ชื่อเรื่อง Prince Caspian
จากชุด Chronicles of Narnia
ผู้แต่ง C.S. Lewis
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ HarperCollins
เรื่องย่อ
Troubled times have come to Narnia as it is gripped by civil war. Prince Caspian is forced to blow The Great Horn of Narnia, summoning the help of past heroes, Peter, Susan, Edmund, and Lucy. Now they must overthrow Caspian's uncle, King Miraz, to restore peace to Narnia.
REVIEW
เจ้าชายแคสเปียนเชื่อว่าชาวนาร์เนียมีอยู่จริง จนเมื่อเขาออกเดินทางเพื่อหลบหนีจากลุงทรราชย์ของเขาที่ต้องการฆ่าแคสเปียนเพื่อให้ราชสมบัติตกมาเป็นลูกชายของตัวเอง แคสเปียนได้พบกับสัตว์พูดได้และได้รวบรวมกองทัพเพื่อเตรียมรบกับคิงไมราซ เมื่อข้าศึกบุกประชิดเข้ามาทุกที เจ้าชายแคสเปียนจึงเป่าเขาสัตว์เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ชาวนาร์เนียได้กล่าวเอาไว้
ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์และลูซี่ถูกดึงกลับเข้าสู่โลกของนาร์เนียอีกครั้ง สิ่งแรกที่เด็กๆได้พบคือซากปรักหักพังของแคร์พาราเวล ดินแดนที่พวกเขาเคยปกครอง เด็กทั้งสี่ต้องเดินทางไปยังแท่นหินของอัสลานเพื่อไปเสริมกำลังทัพให้แก่แคสเปียนที่กำลังรับมือกับไมราซ เมื่อปีเตอร์ยื่นข้อเสนอแก่คิงไมราซว่าเขาจะท้ารบตัวต่อตัวสำหรับศึกครั้งนี้ คิงไมราซรับข้อเสนอและพ่ายแพ้ให้แก่ปีเตอร์ แคสเปียนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของนาร์เนีย ในขณะที่ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์และลูซี่ต้องเดินทางกลับลอนดอนผ่านทางประตูที่อัสลานได้สร้างเอาไว้ นอกจากนั้นอัสลานยังบอกกับปีเตอร์และซูซานว่าทั้งสองจะไม่ได้กลับมายังนาร์เนียอีกแล้วด้วยอายุที่มากเกินไปของพวกเขา
...................................................
รู้สึกว่าลูอิสใส่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ไว้ในนิยายเล่มนี้ค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่เราไม่เคยอ่านไบเบิล ก็พอรู้บ้างว่าอัสลานคือ God ผู้ก่อกำเนิดและปกครองทุกสรรพสิ่งในนาร์เนีย แต่เล่มนี้เราตลกตอนท้ายๆอ่ะที่อัสลานเดินผ่านไปที่ไหนผู้คนก็ร้องรำทำเพลง แฮปปี้มีความสุข หายจากโรคภัย ส่วนตัวเราคิดว่าตอนท้ายค่อนข้างจะลวกไปหน่อย สำหรับนิยายที่ปูทางมาแบบเรื่อยๆตลอดทั้งเล่ม ถึงตอนนี้นี่เหมือนกับการ์ตูนที่พอเพลงขึ้นและต้นไม้งอกงาม ดอกไม้บานสะพรั่ง ซึ่งเราว่ามันม่ายยยช่ายยยยยแล้ว ความขลังมันหายเกลี้ยงเลยอ่ะ
เราชอบช่วงแรกมากกว่าช่วงหลังมาก ตอนที่ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์ ลูซี่ เดินทางกลับมานาร์เนีย เรารู้สึกว่าบรรยากาศมันกลับไปเป็นเหมือนกับเล่มตู้เสื้อผ้า แต่พอช่วงกลางๆ...เนื้อเรื่องเริ่มดรอปลง เราไม่แน่ใจถึงสาเหตุว่าทำไมทีแรกลูซี่ถึงเห็นอัสลานแค่คนเดียวก่อนที่คนอื่นจะเห็น แต่ถ้าจะให้ลองตีความหมาย เราว่าต้องเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพระเจ้าที่ลูซี่(ซึ่งเด็กสุด)ยังมีความเชื่อตรงนั้นอยู่ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวังและเริ่มจะเชื่อว่าไม่มีปาฎิหาริย์อยู่จริง
เป็นเล่มที่ความชอบอยู่กลางๆเหมือนกับเล่มที่แล้วอ่ะ มีช่วงที่สนุกและน่าเบื่อสลับๆกันไป มนต์สะกดที่มีในช่วงเล่มแรกเล่มทยอยหายไป กลายเป็นการใส่ความเชื่อทางศาสนาเข้ามาแทน ถ้าเป็นคริสเตียนน่าจะอ่านสนุกกว่านี้ แต่นี่เราก็พยายามเปิดใจรับนะ...แต่พอเปิดใจปุ๊บก็เริ่มง่วง หนักตาเริ่มตก ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเพราะคินเดิลตกใส่หน้า เลยอ่านต่อยาวๆจนจบ 555 สงสัยในหนังสือไม่มีฉากรบฟันกระบี่กระบองอิโล้งโช้งเช้งละมั้ง เลยทำให้ง่วง
