May 14, 2015

Heir of Fire (Throne of Glass #3)



ชื่อเรื่อง Heir of Fire
จากชุด Throne of Glass
ผู้แต่ง Sarah J. Maas
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Bloomsbury USA Childrens

เรื่องย่อ

Lost and broken, Celaena Sardothien’s only thought is to avenge the savage death of her dearest friend: as the King of Adarlan’s Assassin, she is bound to serve this tyrant, but he will pay for what he did. Any hope Celaena has of destroying the king lies in answers to be found in Wendlyn. Sacrificing his future, Chaol, the Captain of the King’s Guard, has sent Celaena there to protect her, but her darkest demons lay in that same place. If she can overcome them, she will be Adarlan’s biggest threat – and his own toughest enemy.

While Celaena learns of her true destiny, and the eyes of Erilea are on Wendlyn, a brutal and beastly force is preparing to take to the skies. Will Celaena find the strength not only to win her own battles, but to fight a war that could pit her loyalties to her own people against those she has grown to love?

REVIEW

เซเลน่าเดินทางมาถึงเวนด์ลิน ที่นั่นเธอได้พบกับเฟย์หนุ่มอย่างโรแวนที่พาตัวเธอไปพบมาอีฟผู้ที่กุมความลับของกุญแจอยู่ แต่มีเงื่อนไขว่าเซเลน่าต้องฝึกพลังการควบคุมธาตุไฟที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเธอให้ได้ก่อนที่เธอจะเดินทาไปหามาอีฟเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เมื่อนั้นเซเลน่าจะได้รับคำตอบที่เธอต้องการทั้งหมด ระหว่างการฝึกเซเลน่าต้องหัดควบคุมตัวเองและกล้าที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของเธอไปเป็นเฟย์ นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายและอุปสรรคก็มีมากมายเช่นเดียวกัน

เคออลค้นพบว่าเอเดียนซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเอลินนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของพระราชา เอเดียนเสแสร้งความภักดีต่อพระพักตร์ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาเข้าร่วมกับกบฎและหาทางที่จะโค่นล้มบัลลังก์ ดังนั้นเคออลจึงไว้ใจโดยการเล่าความลับที่เขากุมเอาไว้ให้เอเดียนฟัง แต่ดอเรียนกลับเห็นแย้งกับเคออล ดอเรียนใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้รักษาของเขามากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะหาทางป้องกันเวทมนตร์ในตัวของเขาไม่ให้รั่วไหลออกมาในเวลาที่ไม่จำเป็น

เคออลและเอเดียนร่วมมือกันถึงพอจะรู้ว่าสาเหตุที่เวทมนตร์ได้หายไปจากแผ่นดินเกี่ยวกับหอคอยทั้งสามที่ตั้งอยู่ตามที่จุดทั้งสามจุด จึงมีความเป็นไปได้ว่าหากพวกเขาได้ทลายหอคอยลงมา นั่นจะเป็นการทำให้เวทมนตร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทางด้านเซเลน่ากับโรแวนที่ฝึกฝนคืบหน้าไปมากแล้วนั้น ต้องเผชิญหน้ากับทหารทั้งกองจากอดาร์แลน เซเลน่าใช้พลังในการควบคุมไฟของเธอต่อสู้กับเจ้าชายแห่งวาล์กที่กัดกินเข้าไปในจิตใจของเธอ เซเลน่าต้องเอาชนะความกลัวในอดีตของเธอ คืนที่พ่อแม่ของเธอถูกฆ่าตาย คืนที่เนฮีเมียถูกฆ่าบนเตียงของเธอ สุดท้ายเซเลน่าจึงใช้พลังของเธอผูกเข้ากับของโรแวนและเอาชนะศึกครั้งนี้ได้ในที่สุด

เซเลน่าปลดปล่อยโรแวนจากราชินี และได้ล่วงรู้ที่ซ่อนกุญแจดอกที่สาม ในคืนที่เซเลน่าถูกตามล่าและตกลงสู่แม่น้ำกุญแจนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่ถูกเจ้านายเก่าของเธอที่เคี่ยวกรำให้เซเลน่ากลายมาเป็นนักฆ่าเก็บเอาไว้ ส่วนดอเรียน เคออลและเอเดียนก็ถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้ทรยศต่อหน้าพระราชา ส่งผลให้คนรักคนล่าสุดของดอเรียนถูกประหารชีวิต ส่วนดอเรียนก็ปลดปล่อยเวทมนตร์ของเขาออกมาต่อหน้าพ่อของตัวเองเพื่อถ่วงให้เคออลหลบหนีออกไป ส่วนเอเดียนก็ถูกพระราชาจับตัวเอาไว้เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้เซเลน่าหลงมาติดกับ...

..................................................................

