Jun 30, 2015

The Vixen and the Vet (A Modern Fairytale)


ชื่อเรื่อง The Vixen and the Vet
จากชุด A Modern Fairytale
ผู้แต่ง Katy Regnery
โรมานซ์ ร่วมสมัย
สำนักพิมพ์ Katharine Gilliam Regnery

เรื่องย่อ

In this modern-retelling of "Beauty and the Beast," Savannah Carmichael, betrayed by an unreliable source, returns to her hometown of Danvers, Virginia with her once-promising journalism career in ruins. Given the opportunity to get back in the game by writing a patriotic human interest piece, Savannah turns her attention to the town hermit, Asher Lee, a wounded veteran who returned to Danvers eight years ago, and hasn’t been seen since.

After an IED explosion in Afghanistan took Asher’s hand and disfigured half of his face, he's lived a quiet life on the outskirts of Danvers where the locals respect his privacy…that is, until Savannah Carmichael comes calling in a borrowed sundress with a plate of homemade brownies. When Asher agrees to be interviewed by Savannah, he starts feeling things for the beautiful reporter that he hasn’t felt in years.

Misfits in small-town Danvers, Savannah and Asher create a bond right away, touching each other’s hearts in ways neither thought possible. When a terrible mistake threatens to drive them apart, they’ll have to decide if the love they found in one another’s arms is strong enough to fight for their hard-won happily ever after.

REVIEW

แอชเชอร์เป็นทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนใบหน้าของเขาเละไปครึ่งซีก แขนขาดและท่อนขาที่ใช้งานได้ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน แอชเชอร์ไม่เคยเปิดประตูบ้านเขารับใครมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งซาวานน่าห์มาเคาะประตูบ้านพร้อมกับบราวน์นี่เพื่อขอสัมภาษณ์ชีวิตส่วนตัวของเขาเอาไปลงคอลัมน์ โดยงานชิ้นนี้จะทำให้ซาวานน่าห์สามารถกลับมายืนด้วยขาของตัวเองได้อีกเมื่อแพทริค แฟนเก่าของเธอทำลายหน้าที่การงานของซาวานน่าห์จนย่อยยับ นี่จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ...

ความใกล้ชิดระหว่างแอชเชอร์และซาวานน่าห์หลอมละลายความกระด้างในหัวใจของแอชเชอร์ลง ในเมื่อถ้าเขาเป็นอสูร ซาวานน่าห์คงเป็นโฉมงามที่มาทำให้เขาพร้อมที่จะเปิดใจรักใครสักคนอีกครั้ง แอชเชอร์ปกป้องและดูแลซาวานน่าห์ทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งตอนเธอเกือบถูกผู้ชายคนอื่นข่มขืน เมื่อแอชเชอร์รู้เข้า...เขาก็ไปหาและต่อยชายคนนั้นจนเละ หลังจากนั้นแอชเชรอ์จึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการรักษาเพื่อทำให้เขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้นและสามารถยืนข้างเคียงซาวานน่าห์ได้

เมื่อผลงานของซาวานน่าห์ถูกตีพิมพ์ในฟินิกซ์ไทม์ ผู้ว่าจ้างของเธอดัดแปลงเรื่องราวที่ซาวานน่าห์เขียนและใส่ชื่อจริงๆของแอชเชอร์และซาวานน่าห์ลงไปแทนที่จะใช้นามแฝงเหมือนที่เธอได้เขียนเอาไว้ พอแอชเชอร์ได้อ่านบทความ เขาโกรธซาวานน่าห์มาก และเดินออกไปจากชีวิตของเธอแม้ว่าเธอจะเอ่ยปากขอโทษเขามากมายขนาดไหนก็ตาม

เวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งแอชเชอร์เข้ารับการรักษาและได้รับแขนใหม่อีกครั้ง ระหว่างนั้นซาวานน่าห์ตัดสินใจที่จะเขียนนิยายโรมานซ์ขึ้นมาใหม่เพื่อหารายได้ให้กับ UCLA Operation Mend ในการรักษาและดูแลทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บมาเช่นเดียวกับแอชเชอร์ และนั่นทำให้แอชเชอร์รู้เรื่องทั้งหมดว่าจริงๆแล้วซาวานน่าห์ไม่ได้เป็นคนเขียนบทความนั้นทั้งหมด และเธอไม่ตั้งใจที่จะทำให้เขาอับอายเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นระหว่างการรักษา...แอชเชอร์จึงขับรถกลับบ้านเพื่อมาหาซาวานน่าห์ และขอเธอแต่งงานในท้ายที่สุด

......................................................

เป็นนิยาย retelling Beauty and the Beast ที่พระนางรักกันเร็วมาก แล้วเนื้อเรื่องก็หวานมาก คือเอาจริงๆเราชอบเรื่องนี้นะ แล้วเราก็แพ้ทางพลอตแบบนี้ตลอด เราชอบตรงที่ตัวละครสามารถมองข้ามรูปร่างภายนอกของใครสักคนแล้วมองทะลุเห็นตัวตนจริงๆที่อยู่ข้างในของใครอีกคน อ่านนิยายแบบนี้แล้วรู้สึกว่ามันมีค่า มันดูดี มันเท่ห์โดยไม่ต้องดีไซน์ให้พระเอกเป็นนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ รวยล้นฟ้า แต่มาตกหลุมรักหญิงสาวหน้าตาธรรมดาบ้านๆเนี่ย (เราเปล่าแซะนิยายเรื่องอื่นนะ 5555)

การเล่าเรื่องอยู่ในระดับที่เรียบง่าย แต่ก็ถือว่าโอเค เสียดายตรงที่นิยายเรื่องนี้พลอตดันไปคล้ายกับ Archer's Voice มาก เลยทำให้เราอดเปรียบเทียบนิยายสองเรื่องนี้ไม่ได้ตลอดเวลาที่อ่าน เรื่อง Archer's Voice นี่สงสารพระเอกจับใจ ส่วนเรื่องนี้ก็พระเอกก็น่าสงสารนะ แต่ก็ยังชอบน้อยกว่าอาร์เชอร์นิดนึงอะไม่รู้ทำไม อ่อ ! นึกออกแล้ว เพราะการกระทำของนางเอกเรื่องนี้นี่แหละ คือเราไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าเธอดี ทำตัวเองทั้งนั้น แม้ว่าสุดท้ายเรื่องราวจะเคลียร์ด้วยประโยคที่ว่า 'ความรักชนะทุกสิ่ง' แต่อ่านจบแล้วเราก็รู้สึกว่ามันยังมีอะไรสะกิดใจเราอยู่ดีอ่ะ

ถ้าชอบนิยายแนว Disability ก็คงจะชอบ The Vixen and the Vet แน่นอน จุดขายเรื่องนี้คือความหวานที่ หวานมาก หวานเหมือนกินทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน โดยเฉพาะภาษากายของพระนาง คำพูดอะไรที่มันหวานเลี่ยนไปหมด อ่านแล้วก็บิดเขินไปเขินมาเป็นพักๆนะ ถ้านิยายเรื่องนี้ได้ editor สักนิดนี่จะแจ๋วเลย !! มีบางจุดที่ดูไม่สมเหตุสมผล ดูบังเอิญไปหน่อย แต่เราก็พยายามมองข้ามๆไป

คะแนน 8.5/10

Jun 27, 2015

Percy Jackson & Kane Chronicles Crossover

The Son of Sobek (Percy Jackson & Kane Chronicles Crossover #1)


เรื่องย่อ

Carter Kane is investigating rumored sightings of a monster on Long Island when he runs into something else: a mysterious boy named Percy Jackson. And their meeting isn't exactly friendly.

REVIEW

คาร์เตอร์ เคนไปตามหาสัตว์ประหลาดที่อาละวาดอยู่ ณ ตอนนี้ และได้พบว่ามันคือจระเข้ที่อาจจะเป็นบุตรของโซเบ็ก และนั่นทำให้เขาโดนจระเข้กลืนเข้าไป โชคดีที่เพอร์ซีย์ แจ็คสันมาช่วยเขาไว้ ท่ามกลางความกังขาที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ระหว่างตำนานกรีกโรมันและอียิปต์ คาร์เตอร์และเพอร์ซีย์จึงต้องรวมพลังกันเพื่อเอาชนะจระเข้ตัวนี้ให้ได้

.....................................

เหตุการณ์จะเกิดขึ้นหลังจากที่ The Kane Chronicles จบทั้ง 3 เล่มแล้ว แต่อ่านก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน แต่จะมีจุดที่สปอยล์เล็กๆน้อยๆอยู่สองสามจุด ถ้ามองข้ามๆไปก็โอเคแหละ คาร์เตอร์กับเพอร์ซีย์ดูไปดูมาบุคลิกคล้ายกันอยู่นะ แต่เรารู้สึกว่าคาร์เตอร์จะอีโก้สูงกว่าเพอร์ซีย์นิดนึง เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมาก ... เป็นการครอสโอเวอร์กันระหว่างกรีกโรมันและอียิปต์ ต่างคนต่างไม่กล้าเล่าความลับฝ่ายของตนให้ฟัง เพราะเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ มีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จระเข้ครั้งนี้แน่ๆ อ่านได้เรื่อยๆ สนุกดี ไม่ได้สะเทือนใจอะไรมากมายนัก ถือว่าเป็นบทส่งท้าย The Kane Chronicles แบบยาวๆไปละกัน ^.^

คะแนน 7.5/10




The Staff of Serapis (Percy Jackson & Kane Chronicles Crossover #2)


เรื่องย่อ

In this adventure, Annabeth encounters more oddities in the subway than usual, including a two-headed monster and a younger blond girl who reminds her a little of herself. This is the story fans have asked for, in which Annabeth Chase teams up with Sadie Kane. The demigod daughter of Athena and the young magician from Brooklyn House take on a larger-than-life foe from the ancient world. Perhaps even more disturbing than the power-hungry god they encounter is the revelation that he is being controlled by someone—someone all too familiar to Sadie.

REVIEW

แอนนาเบ็ธและเซดี้มาพบกันในภารกิจปราบเซราพิสซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างการเอาเทพกรีกและอียิปต์ เมื่ออาวุธแต่ละส่วนของเซราพิสซึ่งมีส่วนหัวเป็นสิงโต หมาป่าและสุนัขกำลังหาทางมารวมกัน เซดี้และแอนนาเบ็ธจึงต้องยับยั้งไม่ให้อาวุธนั้นรวมตัวได้ แต่สายเกินไปเมื่อเซราพิสกลับคืนมาอย่างองอาจ ภายใต้แผนการณ์ของเซตเน่ที่ต้องการตามหามงกุฏแห่งปโตเลมี เซดี้และแอนนาเบ็ธจึงต้องหลอกล่อให้เซราพิสตกหลุมพรางของพวกเธอ ก่อนที่จะตัดหัวแห่งอนาคตของสุนัขบนอาวุธของเซราพิสได้ในท้ายที่สุด

ทั้งคู่รู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทำให้คาร์เตอร์มาเจอกับเพอร์ซีย์ และเซดี้มาเจอกับแอนนาเบ็ธคือแผนการณ์บางอย่างของเซตเน่ และมงกุฏแห่งปโตเลมีคือเป้าหมายต่อไป...

.................................................................

ตอนนี้สนุกกว่าตอนที่แล้วของเพอร์ซีย์&คาร์เตอร์อีก ไม่มีอารมณ์กระอักกระอ่วนระหว่างตัวละครที่พร้อมจะต่อยหน้ากันทุกเมื่อ สำหรับเล่มนี้ให้อารมณ์เพื่อนสาวผนึกกำลังต่อสู้อสูรร้ายมากกว่า แถมยังปูเรื่องต่อไปถึง The Crown of Ptolemy ด้วย อ่านแล้วรู้สึกโอเคกว่าเล่มที่แล้วนะ เซราพิส...ตัวร้ายในเล่มนี้แอบตลกนะ เซดี้ก็ตลกเหมือนกัน คล้ายจะสลัดลุคสาวเอาแต่ใจตอน The Kane Chronicles ออกไปบ้างแล้ว ตอนแรกนึกภาพ The Staff of Serapis ไม่ออก พอย้อนมาดูหน้าปกถึงรู้เลย ฮ่าๆ

คะแนน 8/10



The Crown of Ptolemy (Percy Jackson & Kane Chronicles Crossover #3)

เรื่องย่อ

In their first encounter, demigod Percy Jackson and magician Carter Kane had to battle a giant crocodile on Long Island. A month later, Annabeth Chase ran into Carter's sister, Sadie, on the A train to Rockaway, where the pair fought a god named Serapis. Now trouble is brewing again, this time on Governor's Island. An ancient Egyptian magician named Setne has come back from the dead and is experimenting with Egyptian and Greek magic, trying to become a god himself. He's so powerful and tricky that all four—Percy, Annabeth, Carter, and Sadie—have to team up against him. But their usual weapons and spells aren't going to cut it this time. Will the heroes be taken down by a wannabe god who looks like Elvis, or will they rise to the challenge?

REVIEW

เซตเน่รวบรวมมงกุฎจากวัดเจตและเนคห์เบตเพื่อประกอบกันเป็นมงกุฏแห่งปโตเลมี และนั่นจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เซตเน่กลายเป็นเทพเจ้า เพอร์ซีย์ แอนนาเบ็ธ คาร์เตอร์และเซดี้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อยับยั้งไม่ให้แผนการณ์ของเซตเน่สำเร็จ พวกเขาวางแผนว่า...ฝั่งอียิปต์จะต้องใช้พลังฝั่งกรีก ส่วนฝั่งกรีกต้องยืมพลังของอียิปต์มาใช้ เพอร์ซีย์รวมร่างกับเนคห์เบตและใช้พลังของเธอในการต่อสู้ ส่วนเซดี้และแอนนาเบ็ธต้องใช้พลังในการร่ายคาถาเพื่อเตรียมผนึกเซตเน่เอาไว้ โดยเซดี้ยอมบอกนามลับแก่แอนนาเบ็ธทำให้เธอมีความสามารถที่จะอ่านตัวอักษรเฮียโรกลิฟฟิก ส่วนคาร์เตอร์ยืมหมวกล่องหนของแอนนาเบ็ธมาใช้เพื่อลอบโจมตีเซตเน่

เมื่อกำจัดเซตเน่เรียบร้อยแล้ว คาร์เตอร์และเซดี้เป็นฝ่ายอาสาที่จะนำมงกุฏแห่งปโตเลมีไปเก็บไว้ยังโนมที่หนึ่ง ส่วนทางเพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธก็กลับไปใช้ชีวิตปกติโดยสัญญาว่าจะเก็บความลับการไฮบริดเวทมนตร์กรีกและอียิปต์เอาไว้เพื่อกันไม่ให้คนอื่นนำไปใช้ในทางผิดๆอีก

.............................................................

