Oct 15, 2015

Hollow City (Miss Peregrine’s Peculiar Children #2)



ชื่อเรื่อง Hollow City
จากชุด Miss Peregrine’s Peculiar Children
ผู้แต่ง Ransom Riggs
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Quirk Books

เรื่องย่อ

September 3, 1940. Ten peculiar children flee an army of deadly monsters. And only one person can help them—but she’s trapped in the body of a bird.

The extraordinary journey that began in Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children continues as Jacob Portman and his newfound friends journey to London, the peculiar capital of the world. There, they hope to find a cure for their beloved headmistress, Miss Peregrine. But in this war-torn city, hideous surprises lurk around every corner. And before Jacob can deliver the peculiar children to safety, he must make an important decision about his love for Emma Bloom. Like its predecessor, this second novel in the Peculiar Children series blends thrilling fantasy with vintage photography to create a one-of-a-kind reading experience.

REVIEW

หลังจากที่เด็กๆต้องออกจากลูปเวลาและมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ พวกเขาก็ได้ค้นพบกับลูปใหม่ที่สัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับตัวเด็กๆเอง สัตว์เหล่านี้มีความสามารถพิเศษที่สัตว์ธรรมดาไม่มี เจคอบ เอ็มม่าและเพื่อนๆของพวกเขารู้ว่าพวกตนต้องรีบรักษามิสเพเรกรินโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นเธอจะติดอยู่ในร่างของนกตลอดกาล และหนทางเดียวที่จะตามหาเหล่าอิมบรินคนอื่นๆก็คือพวกเขาต้องเดินทางสู่ลอนดอน

ระหว่างทางเด็กๆได้พบกับเหล่ายิปซีที่มีลูกชายล่องหนเหมือนกับมิลลาร์ด และเผชิญหน้ากับเหล่าไวท์ที่ตามล่าพวกเขาตั้งแต่บนเกาะมาจนถึงสถานีรถไฟไปลอนดอน ฮิวจ์ได้ใช้พลังของตัวเองในการปล่อยฝูงผึ้งออกมาจากท้องกำจัดทหารเหล่านี้ไปได้ และเมื่อเหล่าเด็กประหลาดมาถึงลอนดอนในที่สุด การตามหานกพิราบและอิมบรินเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส เมื่อพวกเขาได้เข้าไปในอีกลูปเวลาและได้พบกับเด็กสาวที่มีโทรจิตสามารถควบคุมสิ่งของได้ สองพี่น้องตาบอดที่สามารถใช้เสียงโจมตีราวกับค้างคาว ทั้งคู่ก็ถูกไล่ล่าโดยฮอลโลว และต้องระเห็จผ่าสงครามกลางเมืองอันโหดร้ายไปให้ได้

เมื่อเจคอบ เอ็มม่า และผองเพื่อนมาถึงลูปเวลาอีกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ พวกเขาก็ได้เจอกับอิมบรินที่พวกเขาตามหาอยู่ในสถานที่ที่เย็นยะเยือกไปด้วยน้ำแข็ง เมื่อมิสเพเรกรินได้รับการรักษาในที่สุด ... ความจริงอันน่าตกใจก็ปรากฏขึ้นว่า นกที่เด็กๆพาเดินทางมาด้วยนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่มิสเพเรกรินด้วยซ้ำ เพราะมันคือน้องชายของมิสเพเรกรินที่มีความสามารถในการจำแลงร่างเป็นนกชนิดเดียวกับพี่สาวของเขา รวมถึงเรื่องที่ว่าเขาเป็นไวท์ที่สะกดรอยตามเด็กประหลาดมาโดยตลอด และนั่นทำให้อิมบรินคนสุดท้ายที่ยังหนีรอดไปได้ตกไปอยู่ในมือของฮอลโลว์ในที่สุด

กองทัพฮอลโลว์พาเจคอบ เอ็มม่าและเด็กๆมายังเวลาปัจจุบัน และความหายนะกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อผลลัพธ์ของเด็กประหลาดที่เดินทางออกจากลูปเวลาของตัวเองมายังยุคปัจจุบันจะทำให้อายุของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามระยะเวลาที่พวกเขาอาศัยอยู่ในลูป เจคอบและเอ็มม่าสามารถหนีพ้นเอื้อมมือฮอลโลว์มาได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเพื่อนๆที่เหลือ รวมถึงอิมบรินคนสุดท้ายที่ถูกพาไปโดยรถไฟใต้กรุงลอนดอน ในชั่ววินาทีสุดท้ายที่เจคอบต้องต่อสู้กับฮอลโลว์ เขาก็ได้ค้นพบความจริงที่ว่านอกจากเขาจะสามารถมองเห็นพวกมันได้แล้ว เขายังสามารถใช้พลังควบคุมพวกมันได้อีกด้วย !

