วนเนื้อเรื่องของโทมัสมานิดนึง ซึ่งแทบจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาเลย เราก็สงสัยเหมือนกันว่าจะใส่มาเพื่อ ?

คะแนน 6.5/10

May 25, 2014

เกมล่าปริศนา ตอน ไข้มรณะ - The Death Cure (The Maze Runner #3)


สำนักพิมพ์ : Enter books
ผู้เขียน : James Dashner
ผู้แปล : แสงตะวัน

เรื่องย่อ

ทั้งแดนสังหารและแดนมอดไหม้คือด่านทดสอบอันจะนำไปสู่การผลิตวัคซีนป้องกันไข้วาบ วิคเค็ดอ้างว่าที่ทำลงไปทั้งหมดคือความจำเป็น และผลที่จะได้รับกลับมามันคุ้มค่า ต่อให้มีเด็กๆ ต้องตายลงก็ตาม

แต่มันจะไม่มีการทดสอบใดๆ อีกต่อไปแล้ว นับจากนี้คือความร่วมมืออย่างเท่าเทียมระหว่างวิคเค็ดกับชาวทุ่งทั้งสองกลุ่มการทดลอง และวิคเค็ดยังแสดงเจตนาดีด้วยการสัญญาว่าจะคืนความทรงจำให้ทุกคน

สำหรับโทมัส เขาเกลียดตัวเองในอดีตพอๆ กับที่เกลียดวิคเค็ด ไม่สิ เกลียดมากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อเขาคือคนต้นคิดบททดสอบนรกพวกนั้นเอง เขาจึงไม่ต้องการจะจำอะไรได้ทั้งสิ้น

แต่เรื่องที่ได้รับแจ้งยังไม่หมดแค่นั้น นี่อาจเป็นไปเพื่อหว่านล้อม... หรือข่มขู่... วิคเค็ดบอกกับทุกคนว่าในกลุ่มพวกเขามีทั้งคนที่มีภูมิคุ้มกันไข้วาบและคนที่ไม่มี โดยหนึ่งในคนที่ไม่มีภูมิและตอนนี้ก็ติดเชื้อไข้วาบไปเรียบร้อยแล้วคือเพื่อนคนหนึ่งซึ่งสนิทกับโทมัสที่สุด!

REVIEW

หลังจากเล่มที่แล้วที่เทเรซาบอกว่าโทมัสติดไข้วาบอย่างร้ายแรง ปรากฏว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหกของวิคเค็ดเพื่อเป็นการทดสอบปฏิกิริยาของกลุ่มตัวอย่าง (พูดง่ายๆว่าเป็นการทดสอบขั้นที่ 3 นั่นเอง)

แจนสัน(ไอ้หน้าหนู)ตัดสินใจจะคืนความทรงจำให้กับทุกคน แต่โทมัส มินโฮและนิวท์ กลับปฏิเสธซะงั้น(ด้วยเหตุผลที่ไม่ไว้ใจวิคเค็ด กลัวว่าพวกนั้นจะมายุ่งกับสมองพวกเขาอีก) ทั้งสามจึงวางแผนหลบหนีออกโดยใช้เบิร์กโดยมีฮอร์เก้และเบรนดาคอยหนุนหลัง

โทมัส มินโฮ นิวท์ ฮอร์เก้ เบรนดา หลบหนีมายังเดนเวอร์ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเทเรซามาที่นี่ จิตใต้สำนึกของโทมัสไม่ไว้ใจเทเรซาอีกแล้ว แต่ก็ยังอยากจะร่วมมือกับเธออยู่ดี (หงุดหงิดเหตุผลตรงนี้มากอ่ะ) ไหนจะมีเรื่องของกัลลี่ที่เคยฆ่าชัค เมื่อโทมัสรู้ว่าเขาถูกวิคเค็ดควบคุม ความโกรธที่เคยมีก็หายไปเป็นความรู้สึกผิดที่เคยทำร้ายกัลลี่ปางตายแทน (อะไรจะเปลี่ยนอารมณ์ง่ายขนาดนั้น หงุดหงิดเหตุผลตรงนีอีกแล้ว)

โทมัสมาอยู่ในเดนเวอร์ไม่เท่าไร ก็ถูกเชิ้ตแดงจับ ทั้งๆที่แบรนดาบอกให้รีบออกไปจากร้านกาแฟ แต่โทมัสก็นั่งบื้อ ชมเหตุผลที่เกิดขึ้นแล้วปล่อยให้ใครหน้าไหนก็ไม่รู้พาตัวไปอีก (มันไม่ make sense หลายจุดเลยอ่ะ ทั้งๆที่โทมัสผ่านเขาวงกต แดนมอดไหม้อะไรมาแล้ว แต่กลับไม่มีไหวพริบและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเอาเสียเลย)