สนุกพอๆกับที่แล้วเลย แต่เนื้อเรื่องให้อารมณ์เหมือนเกมส์คอมพิวเตอร์มากไปหน่อย และก็ดูรีบๆร้อนๆยังไงก็ไม่รู้ อ่านไปอ่านมา อ้าวจบแล้วหรอ ! ช่วงแรกเปิดเรื่องมาสมเป็น Novella จริงๆ วาร์ปไปกลางการต่อสู้เลย สักพักตัวร้ายก็วาร์ปหนี ฝ่ายพระเอกเราก็ตามไป แล้วก็วาร์ปหนีกันอีกรอบ คราวนี้พอต่อสู้กัน ฝ่ายอียิปต์กับกรีกไฮบริดกันมันเลยพี่น้อง ที่แน่ๆคือเซดี้กับแอนนาเบ็ธเข้าขากันดีมาก จนเราเกือบลืมไปว่ายังมีคาร์เตอร์อยู่ในเรื่องอีกคน -*- ให้อารมณ์แบบว่า...คาร์เตอร์ผู้จืดจางหายไปไหน เพราะคาร์เตอร์นี่กลมกลืนไปกับพื้นหลังจนเรามองไม่เห็นเลยจริงๆนะ

แอบสยองที่ยอมให้เพอร์ซีย์เป็นร่างประทับของเทพีนกแร้งเนี่ย รู้สึกกระอักกระอ่วนในท้องยังไงชอบกล  storyline ชอบเข้าอีหรอบเดิมตรงที่ว่า ต้องให้ตัวร้ายหวุดหวิดจะครองพลังขั้นสุดยอดก่อน ตัวเอกถึงจะปราบได้ แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆนะ ตอนนี้ทำให้รู้ว่าการที่เราอ่านจาก POV ของเพอร์ซีย์นี่มันดีกว่าอ่านจาก POV ของคาร์เตอร์อยู่หน่อยนึง ฮ่าๆ

คะแนน 7.5/10

Jun 26, 2015

The Serpent's Shadow (The Kane Chronicles #3)


ชื่อเรื่อง ล่าเงาพญางู (The Serpent's Shadow)
จากชุด เดอะเคนโครนิเคิลส์ (The Kane Chronicles)
ผู้แต่ง Rick Riordan
วรรณเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์บุ๊คส์

เรื่องย่อ

พญางูฟื้นตื่นแล้ว เวลานี้มันเหลือเพียงรอเวลาพลางสั่งสมพลัง โลกเริ่มนับถอยหลังสู่การล่มสลาย ต่อให้สุริยะเทพราจะคืนบัลลังก์ หากก็เป็นเพียงตาแก่หลงๆ ลืมๆ ความหวังว่าจะได้ผู้นำทัพเทพอันเกรียงไกรพลันมลาย หรือนี่... คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของสองพี่น้อง ทุกชีวิตกำลังจะสิ้นสูญเพราะพวกเขา

เพื่อแก้ไขเรื่องทั้งหมด คาร์เตอร์กับเซดี้จึงใช้ทุกอย่างที่มี ทำทุกสิ่งที่ทำได้ ซึ่งก็คิดออกเพียงแผนที่ไม่เข้าท่าและไม่มีหวังว่าจะรอด คือพวกเขาต้องแทรกแซงพิธีการในโถงแห่งการตัดสินเพื่อช่วยดวงวิญญาณของผู้ใช้เวทที่ชั่วร้ายที่สุด เจ้าเล่ห์ที่สุด หากก็รอบรู้ที่สุดด้วย เพราะมีเพียงเขาที่รู้เวทโบราณซึ่งใช้สะกดอโพฟิส แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นได้ ทั้งสองต้องไม่ถูกอีกฝ่ายแทงข้างหลังซะก่อนน่ะนะ

แม้โลกใกล้จะจมลงสู่มหาสมุทรแห่งความโกลาหล ทว่าปัญหาหัวใจก็ยิ่งใหญ่และหนาหนักไม่แพ้กัน คาร์เตอร์ที่แอบรักสาวเจ้าเค้าข้างเดียว ส่วนเซดี้ก็ไม่รู้จะเลือกใคร ระหว่างหนุ่มสุดฮอตแต่ใกล้ตาย กับเทพแห่งความตายที่จับต้องไม่ได้ในความเป็นจริง

REVIEW

เมื่อคัมภีร์ที่จะใช้ปราบอโพฟิสถูกทำลายลง และวันที่พญางูจะกลืนกินโลกได้ใกล้เข้ามา หนทางเดียวที่คาร์เตอร์และเซดี้มีอยู่คือการทำลายเงาของพญางู แต่นั่นอาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของพวกเขา การที่จะตามหาข้อความในคัมภีร์ที่ถูกทำลายไปแล้วคือการไปพบกับผู้วายชนม์อย่างเซตเน่ ผู้ที่เป็นคนร่างคัมภีร์นั้นขึ้นมาในโถงแห่งการตัดสินที่โอซิริสประทับอยู่ ซึ่งก็คือพ่อของคาร์เตอร์และเซดี้นั่นเอง เมื่อพวกเขาได้ตัวเซตเน่และออกตามหาคัมภีร์แห่งธอธเพื่อร่ายคาถาลบเลือนเงา เซดี้และวอลต์ก็เดินทางไปเอาเงาของเบสกลับมาเพื่อคืนชีวิตให้กับมิตรของพวกเขาเช่นเดียวกัน

การเดินทางเพื่อตามหาเงาของอโพฟิสนำทางให้คาร์เตอร์และเซียมายังแดนแห่งปีศาจ ส่วนเซดี้กับวอลต์ก็ช่วยเบสได้สำเร็จแต่ต้องแลกกับการที่วอลต์ใช้พลังจนตัวตาย โชคดีที่อะนูบิสและวอลต์ได้วางแผนโดยที่ไม่มีเวลาบอกเซดี้มาก่อนหน้าแล้ว และนั่นทำให้วอลต์และอะนูบิสรวมร่างเข้าด้วยกันหลังจากนั้นสำเร็จ เมื่อเซดี้และคาร์เตอร์ตามหาเงาของอโพฟิสจนเจอ ก็ถึงเวลาที่พญางูเปิดศึกเพื่อทำลายล้างโลก คาร์เตอร์และเซดี้จึงต้องร่ายมนตร์ต่อหน้าพญางู เมื่อทั้งคู่ทำได้สำเร็จ...อโพฟิสได้กล่าวไว้ว่า เมื่อความโกลาหลหายไป เหล่าเทพก็จะหายไปเช่นเดียวกัน...

คาร์เตอร์และเซดี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนเก่าอย่างเบสและบาสต์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ ฮอรัสได้ขึ้นครองบัลลังก์เหมือนกับคาร์เตอร์ที่ได้ครองบัลลังก์ฟาโรห์เช่นเดียวกัน เมื่อเซดี้กลับบ้าน...เธอจึงได้พบกัลวอลต์และอะนูบิสอีกครั้ง 

............................................................

อ่านจบทั้งสามเล่มแล้วในหัวเรามีแต่ภาพหุ่น Transformer พระเอกเข้าไปฟิวชั่นกับบัมเบิ้ลบีไรงี้ คือระหว่างเคนกับเพอร์ซีย์จะมีจุดที่ค่อนข้างต่างกันชัดเจนคือเคนจะให้เทพเจ้ามาสิ่งร่าง ถ้าไม่ใช่พลังจากเทพเจ้า จะให้อารมณ์การวาดรูนเหมือนตัวละครใน The Mortal Instruments เลย ส่วนเพอร์ซีย์จะได้รับพลังมาจากเทพเจ้า สิ่งที่เราแอบขัดใจเล็กๆคือความบังเอิญในเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะบังเอิญเกินไปหลายครั้งจนน่าหมั่นไส้ 555 แบบกำลังเข้าตาจน ความช่วยเหลือจะมาพอดี พยายามคิดอยู่เสมอว่านี่เป็นหนังสือ Middle Grade อ่านแล้วเหมือนดูการ์ตูร ที่อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขนาดออโรร่า(Sleeping Beauty)เจอเจ้าชาย 3 วิ ยังสามารถชวนกลับกระท่อมได้เลยเนอะ 555

The Serpent's Shadow  สนุกในระดับหนึ่ง การดำเนินเรื่องให้โทนคล้ายๆกับเล่มที่ 2 ไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเล่มแรก ซึ่งนี่เป็นตอนจบแล้ว... เรื่องที่ชอบมากที่สุดในเล่มนี้ก็คงเป็นประเด็นระหว่างวอลต์และอะนูบิส ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ(ย้ำว่าแค่คล้าย)กับ Clockwork Princess เสียดายที่นิยายของริคไม่ได้เน้นโรมานซ์เลย อย่างมากก็เขียนคำว่า 'จูบ' แล้วก็ไปบรรยายอย่างอื่นแล้ว เราเลยรู้สึกว่าลำดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไม่ใช่สิ่งที่น่าโฟกัสสักเท่าไร

ที่น่าเสียดายคือเล่มจบไม่ได้ทำให้เราประทับใจมากมายอะไร ถือว่าอ่านเพลินๆฆ่าเวลาได้ แต่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นิยายที่เราโปรดปรานแน่ๆ เนื้อเรื่องยังไม่แน่นพอ ตัวเอกเสียท่าไปกับกลอุบายงี่เง่าของผู้ร้ายบ่อยเกินไป กว่าจะรู้ทันก็ตอนมีดมาจ่ออยู่ที่คอหอยแล้ว อีกเรื่องนึงคือผู้แต่งพยายามจะทำให้หนังสือดูตลก แต่เราก็ไม่ค่อยจะขำ บางทีอ่านผ่านมุกตลกไปสองย่อหน้าเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองควรจะขำตั้งแต่ย่อหน้าที่แล้ว งั้นก็ขอหัวเราะย้อนหลังละกันได้มั้ย ฮ่าๆ โดยรวมทั้งสามเล่มดูเหมือนจะจืดไปหน่อย แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆนะ...

คะแนน 7/10

Jun 25, 2015

The Throne of Fire (The Kane Chronicles #2)


ชื่อเรื่อง บัลลังก์แห่งไฟ (The Throne of Fire)
จากชุด เดอะเคนโครนิเคิลส์ (The Kane Chronicles)
ผู้แต่ง Rick Riordan
วรรณเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์บุ๊คส์

เรื่องย่อ

สมดุลของโลกกำลังปั่นป่วนเพราะการตื่นของอโพฟิส บัดนี้คุกที่คุมขังมันไว้ในดูอาตอ่อนกำลัง อีกไม่นานพญางูจะแหกคุกออกมาสำเร็จ แล้วโลกก็จะถึงกาลวิบัติ

คาร์เตอร์และเซดี้จึงเร่งฟื้นฟูวิถีโบราณ ผู้ใช้เวทกับเทพจะต้องร่วมมือกันถึงจะกำราบความโกลาหลลงได้ หากนั่นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะศัตรูยิ่งใหญ่เกินไป ทั้งสองจึงต้องพึ่งพาสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอกัน นั่นคือ รา... ผู้เป็นราชาแห่งเทพเทพีทั้งปวง

สุริยเทพอำลาโลกและหลับใหลมานานนับสหัสวรรษ การจะปลุกเขาต้องตามหาคัมภีร์แห่งราทั้งสามส่วนมารวมเป็นหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าคนตระกูลเคนไม่เคยเจอเรื่องง่าย ไหนจะถูกขัดขวางจากสมุนของอโพฟิส ไหนจะอุปสรรคจากเทพเทพีที่ไม่ต้องการให้ราผู้ชรามาเป็นนายทัพ และไหนจะคนของเคหาสน์แห่งชีวิตที่ยังคงมองพวกเคนเป็นภัยที่ต้องปราบปราม

ในยามที่ความร่วมมือร่วมใจจำเป็นที่สุด แต่ทั้งมนุษย์และเทพกลับแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเอง ราวกับความโกลาหลได้แทรกซึมเข้าสู่วิญญาณ ไม่เว้นแม้แต่สองพี่น้องสายเลือดเคนซึ่งต่างคนต่างมีความในใจ ทำให้ช่องว่างระหว่างกันขยายตัว...

REVIEW

คาร์เตอร์และเซดี้ได้รับภารกิจให้ตามหาคัมภีร์ทั้งสามส่วนที่จะปลุกเทพราแห่งดวงอาทิตย์ขึ้นมาเพื่อต่อกรกับการผงาดของอโพฟิส พญางูแห่งความโกลาหลที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยการตามหาคัมภีร์ส่วนแรกนั้นได้มาไม่ง่ายนัก และอีกส่วน...คาร์เตอร์และเซดี้ต้องเดินเข้าไปในรังของศัตรูเพื่อขโมยคัมภีร์ออกมา และต้องต่อสู้กับวลาดิเมียร์ คนของเคหาสน์ที่ทรยศและต้องการที่ปลุกอโพฟิส คาร์เตอร์กับเซดี้ได้พบกับเซตอีกครั้ง เทพเจ้าให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาโดยการบอกที่ซ่อนคัมภีร์ชิ้นสุดท้ายแก่เซดี้เพื่อที่พวกเขาจะปลุกเทพราได้สำเร็จ

รานั้นถูกบังคับให้สละบัลลังก์ให้แก่โอซิสที่ใช่เล่ห์กลหลอกล่อให้ราบอกนามลับให้แก่หล่อน โอซิสนั้นได้มอบบัลลังก์ให้แก่โอซิริส สามีของนางและได้รู้ว่ารัชสมัยของตนนั้นไม่ได้รุ่งเรืองยืนนาน เทพราโกรธเคืองมากที่โดนหลอก เขาหนีไปพักและไม่ปรากฏตัวอีกเลยนับจากนั้น ส่งผลให้ความสมดุลระหว่างมาอัตและความโกลาหลใกล้จะพังทลายลงเต็มที

กลายเป็นว่าการปลุกราขึ้นมากลายเป็นแผนล้างแค้นของวลาดิเมียร์ หนึ่งในสมาชิกเคหาสน์แห่งชีวิตที่ชิงชังพี่น้องตระกูลเคนนักหนา คาร์เตอร์ต้องทนแรงยั่วเย้าของฮอรัสที่ให้ตนขึ้นครองบัลลังก์แห่งไฟด้วยกันกับเขา แต่นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ เมื่อสิทธิ์อันชอบธรรมเป็นของรา แต่เซดี้รวบรวมคัมภีร์มาครบสามส่วนได้สำเร็จ แผนการปลุกเทพราจึงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ทั้งสองคนต้องรวมทีมกับเบสเพื่อล่องเรือไปยังแม่น้ำในดูอาตโดยผ่านเรือนทั้งสิบสองและรับรามาเพื่อทำให้เขากลายเป็นเทพที่สมบูรณ์อีกครั้ง ระหว่างทางคาร์เตอร์และเซดี้ได้ต่อสู้กับวลาดิเมียร์ และอัคราจารย์เป็นคนโค่นล้มเขาได้สำเร็จ แต่ทุกคนรู้ดีว่า...นี่ไม่ใช่วิถีทางในกำจัดพญางูโดยแท้จริง เพราะอโพฟิสกำลังรอเวลาที่จะฟื้นคืนในไม่ช้า...

.....................................................................

