ชื่อเรื่อง เก๊บกับการเปลี่ยนแปลง
จากเรื่อง Son
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน
เรื่องย่อ
บทสรุปของดินแดนดิสโทเปีย และการดำดิ่งสู่ความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์
เก๊บกับการเปลี่ยนแปลง หนังสือเล่มสุดท้ายของชุด The Giver บทสรุปของดินแดนดิสโทเปีย ตีพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษตามหลัง โจนาสกับผู้ให้ นานถึง ๑๙ ปี อาจเพราะโลอิส เลาว์รีไม่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเขียนเล่มนี้ขึ้นมาเป็นเล่มจบ ทว่าเมื่อคิดถึงทารก “เก๊บ” ที่เคยปรากฏตัวในเล่ม ๑ และ “แคลร์” ตัวละครหญิงอีกตัว เธอก็พบว่ายังมีเรื่องราวระหว่างเล่ม ๑-๓ ให้เล่าอีกมากมาย
ตลอดสามเล่มที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในชุมชนแห่งความเหมือนอันสมบูรณ์พร้อม ชุมชนแห่งความโหดร้าย และชุมชนแห่งการเยียวยาที่ดูเหมือนไม่มีอยู่จริง ล้วนมีความชั่วร้ายคอยทำลายชีวิตผู้คนทั้งสิ้น ค่อยๆ ทำลายอย่างแนบเนียน จนหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตนี้ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น และน่ากลัวตรงที่ไม่มีใครรอดพ้นเงาดำดังกล่าวไปได้ แม้แต่คนที่จิตใจดีอย่างโจนาสกับผู้ให้ คิรากับช่างย้อมสี หรือกระทั่งแมตตี้ก็ตาม
โลอิสร้อยเรื่องราวของตัวละครจากสามเล่มแรกออกมาเป็นบทสรุปในเล่มนี้ บทสรุปที่อาจทำให้เราได้เห็นอะไรบางอย่าง ว่าพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากโลกใน The Giver เลย คือเป็นดินแดนดิสโทเปียที่มีพลังชั่วร้ายบางอย่างควบคุมเราอยู่จากที่ไหนสักแห่ง
และหนทางเดียวจะอยู่รอดได้ คือการใช้ “หัวใจ” ดีๆ จำนวนหนึ่งกับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออธรรมอีกต่อไป
จากเรื่อง Son
ผู้แต่ง โลอิส เลาว์รี
ผู้แปล ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน
เรื่องย่อ
บทสรุปของดินแดนดิสโทเปีย และการดำดิ่งสู่ความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์
เก๊บกับการเปลี่ยนแปลง หนังสือเล่มสุดท้ายของชุด The Giver บทสรุปของดินแดนดิสโทเปีย ตีพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษตามหลัง โจนาสกับผู้ให้ นานถึง ๑๙ ปี อาจเพราะโลอิส เลาว์รีไม่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเขียนเล่มนี้ขึ้นมาเป็นเล่มจบ ทว่าเมื่อคิดถึงทารก “เก๊บ” ที่เคยปรากฏตัวในเล่ม ๑ และ “แคลร์” ตัวละครหญิงอีกตัว เธอก็พบว่ายังมีเรื่องราวระหว่างเล่ม ๑-๓ ให้เล่าอีกมากมาย
ตลอดสามเล่มที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในชุมชนแห่งความเหมือนอันสมบูรณ์พร้อม ชุมชนแห่งความโหดร้าย และชุมชนแห่งการเยียวยาที่ดูเหมือนไม่มีอยู่จริง ล้วนมีความชั่วร้ายคอยทำลายชีวิตผู้คนทั้งสิ้น ค่อยๆ ทำลายอย่างแนบเนียน จนหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตนี้ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น และน่ากลัวตรงที่ไม่มีใครรอดพ้นเงาดำดังกล่าวไปได้ แม้แต่คนที่จิตใจดีอย่างโจนาสกับผู้ให้ คิรากับช่างย้อมสี หรือกระทั่งแมตตี้ก็ตาม
โลอิสร้อยเรื่องราวของตัวละครจากสามเล่มแรกออกมาเป็นบทสรุปในเล่มนี้ บทสรุปที่อาจทำให้เราได้เห็นอะไรบางอย่าง ว่าพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากโลกใน The Giver เลย คือเป็นดินแดนดิสโทเปียที่มีพลังชั่วร้ายบางอย่างควบคุมเราอยู่จากที่ไหนสักแห่ง
และหนทางเดียวจะอยู่รอดได้ คือการใช้ “หัวใจ” ดีๆ จำนวนหนึ่งกับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออธรรมอีกต่อไป
REVIEW
แคลร์ให้กำเนิดบุตรชายแต่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาเธอก็ถูกส่งไปทำหน้าที่อื่นในชุมชนเสียก่อน แต่แคลร์ยังหาโอกาสที่จะกลับมาดูแลเก๊บอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่เด็กชายถูกประเมินว่ามีความผิดปกติและถูกส่งไปกำจัด นั่นทำให้วันที่โจนาสหลบหนีออกไปจากหมู่บ้านและได้พาเก๊บออกไปได้
spoiler: คลิกเพื่อดู Spoiler
................................................
เป็นหนังสือปิดท้ายชุด The Giver ที่เชื่อมทั้งสามเล่มแรกเข้าด้วยกัน ความที่หนังสือชุดนี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์แฝงอยู่เยอะมาก คือถ้าไม่สังเกตให้ดีจะมองข้าม ถ้าอ่านแบบวิเคราะห์ไตร่ตรองมากจะมึน แต่ก็มีประเด็นที่เราชอบมากก็คือ ตรงที่นักเขียนพยายามจะสื่อความหมายตอนที่แคลร์พยายามตามหาลูกชายของเธอว่า ความเป็นแม่อาจต้องแลกมาด้วยความสาวความเยาว์วัย แต่ต้องสูญเสียตรงนั้นไปหากเธออยากได้ลูกชายของเธอ
เราอ่านนี่รู้สึกละเลียด ถึงเนื้อเรื่องมันจะไม่หวือหวาอะไรเหมือนนิยายดิสโทเปียสมัยใหม่ และการที่มีนิยายเล่มนี้ออกมาอาจจะไปหักลบความลึกลับของตอนจบอันลือเลื่องในเล่มแรกให้หายวับไปกับตา เพราะข้อสงสัยที่ใครหลายคนเคยตั้งเอาไว้ในตอนจบเล่มหนึ่งว่าโจนาสไปไหน ? เขาตายหรือเปล่า ? และเก๊บมีชีวิตรอดต่อไปไหม ? ... เล่มนี้คือตอบโจทย์ทุกอย่าง ถ้าใครอยากคงความคลาสสิคของ The Giver เอาไว้ เราไม่แนะนำให้อ่านเล่มนี้ เพราะอย่างที่บอก มันจะไม่มีข้อโต้แย้งโต้เถียงใดๆของหนังสือเล่มนี้เหลือไว้ให้ discuss กันอีกต่อไป แต่ถ้าใครอยาก complete นิยายชุดนี้ให้หายคาใจ เราก็แนะนำให้อ่านโลด
คะแนน 7.5/10