นิวท์ถูกจับตัวไปเพราะเขาติดไข้วาบจนเกินเยียวยาแล้ว โทมัสตามไปช่วยแต่นิวท์ไม่ยอมกลับมากับเขา

โทมัสถูกกลุ่มแขนขวาจับตัวไปเพื่อรับฟังแผนการณ์ของเขาในที่สุด โทมัสต้องเข้าไปในวิคเค็ดแล้วติดตั้งเครื่องระบบสัญญาณให้อาวุธของคนในนั้นใช้งานไม่ได้ โทมัสเกือบจะถูกผ่าตัดสมองซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทดลอง แต่เขาก็หลบหนีมาได้เสียก่อน แผนการณ์ของเขาก็คือโทมัสต้องกลับไปช่วยคนที่มีภูมิคุ้มกันซึ่งตอนนี้ถูกพาตัวไปไว้ในเขาวงกต ดังนั้นโทมัสรวมถึงชาวทุ่งที่เข้าร่วมกับกลุ่มแขนขวาต้องย้อนกลับไปในเขาวงกตแล้วช่วยคนที่เหลืออกมาในคณะที่วินซ์ ผู้นำกลุ่มแขนขวามีเป้าหมายในการระเบิดตึกของวิคเค็ดให้ราบคาบ

สปอยล์ตอนจบล้วนๆเลยนะ หากไม่อยากเสียอรรถรสในการอ่านหนังสือเล่มนี้ โปรดข้ามส่วนนี้ไป ...

เทเรซ่าโดนตึกถล่มลงมาทับจนเสียชีวิต(คิดว่าผู้เขียนไม่รู้จะจบประเด็นความสัมพันธ์ของโทมัส-เทเรซายังไงดีแน่ๆถึงได้ฆ่าตัวละครตัวนี้ทิ้ง) ส่วนโทมัส มินโฮ เบรนดา และพวกที่เหลือสามารถเดินทางผ่านระนาบเคลื่อนย้ายไปยังโลกใหม่ซึ่งมีธรรมชาติสีเขียว แสงอาทิตย์ ตามจุดมุ่งหมายสุดท้ายของประธานเพจของวิคเค็ดนั้นก็คือเพาะพันธุ์มนุษยชาติขึ้นมาใหม่ เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เ่ผ่าพันธุ์มนุษยชาติมีชีวิตรอดต่อไปหลังจากการพัฒนาคิดค้นวัคซีนล้มเหลว

... หนังสือเล่มนี้สนุกน้อยที่สุดในบรรดาสามเล่ม อาจจะเป็นเพราะผู้เขียนหมดมุกในการเล่าเรื่องให้น่าติดตามไปแล้ว เล่มนี้ไม่มีประเด็นที่น่าสนใจเลย เนื้อเรื่องหลักๆค่อนข้างจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือแปลกใหม่เลยด้วยซ้ำต่างจากสองเล่มแรกที่มีประเด็นความแปลกใหม่เข้ามาเรื่อยๆทำให้เราแปลกใจได้เสมอ เล่มนี้เนื้อเรื่องกลับเนือยๆ เอื่อยๆ อย่างบอกไม่ถูกอ่ะ

แถมตอนจบยังเรียบง๊าย เรียบง่ายยยยยย เรียกว่าง่ายจน 'น้ำเน่า' เลยก็ได้ สำหรับการผจญภัยในเขาวงกตมาจนถึงดินแดนมอดไหม้ ทุกคนเสี่ยงชีวิตไปเท่าไร แต่ทางออกกลับเป็นอะไรที่ง่ายๆและขอไปที ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับมวลมนุษยชาติก็ตามเถอะ (และสำหรับตอนจบโลกสวยสำเร็จรูปสำหรับนิยาย YA)

ยังมีประเด็นที่ไม่เคลียร์อยู่นะ เช่น โทมัสยังไม่ได้รับความทรงจำกลับคืนมา แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจของตัวละครด้วยแหละที่ไม่ต้องการการรับรู้อดีตและพอใจกลับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน

ให้ 6.5 สำหรับเล่มนี้ สำหรับเนื้อเรื่องที่ตื้นเขินไม่มีมิติหรือความสมเหตุสมผลเท่าสองเล่มก่อนหน้า กับตอนจบที่ง่ายเกินไปสำหรับนิยายชุดนี้ ....