ถ้าเปรียบเทียบเล่มที่แล้วเป็นระเบิดซีโฟร์ เล่มนี้ก็เป็นเพียงประทัดพวงเล็กๆ ส่งเสียงเป๊าะแป๊ะตลอดทั้งเล่ม คือไม่ใช่ว่าเนื้อเรื่องมันไม่ดีนะ แต่เรารู้สึกว่ามันดรอปลงจากเล่มที่แล้วจริงๆ โทนเรื่องที่เริ่มแผ่วลงตั้งแต่บทแรก น้ำหนักและจังหวะในการเล่าเรื่องเริ่มเบาลง(หรืออาจจะเป็นเพราะเราคุ้นเคยกับเนื้อเรื่องมากขึ้นก็เป็นไปได้) มีช่วงเดียวที่เรารู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนเล่มที่แล้ว ก็คือตอนที่คาร์เตอร์กับเซดี้ล่องเรือผ่านแม่น้ำในดูอาตตอนท้ายเล่มนั่นแหละ

บอกเลยว่าเซงกับการตัดสินใจของทั้งคาร์เตอร์และเซดี้ในเล่มนี้มากๆ เพราะเห็นหลายคนบ่นกันว่าไม่ชอบคาร์เตอร์บ้างละ ไม่ชอบเซดี้บ้างละ เราก็พยายามจะทำใจเป็นกลาง เพื่อที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้สนุกและไม่เสียอรรถรส แต่มีอยู่หลายครั้งหลายหนที่คาร์เตอร์กับเซดี้เลือกทางเลือกที่ทำให้เราถอนหายใจออกมาด้วยความเซง อย่างเช่น...ตอนที่เซดี้จะกลับไปหาเพื่อนสาวของเธอตอนวันเกิด มันดูเอาแต่ใจแบบไร้เหตุผลมากเกินไป ถ้าคิดในแง่ที่ว่าเธอผ่านอะไรมามากมายในเล่มแรก เธอน่าจะโตขึ้นบ้างได้แล้ว น่าจะคิดอะไรได้ดีกว่านี้ด้วย และตอนที่คาร์เตอร์ทิ้งเซดี้ไว้ และไปตามหาเซีย(เด็กสาวที่เขาแอบชอบ) เรานี่ถึงกับอุทานออกมาว่า 'อะไรกันวะ ?' เหตุผลของนายงี่เง่ามากเลยคาร์เตอร์ ไม่มีหลักประกันอะไรที่จะทำให้ตัวเองประสบผลสำเร็จในการที่จะทำสิ่งนั้นลงไปเลยนะ ... แต่ก็ตามประสานิยายของริคแหละ ตัวละครก็ต้อง โป๊ะเช๊ะ ! เจอแรร์ไอเท็ม(แบบบังเอิญ)เพื่อที่จะเอาไปโค่นบอสพอดีเลย

เมื่อเริ่มจับทางเนื้อเรื่องแล้ว ก็ทำให้ตื่นเต้นน้อยลงทุกทีๆ อ่านเล่มนี้แล้วบอกได้เลยว่า...ตอนเริ่มต้นมาแบบแผ่วๆฉันใด ตอนจบก็จากไปแบบแผ่วๆฉันนั้น... แผ่วเสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ 555

คะแนน 7/10

Jun 24, 2015

The Red Pyramid (The Kane Chronicles #1)


ชื่อเรื่อง พีระมิดสีเลือด (The Red Pyramid)
จากชุด เดอะเคนโครนิเคิลส์ (The Kane Chronicles)
ผู้แต่ง Rick Riordan
วรรณเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์บุ๊คส์

เรื่องย่อ

คาร์เตอร์มักสงสัยว่าทำไมเขาถึงมีชีวิตแบบเด็กทั่วไปที่มีทั้งบ้าน ทั้งเพื่อน ทั้งโรงเรียนไม่ได้ เพราะอะไรเขากับพ่อถึงต้องตะลอนไปทั่วโลกแบบนี้ แล้วเหตุใดพ่อถึงทำเหมือนกำลังหลบหนีใครอยู่ตลอดเวลา

ในวันพบปะครอบครัวประจำปี พวกเขามาหาเซดี้ที่อังกฤษเหมือนที่ผ่านมา ทว่ากิจกรรมวันพบญาติในปีนี้ดูจะพิเศษแตกต่างไป เมื่อพ่อของคาร์เตอร์กับเซดี้ตัดสินใจระเบิดหินโรเซตตาที่บริติชมิวเซียมแทนการนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน และมันไม่ใช่การระเบิดธรรมดา เพราะเมื่อผู้ที่ทำมันคือสายเลือดตระกูลเคน นี่จึงเป็นพิธีกรรมอัญเชิญเทพเจ้า!

เด็กทั้งสองไม่รู้เลยว่าพ่อทำได้อย่างไร และทำไปทำไม รู้เพียงว่ามันต้องไม่อยู่ในแผนแน่ เพราะเทพที่มาคือเทพแห่งความโกลาหลผู้ชั่วร้าย และพ่อของพวกเขาก็ถูกสูบหายลงไปใต้ดิน

แม้ไม่ได้เป็นผู้ก่อเรื่องโดยตรง แต่สองพี่น้องก็ต้องรับผิดชอบเนื่องจากสายเลือดที่ไหลเวียนในร่าง และความลับซึ่งตกทอดกันมาในตระกูล ...เวทมนตร์โบราณ เทพเจ้าเก่าแก่ อสุรกาย หายนะภัยล้างโลก... ทั้งหมดนี้จะอยู่เหนือสามัญสำนึกเกินไปแล้ว!

REVIEW

คาร์เตอร์และเซดี้ต้องทนเห็นพ่อของตัวเองถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อหน้า หลังจากที่พ่อของคาร์เตอร์และเซดี้ได้ปลุกพลังและเรียกเทพเจ้าขึ้นมา โดยหนึ่งในนั้นคือเซตผู้ชั่วร้าย คาร์เตอร์และเซดี้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปยังบ้านของอาตัวเอง หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกๆก็บุกมาถึงบ้านพวกเขา คาร์เตอร์และเซดี้ได้หายตัวเพื่อหลบหนีปีศาจเหล่าได้ และได้ค้นพบว่าตัวเองเป็นทายาทของฟาโรห์ที่สามารถอัญเชิญให้เทพเจ้ามาสถิตในร่างของตัวเองได้ โดยฮอรัสได้สิงในร่างของคาร์เตอร์ และไอซิสในร่างของเซดี้

พวกเขาต้องทำภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมายจากธอธ หรือแม้กระทั่งอะนูบิสเพื่อเอาขนนกมา คาร์เตอร์และเซดี้เดินทางไปถึงฟินิกซ์เพื่อยับยั้งไม่ให่พีระมิดสีแดงของเซตสร้างเสร็จ ไม่งั้นความโกลาหลจะเกิดขึ้นและทำลายอเมริกาได้เลยทีเดียว คาร์เตอร์ใช้พลังของฮอรัสที่ประสานกับเขาในการต่อสู้กับเซต และเซดี้ก็รู้ถึงเจตจำนงของแม่เธอและมาช่วยคาร์เตอร์ขับไล่เซตกลับดูอาตไป แต่ก่อนที่จะทำสำเร็จ เธอได้เหลือบเห็นอโพฟิสหรือพญางูที่ได้ผงาดกลับมาอีกครั้งแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่กำจัดเซตแต่ใช้อำนาจในการขานชื่อที่เซดี้มีใช้บังคับให้เขายอมร่วมมือกับตน

...........................................................

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกสะพรึงมาก ! สะพรึงในที่นี้มีหลายความหมาย...อย่างแรกก็คือ ครั้งแรกที่เราเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่กี่หน้า...เรารู้สึกทึ่งมาก ! ทึ่งในการสร้างโลกใบใหม่ของริคที่เอาตำนานของอียิปต์ยัดใส่เข้าไปได้อย่างน่าสนใจ สะพรึงในอีกความหมายคือ...ชื่อเรียก คำเฉพาะ ที่อ่านยากและจำยากมาก บางคำนี่อ่านจบเล่มแล้วยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรเลย จำไม่ได้อ่ะ เยอะแยะมากมายไปหมด (แล้วก็ขี้เกียจพลิกกลับไปดูด้วย เหอๆ) สิ่งที่ทำเราสะพรึงอีกอย่างคือเนื้อเรื่องที่พลิกไปพลิกมาตลอด มองในแง่ดีก็คือ...มันทำให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลาที่อ่าน แต่ถ้าคิดอีกแง่น่ะหรอ...มันก็ทำให้เรางงมาก(ก.ไก่ล้านตัว)เลยน่ะสิ ถ้าไม่จับสมาธิดีๆแล้วตั้งใจอ่าน คือจะต่อเนื้อเรื่องไม่ติด จำได้เป็นฉากๆแต่มองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดของหนังสือ

อย่างที่เราได้บอกไปว่าช่วงแรกของ The Red Pyramid น่าตื่นเต้นมากๆ แต่พอถึงตรงกลางเรื่องเรากลับรู้สึกเฉยชา ด้วยสไตล์การเขียนของริคที่นิยมผูกเนื้อเรื่องให้เป็นเควสต่อเควส คือให้ตัวละครทำเควสนี้เพื่อเก็บไอเท็มที่ใช้ในเควสต่อไปที่จะนำไปสู่การกำจัดบอสใหญ่ในเนื้อเรื่อง ซึ่งถ้าเป็นเกมส์มันจะสนุกมาก แต่เมื่อมาเป็นนิยาย...เราเลยรู้สึกว่าบางครั้งก็ทำให้โทนนิยายมันดูเรียบมากเกินไป แม้ว่าจะใส่สถานการณ์ที่ทำให้มันต่างกันก็ตาม แต่ความรู้สึกและอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาจากหน้าหนังสือมันไม่ต่างไปด้วยเลยจริงๆ

แน่นอนว่า...คนอ่านหลายคนต้องอดเปรียบเทียบชุดนี้กับเพอร์ซีย์ไม่ได้ และด้วยความที่เราอ่านเพอร์ซีย์จบมาแล้วสองภาค (ซึ่งรู้สึกเอียนกับภาคสองมาก) เราเลยขอจัดอันดับความชอบตามนี้ Percy Jackson and the Olympians >  The Heroes of Olympus > The Kane Chronicles อนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลด้วยทั้งนั้น สาเหตุที่เราไม่ค่อยชอบ The Heroes of Olympus ก็เพราะตัวละครมากเกินไป ซึ่งตอนแรกดูน่าสนใจ แต่เล่มท้ายๆจะรู้สึกว่าการกระจายบทเริ่มสะเปะสะปะ และทำให้ความสำคัญของเนื้อเรื่องแต่ละช่วงถูกลดทอนลงด้วยเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน รวมถึงทำให้โฟกัสของคนอ่านไม่ได้อยู่ที่เรื่องๆเดียว แต่ต้องกระจายความสนใจเพื่อไตร่ตรองถึงเหตุการณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นด้วย

สรุปแล้ว ... นี่เป็นหนังสือที่ดูเหมือนจะอ่านง่าย แต่สำหรับเรา...อ่านยากนะ ชื่ออียิปต์อะไรก็จำไม่ค่อยจะได้ พอเล่าถึงเรื่องเทพเจ้าก็เลยมีงงๆเอ๋อๆไปเหมือนกัน

คะแนน 8/10

Jun 23, 2015

Harry Potter and the Order of the Phoenix (Harry Potter #5)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Order of the Phoenix
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ


There is a door at the end of a silent corridor. And it’s haunting Harry Potter’s dreams. Why else would he be waking in the middle of the night, screaming in terror?

Here are just a few things on Harry’s mind:
• A Defense Against the Dark Arts teacher with a personality like poisoned honey
• A venomous, disgruntled house-elf
• Ron as keeper of the Gryffindor Quidditch team
• The looming terror of the end-of-term Ordinary Wizarding Level exams

…and of course, the growing threat of He-Who-Must-Not-Be-Named. In the richest installment yet of J. K. Rowling’s seven-part story, Harry Potter is faced with the unreliability of the very government of the magical world and the impotence of the authorities at Hogwarts.

Despite this (or perhaps because of it), he finds depth and strength in his friends, beyond what even he knew; boundless loyalty; and unbearable sacrifice.

Though thick runs the plot (as well as the spine), readers will race through these pages and leave Hogwarts, like Harry, wishing only for the next train back.

REVIEW

ในฤดูร้อนแฮร์รี่ถูกผู้คุมวิญญาณโจมตีและทำให้เขาต้องใช้คาถาผู้พิทักษ์ต่อหน้าดัดลีย์ แฮร์รี่ต้องรอฟังคำพิพากษาจากกระทรวงที่กำลังมาถึง ในระหว่างนั้น ภาคีนกฟินิกซ์ได้มารับเขาให้ไปอาศัยอยู่กับซิเรียส แบล็ค ที่นั่นแฮร์รี่ถึงรู้ว่าคนรู้จักของเขาได้สร้างสมาคมลับๆขึ้นเพื่อรับมือกับการกลับมาของโวลเดอมอร์ เพื่อวันตัดสินมาถึงและแฮร์รี่พ้นข้อกล่าวหาภายใต้ความช่วยเหลือจากดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่จึงกลับไปเรียนที่ฮอกวอตส์ได้ตามปกติ ซึ่งปีนี้โรงเรียนได้การเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยแฮกริดหายตัวไป พร้อมกับการปรากฏตัวของยัยคางคกแก่อัมบริดจ์ที่ทำให้แฮร์รี่โดนลงโทษหลายต่อหลายครั้งและโดนสั่งแบนไม่ให้เขาเล่นควิดดิชตลอดระยะเวลาการศึกษา

การสอบ O.W.L กำลังจะมาถึงและนั่นทำให้อัมบริดจ์เข้มงวดกับโรงเรียนมากขึ้น แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือหล่อนต้องการใช้อำนาจของกระทรวงในการควบคุมความเคลื่อนไหวภายในโรงเรียน ฟัดจ์ปฏิเสธความจริงต่อหน้าหนังสือพิมพ์ว่าคนที่คนก็รู้ว่าใครได้หวนกลับมาเพื่อที่รัฐมนตรีจะได้ไม่สูญเสียอำนาจของเขาไปจากความผิดพลาดครั้งนี้ รวมถึงบิดเบียนข่าวการแหกคุกของนักโทษอัซคาบัน อัมบริดจ์ใช้สิทธิพิเศษของเธอทำให้ทั้งโรงเรียนปั่นป่วน ในระหว่างที่แฮร์รี่ทนทุกข์กับความฝันครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกว่าในนั้นเขาเป็นส่วนหนึ่งของโวลเดอมอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนั้นสเนปจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแฮร์รี่โดยสอนการสกัดใจให้กับเขา

แฮร์รี่ค้นพบความจริงอันน่าละอายเกี่ยวกับตัวตนของเจมส์ พอตเตอร์ในอดีต ซึ่งก่อให้เกิดคำถามมากมายว่าแท้จริงแล้วพ่อของเขาทำตัวร้ายกาจกับสเนปมาตลอดจริงหรือ ? นำไปสู่สถานการณ์ที่แฮร์รี่ต้องสืบหาความจริงจากซิเรียส อัมบริดจ์รู้ทันแผนการณ์ทั้งหมดและพยายามจะจับแฮร์รี่ให้ได้ จนกระทั่งกองทัพดัมเบิลดอร์ที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นมาถูกเปิดโปง และดัมเบิลดอร์ถูกอัมบริดจ์ยึดอำนาจการเป็นอาจารย์ใหญ่ แฮกริดถูกตามล่า และเมื่อความฝันมาเยือนแฮร์รี่อีกครั้งว่าซีเรียสตกอยู่ในอันตรายจากโวลเดอมอร์ ทำให้เขาต้องเร่งเดินทางไปยังกระทรวงเวทมนตร์ให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยชีวิตพ่อทูนหัวของเขาเอาไว้ให้ได้

และนั่นก็เป็นแผนลวงที่โวลเดอมอร์ได้วางเอาไว้เพื่อล่อให้แฮร์รี่มาติดกับและหยิบลูกแก้วพยากรณ์ไปจากชั้นวาง ซึ่งในนั้นบรรจุคำพยากรณ์เกี่ยวกับตัวเขาเอาไว้ การต่อสู้ระหว่างแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่ เนวิลล์และลูน่ากับเหล่าผู้เสพความตายจึงปะทุขึ้นท่ามกลางกองปริศนา เมื่อภาคีนกฟินิกซ์ปรากฏตัวและช่วยชีวิตแฮร์รี่เอาไว้ การต่อสู้ที่เกิดขึ้นทำให้ซีเรียสพลาดท่าเบลลาทริกซ์และถูกฆ่าตายต่อหน้าแฮร์รี่ ในไม่ช้า...ดัมเบิลดอร์ก็มาถึงและต่อสู้กับโวลเดอมอร์อย่างสูสี

โวลเดอมอร์พยายามจะเข้าสิงร่างแฮร์รี่อีกครั้งภายหลังการต่อสู้สิ้นสุดลง และแฮร์รี่สามารถขจัดเขาออกไปจากใจได้สำเร็จในคราวนี้ ฟัดจ์และเหล่าพ่อมดแม่มดเดินทางมาถึงยังกระทรวงเพื่อที่จะพบถึงหลักฐานว่าโวลเดอมอร์ได้หวนกลับมาแล้ว เมื่อแฮร์รี่ปลอดภัยอยู่ในฮอกวอตส์ ดัมเบิลดอร์ได้เล่าความจริงเกี่ยวกับความพยากรณ์ที่หายไปให้แฮร์รี่ฟังว่าเขาเกิดมาเพื่อโค่นล้มเจ้าแห่งศาสตร์มืด และจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะอยู่รอด จะไม่มีทางที่สองคนนี้อยู่ร่วมกันได้ และเมื่อโวลเดอมอร์สร้างสัญลักษณ์บนตัวของเขา นั่นจะทำให้พวกเขามีพลังเท่าเทียมกันในท้ายที่สุด...

