Showing posts with label The Giver. Show all posts
Showing posts with label The Giver. Show all posts

Oct 25, 2015

เก๊บกับการเปลี่ยนแปลง - Son (The Giver #4)



ชื่อเรื่อง  เก๊บกับการเปลี่ยนแปลง
จากเรื่อง Son
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน

เรื่องย่อ

บทสรุปของดินแดนดิสโทเปีย และการดำดิ่งสู่ความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์

เก๊บกับการเปลี่ยนแปลง หนังสือเล่มสุดท้ายของชุด The Giver บทสรุปของดินแดนดิสโทเปีย ตีพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษตามหลัง โจนาสกับผู้ให้ นานถึง ๑๙ ปี อาจเพราะโลอิส เลาว์รีไม่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเขียนเล่มนี้ขึ้นมาเป็นเล่มจบ ทว่าเมื่อคิดถึงทารก “เก๊บ” ที่เคยปรากฏตัวในเล่ม ๑ และ “แคลร์” ตัวละครหญิงอีกตัว เธอก็พบว่ายังมีเรื่องราวระหว่างเล่ม ๑-๓ ให้เล่าอีกมากมาย

ตลอดสามเล่มที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในชุมชนแห่งความเหมือนอันสมบูรณ์พร้อม ชุมชนแห่งความโหดร้าย และชุมชนแห่งการเยียวยาที่ดูเหมือนไม่มีอยู่จริง ล้วนมีความชั่วร้ายคอยทำลายชีวิตผู้คนทั้งสิ้น ค่อยๆ ทำลายอย่างแนบเนียน จนหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตนี้ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น และน่ากลัวตรงที่ไม่มีใครรอดพ้นเงาดำดังกล่าวไปได้ แม้แต่คนที่จิตใจดีอย่างโจนาสกับผู้ให้ คิรากับช่างย้อมสี หรือกระทั่งแมตตี้ก็ตาม

โลอิสร้อยเรื่องราวของตัวละครจากสามเล่มแรกออกมาเป็นบทสรุปในเล่มนี้ บทสรุปที่อาจทำให้เราได้เห็นอะไรบางอย่าง ว่าพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากโลกใน The Giver เลย คือเป็นดินแดนดิสโทเปียที่มีพลังชั่วร้ายบางอย่างควบคุมเราอยู่จากที่ไหนสักแห่ง

และหนทางเดียวจะอยู่รอดได้ คือการใช้ “หัวใจ” ดีๆ จำนวนหนึ่งกับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออธรรมอีกต่อไป



REVIEW

แคลร์ให้กำเนิดบุตรชายแต่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาเธอก็ถูกส่งไปทำหน้าที่อื่นในชุมชนเสียก่อน แต่แคลร์ยังหาโอกาสที่จะกลับมาดูแลเก๊บอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่เด็กชายถูกประเมินว่ามีความผิดปกติและถูกส่งไปกำจัด นั่นทำให้วันที่โจนาสหลบหนีออกไปจากหมู่บ้านและได้พาเก๊บออกไปได้

Nov 30, 2014

แมตตี้ ผู้ส่งสาร - Messenger (The Giver #3)


ชื่อเรื่อง  แมตตี้ ผู้ส่งสาร
จากเรื่อง Messenger
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน

เรื่องย่อ

จากเรื่อง "คิรากับช่างย้อมสี" หนังสือเล่มสองของชุด "The Giver" มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นเพื่อนตายของ 'คิรา' มาตลอด แม้ว่าเขาจะสกปรกมอมแมม เป็นเด็กชายผู้หิวโหยและยากจน ขาดแม้กระทั่งความรักจากแม่ จนกลายเป็นนักลักเล็กขโมยน้อย แต่สำหรับคิรา เด็กมีปัญหาคนนี้คือสหายตัวน้อยที่ซื่อสัตย์และจริงใจต่อเธอเสมอ เขาคือ 'แมตต์' ผู้เติบโตมาเป็นแมตตี้ในเล่มนี้ แมตตี้ไม่ได้อยู่กับคิราในชุมชนแห่งความโหดร้ายอีกต่อไป เขาเดินทางมาชุมชนใหม่ ซึ่งยินดีต้อนรับผู้ไม่เป็นที่รักจากดินแดนอื่น และพร้อมเยียวยาผู้ที่แตกสลายมาจากถิ่นเก่า ณ ที่แห่งนี้ แมตตี้ค้นพบพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่ รู้เพียงว่ามันพิเศษ แต่ไม่ว่าพรสวรรค์ข้อนั้นคืออะไร ไม่ว่าเขาจะเป็นแมตต์หรือแมตตี้ จะอยู่ในพื้นที่ที่ดีหรือเสื่อมทราม ยังมีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ คือเขามีหัวใจดวงวิเศษที่ต่อให้โลกมันเส็งเคร็งเพียงใด ก็จะไม่มีวันทำลายหัวใจแบบแมตตี้ได้เลย