..........................................................

เนื้อเรื่องเล่มนี้สนุกมาก แต่บรรยากาศในเรื่องจะไม่มีความลึกลับเหมือนกับเล่มที่แล้ว ในแง่ของการผจญภัยถือว่าเข้มขึ้นและสนุกกว่า โดยเรื่องราวจะเกิดขึ้นกลางกรุงลอนดอนที่ตกอยู่ภายใต้สงคราม จึงมั่นใจได้เลยว่ากลิ่นอายลอนดอนปี 1940 ต้องมาแน่ๆ รวมไปถึงการเดินทางข้ามลูปเวลา และการแก้ปริศนาของเหล่าเด็กประหลาด แรนซัม ริกส์ฝีมือเฉียบคม เขาสามารถเขียนภาคต่อโดยที่ยังรักษาคาแรคเตอร์ของทุกตัวละครเอาไว้ได้อย่างหมดจด เขาไม่ได้ยัด tragedy ให้แก่ตัวละครและทำให้พวกเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ไป กลายเป็นตัวละครที่ดาร์คขึ้นและนิสัยเปลี่ยนไปเหมือนกับที่นิยาย YA ส่วนมากชอบทำ แต่เขาใช้เหตุการณ์ต่างๆในหนังสือเคี่ยวกรำให้สภาวะทางจิตใจของตัวละครค่อยๆเติบโตขึ้นโดยที่คนอ่านไม่รู้ตัว จนสุดท้ายแล้ว ... เด็กๆที่เคยถูกปกป้องอยู่ใต้ปีกแม่นก ก็กลายเป็นเด็กที่สามารถยืนหยัดต่อสู้บนลำแข้งของตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ

อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากเลยก็คือ ... สารที่ริกส์พยายามจะสื่อกับคนอ่านผ่านทางเนื้อเรื่องของเหล่าเด็กกำพร้าที่ต้องต่อสู้กับชะตาชีวิตตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่มิลลาร์ดคุยกับพ่อเด็กยิปซีที่เป็นเหมือนเขา เรารู้สึกว่ามันลึกซึ้งมากๆ ประโยคสั้นๆตรงนั้นถือว่าสะกิดใจเราไปเต็มๆ แต่จะมีคาแรคเตอร์หนึ่งที่เรารำคาญมากๆ ก็คือ ... อีน็อค คือเขาเป็นเด็กผู้ชายที่แบบชอบแย้ง ชอบขัดขาเพื่อน แต่เวลาคับขันก็สามารถหันไปพึ่งได้ คำพูดของเขาบางครั้งเราก็รู้สึกร้ายกาจเกินไป แต่ก็ ... ถ้าเด็กส่วนมากในเรื่องนี้ถูกเรียกว่า optimistic อีน็อคก็คงจะเป็นตัวแทนของ pessimistic อย่างแน่นอน ถือว่าเป็นความบาลานซ์ในหนังสือนิยายเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบอยู่เหมือนกัน

มีประเด็นที่เราชอบมากมาย ถ้าเอามารีวิวหมดคงยาวเหยียด อย่างการสอดแทกจริยธรรมความเป็นมนุษย์ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาภายใต้สภาวะอันกดดันของสถาบันครอบครัวรวมไปถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างสงคราม ริกส์ก็สามารถทำมันออกมาได้ดี ละเอียดอ่อน ทำให้เนื้อเรื่อง sensible อย่างแยบยล ขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะสังเกตเห็นประเด็นเหล่านี้ได้เองในท้ายที่สุดหรือไม่

บวกลบคูณหารก็ชอบพอๆกับเล่มที่แล้วนะ ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะคนละแบบ และ Hollow City ต้องบอกว่าเนื้อเรื่องมันลึกกว่ามากๆ ถ้าอ่านแล้วไม่สังเกตให้ดีจะรู้สึกว่ามันเป็นนิยาย YA ผจญภัยแฟนตาซีธรรมดาๆเล่มหนึ่ง แต่ถ้ามองให้ลึกกว่านั้น ... ทุกบทสนทนาของตัวละครสามารถสะท้อนเสียดสีความเป็นจริงในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงจุดจริงๆ

คะแนน 9.5/10