......................................................................

เล่มนี้อ่านแล้วจะรู้สึกได้ว่าอารมณ์ตัวละครเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตลอด โดยเฉพาะแฮร์รี่ที่เริ่มโกรธคนรอบข้างและมีการใส่อารมณ์ไปในความพูดบ้างบางครั้ง แต่เจเคทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ได้แก่เกินวัยสักเท่าไร ด้วยอายุที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น จึงไม่แปลกที่ตัวละครจะอารมณ์รุนแรง รักแรงเกลียดแรง และนั่นคือจุดเด่นของนิยายเล่มนี้...

เนื้อเรื่องในเล่ม the Order of the Phoenix มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ปูพื้นไปสำหรับ 2 เล่มสุดท้ายค่อนข้างชัดเจน เราจะเห็นได้จากคำพยากรณ์ตอนท้ายที่กรุยทางอย่างสวยงามให้กับเล่มต่อๆไป คนอ่านจะเดาได้ว่าการปราบโวลเดอมอร์มันต้องไม่ง่ายแน่นอน และมันน่าจะมีอะไรมากกว่าการเปิดศึกกันตรงๆ พออ่านเล่มนี้จบแล้วจะรู้สึกลุ้นว่าเนื้อเรื่องเล่มต่อไปจะถูกกระแทกไปในทิศทางไหน และจะจบลงยังไง แต่เจเคก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของเธออยู่เหนือจินตนาการของคนอ่านหลายล้านคนจริงๆ ไม่มีใครคาดเดาตอนจบได้ว่าเธอจะผูกเอาตำนานของสามพี่น้องเพฟเวอเรลล์เข้ามามีส่วนร่วมมากขนาดนี้ (ตรงจุดนี้แหละที่ทำให้เราขนลุกตอนอ่าน the Deathly Hallows มารอบนึงแล้ว)

จุดที่เราไม่ค่อยชอบก็คือ...การดำเนินเรื่องค่อนข้างอืดและช้า ถ้าเทียบสี่เล่มก่อนหน้า มีจังหวะที่รู้สึกหน่วงๆ ง่วงๆ ไม่มีแรงจูงใจที่จะอ่านต่อจนต้องหยิบหนังสือเล่มอื่นมาอ่านคั่น เราเลยคิดว่าเล่มนี้ไม่ได้รู้สึกว๊าวอะไรมากมายเท่าสี่เล่มก่อนหน้านี้เท่าไร แต่ถ้าคิดในแง่ที่ว่ามันคงไม่ยุติธรรมที่จะเอ่ยปากมาว่า...'เล่มนี้สนุกน้อยที่สุด' เรากลับคิดว่า...ถ้าไม่มีเล่มนี้ นิยายชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็คงไม่สมบูรณ์ เพราะ the Order of the Phoenix คือสะพานแขวนเส้นใหญ่ที่จะทอดต่อไปยังบทสรุปส่งท้ายในอีกสองเล่มต่อไป

ตัวละครที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คงเป็น...โดโลเรส อัมบริดจ์ เรามีความรู้สึกที่ว่า...ทำไมเธอช่างน่าเกลียดและทุเรศขนาดนี้ เรานี่อยากจะเข้าไปบีบคอเธอจริงๆตลอดที่อ่านทั้งเล่ม เจเคดีไซน์คาแรคเตอร์ของโดโลเรสไม่ให้เลวร้ายจากสันดานและทะเยอทะยานเหมือนโวลเดอมอร์ แต่เธอทำให้โดโลเรสกลายเป็นหญิงแก่ที่แสดงกิริยาที่น่าหมั่นไส้ออกมา และสามารถที่จะเข้าถึงความรู้สึกของนักอ่านส่วนมากได้ เพราะคนแบบโดโลเรสนี่แหละ ที่เราสามารถพบเจอในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน มันเป็นนิสัยคนใกล้ตัวที่เราล้วนแต่ชิงชัง จึงไม่น่าแปลกใจที่นักอ่านหลายคน(รวมทั้งเรา)จะซ้อนทับภาพของโดโลเรสกับคนในชีวิตจริงที่มีนิสัยใกล้เคียงกับเธอและก่อให้เกิดความเกลียดชังนักหนา

การสูญเสียในเล่มนี้ เจเคทำให้เรารู้สึกว่ามันคือการสูญเสียจริงๆ ไม่ใช่การเสียสละละทิ้งตัวละครเพื่อสร้าง impact ให้แก่นิยายตัวเอง หรือทำให้นิยายดูมีอะไรๆขึ้นมา เรารู้เลยว่าในช่วง time gap ระหว่างเล่ม 4 และเล่ม 5 เจเคต้องแอบไปซุ่มวางแผนการเล่าเรื่องใหม่แน่ๆ เพราะเราสัมผัสได้ว่าเล่มนี้เนื้อเรื่องมันละเอียดยิบดีจริงๆ

ปล.เราว่าฉากในกระทรวงเวทมนตร์ตอนท้ายเป็นฉากเดียวที่พีคที่สุดในหนังสือเล่มนี้ละนะ

คะแนน 9/10


Omega Mine (Alpha and Omega #1)


ชื่อเรื่อง Omega Mine
จากชุด Alpha and Omega
ผู้แต่ง Aline Hunter
แนว อิโรติค-เหนือธรรมชาติ
สำนักพิมพ์ Ellora's Cave

เรื่องย่อ

A bond forged in blood. Fealty given to the one he desires above all others. Graced with the ability to shift into any form, Diskant Black is the absolute authority when it comes to New York shifters, and as the Omega of the city, his word is law. Protecting the shifter races is more than a job, it's a predisposition ingrained since birth-nothing is more important. Until a chance encounter with a tiny female sets fire to his blood, brings him to his knees and turns his world upside down. Ava Brisbane is more than he bargained for in a mate-beautiful, fragile...human. If he wants to keep her by his side, he'll have to sacrifice a portion of his soul to establish a bond that can never be broken. Unfortunately, the timing couldn't be worse. Shepherds-hunters of all the shifter races-have arrived in New York. To protect the woman he can't live without, Diskant will have to stand against those who have come to start a war.
REVIEW

ดิสคานท์เจอคู่ชีวิตของเขาในวันที่เอวาถูกทำร้าย เขาพาเธอมาที่บ้านของเขาและตัดสินใจที่จะเก็บเธอเอาไว้จนกระทั่งเอวาหนีเขาไป สี่อาทิตย์ให้หลัง...ดิสคานท์ตามหาเอวาจนเจอและประทับตราบนตัวเอวาทั้งสองครั้ง โดยเผ่าพันธุ์มนุษย์กลายร่างของดิสคานท์จะประทับตราบนตัวคู่ชีวิตทั้งหมดสามครั้ง ครั้งแรกผ่านเซ็กส์ ครั้งสองผ่านรอยกัด และครั้งที่สามนั้นจะลึกถึงขั้นแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณกัน

เมื่อภัยคุกคามจากเหล่าเชพเพิร์ดเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เชพเพิร์ดเป็นพวกที่คลั่งในพระเจ้าและต้องการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอย่างมนุษย์กลายร่างให้หมดสิ้น เพราะเชื่อว่าพวกนี้มีจิตวิญญาณที่เลวทรามและไม่สมควรที่จะมีอยู่บนโลก ดังนั้นเมื่อเอมอรี่เผลอไปรักกับลูกสาวตระกูลเชพเพิร์ดเข้า เชพเพิร์ดทั้งกลุ่มถึงพากับดาหน้าเมื่อเพื่อจัดการเอมอรี่ แต่นั่นเป็นเพียงกับดัก เมื่อดิสคานท์และฝูงของเขาเปิดศึกกับเชพเพิร์ด พวกเชพเพิร์ดอาศัยจังหวะนั้นวางระเบิดในที่พักที่เอวาและคนที่เหลือในฝูงของดิสคานท์อาศัยอยู่จนมีคนล้มตายมากมาย

เอวาได้รับบาดเจ็บสาหัสและนั่นทำให้ดิสคานท์ต้องทำให้เกิดการประทับตราครั้งที่สามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความที่เขาเป็นโอเมก้าของฝูง ดิสคานท์จึงมีจิตวิญญาณของสัตว์หลากหลายรูปแบบ ดังนั้นเขาจึงถ่ายเทสัญชาตญาณเหล่านั้นเข้าไปในตัวของเอวาและทำให้บาดแผลของเธอสมานตัว เอวาค้นพบหลักจากนั้นว่าล็อกเก็ตที่ตกทอดมาจากพ่อแม่ของเธอคือเซเฟอร์ที่เป็นขุมพลังล้ำค่าที่ทุกคนต่างแย่งกันเพื่อให้ได้มาครอบครอง แต่เซเฟอร์กลับตกไปอยู่ในมือของโทมัส น้องชายของเธอ ดังนั้นโทมัสจะตกอยู่ในอันตรายรอบด้านจากพวกที่ต้องการครอบครองเซเฟอร์

เทรย์ อัลฟ่าคนเก่ามอบตำแหน่งให้กับดิสคานท์และตัดสินใจที่จะทำลายเชพเพิร์ดให้หมด ส่วนเอมอรี่ก็วางแผนที่จะเดินทางไปช่วยแมรี่ คู่ชีวิตของเขาจากพวกเชพเพิร์ด

.............................................................

พระเอกเป๊ะ นางเอกเป๊ะ เนื้อเรื่องร้อนแรงมาก เลิฟซีนเขียนดีเว่อร์ แต่หนังสือไม่ค่อยเปิดโอกาสให้พระเอกโชว์พาวเวอร์เลย และเราก็รู้สึกว่าการสร้างโลกของนิยายเล่มนี้ยังไม่ค่อยชัดเท่าไร พระเอกเรื่องนี้ตรงตามมาตรฐานของนิยาย paranormal โดยทั่วไป แบบพอเจอนางเอกปุ๊บ ก็พุ่งเข้าใส่แบบไม่คิดชีวิตเลยทันที ช่วงแรกของหนังสือเราถึงรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นมากๆ วันๆพระเอกไม่ทำอะไร จับนางเอกทุ่มใส่เตียง อุ้มนางเอกไปอาบน้ำ สักพักก็จับนางเอกขึงกับผนังต่อ -*- เลยให้คะแนนเลิฟซีนไปที่ 4.75 ดาว ส่วนพลอตเรื่อง 2.75 ดาวพอ

มีหลายสถานการณ์ที่ผู้แต่งทิ้งท้ายไว้แบบ loose end ปูทางไว้สำหรับเล่มต่อไป ที่สำคัญคือเรื่องราวของแต่ละคู่น่าอ่านหมดเลย เทรย์แล้วก็ เอมอรี่ พี่น้องคู่นี้น่าสนใจจริงๆ อ่านเล่มนี้ต้องทำความเข้าใจมากพอสมควร เพราะมีคำเฉพาะที่ผู้แต่งไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมมากมาย ที่ประทับใจที่สุดคือ...หนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้กลับไปอ่านเล่มแรกๆในชุด New Species อีกครั้ง เคมีระหว่างพระนางฮอตสุดๆ เนื้อเรื่องไม่พิรี้พิไรอะไรมากมายเลย จังหวะในช่วงแรกๆกลางๆมาแบบดีมาก แต่เสียดายบทสรุปที่ดูไม่ค่อยแน่นเท่าไร ปูเรื่องมาดีๆแบบนี้ น่าจะยืดช่วงไคลแมกซ์ออกไปอีกสักนิด แต่โดยภาพรวมแล้วชอบ อ่านได้เพลินๆดี อ่านจบแล้วทำให้อยากอ่านเล่มต่อไป...

คะแนน 7.5/10

Jun 20, 2015

Colters' Lady (Colters' Legacy #2)


ชื่อเรื่อง Colters' Lady
จากชุด Colters' Legacy
ผู้แต่ง Maya Banks
อีโรติค Menage
สำนักพิมพ์ Samhain Publishing, Ltd.

เรื่องย่อ

Can their love give her the strength to overcome the tragedy in her past?

When police officer Seth Colter sees the delicate, shabbily dressed beauty in line at the soup kitchen where he’s serving, he’s gut shot over the idea of her being on the streets cold and alone. More baffling is the dark, possessive instinct that tells him she belongs to him.

For Lily Weston, home is a secluded nook in a back alley—until Seth offers her a place to stay. She’s wary of his offer, but even one night out of the cold is too much temptation to resist.

Seth is convinced Lily is his. The problem is, when his brothers lay eyes on her, the same primitive instinct comes roaring to the surface. The Colters never imagined they’d follow the unconventional path of their fathers, but they can’t ignore their mutual need to offer Lily their protection—and their love. But before Lily and the brothers can forge a future together, they must heal the deep wounds of her past.