REVIEW

เมื่อชุมชนที่แมตตี้อาศัยอยู่กำลังจะปิดตัวลงและผู้คนเริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป แมตตี้จึงต้องเดินทางในฐานะผู้ส่งสารไปปิดประกาศตามที่ต่างๆในป่ารวมถึงทำตามคำสัญญาของชายตาบอดที่ว่าจะรับคิรามาอยู่ที่ชุมชนแห่งนี้กับเขาก่อนที่มันจะปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ ระหว่างการเดินทางพาคิรากับชุมชน แมตตี้พบกับอันตรายมากมายที่รอเขาอยู่ในป่า การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดแมตตี้ก็พาตัวเองเกือบถึงที่หมาย แต่เขากลับล้มไปก่อน

ผู้นำของชุมชนคือโจนาสนั่นเอง ได้เดินทางมาหาแมตตี้เพื่อมอบความช่วยเหลือให้แก่เขา เมื่อแมตตี้ใช้พลังทุกหยาดหยดคืนชีพให้กับผืนป่าและชุมชนของเขาให้กลับมาเป็นดังเดิม เขาได้รับนามใหม่ว่า ผู้เยียวยา และหลังจากนั้นเขาก็ล่วงสู่ความสงบสุข ...

..........................................................

เรื่องนี้ทีแรกก็อ่านได้เรื่อยๆนะ เพราะเป็นเรื่องของแมตตี้ เด็กชายตัวมอมแมมที่มีบทบาทเป็นอย่างยิ่งจากเล่มของคิรา หากใครรอที่จะได้เห็นโจนาสอีกครั้ง เล่มนี้เขาจะกลับมามีบทบาทสำคัญเลยทีเดียว เนื้อเรื่องก็แฝงแนวคิดและคำสอนในตัวของมันอยู่นะ แต่ก็ตามสไตล์ของ The Giver แหละ คือคำสอนเหล่านั้นต้องผ่านการตีความอีกที ผ่านคำพูดและพรสวรรค์ของตัวละครเอง ซึ่งจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่มันจะแยบยลและคมคาย ถ้ามีคนสังเกต Point เล็กๆตรงที่โจนาสได้เตือนแมตตี้ก่อนการเดินทางว่าอย่าถลุงพลังของตนเอง ซึ่งตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ จนสุดท้าย ... แมตตี้ก็ต้องพบจุดจบอันน่าเศร้าของเขา

คะแนน 6.5/10

Sep 20, 2014

คิรากับช่างย้อมสี - Gathering Blue (The Giver #2)


ชื่อเรื่อง คิรากับช่างย้อมสี
จากเรื่อง Gathering Blue
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน

เรื่องย่อ

หากคำจำกัดความชุมชนของ "โจนาสกับผู้ให้" เล่มแรกของชุด "The Giver" คือสมบูรณ์แบบ ชุมชนใน "คิรากับช่างย้อมสี" เล่มสองนี้ก็อยู่คนละขั้วกับนิยามนั้น

ณ สังคมที่ความโหดร้ายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน บาดแผลและความบอบช้ำเป็นเหมือนอวัยวะหนึ่งของร่างกาย ผู้คนต้องอยู่กับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เพราะไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงความโหดร้ายของชีวิต แม้แต่คนที่ถูกโอบอุ้มและได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีมาตลอดก็ตาม แม่ของ 'คิรา' บอกลูกสาวผู้เกิดมาพร้อมความไม่สมประกอบไว้ว่า "จงภูมิใจในความเจ็บปวดของตน...ลูกเข้มแข็งกว่าคนที่ไร้ความเจ็บปวดนัก" ซึ่งนี่อาจเป็นคาถาในการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดคาถาหนึ่ง

