จากเรื่อง War Horse
ผู้แต่ง ไมเคิล มอร์พูร์โก
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน
เรื่องย่อ
นวนิยายสะท้อนความเลวร้ายของสงคราม ผ่านมุมมองและวีรกรรมกล้าหาญของม้าตัวหนึ่ง ม้าซึ่งซื่อสัตย์ สง่างาม และฉลาดเฉลียว ม้าซึ่งควรใช้ชีวิตทำงานอย่างเงียบสงบในฟาร์มที่ไหนสักแห่ง แต่ต้องกลายมาเป็น “ม้าศึก” ท่ามกลางอันตราย ความยากลำบาก และความทุกข์ทรมานในสนามรบที่มนุษย์สร้างขึ้น
เรื่องย่อ
นวนิยายสะท้อนความเลวร้ายของสงคราม ผ่านมุมมองและวีรกรรมกล้าหาญของม้าตัวหนึ่ง ม้าซึ่งซื่อสัตย์ สง่างาม และฉลาดเฉลียว ม้าซึ่งควรใช้ชีวิตทำงานอย่างเงียบสงบในฟาร์มที่ไหนสักแห่ง แต่ต้องกลายมาเป็น “ม้าศึก” ท่ามกลางอันตราย ความยากลำบาก และความทุกข์ทรมานในสนามรบที่มนุษย์สร้างขึ้น
REVIEW
โจอี้เป็นม้าที่ถูกเลี้ยงดูมาในฟาร์มธรรมดาๆ จนกระทั่งวันที่มันถูกขายให้นายทหารรายหนึ่ง เขาทำให้โจอี้กลายเป็นม้าศึกที่พร้อมจะพิชิตชัยในสงครามครั้งนี้ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่รออยู่ในสงครามคือการสูญเสียและพลัดพรากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โจอี้ต้องเอาชีวิตให้รอดจากการใช้แรงงานและได้พบผู้คนที่ทั้งใจดีและใจร้ายที่ผ่านเข้ามา
สุดท้ายแล้วโจอี้ก็หวนคืนสู่บ้านเกิดพร้อมด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยแรงกายแรงใจและความรักที่โจอี้มีต่ออัลเบิร์ต เจ้านายเก่าของมัน ทำให้โจอี้ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงและได้กลับไปใช้ชีวิตธรรมดาๆในฟาร์มในท้ายที่สุด
.................................................................
ดูภาพยนตร์แล้วชอบมากๆ เลยหาหนังมาสืออ่าน ถึงรู้ว่าหนังสือเหมือนกับในภาพยนตร์ทุกระเบียด แต่การเล่าเรื่องจะผ่านมุมมองของม้าตัวหนึ่ง เราแปลกใจที่ม้าอย่างโจอี้สามารถได้ยินและเข้าใจภาษาทุกคำที่มนุษย์สื่อสารออกมา ทำให้เราได้เห็นมุมมองอันแสนบริสุทธิ์ของม้าที่มีต่อโลกใบนี้ แม้ว่าโจอี้จะพบการสูญเสียมากมายระหว่างการเดินทาง แต่มันก็ไม่เคยย่อท้อ กลับเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางข้างหน้าโดยที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรอมันอยู่
แม้ว่าจะดูภาพยนตร์จนรู้เรื่องหมดแล้ว มาอ่านหนังสือซ้ำก็อีกรอบก็ยังประทับใจอยู่ดี ประทับใจในมิตรภาพและโชคชะตาที่รังสรรค์ให้เนื้อเรื่องของนิยายเล่มนี้ออกมาซาบซึ้งและกินใจเรารู้สึกว่าการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นแลดูมีพลังมากๆ อ่านจบแล้วทำให้อยากอ่านซ้ำอีกรอบ ...
โจอี้เป็นม้าที่ถูกเลี้ยงดูมาในฟาร์มธรรมดาๆ จนกระทั่งวันที่มันถูกขายให้นายทหารรายหนึ่ง เขาทำให้โจอี้กลายเป็นม้าศึกที่พร้อมจะพิชิตชัยในสงครามครั้งนี้ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่รออยู่ในสงครามคือการสูญเสียและพลัดพรากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โจอี้ต้องเอาชีวิตให้รอดจากการใช้แรงงานและได้พบผู้คนที่ทั้งใจดีและใจร้ายที่ผ่านเข้ามา
สุดท้ายแล้วโจอี้ก็หวนคืนสู่บ้านเกิดพร้อมด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยแรงกายแรงใจและความรักที่โจอี้มีต่ออัลเบิร์ต เจ้านายเก่าของมัน ทำให้โจอี้ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงและได้กลับไปใช้ชีวิตธรรมดาๆในฟาร์มในท้ายที่สุด
.................................................................
ดูภาพยนตร์แล้วชอบมากๆ เลยหาหนังมาสืออ่าน ถึงรู้ว่าหนังสือเหมือนกับในภาพยนตร์ทุกระเบียด แต่การเล่าเรื่องจะผ่านมุมมองของม้าตัวหนึ่ง เราแปลกใจที่ม้าอย่างโจอี้สามารถได้ยินและเข้าใจภาษาทุกคำที่มนุษย์สื่อสารออกมา ทำให้เราได้เห็นมุมมองอันแสนบริสุทธิ์ของม้าที่มีต่อโลกใบนี้ แม้ว่าโจอี้จะพบการสูญเสียมากมายระหว่างการเดินทาง แต่มันก็ไม่เคยย่อท้อ กลับเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางข้างหน้าโดยที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรอมันอยู่
แม้ว่าจะดูภาพยนตร์จนรู้เรื่องหมดแล้ว มาอ่านหนังสือซ้ำก็อีกรอบก็ยังประทับใจอยู่ดี ประทับใจในมิตรภาพและโชคชะตาที่รังสรรค์ให้เนื้อเรื่องของนิยายเล่มนี้ออกมาซาบซึ้งและกินใจเรารู้สึกว่าการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นแลดูมีพลังมากๆ อ่านจบแล้วทำให้อยากอ่านซ้ำอีกรอบ ...
คะแนน 9/10
No comments:
Post a Comment