REVIEW

วันที่เซธได้พบกับลิลลี่ เธอเป็นแค่คนไร้บ้าน และนั่นทำให้เซธพาลิลลี่กลับมากับเขาเพราะเขาพบว่าเธอปลุกสัญชาตญาณความหวงแหนบางส่วนในตัวเขาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งไมเคิลและดิลเลียนก็เกิดความรู้สึกเช่นเดียวกับเซธเช่นกัน พวกเขาจึงรู้ว่าลิลลี่คือหนึ่งเดียวคนนั้นและเขาทั้งสามคนต้องแบ่งปันลิลลี่ถึงจะทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้

ลิลลี่มีอดีตที่มืดมนคอยตามหลอกหลอนเธออยู่ แต่เซธ ไมเคิลและดิลเลียนก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรจากเธอ เพราะพวกเขารอให้ลิลลี่พร้อมที่จะเล่าเรื่องให้เขาฟังสักวัน จนกระทั่งถึงวันที่ทั้งสามมีเซ็กส์กับลิลลี่และถุงยางเกิดทะลุขึ้นมา ลิลลี่สติแตกและเล่าเรื่องทั้งหมดให้สามพี่น้องฟังว่า...ครั้งหนึ่งเธอเคยมีลูกสาวและแต่งงานกับชายคนหนึ่ง เธอทิ้งงานศิลปะของเธอเพื่อทุ่มเทเวลาในการเลี้ยงลูกจนไม่ได้หยุดพัก แต่เมื่อลูกสาวของเธอนอนหลับตายคาเปลในตอนที่ลิลลี่เผลองีบไป เธอโทษว่านั่นเป็นความผิดของเธอเอง โดยที่สามีก็ผลักไสเธอและชี้หน้าว่าเธอเช่นเดียวกัน ลิลลี่จึงระหกระเหินออกจากบ้านและเป็นคนไร้บ้านเป็นเวลาสามปี

เมื่อสามพี่น้องขอลิลลี่แต่งงาน เธอก็ตัดสินใจที่จะจัดการเคลียร์สิ่งที่คาใจให้เรียบร้อยเสียก่อน โดยการเดินทางกลับไปยังเดนเวอร์และเผชิญหน้ากับสามีเก่าของเธอพร้อมกับบอกว่า...นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอแม้แต่น้อยที่ลูกสาวของเธอตาย... สามีเก่าก็คิดได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าเขาทำผิดกับเธอมาโดยตลอด เขาจึงขอโทษลิลลี่ และนั่นทำให้ลิลลี่ก้าวผ่านปมในจิตใจของเธอได้ เธอจึงกลับไปแต่งงานกับสามพี่น้องโคลเตอร์ในท้ายที่สุด

..................................................................

เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด ขนาดโต๊ะเก้าอี้ในเรื่องเรายังคิดว่าขวางหูขวางตาเราเลย 555 นางเอกเป็นผู้หญิงสะอ้อนสะแอ้น ครั้งแรกที่เจอกับพระเอก(คนที่ 1) นางก็วิ่งหนีเข้าห่าดงกระสุน เลยถูกยิงซะ พระเอก(คนที่ 2)เลยมาช่วย พอจับตัวปุ๊บ นางหน้ามืดทันที แล้วก็คิดว่า ... เลือด เลือดมาจากไหน !? ไม่นะ นี่ฉันโดนยิงหรอเนี่ย (คนอ่านถอนหายใจรอบที่ 30) จากนั้นพระเอกก็พานางเอกกลับมาบ้านเพื่อเจอพระเอก(คนที่ 3) แต่...ช้าก่อน !! อย่าเพิ่งคิดว่าทั้งสี่จะประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะหลังจากนั้น ไม่เลย ม่ายยยยย !! เล่มนี้มีการพานางเอกไปพบพ่อแม่สามี กราบสวัสดีพอเป็นพิธี หลังจากนั้นก็...ยังไม่ฟีทเจอร์ริ่งกันหรอกคุณผู้ชม มีการให้คนอ่านรอจนรู้สึกแป๊กไปหลายรอบ กว่าจะเข้าที่เข้าทางกันได้

พอเปิดเผยอดีตของนางเอกนี่บอกเลยว่าขัดกับบุคลิกคาแรคเตอร์ของนางที่แลดูสะดีดสะดิ้งในตอนกลางๆเรื่องมาก แล้วนางเอกก็เริ่มร่ายอดีตให้พระเอกฟัง(ตอนถุงยางแตก) นางก็สวมบทเป็นดราม่าควีน ร้องห่มร้องไห้ สารพัดสารพันปัญหาที่เราคิดว่าโทรไปเล่าให้พี่อ้อยพี่ฉอดฟังยังได้ (โถ! จะน่าสงสารไปไหนเนี่ยแม่คุณทูนหัว) แต่เอาจริงๆพอท้ายๆเรื่องเราก็เห็นใจนางเอกนะ เข้าใจความรู้สึกเลยจริงๆ แต่ !!!! สิ่งดีๆตอนท้ายๆเรื่องมันไม่ได้ชดเชยกับความไร้พลอตของนิยายเรื่องนี้ได้เลย คืออ่านไปอ่านมา...ยังรู้สึกชอบเล่มแรกมากกว่าเล่มนี้ ทุกอย่างดูขาดๆไปเยอะมาก อะไรกัน...พระเอกมองตานางเอกปุ๊บก็เกิดอยากบอกว่า I love you ขึ้นมาเลย ถ้าเป็นนิยายแนว paranormal ก็ว่าไปอย่าง

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้คือปมของนางเอก กับเลิฟซีนที่เขียนออกมาได้ดี มีดีไซน์ใหม่ๆเล็กน้อยเลยรู้สึกว่าไม่ซ้ำซากจำเจเท่าไร

คะแนน 5/10

Jun 17, 2015

Harry Potter and the Goblet of Fire (Harry Potter #4)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ

Harry Potter and the Goblet of Fire is the pivotal fourth novel in the seven-part tale of Harry Potter’s training as a wizard and his coming of age. Harry wants to get away from the pernicious Dursleys and go to the International Quidditch Cup with Hermione, Ron, and the Weasleys. He wants to dream about Cho Chang, his crush (and maybe do more than dream). He wants to find out about the mysterious event involving two other rival schools of magic, and a competition that hasn’t happened for a hundred years. He wants to be a normal, fourteen-year-old wizard. Unfortunately for Harry Potter, he’s not normal — even by wizarding standards.

And in this case, different can be deadly.

REVIEW

การแข่งขันควิดดิชเวิร์ลคัพกลายเป็นบ่อเกิดของความยุ่งเหยิง ตรามารปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและผู้เสพความตายปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ต้องกลับไปเรียนฮอกวอตส์ในชั้นปีที่สี่ คราวนี้โรงเรียนกลายเป็นสถานที่จัดการประลองเวทไตรภาคี ถ้วยอัคนีที่ตั้งเอาไว้ในห้องโถงคือเครื่องมือที่ใช้เลือกผู้เข้าแข่งขันทั้งสามที่จะมาชิงชัยในเกมครั้งนี้ แต่เมื่อถึงเวลา...ไม่มีใครคาดฝันมาก่อนหลังจากที่ได้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ เซดริก ครัมและเฟลอร์ กระดาษแผ่นที่สี่กลับลอยออกมาจากถ้วยพร้อมกับชื่อของ 'แฮร์รี่ พอตเตอร์'

การตกเป็นผู้เข้าแข่งขันคนที่สี่ของแฮร์รี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย รอนเมินใส่เขา และเมื่อภารกิจแรกมาถึง แฮร์รี่ต้องต่อสู้กับมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามและเอาไข่ทองคำเพื่อแก้ปริศนาที่ซ่อนอยู่ข้างใน เสียงร้องของชาวเงือกที่แว่วมาจากไข่บอกว่าของสำคัญจะถูกขโมยไปจากผู้เข้าแข่งขัน และแต่ละคนมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเพื่อเอาของสำคัญกลับคืนมา และนั่นคือภารกิจที่สอง แฮร์รี่ต้องดำดิ่งสู่ใต้น้ำเพื่อช่วยรอน เขาไม่ได้เพียงแต่ช่วยรอนไว้ได้เท่านั้น เขายังช่วยน้องของเฟลอร์ และนั่นทำให้แฮร์รี่ได้รับคะแนนพิเศษไป

การหายตัวของบาร์ตี้ เคร้าช์สร้างความพิศวงให้แก่แฮร์รี่ เมื่อเขากลับมาด้วยอาการวิกลจริต แฮร์รี่จึงได้รู้ว่าเคร้าช์ผู้ไม่เคยปราณีใครเคยจับลูกชายตัวเองส่งให้ผู้คุมวิญญาณภายใต้ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับผู้เสพความตาย และจากหลักฐานทั้งหมดรวมถึงคาคารอฟที่บอกว่าโวลเดอมอร์กำลังจะกลับมาทำให้แฮร์รี่โยงเรื่องทุกอย่างเข้ากับอาการเจ็บแปลบของแผลเป็นบนหน้าผากของเขา เมื่อภารกิจที่สามมาถึง...แฮร์รี่ต้องบุกเข้าไปในเขาวงกตเพื่อเอาถ้วยรางวัลที่ซ่อนอยู่ข้างในให้ได้ ผลสุดท้ายก็คือทั้งแฮร์รี่และเซดริกแตะถ้วยรางวัลพร้อมกัน ความเลวร้ายจึงมาเยือนเมื่อสถานที่ที่กุญแจนำทางพาพวกเขาไป ไม่ใช่ฮอกวอตส์ แต่เป็นสุสานของริดเดิ้ล ที่นั่นชีวิตของเซดริกได้จบลง และโวลเดอมอร์ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

ฟัดจ์ไม่เชื่อในคำสารภาพของแฮร์รี่เรื่องโวลเดอมอร์ แม้ว่าหลักฐานเรื่องที่บาร์ตี้คนลูกใช้น้ำยาสรรพรสในการปลอมตัวเป็นแมดอาย มู้ดดี้อยู่ตรงหน้าของเขาก็ตาม ดังนั้นดัมเบิลดอร์จึงตัดสินใจที่ยืนฝั่งตรงข้ามกับฟัดจ์ การตายของเซดริกก่อให้เกิดความโศกเศร้าทั่วทั้งฮอกวอตส์และดัมเบิลดอร์ตัดสินใจที่จะบอกความจริงเพื่อเคารพความทรงจำของเซดริดว่าแท้จริงแล้วเขาถูกโวลเดอมอร์ฆ่าตาย

.............................................................

#ทีม krumione (Viktor Krum & Hermione Granger) ก่อนอื่น...อยากจะบอกว่า ในหนังนี่เราเฉยๆกับครัมมากนะ แต่หนังสือนี่มันมุ๊งมิ๊งก๊าวใจวัยรุ่นมากมาย ชอบมากช่วงที่วิกเตอร์เรียกชื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่ชัดว่า Herm-Own-Ninny แล้วก็ตอนที่บอกว่า...เขาไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนกับที่รู้สึกกับเฮอร์ไมโอนี่ แล้วก็ที่มาห้องสมุดทุกวันนี่ก็เพื่อมาดักรอเฮอร์ไมโอนี่โดยเฉพาะเลย ไอ้เรานี่ก็นั่งฟินเหมือนได้อ่านนิยายโรมานซ์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ้มกรุมกริ่มขนาดกินข้าวก็ยังยิ้มเพราะคิดถึงโมเมนต์พวกนี้ เอาล่ะ...เข้าเรื่องดีกว่า...

Goblet of Fire เป็นหนังสือที่อ่านแล้วลืมเวลา ลืมทุกอย่างรอบข้าง ต้องบอกเลยว่าสไตล์การเขียนของโรว์ลิ่งเจ๋งขึ้นกว่าสามเล่มก่อนหน้ามากๆ มีการเล่นคำ การเล่นเสียงที่ทำให้ภาพรวมของหนังสือออกมาดีขึ้นกว่าเดิม

เล่มนี้อ่านจบบอกเลยประทับใจมาก อิ่มเอิบกับทุกบทบาททุกรายละเอียด และการผูกเรื่องราวที่เราคิดว่าเนี๊ยบมากๆ มิตรภาพระหว่างแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ที่มันมาถึงคำว่า 'มองตากันก็เข้าใจ' รวมถึงเกมการแข่งขันที่ดีไซน์ออกมาได้สวยและลงตัวมากๆ เนื้อเรื่องมาถึงจุดที่ต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นและตัวละครก็โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะยอมรับมันและพร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหา ตอนจบทิ้งท้ายไว้สวย รู้สึกเต็มอิ่มกับทุกรายละเอียดที่อ่านเข้าไปตลอดทั้งเล่ม ถ้าเปรียบเทียบกับ 3 เล่มแรกที่ได้อ่านมา กลายเป็นว่าตอนนี้เราชอบเล่มนี้มากที่สุดไปแล้ว 555

พอถึงจุดนี้ อยากจะบอกว่า ... เจ เค โรว์ลิ่ง คุณเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

คะแนน 10/10


Jun 15, 2015

Tempting the Beast (Breeds #1)


ชื่อเรื่อง Tempting the Beast
ชุด Breeds
ผู้แต่ง Lora Leigh
แนว Erotic / Paranormal
สำนักพิมพ์ ELLORA'S CAVE

เรื่องย่อ

Callan Lyons is a genetic experiment. One of six fighting for freedom and the survival of their Pride. Merinus Tyler is the reporter who will tempt him, draw him, until the fury of the "mating frenzy" locks them into a battle of sexual heat there is no escape from.

Deception, blood, and the evil Genetics Council are hot on their trail. Callan will use his strength to try and save them both...and do all in his power to keep his woman in the process.

REVIEW

เมอรินัสรับภารกิจมาจากพ่อของเธอเพื่อเดินทางไปช่วยคัลแลนตามคำสั่งเสียที่มาเรีย แม่บุญธรรมของเขาทิ้งเอาไว้ให้ คัลแลนเป็นมนุษย์ที่ถูกตัดต่อเอา DNA ของสิงโตใส่เข้าไป นั่นทำให้รูปลักษณ์ของเขาใกล้เคียงกับสิงโตมาก คัลแลนหลบหนีการตามล่าขององค์กรตลอดเวลาที่เขาเป็นอิสระ และเขาก็ไม่เชื่อว่าการที่เมอรินัสมายื่นข้อเสนอให้เขานั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการถูกตามล่า ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธข้อเสนอเมอรินัสอย่างไม่ใยดี แต่เมื่อสาวเจ้าไม่ยอมแพ้ เธอลงทุนบุกหาคัลแลนถึงถิ่นและต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจว่าระหว่างพวกเขาสองคนได้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น

Mating Frenzy เกิดขึ้นกับคัลแลนและเมอรินัส ทั้งสองจะอยู่แยกกันโดยปราศจากความโหยหาระหว่างกันนานเกินไปไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าเมอรินัสจะตัดสินใจหนีไปจากคัลแลนหลังจากที่เธอคิดว่าจะยอมให้เขาใช้ร่างกายของเธอโดยที่เขาไม่ได้รักเธอไม่ได้ คัลแลนลากตัวเมอรินัสกลับมา แต่เมอรินัสติดต่อพี่ชายของเธอได้สำเร็จ และพี่ชายของเธอก็ขู่ว่าจะมาพาตัวเมอรินัสกลับไปทันทีแม้ว่าจะต้องมีการปะทะกันระหว่างสองฝ่ายก็ตาม

คัลแลนกับเมอรินัสถูกตามล่าโดยการทรยศหักหลังคนใกล้ตัว จนในที่สุดคัลแลนก็ตัดสินใจที่จะทำตามแผนของเมอรินัสโดยการเปิดตัวต่อสาธารณชนเพื่อแฉความชั่วร้ายขององค์กรที่เคยจับเขาไปทดลอง หลังจากที่จับผู้ทรยศได้แล้ว คัลแลนจึงทำให้องค์กรลับวุ่นวายไปหมดเมื่อถูกเปิดเผยขึ้นมา และคัลแลนก็ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแล้ว เขากับเมอรินัสจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในที่สุด

............................................................