คะแนน 6.5/10

May 24, 2014

เกมล่าปริศนา ตอน สมรภูมิมอดไหม้ - The Scorch Trials (The Maze Runner #2)



สำนักพิมพ์ : Enter books
ผู้เขียน : James Dashner
ผู้แปล : แสงตะวัน

เรื่องย่อ

ความจริงเศษเสี้ยวหนึ่งเผยออกมาแล้วว่าสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่โทมัสและเพื่อนๆ ผ่านออกมาได้คือกาทดลองเพื่อเป้าหมายบางอย่าง แต่มันมีคนที่ต้องเป็นบ้า คนที่ได้รับบาดเจ็บ และคนที่ตาย... การทดลองพรรค์ไหนกันจึงต้องทำถึงขนาดนี้

ผู้รอดชีวิตจากวงกตมฤตยูมีเพียงยี่สิบคน พวกเขาต่างคาดหวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้น ว่าได้หนีพ้นจากนรกกันมาแล้ว หากความหวังก็อยู่กับพวกเขาสั้นเหลือเกิน แค่ข้ามคืนภาพนรกขุมใหม่ก็ปรากฏตรงหน้า การลุกวาบของดวงอาทิตย์ ไข้วาบ เหล่าผู้ติดเชื้อ ฯลฯ นี่ไม่ใช่โลกในแบบที่ใครอยากหนีออกมาเจอเลย

คลื่นความแตกตื่นยังคงโหมซัดไม่หยุด เมื่อเทเรซา เด็กสาวเพียงคนเดียวจู่ๆ ก็หายตัวไป ที่มาแทนคือเด็กหนุ่มแปลกหน้าซึ่งบอกว่าตนมาจากอีกกลุ่มหนึ่งของการทดลอง!

‘วิคเค็ด’ปูทางให้พวกเขาเข้าสู่การทดสอบขั้นต่อไป ความทรมาน ความทุกข์ยาก และความตายกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง ทั้งกลุ่มคนปริศนาพวกนั้นยังรับประกันด้วยว่าหนนี้... มันจะหนักหนากว่าเดิม

REVIEW

หลังจากที่โทมัสและผองเพื่อนหลุดออกมาจากเขาวงกตได้แล้ว เขาคิดว่าการทดลองบ้าๆนี่จะจบลงเสียที แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อเทเรซ่าหายตัวไปและมีเด็กหนุ่มอีกคน อริส มาแทนที่เธอเสียนี่

ภารกิจขั้นต่อไป นำเด็กยี่สิบคนที่รอดชีวิตเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ ณ บัดนี้กลับกลายเป็นสมรภูมิที่ลุกโชนด้วยความร้อน พายุ และสายฟ้า ไข้วาบทำให้ผู้คนเป็นบ้า โทมัสได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ติดไข้วาบแต่ยังไม่กลายเป็นบ้า เพื่อเดินทางไปยังหนึ่งร้อยไมล์ทางทิศเหนือตามที่เขาได้รับภารกิจ

โทมัสได้พบกับเทเรซ่าอีกครั้ง บัดนี้เธอกลับกลายเป็นอีกคนที่โทมัสไม่รู้จัก ท่ามกลางสมรภูมิมอดไหม้ที่โทมัสต้องเอาชีวิตรอด อุปสรรคกลับยากยิ่งขึ้นเมื่อเด็กสาวจากกลุ่มบีที่เหลือรอดมาจากเขาวงกตเช่นเดียวกับโทมัสที่มาจากกลุ่มเอ กลับหมายปองที่จะเอาชีวิตพวกเขาเสียนี่โดยอ้างว่าการฆ่าโทมัสคือภารกิจที่พวกเธอได้รับมอบหมายมา

ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเทเรซ่าทรยศโทมัส อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของเขา แม้ว่าเหตุผลที่เทเรซ่ายกมาอ้างหลังจากที่เธอทำทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นการทรยศหักหลังโทมัสจะเป็นแค่การช่วยโทมัสให้มีชีวิตรอดต่อไปก็ตาม แต่ลึกๆในใจของโทมัส ความรู้สึกๆดีที่มีให้กับเทเรซ่านั้นหายไปจนไม่เหลือแล้ว