REVIEW

หลังจากที่คิราสูญเสียแม่ของเธอไป ความโชคร้ายก็ไม่ค่อยผ่อนปรนให้กับชีวิตของเด็กสาว คิราถูกนำขึ้นไปพิพากษาด้วยข้อหาที่เธอพิการมาตั้งแต่กำเนิด ในสังคมแห่งความเสื่อมทรามแห่งนี้ที่คิราอาศัยอยู่ ไม่เคยแม้แต่จะต้อนรับผู้พิการอย่างเธอ แต่แม่ของคิราก็ปกป้องจนถึงลมหายใจสุดท้ายของหล่อน เมื่อหล่อนสิ้นลม คิราจึงตกอยู่ในเงื้อมืออันโหดร้ายของชุมชนอันเสื่อมทรามแห่งนี้

คิราถูกตัดสินให้พ้นข้อกล่าวหาและได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ โดยใช้ความสามารถในการย้อมสีและปักผ้าเพื่อประดับตกแต่งเสื้อคลุมของผู้ขับร้องที่กำลังจะใช้ในพิธีตอนฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง แต่เด็กสาวก็เป็นกังวลว่าฝีมือการย้อมสีที่ได้เรียนรู้มาจากแม่อาจจะไม่เพียงพอที่จะทำงานนี้จนลุล่วง คิราจึงถูกส่งไปเรียนกับช่างย้อมสีนามว่า แอนนาเบลลา

คิราเป็นเพื่อนสนิทกับแมตต์ และทอมัส ช่างแกะสลักที่ถูกพาตัวมาอาศัยอยู่ในที่แห่งเดียวกับคิราเพื่อทำหน้าที่สลักไม้เท่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้ขับร้อง ไม่นานคิราก็ได้ค้นพบว่ายังมีโจ เด็กผู้มีความสามารถด้านการ้องเพลงอีกคนถูกนำตัวมาที่นี่

แมตต์หายตัวไป คิราออกไปตามตัวเขาจึงพบว่าเด็กชายเดินทางไปที่ไกลแสนไกลเพื่อตามหาสีฟ้ามาให้เธอ จนกระทั่งแมตต์กลับมาพร้อมกับสีฟ้าดังที่เขาเคยอ้าง นอกจากนี้เขายังมาพร้อมกับของขวัญชิ้นใหญ่ซึ่งก็คือพ่อของคิราที่เธอคิดว่าเขาได้ตายไปแล้ว แต่เขากลับรอดชีวิตมาได้จากการทำร้ายที่เธอเชื่อมาตลอดว่าเป็นฝีมือของสัตว์ร้าย ซึ่งความจริงกลับเป็นฝีมือของเจมิสัน ผู้ซึ่งช่วยชีวิตคิราในวันตัดสินคดีนั่นเอง

คิราเข้าใจในตอนนั้นทันทีว่า ... ในชุมชนที่เสื่อมทรามแห่งนี้ ไม่มีสัตว์ร้ายที่คอยดักซุ่มในป่าอยู่จริงๆ ตามที่แอนนาเบลลา ผู้ซึ่งตอนนี้ล่วงลับไปแล้วได้เคยกล่าวเอาไว้ แต่สัตว์ร้ายที่หล่อนเคยอ้าง คือฝีมือของมนุษย์ผู้อิจฉาริษยาที่คอยแก่งแย่งแข่งขันกัน และสามารถทำได้แม้กระทั่งคร่าชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ...

คิราตัดสินใจไม่หนีไปกับพ่อของเธอและอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งความเสื่อมทรามต่อไป เพราะเด็กสาวเชื่อว่า สักวันเธอจะเป็นคนกำหนดอนาคตของที่นี่ด้วยความสามารถแห่งการถักทอและย้อมสีของเธอ ...

..................................................................................

ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้กันแน่ และเราก็ไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับเนื้อเรื่องเลยแม้แต่น้อย เพราะเนื้อเรื่องใน Gathering Blue จะตรงกันข้ามกับ The Giver โดยสิ้นเชิง ทั้งสภาพสังคมของชุมชนที่คิราอาศัยอยู่นั้นเสื่อมโทรมด้วยฝีมือและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์โดยแท้ และหนังสือเล่มนี้ยังตีแผ่ให้เห็นถึงสิ่งพิเศษในตัวของมนุษย์ที่เรียกว่าพรสวรรค์ ซึ่งมีหลายคนแก่งแย่งกันเพื่อที่จะครอบครองพรสวรรค์เหล่านั้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เราสามารถบอกได้เต็มปากเลยว่า เราไม่ประทับใจในตอนจบเท่าไรนัก ก็อย่างว่าแหละ ... สไตล์การเขียนตอนจบแทบจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากเล่มแรกที่เรียกได้ว่า "ให้ผู้อ่านไปตีความเอาเอง" สุดท้ายแล้ว ... คิราจะสามารถสรรค์สร้างอนาคตขึ้นมาใหม่ด้วยพรวสรรค์ของเธอได้หรือไม่ หนังสือไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ผู้แต่งก็ได้ชี้นำไว้ในตอนท้ายว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ชุมชนแห่งนี้นั้นเน่าเฟะเกินกว่ามือเล็กๆของเด็กหญิงคนหนึ่งจะเยียวยาได้ หรือคิราจะสามารถกอบกู้สังคมนี้ขึ้นมาใหม่ได้ในที่สุด

