Oct 16, 2015

Library of Souls (Miss Peregrine’s Peculiar Children #3)



ชื่อเรื่อง Library of Souls
จากชุด Miss Peregrine’s Peculiar Children
ผู้แต่ง Ransom Riggs
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Quirk Books

เรื่องย่อ

As the story opens, sixteen-year-old Jacob discovers a powerful new ability, and soon he’s diving through history to rescue his peculiar companions from a heavily guarded fortress. Accompanying Jacob on his journey are Emma Bloom, a girl with fire at her fingertips, and Addison MacHenry, a dog with a nose for sniffing out lost children.

They’ll travel from modern-day London to the labyrinthine alleys of Devil’s Acre, the most wretched slum in all of Victorian England. It’s a place where the fate of peculiar children everywhere will be decided once and for all.

REVIEW

เจคอบ เอ็มม่าและแอดดิสันคือผู้หลงเหลือจากการจับกุมของเหล่าไวท์ พวกเขาเดินทางผ่านลอนดอนไปยังเดวิลเอเคอร์ ลูปแห่งการลงโทษและเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม หนทางเดียวที่เขาจะช่วยมิสเพเรกรินและเพื่อนๆออกมาได้ก็คือ เจคอบ เอ็มม่าและแอดดิสันต้องบุกทะลวงเข้าไปยังปราการของเหล่าไวท์ที่ต้องโดดเด่นเป็นสง่าอยู่หลังสะพานที่เต็มไปด้วยอันตรายจากฮอลโลว์ซึ่งทำให้ไม่มีใครสามารถข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้สำเร็จ

พวกเขาได้รับความช่วยเหลือเบนธัม น้องชายของมิสเพเรกรินที่คิดค้นแพนลูปติคอนซึ่งคือการรวบรวมเอาลูปต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกมารวมไว้ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งเบนธัมได้คิดค้นประดิษฐ์มันขึ้นมาร่วมกับคอล ซึ่งพี่ชายผู้ชั่วร้ายของเขาได้ฝันไว้สูงกว่านั้น และนั่นก็นำไปสู่ความพินาศของตัวเขาเองซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเหล่าฮอลโลว์ในปัจจุบัน เมื่อเจคอบเดินทางเข้าไปในป้อมปราการได้สำเร็จ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของเหล่าฮอลโลว์และไวท์ นั่นทำให้เขาได้ค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเองที่สามารถชักใยฮอล์โลว์ได้ ไม่เพียงแค่ตัวเดียว แต่ทั้งฝูง เจคอบหันกำลังฮอลโลว์โค่นล้มป้อมปราการและเหล่าไวท์ จนกระทั่งเบนธัมตัดสินใจทรยศเขาและมิสเพเรกรินเพื่อหันไปเข้าร่วมกับคอลที่ต้องการเดินทางไปยังห้องสมุดแห่งจิตวิญญาณ

ห้องสมุดแห่งจิตวิญญาณคือสถานที่ที่วิญญาณของคนประหลาดผู้ล่วงลับไปแล้วจะถูกกักเก็บเอาไว้ในโหลเพื่อรอวันที่จะถูกเรียกไปเกิดอีกครั้ง คอลผู้ชั่วร้ายตัดสินใจใช้วิญญาณในโหลเพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้แก่ตัวตัวเอง และแผนการณ์ของเขาจะขาดเจคอบผู้ซึ่งสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นไปไม่ได้ เมื่อทั้งเด็กประหลาดและสามพี่น้องเดินทางมายังห้องสมุดแห่งจิตวิญญาณ คอลก็ซึมซับวิญญาณของคนประหลาดเข้าไปและเพิ่มพลังมหาศาลให้แก่ตนเอง เบนธัมที่เห็นถึงผลการทรยศหักหลังของตัวเองว่าเขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปมากมายได้คิดกลับใจในวินาทีสุดท้ายและเสพวิญญาณเข้าไปเพื่อที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกับคอล

มิสเพเรกรินพาเหล่าเด็กประหลาดหนีออกมาจากห้องสมุดแห่งจิตวิญญาณและใช้ความสามารถจากเหล่าอิมบรินในการทำลายลูปเวลาแห่งนี้ได้สำเร็จซึ่งทำให้ทั้งคอลและเบนธัมถูกขังเอาไว้ในนั้นไม่ได้ออกไปไหนได้อีกต่อไป กองทัพฮอลโลว์และไวท์ถูกทำลายลง อาณาจักรแห่งคนประหลาดกลับมาสงบอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาที่เจคอบต้องตัดสินใจว่าเขาจะอยู่กับเอ็มม่าหรือกลับไปหาพ่อแม่เขาของเขา เมื่อเขาเหลือทางเลือกอย่างเดียว เขาจึงจำใจลาเอ็มม่าและกลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่เขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะลืมเรื่องราวการผจญภัยที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆของเขา และจิตแพทย์คนใหม่ก็ฟันธงว่าเขามีอาการผิดปกติทางจิต เจคอบจึงถูกส่งไปรักษาตัวระยะยาวที่คลินิค แต่ก็ถูกยับยั้งเอาไว้โดยมิสเพเรกรินและเพื่อนๆของเขาที่เดินทางข้ามเวลามาหาเขาถึงบ้าน พร้อมด้วยข่าวดีที่ว่าผลข้างเคียงของการทำลายลูปเวลาที่อะบาตอนทำให้อายุที่สะสมของพวกเขาถูกชดเชยหายไปและจะไม่อายุเพิ่มขึ้นเมื่อมาอาศัยอยู่ในเวลาปัจจุบัน ดังนั้นเจคอบจึงสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆของเขา รวมไปถึงเอ็มม่าในช่วงเวลาปัจจุบันได้ในที่สุด

....................................................................

ถือว่าเล่มนี้ปิด Trilogy ได้ค่อนข้างสวยงาม แรนซัม ริกส์เขียนฉากผจญภัยในตอนท้ายได้สนุกตื่นเต้น และทำให้เราวางหนังสือไม่ลงไปหลายชั่วโมง ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องใน Library of Souls จะสามารถจับทางได้ง่าย เพราะริกส์ใช้สูตรสำเร็จที่พบได้ทั่วไปตามภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หรือนิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ตัวเอกจะค้นพบพลังอันแกร่งกล้าในตัวและระเบิดบู้มออกมาเพื่อช่วยเพื่อนๆในทีม ซึ่งเราที่ค่อนข้างจะอิ่มตัวกับมุกแบบนี้ก็เลยคิดไปว่าหนังสือเล่มนี้มันขาดรสชาติเฉพาะตัวไป รวมถึงการขยี้อารมณ์ผ่านทางสถานการณ์ในเรื่องและบทสนทนาของตัวละครที่พบไม่ค่อยมากในเล่มนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเสน่ห์และลายเซ็นเฉพาะตัวของซีรีย์นี้ค่อนข้างเบาบางลงไปนิดหน่อย

รวมไปถึงจุดหักมุมที่เราเดาได้ชัดเจนเลยว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเราโดนหลอกมา 2 เล่มติด เล่มนี้เราเลยตั้งหลักและบอกกับตัวเองว่าเราจะไม่โง่ซ้ำกับจุดหักมุมเป็นครั้งที่สามแน่นอน นั่นทำให้เราอ่านด้วยความระแวง จับผิดความปกติของตัวละครตลอดเวลาที่อ่าน เลยเดาได้ง่ายว่าใครเป็นใครและเนื้อเรื่องจะดำเนินไปในทิศทางไหน แต่ถึงแม้จะเดาได้ มันก็ยังมีเรื่องให้ลุ้นอยู่ได้เรื่อยๆจนจบเล่มนั่นแหละ โดยเฉพาะตอนจบ ... ที่เราประทับใจกับตอนจบแบบนี้มาก จังหวะมันลงเป๊ะพอดี ยิ่งใหญ่และลงตัว ทำให้เรารู้สึกว่านี่แหละคือตอนจบที่เราต้องการ

ดีใจที่ได้หยิบวรรณกรรมเยาวชนดาร์คๆนี้ขึ้นมาอ่าน ถ้าไม่มี Goodreads เราก็คงจะไม่รู้จักซีรีย์ชุดนี้และใช้เวลาสามสี่วันจมไปกับอาณาจักรแห่งลูปเวลาของเหล่าเด็กประหลาด ถือว่าเป็นเวลาสามสี่วันที่ดีมากๆ หนังสือชุดนี้ทำให้ใจเรามัวแต่พะวงตลอดเวลาที่ไม่ได้อ่านว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับเด็กๆพวกนี้นะ พอกับมาอ่านอีกครั้งก็ยิ่งลุ้นหนักกว่าเดิมเรื่อยๆ เพราะมันมีครบทุกรสทั้งสนุก เศร้า ตลก โดยเฉพาะดราม่าบางประเด็นที่มัน realistic ริกส์สื่อสารออกมาและขยี้มันได้ถูกใจเราสุดๆ

ถ้าปีที่แล้ว Daughter of Smoke & Bone และ The Lunar Chronicles คือม้ามืดสำหรับเรา ดังนั้นคงไม่ผิดถ้าเราจะเรียกซีรีย์ Miss Peregrine’s Peculiar Children ว่าเป็นม้ามืดสำหรับปีนี้เช่นเดียวกัน ...

คะแนน 9/10