เมื่อมาถึงแหล่งปลอดภัยตามที่ภารกิจบอกไว้ กลับกลายเป็นพื้นที่โล่งกว่าง ไม่มีอะไรนอกจากทะเลทรายที่ไร้จุดสิ้นสุด แต่ก่อนที่เวลาแห่งการสิ้นสุดของภารกิจจะมาถึง สัตว์ประหลาดกลับจู่โจมเด็กจากกลุ่มเอและบี โทมัสต้องต่อสู้ทั้งกับสัตว์ประหลาดและพายุฝนฟ้าคะนองจนในที่สุดยานลำหนึ่งก็จอดมารับโทมัสและเพื่อนๆขึ้นไปพร้อมกับบอกว่า 'บททดสอบสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีการทดสอบอะไรอีก'

โทมัสจะสามารถเชื่อคำบอกกล่าวนั้นได้หรือ ? หลังจากสิ่งเลวร้ายที่เขาต้องเผชิญทั้งหมดนี่ แถมตอนท้ายเขาถึงถูกจับไปขังไว้ในห้องสีขาวพร้อมกับคำบอกเล่าของเทเรซ่าในโทรจิตว่าเขาติดไข้วาบและไข้วาบฝังลึกในตัวของเขามากเกินไปจนเกินเยียวยาแล้ว ...

เล่มนี้ตอนต้นๆสนุกมาก เหมือนกับเปิดเข้าสู่ความแปลกใหม่อีกอย่างที่แตกต่างจากเล่มที่แล้ว แต่กลางๆเรื่องกลับอืดอาดยืดยาดเสียนี่ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างไม่มีความสลักสำคัญอะไร ไม่ค่อยน่าตื่นเต้น ส่วนตอนจบก็ธรรมดาไม่ได้หักมุมหวือหวาอย่างที่ควรจะเป็นสำหรับนิยายแนวนี้หรือแนวทางในการเขียนของนักเขียนที่พยายามโน้มน้าวให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมไปกับชิ้นส่วนปริศนาที่ค่อยๆปรากฏขึ้นทีละชิ้นพร้อมกับการตลบหลังในตอนท้ายที่ทำให้ผู้อ่านรู้ตัวว่าพวกเขาคิดผิดมาตลอด

แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น ... การกระทำบางอย่างของตัวละครขาดแรงจูงใจไปมาก แม้ว่าจะมีผลกระทบมาจากไข้วาบหรืออะไรก็ตาม โดยส่วนตัวเราคิดว่าเล่มที่แล้วมีความสมเหตุสมผลในแง่มุมของการดำเนินเรื่องมากกว่าเล่มนี้ (ยกเว้นตอนแรกๆของหนังสือที่ยังมีความตื่นเต้นอยู่กับตอนท้ายๆที่สามารถดึงเสน่ห์ของนิยายชุดนี้กลับมาได้)

ให้ 8 คะแนนเท่ากับเล่มแรก เพราะคิดว่าเนื้อเรื่องยังไม่หลุดออกจากกรอบมากนักและมีความสนุกเพิ่มจากในส่วนที่เล่มแรกยังไม่มี

คะแนน 8/10

May 2, 2014

เกมล่าปริศนา ตอน วงกตมฤตยู - The Maze Runner (The Maze Runner#1)


สำนักพิมพ์ : Enter books
ผู้เขียน : James Dashner
ผู้แปล : แสงตะวัน

เรื่องย่อ

การตื่นนอนกลายเป็นฝันประหลาดน่ากลัว โทมัสลืมตาขึ้นมาพร้อมกับที่ความทรงจำทั้งหมดทั้งมวลสูญหายไป ในสถานที่ที่ไม่อาจทำความเข้าใจ รายล้อมด้วยเด็กหนุ่มวัยเดียวกันมากมายที่ต่างก็ไร้ความทรงจำ โทมัสเข้ามาเป็นสมาชิกรายล่าสุดของ ‘ทุ่ง’และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะ ‘ชาวทุ่ง’นับแต่นี้ กำแพงหินสูงเสียดฟ้าทั้งสี่ด้านเป็นดังปราการ แรกทีเดียวโทมัสเข้าใจว่ามันมีไว้ไม่ให้พวกเขาหลบหนี หากที่แท้แล้วมีไว้เพื่อกันไม่ให้ ‘บางอย่าง’ข้างนอกนั่นเข้ามาทำให้ทุ่งกลายเป็นนรกต่างหาก คืนแล้วคืนเล่าทางเดินด้านนอกขยับเคลื่อนไหว คืนแล้วคืนเล่าไม่ว่าใครเผลอล่วงล้ำออกไปไม่มีวันได้กลับมา คืนแล้วคืนเล่าก็ยังคงไม่อาจไขปริศนาใดๆ คืนแล้วคืนเล่าที่ความหวังว่าจะได้หนีออกจากโลกบ้าๆ นี้ไปค่อยๆ ริบหรี่ลง นอกกำแพงน่ากลัว... แต่โทมัสกลับมีความรู้สึกแรงกล้าว่าอยากออกไป และเขาไม่สามารถต้านทานสัญชาตญาณตัวเองได้เลย!