Gathering Blue เป็นหนังสือเล่มบางๆเบาๆ แต่ความหนักของเนื้อเรื่องกลับไม่ได้เบาไปด้วยเลย อย่าหลงเชื่อเป็นอันขาดว่าเนื้อเรื่องสบายๆอย่างที่ได้อ่านในตอนแรก จะจบลงด้วยความผาสุขของตัวละครในตอนท้าย ถึงแม้ว่า Gathering Blue จะจบลงตรงที่ไม่มีความสูญเสียใดๆเกิดขึ้น แต่ impact ที่หนังสือเล่มนี้สร้างให้แก่ผู้อ่านกลับมากมายยิ่งกว่านั้น

ไม่เชื่อคุณก็ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู และคุณจะได้รู้ว่าเราไม่ได้พูดเกินจริง !

คะแนน 7/10

Sep 19, 2014

โจนาสกับผู้ให้ - The Giver (The Giver #1)



ชื่อเรื่อง โจนาสกับผู้ให้
จากเรื่อง The Giver
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน

เรื่องย่อ

เหตุการณ์ในเล่มแรกเกิดขึ้น ณ ชุมชนที่ดูสงบราบเรียบ จนอาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ที่นี่ไม่มีสงคราม ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีคนเกลียดกัน ทุกสิ่งทุกอย่างจัดเตรียมไว้อย่างดีสำหรับทุกคน ทั้งที่อยู่อาศัย อาหารการกิน โรงเรียน อาชีพ ฯลฯ และเมื่อพลเมืองอายุครบ 12 ปี ก็จะได้รับมอบหมายหน้าที่เพื่อฝึกฝนก่อนยึดเป็นอาชีพในอนาคต ซึ่ง 'โจนาส' ได้รับหน้าที่สำคัญประจำเมือง ที่เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้และเห็นเรื่องราวต่างๆ ในชุมชนมากกว่าที่สายตาเขาเคยเห็น อย่างไรก็ตาม การได้รู้ลึก รู้จริง ได้มีความรู้สึก และมีความทรงจำที่ไม่เหมือนใครอยู่คนเดียว มันช่างเดียวดายและโหดร้าย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบใดจะโหดร้ายกว่า ระหว่างการได้รู้ความจริงแบบโจนาส กับการเป็นพลเมืองที่ถูกปิดหูปิดตาไปตลอดชีวิต

REVIEW

นี่คือสังคมในอุดมคติที่ไร้ซึ่งความขัดแย้ง สมาชิกทุกคนสามัคคีปรองดองกัน เมื่อพลเมืองอายุสิบสอง พวกเขาจะได้คัดเลือกให้ทำหน้าที่ต่างๆ มองเผินๆเหมือนจะเป็นสังคมที่สงบสุขและน่าอยู่ใช่ไหม แต่คุณแน่ใจหรือว่าคุณอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งนี้จริงๆ ?

โจนาสคือเด็กชายอายุสิบเอ็ดย่างสิบสอง เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับสายอาชีพที่เขาจำเป็นต้องเลือกเมื่อเข้าร่วมพิธีในครั้งต่อไป เพราะโจนาสไม่ได้มีอาชีพในฝันเหมือนคนอื่นๆ นั่นทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกคัดเลือกให้ทำอาชีพไหน จนถึงวันที่โจนาสได้รับคัดเลือกให้เป็น 'ผู้รับ' (the Receiver) คนใหม่เพื่อทำหน้าที่เป็นขุมความรู้ให้แก่คนในชุมชน และแบกรับอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดที่เหือดหายไปจากทุกผู้คนมานานแสนนาน

ภาระของโจนาสหนักอึ้งพอๆกับ 'ผู้ให้' (the Giver) โดยผู้ให้ถ่ายทอดความรู้ในการเป็นไปของโลกใยภายนอก โลกที่ทุกอย่างแตกต่างออกไปจากโลกที่โจนาสอาศัยอยู่มาตั้งแต่จำความได้ สีสัน อารมณ์ความรู้สึก สงคราม และความตาย ค่อยๆร่วงหล่นสู่จิตใจของโจนัส และทำให้เขาสงสัยว่าผู้คนในสังคมอยู่โดยปราศจากความรู้สึกมาได้อย่างไร