เป็นนิยายที่อ่านๆไปสักพักแล้วจะหยุดชะงักพร้อมร้องออกมาว่า 'หืมม์ นี่มันอะไรกัน' ทั้งๆที่พลอตเรื่องแทบไม่ได้ต่างกับชุด New Species ที่เราได้อ่านมาก่อนหน้านี้เลย แต่เรารู้สึกว่านิสัยตัวละครของเรื่องนี้ดูงุนงงสับสนแปลกๆ โดยเฉพาะนิสัยของเมอรินัสที่เราไม่เข้าใจเธอจริงๆ เวลาเธอร้อนรุ่มต้องการพระเอก เธอจะแสร้งทำตาปรือเยิ้มฉ่ำ ปากเผยออ้าเล็กน้อย ทำเสียงเล็กเสียงน้อยบอกพระเอกว่า 'please...please' หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ...เธอเหมือนจะได้สติและกรีดกรายบอกว่า 'ต่อไปห้ามมายุ่งกับฉันนะยะ !! ห้ามมาแตะตัวฉัน ฉันไม่ได้ใช่หนูทดลองของใครทั้งนั้นนะยะจะบอกให้'

คือมันวนไปวนมาอย่างนี้ประมาณสามสี่รอบได้ ไอ้คนอ่านอย่างเราก็รู้สึกหัวทิ่มหัวตำ เปลี่ยนอารมณ์ตามนางเอกไม่ทัน อีกสิ่งที่รู้สึกไม่ชอบคือ...สไตล์การเขียนของลอร่า ลีย์ที่อ่านจบประโยคแล้วต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่ นางต้องการจะสื่ออะไรบางทีก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ สรรพนามนี้กล่าวถึงคนไหน ประโยคสนทนาที่คุยกันอยู่ดีๆก็กระโดดไปคุยอีกเรื่องเฉยเลย ที่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือตลอดทั้งเรื่องนางเอกจะน้ำเดินตลอดเวลา สงสัยถ้ามีหน่วยวัดได้คงเป็นกะละมังได้แล้วล่ะ สถานการณ์ซ้ำซาก เซ็กซ์ซีนวนไปวนมา บทบรรยายซ้ำซากไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือแปลกใหม่

แล้วจู่ๆพระนางก็สารภาพรักกัน เรางี้รู้สึกสะเทือนใจมาก สงสัยว่าไปแอบรักกันตอนไหน ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย อยากร้องไห้มากที่สุดคือตอนจบนี่แหละ จบแบบ...ฉับ !!! ให้ความรู้สึกเหมือนคนเขียนขี้เกียจแต่งต่อเลยให้จบแบบนี้ละกัน

บอกเลยว่าถ้าอ่านนิยายเล่มนี้สัก 10 ปีที่แล้ว มันจะพระเจ้าจอร์จ สุดยอดมาก!! แต่หลังจากยุคหลังๆที่มีนิยายอิโรติคเขียนฉากฮอตได้ดีหลายเรื่อง เราเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ร้อนแรงเท่าไร อ่านไปนี่ก็เลิกถามหาความสมเหตุสมผลไปตั้งแต่สิบหน้าแรก เว่อร์วังอลังการประหนึ่งว่าตัวละครซัดไวอากร้าเข้าไปทั้งเรื่อง แต่ก็เข้าใจนะ นี่มัน Mating Frenzy... นี่นา

คะแนน 6.5/10

Jun 11, 2015

Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (Harry Potter #3)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ

For twelve long years, the dread fortress of Azkaban held an infamous prisoner named Sirius Black. Convicted of killing thirteen people with a single curse, he was said to be the heir apparent to the Dark Lord, Voldemort.

Now he has escaped, leaving only two clues as to where he might be headed: Harry Potter’s defeat of You-Know-Who was Black’s downfall as well. And the Azkaban guards heard Black muttering in his sleep, “He’s at Hogwarts… he’s at Hogwarts.”

Harry Potter isn’t safe, not even within the walls of his magical school, surrounded by his friends. Because on top of it all, there may be a traitor in their midst.

REVIEW

นักโทษแหกคุกอย่าง ซีเรียส แบล็ค กลายเป็นอันตรายอันดับหนึ่งของแฮร์รี่ พอตเตอร์ หลังจากที่เขาต้องกลับเข้าเรียนในฮอกวอตส์อีกครั้งภายใต้มาตรการเข้มงวดที่ป้องกันโรงเรียนจากแบล็ค โดยมีผู้คุมวิญญาณรายล้อมอยู่รอบนอกคอยสังเกตการณ์และเฝ้าระวัง แฮร์รี่มีประสบการณ์อันเลวร้ายกับผู้คุมวิญญาณบนรถไฟนั่นจึงกลายเป็นความหวาดกลัวอันหนึ่งของเขาไปในตอนนี้ อาจารย์สอนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่คือลูปิน ผู้ซึ่งสอนให้แฮร์รี่รู้จักการเสกคาถาผู้พิทักษ์และสามารถที่จะเผชิญหน้ากับผู้คุมวิญญาณ

การแข่งขันควิดดิชลุล่วงไปด้วยดีหลังจากที่แฮร์รี่พ่ายแพ้ในครั้งแรกเพราะผู้คุมวิญญาณที่ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของโรงเรียน แต่สองนัดหลังจากนั้นแฮร์รี่ก็สามารถตีเสมอสลิธีรินและเอาชนะได้ในที่สุด ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่กริฟฟินดอร์ได้ครองถ้วยควิดดิช สิ่งที่คาใจสำหรับแฮร์รี่คือ...กริม... ลางร้ายในคาบทำนายโชคชะตาของทรีลอว์นีย์ เขาเห็นมันเพ่นพ่านอยู่ในบริเวณโรงเรียนในคราบของสุนัขสีดำตัวใหญ่ แล้วไหนจะเรื่องที่แบล็คสามารถบุกปราการเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นกริฟฟินดอร์ได้อีก สิ่งเหล่านี้ทำให้อาจารย์ในโรงเรียนต่างเพิ่มมาตรการป้องกันขึ้นกว่าเดิม

เมื่อฮิปโปกริฟฟ์ของแฮกริดถูกโทษประหาร เย็นวันนั้นแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินทางเพื่อไปพบแฮกริด ระหว่างขากลับเขาได้หมาสีดำตัวใหญ่ที่ลากรอนเข้าโพรงของต้นวิลโลว์ เมื่อแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ตามไปช่วย พวกเขาจึงพบว่าหมาตัวนั้นคือซีเรียส แบล็คนั่นเอง แฮร์รี่ได้ฟังความจริงจากแบล็ค พ่อทูนหัวของเขา เขาจึงรู้ว่าในคืนที่พ่อแม่ของเขาถูกฆ่า เพ็ตติกรูว์ได้ทรยศหักหลังพ่อแม่ของเขาในฐานะผู้รักษาความลับ หลังจากที่แบล็คตามไล่ล่าเพ็ตติกรูว์นั้น เพ็ตติกรูว์ได้กลายร่างเป็นหนูแล้วทิ้งนิ้วไว้ให้คนอื่นเชื่อว่าเขาได้ตายไปแล้ว ซึ่งหนูตัวนั้นก็คือสแคบเบอร์ สัตว์เลี้ยงของรอนนั่นเอง การโยนของผิดไปให้แบล็คของเพ็ตติกรูว์นั้นทำให้แบล็คต้องติดคุกอัซคาบันเป็นเวลาหลายปี

ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีเมื่อแบล็คกับลูปินร่วมมือกันจนจับเพ็ตติกรูว์ไว้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงที่ทำให้ลูปินต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ซีเรียส แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ถูกผู้คุมวิญญาณโจมตีจนหมดสติไปและสเนปก็จับได้แบล็คส่งให้ทางการได้สำเร็จ แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่จึงหาทางเพื่อที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ทั้งหมดใหม่อีกครั้งผ่านทางสร้อยคอของเฮอร์ไมโอนี่ที่เธอได้รับมาตอนต้นเทอม คราวนี้พวกเขาจึงช่วยทั้งบัคบีคและแบล็คให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าได้สำเร็จ

..........................................................................

เล่มนี้แค่อ่านเฉพาะการแข่งควิดดิชก็สนุกจนจะเป็นบ้าแล้ว จำได้ว่าภาพยนตร์ตัดฉากควิดดิชออกไปสองฉาก เหลืออยู่ฉากเดียวตอนที่แฮร์รี่ร่วงลงมาจากไม้กวาดนั่นแหละ แต่ในหนังสือนี่จัดเต็ม โดยเฉพาะรอบชิง อ่านไปจิกเท้าไป ลุ้นมาก สนุกมาก ประหนึ่งขี่ไฟร์โบลต์ลงสนามซะเอง 555 เรามีความรู้สึกว่า Prisoner of Azkaban ลดความแฟนตาซีล้ำๆออกไปจากสองเล่มที่แล้วอย่างชัดเจน และใส่ความดาร์คเข้ามานิดหน่อยให้เนื้อเรื่องมันแลดูทะมึน ไม่ได้สดใสเหมือนกับสองเล่มก่อนหน้ามากนัก อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบในเล่มนี้คือบรรยากาศที่ดูชื้นแฉะตลอดทั้งเรื่อง อ่านไปนี่ก็รู้สึกเย็นๆดีเพราะในหนังสือฝนตกบ่อยมากๆ

พูดเลยว่า Prisoner of Azkaban คือการกระโดดจาก Childrens มาเป็น Young Adult จะเห็นได้ก็ตรงที่ตัวละครไม่ได้โบกไม้กายสิทธิ์เพื่อร่ายเวทมนตร์ตลอดเวลาเหมือนกับสองเล่มแรกแล้ว แต่เล่มนี้เริ่มมีการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครเข้ามาด้วย ความรัก ความโกรธ และมิตรภาพ ดังนั้นใครที่ติดใจกับสองเล่มแรกที่เสกคาถา ทำควิซ แก้ปริศนา เป็นอัศวินขี่ม้าขาวเพื่อไปช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยาก ก็อาจจะผิดหวังกับเล่มนี้ ขนาดเราอ่านจบมาหลายรอบ โดยเฉพาะรอบนี้ที่อ่านจบแล้วต้องนั่งกระพริบตารัวๆ รู้สึกแปลกๆว่าทำไมอารมณ์ตอนอ่านจบมันไม่ได้เห็นจะเหมือนกับสองเล่มที่แล้วหว่า? เราเลยนั่งนึกตั้งนานถึงรู้ว่าปัญหาของเราอยู่ตรงไหน...

แล้วเราก็รู้ว่าปัญหาของเราตลอดที่อ่านเล่มนี้คือการเทียบแต่ละฉากในหนังสือกับภาพยนตร์แบบฉากต่อฉากในหัว ซึ่งถ้าทำแบบนั้นแล้ว ทุกอย่างในหนังสือจะดูเบาไปหมดเลยทันที จำได้ว่าเราดูหนังภาคนี้ในโรง ตอนเดินออกมานี่เรารู้เลยว่านี่จะเป็นแฮร์รี่ภาคที่เราประทับใจที่สุด เพราะทุกอย่างมันแรง มันเข้มข้น ผู้กำกับอย่าง Alfonso Cuarón เราว่าเค้าเก่งเรื่องกระชากอารมณ์คนดู และใส่ลำดับเหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่ามันพอดีลงตัวไปหมด ไม่มีตรงไหนขาดหรือเกินเลย น่าเสียดายที่ผกก.คนนี้กำกับแฮร์รี่ภาคนี้แค่ภาคเดียว (ใครพอจะนึกอารมณ์ของภาพยนตร์ไม่ออก เราแนะนำให้ลองไปดู Gravity แล้วจะรู้สึกว่าหนังอวกาศธรรมดา แต่ทำออกมาได้เข้มข้นเร้าใจมากๆ แม้ว่าเราจะชอบความล้ำของ Interstellar มากกว่าหน่อยก็เถอะ แต่ยกให้โนแลนเค้าไปเนอะ ผกก.ขึ้นหิ้งละคนนั้น  555)

คาแรคเตอร์ที่เราชอบมากที่สุดคือ ซีเรียส แบล็ค ... ผู้ชายธรรมดาที่ถูกใส่ร้าย โรว์ลิ่งเขียนบทออกมาได้ซาบซึ้งมากๆในจดหมายบทสุดท้ายที่แบล็คบอกกับแฮร์รี่ว่าเขาตามไปดูแฮร์รี่แข่งควิดดิชนะ เรานี่น้ำตาจะไหล ก็คอยจะนึกไปถึงภาคห้าอยู่เรื่อย ตอนที่นังเบลลาทริกซ์เสกอะวาดา-เค-ดาฟรา ตอนดูในโรงนี่แทบจะปาถังป็อปคอร์นใส่จอหนัง 555 แววตาของแบล็คตอนลมหายใจเฮือกสุดท้าย นี่มันแบบ ไม่นะ !!! ม่ายยยยยยยยยยย นี่ถ้าสามารถเลือกตัวละครที่ถูกฆ่าตายไปแล้วให้คืนชีพได้นะ เราจะเลือกซีเรียส แบล็คนี่แหละ ดัมเบิลดอร์แก่แล้วไม่เป็นไร อีกไม่นานก็ซี้แหงเนอะ 555 แต่คือ..แบล็คนี่เราอยากให้มาอยู่เป็นพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ไปตลอดเลยจริงๆ #ร้องไห้แป๊บ #อินมาก

คะแนน 10/10


Jun 10, 2015

Harry Potter and the Chamber of Secrets (Harry Potter #2)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Chamber of Secrets
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ


The Dursleys were so mean and hideous that summer that all Harry Potter wanted was to get back to the Hogwarts School for Witchcraft and Wizardry. But just as he’s packing his bags, Harry receives a warning from a strange, impish creature named Dobby who says that if Harry Potter returns to Hogwarts, disaster will strike.

And strike it does. For in Harry’s second year at Hogwarts, fresh torments and horrors arise, including an outrageously stuck-up new professor, Gilderoy Lockhart, a spirit named Moaning Myrtle who haunts the girls’ bathroom, and the unwanted attentions of Ron Weasley’s younger sister, Ginny.

But each of these seem minor annoyances when the real trouble begins, and someone — or something — starts turning Hogwarts students to stone. Could it be Draco Malfoy, a more poisonous rival than ever? Could it possibly be Hagrid, whose mysterious past is finally told? Or could it be the one everyone at Hogwarts most suspects… Harry Potter himself!