ปล.เอ็ดมันด์เล่มนี้เป็นคนดีแล้วเท่ห์ชะมัด
เจ้าชายแคสเปียนเชื่อว่าชาวนาร์เนียมีอยู่จริง จนเมื่อเขาออกเดินทางเพื่อหลบหนีจากลุงทรราชย์ของเขาที่ต้องการฆ่าแคสเปียนเพื่อให้ราชสมบัติตกมาเป็นลูกชายของตัวเอง แคสเปียนได้พบกับสัตว์พูดได้และได้รวบรวมกองทัพเพื่อเตรียมรบกับคิงไมราซ เมื่อข้าศึกบุกประชิดเข้ามาทุกที เจ้าชายแคสเปียนจึงเป่าเขาสัตว์เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ชาวนาร์เนียได้กล่าวเอาไว้
ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์และลูซี่ถูกดึงกลับเข้าสู่โลกของนาร์เนียอีกครั้ง สิ่งแรกที่เด็กๆได้พบคือซากปรักหักพังของแคร์พาราเวล ดินแดนที่พวกเขาเคยปกครอง เด็กทั้งสี่ต้องเดินทางไปยังแท่นหินของอัสลานเพื่อไปเสริมกำลังทัพให้แก่แคสเปียนที่กำลังรับมือกับไมราซ เมื่อปีเตอร์ยื่นข้อเสนอแก่คิงไมราซว่าเขาจะท้ารบตัวต่อตัวสำหรับศึกครั้งนี้ คิงไมราซรับข้อเสนอและพ่ายแพ้ให้แก่ปีเตอร์ แคสเปียนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของนาร์เนีย ในขณะที่ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์และลูซี่ต้องเดินทางกลับลอนดอนผ่านทางประตูที่อัสลานได้สร้างเอาไว้ นอกจากนั้นอัสลานยังบอกกับปีเตอร์และซูซานว่าทั้งสองจะไม่ได้กลับมายังนาร์เนียอีกแล้วด้วยอายุที่มากเกินไปของพวกเขา
...................................................
รู้สึกว่าลูอิสใส่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ไว้ในนิยายเล่มนี้ค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่เราไม่เคยอ่านไบเบิล ก็พอรู้บ้างว่าอัสลานคือ God ผู้ก่อกำเนิดและปกครองทุกสรรพสิ่งในนาร์เนีย แต่เล่มนี้เราตลกตอนท้ายๆอ่ะที่อัสลานเดินผ่านไปที่ไหนผู้คนก็ร้องรำทำเพลง แฮปปี้มีความสุข หายจากโรคภัย ส่วนตัวเราคิดว่าตอนท้ายค่อนข้างจะลวกไปหน่อย สำหรับนิยายที่ปูทางมาแบบเรื่อยๆตลอดทั้งเล่ม ถึงตอนนี้นี่เหมือนกับการ์ตูนที่พอเพลงขึ้นและต้นไม้งอกงาม ดอกไม้บานสะพรั่ง ซึ่งเราว่ามันม่ายยยช่ายยยยยแล้ว ความขลังมันหายเกลี้ยงเลยอ่ะ
เราชอบช่วงแรกมากกว่าช่วงหลังมาก ตอนที่ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์ ลูซี่ เดินทางกลับมานาร์เนีย เรารู้สึกว่าบรรยากาศมันกลับไปเป็นเหมือนกับเล่มตู้เสื้อผ้า แต่พอช่วงกลางๆ...เนื้อเรื่องเริ่มดรอปลง เราไม่แน่ใจถึงสาเหตุว่าทำไมทีแรกลูซี่ถึงเห็นอัสลานแค่คนเดียวก่อนที่คนอื่นจะเห็น แต่ถ้าจะให้ลองตีความหมาย เราว่าต้องเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพระเจ้าที่ลูซี่(ซึ่งเด็กสุด)ยังมีความเชื่อตรงนั้นอยู่ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวังและเริ่มจะเชื่อว่าไม่มีปาฎิหาริย์อยู่จริง
เป็นเล่มที่ความชอบอยู่กลางๆเหมือนกับเล่มที่แล้วอ่ะ มีช่วงที่สนุกและน่าเบื่อสลับๆกันไป มนต์สะกดที่มีในช่วงเล่มแรกเล่มทยอยหายไป กลายเป็นการใส่ความเชื่อทางศาสนาเข้ามาแทน ถ้าเป็นคริสเตียนน่าจะอ่านสนุกกว่านี้ แต่นี่เราก็พยายามเปิดใจรับนะ...แต่พอเปิดใจปุ๊บก็เริ่มง่วง หนักตาเริ่มตก ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเพราะคินเดิลตกใส่หน้า เลยอ่านต่อยาวๆจนจบ 555 สงสัยในหนังสือไม่มีฉากรบฟันกระบี่กระบองอิโล้งโช้งเช้งละมั้ง เลยทำให้ง่วง
ปล.เอ็ดมันด์เล่มนี้เป็นคนดีแล้วเท่ห์ชะมัด
คะแนน 7.5/10
No comments:
Post a Comment