REVIEW

จะทำอย่างไร ... หากคุณถูกขังไว้ในเขาวงกตและความทรงจำของคุณสูญหายไปทั้งหมด ?

นั่นคือจุดเริ่มตอนของเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ เมื่อโทมัสคือเด็กหน้าใหม่ของ 'ทุ่ง' เขาไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเขาเป็นใคร ? แต่ยังไงเขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่เขาวงกตแห่งนี้กับเด็กวัยเดียวกับเขา ผู้ที่ซึ่งไม่รู้อะไรเลยเหมือนกับเขา

มีปริศนาบางอย่างที่โทมัสสงสัยว่าทำไมแต่ละวันก่อนที่ประตูจะปิด มีเด็กหลายคนวิ่งกลับเข้ามาจากเขาวงกต และมีตัวอะไรอันตรายอยู่ข้างนอกนั่นกันแน่ !?

เมื่อโทมัสเริ่มที่จะเรียนรู้และมีเพื่อนที่ไว้ใจได้ เขาก็อยากเป็น 'นักวิ่ง' เพื่อสำรวจเส้นทางเขาวงกต เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใครและที่นี่คือที่ไหน ถ้าโชคดี ... เขาอาจจะหาทางออกออกจากที่นี่ก็เป็นไปได้

เมื่อการสำรวจเขาวงกตไม่รุกคืบไปไหน มีแต่อันตรายที่ต้องผจญ ตัวโศกาที่บุกทำลายสิ่งมีชีวิตในเขาวงกตจนเสียหาย และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็มาถึง เด็กสาวคนแรกและคนสุดท้ายถูกส่งตัวมายังเขาวงกตพร้อมกับความทรงจำที่ขาดๆหายๆของเธอและของโทมัส เด็กทั้งหมดของทุ่ง ... ต้องไขปริศนาให้ได้ว่าแท้จริงแล้วทั้งหมดนี้คืออะไร เขาวงกตมีทางออกไหม ? และพวกเขาจะจัดการอย่างไรกับอันตรายที่รายล้อมเข้ามา

เราว่าพล็อตเรื่องน่าสนใจมากๆเลยนะตอนได้อ่านครั้งแรก ... แต่โดยรวมแล้วเราให้หนังสือเล่มนี้อยู่เกรด B นะ เพราะว่าพล็อตเรื่องน่าสนใจแต่การเล่าเรื่องมีบางช่วงที่เราว่าเอื่อยๆไปหน่อย เนื้อหาแต่ละตอนก็สั้นมากๆ อ่านไปได้ 2-3 หน้าก็ขึ้นตอนใหม่ซะแล้ว เราว่าอารมณ์มันไม่ค่อยประติดประต่ออ่ะ

แถมตอนจบ ! ... ความลับของเขาวงกต เราว่านักอ่านหลายคนเดาได้แน่ๆ เพราะเราอ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งเล่มด้วยซ้ำ เราก็เดาได้แล้วนะว่า เขาวงกตที่จริงคือการทดลองอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเด็กกลุ่มหนึ่งโดยมีการควบคุมตัวแปรและปัจจัยต่างๆ

บอกตรงๆว่าเราแอบเสียดายไอเดียของผู้แต่งมาก เราว่าตอนเฉลยปมมันดูง่ายไปหน่อย คนที่เคยดูภาพยนตร์แนวนี้มาน่าจะเดากันออกตั้งแต่เงื่อนงำบางอย่างปรากฏออกมาแล้วด้วยซ้ำ แต่มันก็เป็นหนังสือสำหรับเยาวชนอ่ะเนอะ เราว่าเด็กๆหลายคนที่เริ่มต้นอ่านหนังสือแนวนี้คงรู้สึกถึงความแปลกใหม่ของวรรณกรรมเล่มนี้แน่ๆ ความน่าตื่นตาตื่นใจขององค์ประกอบต่างๆที่ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละบท รวมถึงการเล่าถึงที่ผู้แต่งดูเหมือนจะกั๊กๆเอาไว้ ค่อยๆปล่อยออกมาทีละนิดให้เราลุ้นจนใจหายเล่นๆ

คะแนน 8/10


ฉบับภาพยนตร์กำลังจะเข้าฉายเร็วๆนี้แล้ว ได้พระเอกจาก Teen Wolf ด้วย (ยังติดภาพสไตล์อยู่เลย 555)