REVIEW

แฮร์รี่ พอตเตอร์ต้องเผชิญหน้ากับเอลฟ์ประจำบ้านที่บุกมาหาเขาถึงบ้านเดรอสลีย์เพื่อเตือนไม่ให้เขากลับไปยังฮอกวอร์ต ไหนจะเรื่องที่ประตูชานชาลาเก้าเศษส่วนสี่ปิดลงและขัดขวางไม่ให้เขากับรอนขึ้นรถไฟไปยังฮอกวอร์ตได้อีกล่ะ แฮร์รี่กับรอนจึงต้องขับรถบินได้มาถลาลงที่ต้นวิลโลว์อันเก่าแก่ของโรงเรียน โชคดีที่พวกเขาไม่ถูกไล่ออก ก่อนที่แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโมนี่จะค้นพบปริศนาใหม่ที่คนภายในโรงเรียนถูกสาปให้กลายเป็นหิน ! พร้อมกับตัวอักษรสีแดงบนผนังว่า 'ห้องแห่งความลับได้ถูกเปิดออกแล้ว'

แฮร์รี่สามารถพูดพาร์เซลเมาท์ได้ นั่นทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นทายาทแห่งสลิธีรีนผู้ชั่วร้ายที่เป็นผู้เปิดห้องแห่งความลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อแฮร์รี่พบกับสมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ลในห้องน้ำ เขาก็รู้ว่าเมื่อห้าสิบปีก่อน ห้องแห่งความลับถูกเปิดออกมาโดยฝีมือของแฮกริดและได้ปลดปล่อยสัตว์ร้ายน่ากลัวออกมาทำร้ายผู้คนในปราสาท แต่ทุกอย่างดูไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นแฮร์รี่จึงไปพบกับอาราก็อก แมงมุมที่แฮร์รี่ฟูมฟักเอาไว้ในปราสาทและถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ร้ายที่สาปทุกคนให้กลายเป็นหิน แต่ความจริงแล้วทั้งหมดนั่นไม่ใช่ฝีมือของอาราก็อกเลย แต่เป็นฝีมือของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากมายนัก แม้ว่ากระทั่งแมงมุมก็ไม่กล้าเอ่ยถึง

เบาะแสชิ้นสำคัญที่แฮร์รี่คิดได้หลังจากเฮอร์ไมโอนี่ถูกสาปเป็นหิน คือเมอร์เทิลคือเหยื่อสังเวยเมื่อห้องแห่งความลับถูกเปิดออกในคราที่แล้ว หลังจากนั้นจินนี่ก็ถูกลักพาตัวไปพร้อมกับคำขู่ว่ากระดูกของเธอจะอยู่ในห้องแห่งความลับชั่วนิรันดร์ แฮร์รี่จึงต้องรีบค้นพบทางเข้าห้องความลับ ที่นั่นเขาได้พบกับทอม ริดเดิ้ล แต่นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวจากความทรงจำที่อยู่ในสมุดบันทึก ริดเดิ้ลสูบพลังชีวิตไปจากจินนี่ผ่านการพูดคุยทางบันทึก เพราะเขาคือตัวตนในอดีตของโวลเดอมอร์ เขาสงสัยว่าทำไมแฮร์รี่จึงมีชีวิตรอดมาจากคืนที่ถูกโวลเดอมอร์สังหารได้ ดังนั้นริดเดิ้ลจึงท้าทายแฮร์รี่อีกครั้งโดยการปลดปล่อยบาซิลิสก์ออกมา แฮร์รี่ต่อสู้กับบาซิลิสก์และสามารถเอาชนะได้ในที่สุดภายใต้ความช่วยเหลือจากฟอกซ์ นกฟินิกซ์ของดัมเบิลดอร์ และดาบจากก็อดดริก กริฟฟินดอร์

.............................................................................

แปลกใจตัวเองว่าทั้งๆที่เคยอ่านแล้ว ดูหนังแล้ว รู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้ว ... แต่ทำไมถึงยังอ่านได้สนุกอยู่ เราชอบการไขปริศนาในเล่มนี้ที่ไม่ได้แบนราบเหมือนในเล่มที่แล้ว สำหรับแฮร์รี่ในเล่มนี้ไม่ได้เก่งกาจเหมือนในหนัง โดยเฉพาะตอนท้าย...ฉากที่แฮร์รี่สู้กับบาซิลิสก์ จะรู้เลยว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และนั่นแหละที่เราคิดว่ามันดูเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะเด็กๆอายุเท่านี้ไปต่อสู้กับงูยักษ์ได้นี่ต้องเจ๋งมากๆนะ ! (ถ้าเป็นเราน่ะหรอ !? หึ ! กรีดร้องวิ่งหนีไปตั้งแต่ปากอุโมงค์แล้วจ้า 555)

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ ... สมุดบันทึกของริดเดิ้ลคือฮอร์ครักซ์ชิ้นแรก(ถ้าใครอ่านเล่ม 6 มาแล้วจะจำได้) แต่โรว์ลิงสามารถสร้างเรื่องออกมาให้คนอ่านไม่รู้ตัวเลยว่านี่คือคีย์สำคัญที่จะนำไปสู่การทำลายโวลเดอมอร์ บอกตรงๆเลยว่าสำหรับภาคนี้ดูหนังแล้วไม่เคลียร์เป็นบางประเด็น แต่มาอ่านหนังสือคือทุกอย่างเคลียร์มาก มีเรื่องที่ว่าบาซิลิสก์กลัวไก่ !!! ริดเดิ้ลก็เลยสั่งจินนี่ไปฆ่าไก่ให้หมด (ซึ่งในหนังไม่ได้กล่าวเอาไว้)

ชอบอ่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ... ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมายังไง อ่านกี่รอบก็รู้สึกอิ่ม ไม่เบื่อ ยิ่งอ่านครั้งหลังๆนี่เก็บรายละเอียดทุกบรรทัด ทุกคำพูด พยายามตีความหมายโดยนัยจากรูปประโยค(แต่จริงๆแล้วไม่น่าจะมีอะไรหรอก) อ่านจบแล้วรู้สึกทึ่งว่าคนๆนึงสามารถเขียนเรื่องออกมาได้น่าสนใจขนาดนี้ได้ แถมไม่มีตรงส่วนไหนของหนังสือที่เราจะกล้าพูดว่า 'ดรอป' เลยจริงๆ พีคหมด...พีคแม้กระทั่งฉากลอร์คฮาร์ดแต่งชุดสีชมพูวันวาเลนไทน์ 555 คือลอร์คฮาร์ดในหนังสือคาแรคเตอร์จะดูเป็นคนตลก หลงตัวเอง เจ้าเล่ห์นิดๆ แต่เรารู้สึกในว่าในหนังดูไม่ค่อยตลกยังไงก็ไม่รู้ แต่ส่วนที่เหลือก็ทำได้ดีนะ

คะแนน 10/10


Jun 7, 2015

Harry Potter and the Sorcerer's Stone (Harry Potter #1)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Sorcerer's Stone
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic

เรื่องย่อ


Harry Potter has never played a sport while flying on a broomstick. He's never worn a Cloak of Invisibility, befriended a giant, or helped hatch a dragon. All Harry knows is a miserable life with the Dursleys, his horrible aunt and uncle, and their abominable son, Dudley. Harry's room is a tiny cupboard under the stairs, and he hasn't had a birthday party in ten years.

But all that is about to change when a mysterious letter arrives by owl messenger: a letter with an invitation to a wonderful place he never dreamed existed. There he finds not only friends, aerial sports, and magic around every corner, but a great destiny that's been waiting for him... if Harry can survive the encounter.

REVIEW

แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นพ่อมด จนกระทั่งวันที่แฮกริดมาหาเขาถึงหน้าประตู หลังจากนั้นชีวิตของแฮร์รี่ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาตายเพราะถูกโวลเดอร์มอร์ฆ่า เปิดเทอมใหม่นี้แฮร์รี่ต้องเดินเข้าสู่ประตูโรงเรียนฮอกวอร์ตและได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างรอน วีสลีย์และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เมื่อแฮร์รี่ถูกเล็งเห็นว่าเขามีฝีมือในการขี่ไม้กวาด นั่นทำให้เขาถูกชักชวนเข้าแข่งขันควิชดิชในตำแหน่งซีกเกอร์

ควีเรลล์คือผู้สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด และความจงเกลียดจงชังจากสเนปทำให้แฮร์รี่คิดว่าเขามีแผนชั่วร้ายบางอย่างอยู่ เมื่อแฮร์รี่ทราบข่าวว่ากริงก็อสต์ถูกปล้นในวันที่แฮร์รี่ไปถึงแต่ไม่มีอะไรสูญหาย นั่นทำให้แฮร์รี่เริ่มตระหนักกว่าสิ่งที่กำลังจะถูกขโมยนั้นคือศิลาของนิโคลัส แฟลมเมล ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ แฮร์รี่รู้ว่าสเนปต้องอยู่หลังเหตุการณ์ครั้งนี้แน่ๆ ทั้งเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่จึงต้องรีบหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

เมื่อแฮร์รี่ต้องผ่านประตูกลโดยมีฟลัฟฟี่เฝ้าอยู่ ไปจนถึงกับดักมาร การไล่จับกุญแจบินได้ เมื่อถึงสนามหมากรุกที่รอนต้องใช้ความสามารถของเขาและการเสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อทำให้แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ผ่านไปยังห้องที่ต้องดื่มยาพิษและผ่านกำแพงไฟไปให้ได้ จนถึงด่านสุดท้ายที่แฮร์รี่ต้องผจญกับคนที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อน นั่นก็คือ...ควีเรลล์ซึ่งกำลังจับจ้องไปยังกระจกเงาแอริเซดเพื่อเอาศิลาออกมา ภายใต้ผ้าโพกหัวนั้นคืออีกใบหน้าหนึ่งของโวลเดอร์มอร์ แฮร์รี่ต่อสู้สุดตัวจนหมดสติ หลังจากนั้นเขาจึงพบว่าดัมเบิลดอร์มาช่วยเขาไว้และศิลาของนิโคลัสนั้นได้ถูกทำลายลงไปแล้ว...

............................................................

จะมีหนังสือสักกี่เล่มที่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบๆปี พอย้อนกลับมาอ่านใหม่แล้วความสนุกยังเท่าเดิม(หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ) สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ในความคิดของเราคือนิยายคลาสสิคมากๆ และแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ฉบับแปลไทยของนานมีบุ๊คส์นี่แหละ คือหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่เราหยิบขึ้นมาอ่าน (ตอนนั้นจำได้ว่า 6 ขวบมั้ง แล้วก็อ่านช้ามากๆ เพราะภาษาไทยยังไม่แตกฉาน 555)

ผ่านไป 15 ปี กับปกใหม่ฝีมือของ Kazu Kibuishi เราเห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักแล้ว (ปกเก่าเราก็ชอบนะ ให้อารมณ์ First impression ไปแล้วเวลาหนังสือแต่ละเล่มออกวางขาย) แต่เราไม่อยากจะเชื่อว่าพอเห็นหน้าปกครบรอบ 15 ปีนี้จะทำให้เราอยากหยิบแฮร์รี่ขึ้นมาอ่านอีกครั้งได้สำเร็จ คราวนี้เราเลยตัดสินใจซื้อต้นฉบับของสำนักพิมพ์ Scholastic มาอ่าน และพบว่า...อืม ! อารมณ์มันต่างจากฉบับแปลไทยจริงๆอย่างที่หลายคนเค้าว่ากันนั่นแหละ

ไม่อยากจะรีวิวอะไรมาก รู้สึกว่าตัวเองมิอาจเอื้อมที่จะไปชำแหละวรรณกรรมดีๆแบบนี้ 555... ทุกอย่างดีเลิศ เพอร์เฟ็ค ตั้งประโยคแรก "Mr and Mrs Dursley, of number four, Privet Drive, were proud to say that they were perfectly normal, thank you very much " ที่รู้สึกว่ามันมีมนต์ขลังอยู่ในตัว

นี่เป็นหนังสือนี่เอามาอ่านใหม่แล้วก็ยังปลื้มมากๆ เรียกได้ว่าเราเติบโตมาพร้อมกับหนังสือชุดนี้จริงๆ ขอบคุณเจเคโรว์ลิ่งที่ทำให้วัยเด็กของเราเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากๆ เด็กรุ่นหลังคงไม่ได้มาสัมผัสอารมณ์การรอคอยหนังสือแต่ละเล่มเวลาจะออกวางขาย รู้ว่ามันตื่นเต้นมากขนาดไหน พอได้มานี่แทบจะเปิดอ่านซะตรงหน้าร้านหนังสือเลย ยิ่งตอนที่ได้เล่ม Deathly Hallows มาเนี่ย เรายืนร้องไห้หน้าร้านหนังสือประหนึ่งว่าชนะการแข่งขันเวทไตรภาคีเลยนะ 555

คะแนน 10/10

Jun 6, 2015

The Duchess War (Brothers Sinister #1)


ชื่อเรื่อง The Duchess War
จากชุด Brothers Sinister
ผู้แต่ง Courtney Milan
โรมานซ์ ย้อนยุค

เรื่องย่อ

Sometimes love is an accident.

This time, it’s a strategy.


Miss Minerva Lane is a quiet, bespectacled wallflower, and she wants to keep it that way. After all, the last time she was the center of attention, it ended badly--so badly that she changed her name to escape her scandalous past. Wallflowers may not be the prettiest of blooms, but at least they don't get trampled. So when a handsome duke comes to town, the last thing she wants is his attention.

But that is precisely what she gets.

Because Robert Blaisdell, the Duke of Clermont, is not fooled. When Minnie figures out what he's up to, he realizes there is more to than her spectacles and her quiet ways. And he's determined to lay her every secret bare before she can discover his. But this time, one shy miss may prove to be more than his match...

REVIEW

ใบปลิวที่แปะไปทั่วเมืองกำลังจะทำให้ชีวิตของมินนี่ย่อยยับ ถ้าผู้คนร่วมขุดอดีตของเธอจากสิ่งนี้ แต่เมื่อหล่อนพบกับโรเบิร์ต ดยุคแห่งเคลร์มอนต์ในงานเต้นรำ มินนี่คิดได้ว่าการที่จะปกปิดความจริงในอดีตของเธอต้องยอมเสี่ยงในการแบล็คเมล์โรเบิร์ต เพราะมินนี่คิดว่าเขาเป็นผู้กระทำการทั้งหมดนี่ เมื่อสัญชาตญาณของเธอถูกต้องและโรเบิร์ตยอมเสี่ยงที่จะยอมยื่นไพ่ใบสำคัญสู่มือของมินนี่ หล่อนก็ไม่แน่ใจว่านั่นจะเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ เมื่อจุมพิตที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองนั้นยากที่จะปัดเป่าออกไปจากใจทั้งคู่ได้

มินนี่มีอดีตและตัวตนที่เธอต้องปกปิดเอาไว้ เธอเคยเป็นหญิงสาวที่ชื่อมิเนอร์ว่า เลนมาก่อน และชื่อเสียงของเธอก็ต้องพังทลายเมื่อสังคมประมาณว่ามิเนอร์ว่าคือคนโกหกหลอกลวงที่แต่งตัวเป็นผู้ชายมาตลอด ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วพ่อของมิเนอร์ว่าจับเธอแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กๆเพื่อที่จะทำให้เธอเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกโดยไม่ต้องมีผู้ติดตาม แต่เมื่อความแตก...พ่อของมิเนอร์ว่ากลับโยนทุกอย่างมาให้ลูกสาวจนทำให้เธอโดนผู้คนปาหินใส่และกลัวที่จะอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากไปโดยปริยาย

เมื่อโรเบิร์ตของมินนี่แต่งงาน เธอก็เผยความลับให้เขาฟังว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือมิเนอร์ว่า เลน แต่โรเบิร์ตก็ไม่ได้คิดจะตัดสินเธอเลย เขาแค่ต้องการใครสักคนที่จะรักเขาจริงๆ จนกระทั่งโอลิเวอร์ น้องชายต่างบิดาของโรเบิร์ตถูกใส่ความว่าเป็นคนปรินท์ใบปลิวปลุกระดมเองทั้งหมด โอลิเวอร์จึงถูกจับเข้าคุกและโรเบิร์ตก็ต้องแก้ต่างให้น้องชายของเขา เพราะยังไงการที่เขาเป็นถึงดยุคนั้นก็ไม่มีใครมาทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว ดังนั้นเป้าหมายจึงเล็งไปที่โอลิเวอร์แทน

โรเบิร์ตตัดสินใจที่จะทำร้ายมินนี่เพื่อทำให้น้องชายเขาพ้นผิดให้ได้ โรเบิร์ตไม่คิดว่าการที่จะเปิดโปงมินนี่ต่อฝูงชนด้วยเรื่องในอดีตของเธอจะทำให้มินนี่ยกโทษแก่เขาได้ แต่จริงๆแล้วมินนี่ก็ยกโทษให้โรเบิร์ตอยู่ดี เพราะเธอคิดว่าไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็ต้องขุดคุ้ยเรื่องของเธอมาจนได้...