เป็นหนังสือที่ใช้สำหรับฝึกความอดทนจริงๆ เพราะเป็นเล่มที่หนาขึ้นจากสองเล่มที่แล้วอยู่พอสมควร และเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปค่อนข้างช้าและไม่ค่อยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ที่เมื่อเทียบกับ Crown of Midnight ที่ทิ้งท้ายไว้อย่างงดงาม Heir of Fire กลับจบแบบเงียบๆอึนๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่มีอะไรน่าจดจำ ตัวละครอย่างเคออลที่เราคาดว่าน่าจะเป็นพระเอกของซีรีย์ชุดนี้กลับถูกรัศมีบารมีของตัวละครใหม่ของโรแวนกลบจนเกลี้ยง โรแวน เฟย์หนุ่มที่แมสบรรยายไว้ว่าหล่อลาก เต็มไปด้วยรอยสัก กล้ามเนื้อบึกบึนทรงพลังกับอดีตอันแสนโหดร้ายของตัวเอง เป็นคาแรคเตอร์ที่แทบจะ spin off ไปเขียนเป็นนิยายโรมานซ์ของตัวเองได้อยู่แล้วเชียว อะไรจะโดดเด่นกันปานนั้น ที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้จบบอกตรงๆเลยว่าเป็นเพราะโรแวนนี่แหละที่ดึงความสนใจเราไว้ได้

เนื้อเรื่องของ Heir of Fire ประกอบด้วยน้ำ 80% เนื้อ 20% ... เข้าใจว่าแมสต้องพยายามผูกเรื่องราวของแม่มดกลุ่มนี้เข้ากับศึกของเซเลน่าในภายภาคหน้าแน่นอน แต่เราว่ามันค่อนข้างมากไปหน่อยที่แม่มดกลุ่มนี้ใช้เนื้อที่ในการเล่าเรื่องไปราวๆ 25% แถมบทบรรยายก็เกี่ยวกับการแข่งขันขี่มังกรอะไรก็ดูเหมือนจะสนุก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้น่าสนใจมากมายถึงขนาดนั้น อ่านข้ามยังรู้เรื่องเลย

พูดถึงดอเรียน ชีวิตจะอาภัพไปไหนเนี่ย ไหนว่าเป็นเพล์บอยเจ้าสำราญไง ไฉนถึงแห้งแล้งความรักขนาดนี้นี่ ไม่เข้าใจ ส่วนเคออล อารมณ์พระรองในซีรีย์เกาหลีมาเต็มเลย ไม่มีใครว่าหรอกนะถ้าพระเอกนิยายจะสวมความเป็นอัลฟ่าและไล่ตามล่านางเอกเนี่ย นี่แบบโดนนางเอกข่วนหน้าตั้งแต่เล่มที่แล้วเลยไปหลบมุมห้องร้องไห้กระซิกๆ สงสารก็สงสาร ตลกก็ตลก

สรุปคือ ถ้าติดตามหรือเป็นแฟนอยู่แล้ว อ่านโลด แต่ถ้าชอบหนังสือชุดนี้แค่ระดับกลางๆแบบเรา อาจมีเซงบ้างนิดหน่อย แต่ก็อ่านให้จบเถอะ คิดว่าเล่มนี้ปูเรื่องสำหรับความอีปิคในเล่มต่อๆไปละกันเนอะ หนังสือ Maas จะเน้นการพัฒนาการแบบช้าๆเนือยๆ ให้คนอ่านค่อยๆซึมซับและเติบโตไปพร้อมๆกับตัวละคร จุดเด่นคือปูเรื่องแน่นมาก อ่านแล้วไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ กับโลกที่เธอสร้างขึ้นมาเลย

คะแนน 6.5/10

2 comments:

  1. เห็นด้วยเลยครับ เล่มนี้เนือยมากแทบจะหลับไปทั้งๆที่ยังอ่านอยู่ แต่ก็เป็นเพราะ ฉากของโรวันกับเเอลินคอยช่วยฝืนไว้ บางทีแทบจะข้ามหน้าบทของตัวอื่นไปหาบทของสองคนนั้นเลย แต่ขอบอกว่า ชอบฉากที่เเอลินไปพบยายทวดของนางมาก คือ มันให้ความรู้สึกแบบ ราชินีจริงๆ สุดยอดด ฉากนี้ทั้งขนลุกและก็ซึ้งในความห่วงใยของแอลินที่จะปลดปล่อยโรวันแต่ก็ยิ่งซึ้งเข้าไปอีกที่โรวันยินยอมที่จะทำสัญญาดื่มเลือดสาบาน แอบมีความรู้สึกในใจไว้แล้วว่าสองคนนี้คู่ชีวิตกัน ตอนอ่านเล่ม 1 - 2 นี้แอบเชีย ดอเรียนมากๆ แต่พอมาเจอโรวันก็อุ่นใจขึ้นห่อย 55555

    ReplyDelete
    Replies
    1. เป็นเรื่องปกติของนักเขียนท่านนี้เลยครับ คือเปลี่ยนพระเอกไปเรื่อยๆ แต่ถ้าอยู่ทีมโรแวนแล้วก็อุ่นใจได้เลย ยิงยาวกันไปยันเล่มสุดท้าย เล่มหน้า QoS จะอารมณ์ประมาณเล่มนี้เลย เอื่อยกว่านิดๆด้วยซ้ำ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทีต้องปรับตัวให้ทันตามเนื้อเรื่อง แต่ EoS แล้วจะดีขึ้นมากๆ ลุ้นตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้ายเลยครับ

      Delete