เมื่อโจนาสได้ล่วงรู้ความลับของ 'การปลดปล่อย' ที่ใช้จัดการเด็กทารกที่ไม่เป็นที่ต้องการ ผู้กระทำผิด หรือกระทั่งคนแก่ แท้จริงแล้วการปลดปล่อยไม่ใช่การเนรเทศผู้คนอย่างที่โจนาสเคยเข้าใจ แต่มันคือการฆ่าผู้คนที่มีตำหนิเหล่านี้ เมื่อโจนาสทนรับความจริงพวกนี้ไม่ได้ เขาและผู้ให้ก็ได้วางแผนที่จะหลบหนีออกไปจากสังคมแห่งนี้ และเมื่อโจนาสจากไปแล้ว ความทรงจำของเขาจะถูกปลดปล่อยคืนแก่คนในสังคม

..............................................................

คิดว่าถ้าเราได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนหน้านี้สัก 10 ปี มันจะต้องสนุกมากแน่ๆ ...

เราอ่านหนังสือ The Giver หลังจากที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว และพบว่าเนื้อเรื่องในภาพยนตร์มีการแต่งเสริมในบางจุดที่ในหนังสือไม่มีเพิ่มเข้าไป ถ้าจะถามว่าอันไหนสนุกกว่ากัน เราก็จะไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะว่าฉบับภาพยนตร์นั้น มีฉากให้เราได้ลุ้นและบิวท์อารมณ์ให้สนุกไปกับการแก้ปัญหาของตัวละคร แต่ในหนังสือแทบจะไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่เลย ตรงกันข้าม ... ส่วนของหนังสือจะเน้นไปที่การอธิบายให้เราได้รู้จักอารมณ์ต่างๆของมนุษย์เสียมากกว่า

แต่จุดที่เราชอบ แน่ๆละ นั่นก็คือการเสริมข้อคิดและนามธรรมของสภาพพื้นฐานทางอารมณ์ของมนุษย์ซึ่งนำมาตีแผ่ในมุมมองที่เข้าใจง่ายและน่าติดตามสำหรับวรรณกรรมเยาวชนเล่มนี้ หากจะมีหนังสือสักเล่มที่สอนให้เด็กๆรู้จักถึงอารมณ์อันแปลกใหม่ในช่วงที่ชีวิตเข้าสู่วัยรุ่น ถือว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะมีส่วนร่วมมากๆเลยทีเดียว ซึ่งเราไม่แปลกใจที่ทำไม The Giver ถึงถูกแนะนำให้เด็กประถมได้อ่านกันอย่างแพร่หลาย

มาพูดถึงมุมมองของเราสำหรับหนังสือเล่มนี้ ... ด้วยความที่อายุเลยวัยรุ่นมาบ้างแล้ว ทำให้เราค่อนข้างที่จะกร้านโลกและรู้สึกว่าสิ่งต่างๆในหนังสือเล่มนี้ดู 'เด็ก' ไปสำหรับเรา ซึ่งนี่ไม่ใช่ข้อเสียของหนังสือ ต้องโทษตัวผู้อ่าน(อย่างเรา)เองที่เลือกหยิบหนังสือที่ไม่แมทช์กับอายุมาอ่าน 555

แต่สำหรับการเล่าเรื่อง เราว่ามันเอื่อยๆเนือยๆอย่างบอกไม่ถูก (ซึ่งจุดนี้เราคิดว่าฉบับภาพยนตร์ทำได้ดีกว่ามากๆ ที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องและเติมเต็มในส่วนที่หนังสือขาดหายไป) ในส่วนของการทิ้งท้ายในตอนจบ เราไม่กล้าที่จะเรียกว่างง เพราะมันชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้แต่งต้องการให้คนอ่านไปตีความต่อถึงสิ่งที่โจนาสต้องเจอในตอนจบ (แต่เผอิญว่าเราไม่ใช่พวกนักวิเคราะห์ไง พอถึงตอนจบก็อือๆอาๆไปกับผู้แต่งนั่นแหละ เค้าแต่งอะไรมาให้อ่าน ฉันก็อ่านแล้วจบกันแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีการตีความเพิ่มหรอก ฮ่าๆ)

คะแนน 8/10