............................................................

อ่านตอนแรกไปได้ไม่กี่บท หยุดยาวไปเป็นอาทิตย์ๆเลย ไม่อยากอ่านต่อ...คิดว่าเนื้อเรื่องช่วงแรกมันเอื่อยๆเรื่อยๆ บทสนทนาบางช่วงยืดยาว อ่านแล้วง่วง... จนเมื่อวานหยิบเรื่องนี้มาอ่านใหม่อีกครั้ง แล้วก็อ่านรวดเดียวจบเลยนะ เนื้อเรื่องพอเลยช่วงกลางๆไปแล้วค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย โรเบิร์ตเป็นดยุคที่ครั้งแรกเรามองว่าเก่งกาจ มี tactics ในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ แต่พออ่านจบแล้ว...ขอเปลี่ยนคำพูดเถอะ!

โรเบิร์ตไม่ได้ฉลาดอย่างที่เราคิดเอาไว้เลย แอบโง่ทุยๆเป็นบางโอกาสซะด้วยซ้ำ เขาเป็นพระเอกที่บกพร่อง ไม่ได้สมบูรณ์แบบเพราะเขาพยายามทำตัวไม่ให้เหมือนพ่อตัวเองที่ทำตัวเสเพลจนไปข่มขืนผู้หญิงคนอื่นจนท้อง และโรเบิร์ตเป็นผู้ชายที่โรแมนติค(ตามที่หนังสือได้กล่าวเอาไว้) แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครมารักเขาจริงๆ เพราะแม่ของเขาด้วยแหละที่ไม่ดูแลใส่ใจเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่เลยทำให้เด็กโตมาด้วยความหวาดระแวง คิดว่าตัวเองมีตำหนิ และพยายามชดใช้ชดเชยในส่วนนั้นจนบางทีเราก็รู้สึกสงสาร

ส่วนนางเอกในช่วงแรกของหนังสือ หวาดกลัวระริกจนตัวสั่น ระแวงว่าจะมีใครมาขุดคุ้ยความลับของนาง ไอ้คนอ่านอย่างเราก็อยากรู้ว่าความลับของนางเอกจะแค่ไหนกันเชียว พอเปิดเผยมาละขำเลย คือมันเป็นปัญหาที่คนอ่านอย่างเรามองแล้วตลกอ่ะ แต่ถ้าเป็นตัวละครในเนื้อเรื่องก็คงจะรู้สึกไปอีกแบบมั้ง 555

ตอนจบรู้สึกว่าตัดห้วนไปนิด น่าจะมีบทหวานๆมากกว่านี้อีกสักหน่อย แต่โดยรวมแล้วช่วงครึ่งหลังอ่านได้สนุกดี มีความไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง การแก้ปัญหาในตอนท้ายดูแปลกๆ ความคิดพระเอกดูรวนๆให้อารมณ์เหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนโปรแกรมมาว่าต้องแก้สมการตามเงื่อนไขเหล่านี้เท่านั้น ห้ามเลี้ยวไปไหนหรือใช้สูตรลัดใดๆ คือเรื่องทั้งเรื่องไม่ค่อยประทับใจตัวเลือกในการแก้ปัญหาของพระเอกในตอนท้ายเท่าไร เลยรู้สึกว่าทั้งเรื่องมันไม่ได้หวานอย่างที่เราคาดเอาไว้เลยแฮะ

คะแนน 7/10

Jun 5, 2015

Kiss of Snow (Psy-Changeling #10)


ชื่อเรื่อง Kiss of Snow
จากชุด Psy-Changeling
ผู้แต่ง นลินี ซิงห์
โรมานซ์ เหนือจริง

เรื่องย่อ

Since the moment of her defection from the PsyNet and into the SnowDancer wolf pack, Sienna Lauren has had one weakness. Hawke. Alpha and dangerous, he compels her to madness.

Hawke is used to walking alone, having lost the woman who would've been his mate long ago. But Sienna fascinates the primal heart of him, even as he tells himself she is far too young to handle the wild fury of the wolf.

Then Sienna changes the rules and suddenly, there is no more distance, only the most intimate of battles between two people who were never meant to meet. Yet as they strip away each other's secrets in a storm of raw emotion, they must also ready themselves for a far more vicious fight…

A deadly enemy is out to destroy SnowDancer, striking at everything they hold dear, but it is Sienna's darkest secret that may yet savage the pack that is her home…and the alpha who is its heartbeat…

REVIEW

หลายปีผ่านไปที่เซียนน่ามาหลบภัยอยู่กับฝูงสโนว์แดนเซอร์ของฮอว์ค บัดนี้เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และความรู้สึกพิเศษที่เธอมีต่อฮอว์คก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ฮอว์คต้านทานความรู้สึกยามที่เขามองดูเซียนน่าไม่ไหว แต่เขาก็พยายามต่อต้านสัญชาตญาณของตนเองเรื่อยมา เซียนน่าเพิ่งอายุสิบเก้า และเขาก็อายุมากกว่าเธอหลายปี รวมถึงความจริงที่ว่าคู่ของฮอว์คได้ตายไปตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นเด็กๆแล้ว ดังนั้นเขากลัวว่าถ้าเขายอมให้ตัวเองไปรักกับเซียนน่าล่ะก็...สิ่งที่เขามอบให้เธอจะไม่มากพอ

เฮนรี่ สกอตต์ยังไม่หยุดแผนการณ์ชั่วร้ายง่ายๆ เมื่อเขาเดินหน้าโจมตีเชนจิงค์จนได้รับบาดเจ็บ หัวหน้าฝูงทั้งดาร์คริเวอร์และสโนว์แดนเซอร์ต่างวางแผนเอาคืนไซผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ เมื่อจัดจ์และเซียนน่าถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ ทำให้ฮอว์คอยู่ไม่สุขเพราะกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเซียนน่า ส่วนพลัง X คาร์ดินัลในตัวของเซียนน่าเริ่มเหนือการควบคุม ระหว่างนั้นฝูงสโนว์แดนเซอร์ก็กำลังเตรียมแผนการตั้งรับทัพของเพียวไซที่กำลังจะบุกมาถึงเขตแดนของพวกเขาในอีกไม่นาน

เมื่อการปะทะระหว่างเชนจิงค์และไซมาถึง หมิง เลอบงไม่ใช่ผู้นำทัพแต่เป็นเฮนรี่ สก็อตต์ที่ต้องการกำจัดเชนจิงค์ให้สิ้นซาก เมื่อฝูงสโนว์แดนเซอร์อ่อนกำลังลง ไพ่ใบสุดท้ายจึงถูกเปิดออก ... พลัง X คาร์ดินัลที่ถึงขีดจำกัดของเซียนน่าก่อให้เกิดพลังซูเปอร์โนว่าที่กวาดล้างฝ่ายศัตรูจนหมดสิ้น เพลิงของเธอเผาผลาญทุกอย่างเหลือเพียงแต่เถ้าถ่าน ระหว่างที่เซียนน่ากำลังจะตายในสนามรบ ฮอว์คจึงตัดสินใจสร้างเมทติ้งบอนด์เพื่อช่วยชีวิตเธอขึ้นมา นั่นทำให้ฮอว์คกับเซียนน่าเป็นคู่กันอย่างสมบูรณ์

การเมทติ้งระหว่างฮอว์คและเซียนน่าทำให้เครือข่ายของลอเรนถูกโยงเข้ามาในเครือข่ายของสโนว์แดนเซอร์และพลัง X ไซคาร์ดินัลของเซียนน่าจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธออีกต่อไป เมื่อพลังของเธอสามารถถ่ายทอดไปให้ทุกคนในโครงข่ายและทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น

............................................

สำหรับเรา...หนังสือชุด Psy-Changeling เป็นหนังสือที่เปลืองพลังในการอ่านมากมาย ช่วงแรก...เนื้อเรื่องดำเนินไปแบบช้าๆเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายพยายามคุมเชิงกันอยู่ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฮอว์คกับเซียนน่าก็ไม่ไปถึงไหนสักทีเพราะฮอว์คคิดว่าคู่ของตายไปแล้วตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนมาถึงตอนท้ายนี่แหละที่เซียนน่าปล่อยพลังออกมา เรานี่เหมือนคนบ้า...หยุดอ่านไม่ได้ รีบพลิกหน้าต่อไปแบบไร้สติ สมงสมองระเบิดด้วยรายละเอียดที่นลินีปูพื้นมาแน่นตั้งแต่เล่มแรกๆ ทั้งเอเดนและวาสิคหน่วยแอร์โรวที่เราคิดว่าน่าจะเป็นพระเอกเล่มต่อไปแน่ๆ ไหนจะเดอะโกสต์ที่เราเดาไม่ผิดแน่ๆว่าต้องเป็นคนๆนั้นอ่ะ 555 >.<

มีช่วงที่ง่วง ช่วงที่อยากหยุดอ่าน แต่แข็งใจอ่านต่อ เพราะเราเชื่อมั่นในฝีมือของนลินีว่าตอนท้ายๆมันจะต้องมีการปฏิวัติเนื้อเรื่องในภาพรวมเกิดขึ้นแน่ๆ แล้วเราเดาผิดซะที่ไหนล่ะ ... ถ้าลองมองจากเล่มสิบนี้ กลับไปที่ Slave to Sensation เล่มแรกใหม่ แล้วจะรู้ว่าทุกอย่างมันมาไกลกว่าที่เราคาดเอาไว้มากๆ เรื่องผู้นำของแอร์โรวที่ถ่ายไปจากมือของหมิงไปสู่คาเลบ น่าจะเป็นประเด็นที่ถูกจับมาเล่นในเล่มต่อๆไปแน่ เราชอบความยิ่งใหญ่ของพลอตที่ไม่ใช่แค่สงครามกลวงๆแบบนิยายทั่วไป แต่มันคือการยื้อแย่งอำนาจ การวางแผนเชิงกลยุทธ์ เกมการเมือง ทั้งหมดนี้ทำให้บางครั้งเราไม่ได้โฟกัสไปที่บทโรมานซ์ในเนื้อเรื่องด้วยซ้ำ คู่หลักจะเป็นยังไงเราไม่สน เราสนแค่ว่าสภาไซจะเดินหมากยังไง แล้วเชนจิงค์จะรับมือยังไงต่อไป

ถ้าจะให้เปรียบเล่มนี้ในแง่ของบทโรมานซ์ระหว่างฮอว์คกับเซียนน่า เราว่ามันยังไม่ใช่สำหรับเราเท่าไร  แต่พลอตหลักนี่อย่างแข็ง เราพยายามมองคาแรคเตอร์ของฮอว์คโดยเอาไปเทียบกับลูคัส แล้วพบว่าตัวเองชอบคู่ของลูคัสกับซาช่ามากๆ แถมในเล่มนี้ยังมีความคืบหน้าของคู่นี้มาให้หายคิดถึงกันด้วยแหละ อย่างที่บอกว่านลินีวางพลอตนิยายชุดนี้มาเป๊ะมากๆ มี clue มาตั้งแต่เล่มแรกๆ ต้องค่อยๆอ่าน ไม่งั้นอาจจะพลาดประเด็นสำคัญไปได้ อย่างในเล่มนี้มีประเด็นเรื่องพลัง X ของเซียนน่านี่แหละที่วับๆแวมๆมาตั้งแต่เล่มก่อน พอมาเล่มนี้ละเคลียร์ชัดเจนเลย

ขอบ่นเรื่องหน้าปกนิดนึงนะว่า หน้าปกของ US นี่ไม่น่าเอากล้ามมาขึ้นปกเลย คนพาลจะเข้าใจผิดว่าเป็นนิยายที่เน้นฉากเลิฟซีนไปกันหมด ส่วนตัวเราชอบปกฉบับ UK มากๆ ให้อารมณ์เลอค่า น่าค้นหา ... 

คะแนน 8.5/10

Jun 4, 2015

Long Hard Ride (Rough Riders #1)


ชื่อเรื่อง Long Hard Ride
จากชุด Rough Riders
ผู้แต่ง Lorelei James
อีโรติค Western
สำนักพิมพ์ LJLA, LLC

เรื่องย่อ

Channing Kinkaid itches for a wild western adventure with an untamed man. Enter Colby McKay, bull rider, saddle bronc buster and calf roper. He knows he's found a woman who's up to the challenge of cutting loose. Intrigued by Channing's bold proposition to "horse around" on the road, Colby proposes sexual escapades not only in his bed, but in those of his two rodeo traveling partners. Can Channing give up total control? Especially when not all is as it seems with the sexy trio?

REVIEW

แชนนิ่งตัดสินใจที่จะกระโดดขึ้นรถไปกับโคลบี้โดยรับข้อเสนอของเขาก็คือ เธอต้องแชร์เซ็กส์กับโคลบี้ เทรเวอร์ และเอ็ดการ์ด เพราะนั่นอาจจะเป็นความฝันของแชนนิ่งก็ได้ เลยทำให้เธอรับข้อตกลงในที่สุด เมื่อโคลบี้ต้องเดินสายเก็บแต้มการแข่งขันวัวกระทิง ในตอนกลางคืนแชนนิ่งกับโคลบี้ก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าแชนนิ่งจะเคยใช้เวลาอยู่กับผู้ชายทั้งสามคนพร้อมกันไม่เท่าไร แต่เธอก็รู้ว่าความรู้สึกที่เธอมีให้กับโคลบี้นั้นมากกว่าที่เธอมีให้กับคนอื่น เมื่อแชนนิ่งพบเทรเวอร์กับเอ็ดการ์ดมีความสัมพันธ์ลับๆกัน แชนนิ่งไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าการที่เธอนั่งมองผู้ชายสองคนมีเซ็กส์กันจะทำให้เธอร้อนรุ่มได้มากขนาดนี้ แต่รักร่วมเพศคือกฎต้องห้ามในสังคมคาวบอย ดังนั้นแชนนิ่งต้องเก็บเรื่องนี้ไว้อย่างระมัดระวังที่สุด

เอ็ดการ์ดรักเทรเวอร์ เขารู้ตัวว่าตัวเองเป็นเกย์มาโดยตลอด แต่เทรเวอร์เป็นไบเซ็กซวล และเขาก็ยอมปล่อยให้คนที่เขารักมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและให้เทรเวอร์วิ่งตามความฝันของตนเองจนเอ็ดการ์ดไม่แน่ใจแล้วว่านั่นเป็นเพราะเทรเวอร์ต้องการหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์กับเขาหรือไม่ จนสุดท้ายเอ็ดการ์ดต้องไปจัดการปัญหาทางบ้าน และนั่นทำให้เขาจำเป็นต้องแยกทางกับเทรเวอร์ในที่สุด แม้ว่าเทรเวอร์จะไม่ยินดีปล่อยเอ็ดการ์ดไปตามทางของเขาก็ตาม

โคลบี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกต้นขาในการแข่งขัน ทำให้เขาต้องเข้ารักษาตัวเป็นเวลานาน หลังจากคืนสุดท้ายที่โคลบี้และแชนนิ่งได้อยู่ด้วยกัน แชนนิ่งรู้ดีว่าเธอรักโคลบี้ แต่สิ่งที่โคลบี้แสดงให้เธอเห็นมีเพียงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเธอตัดสินใจเว้นระยะเพื่อเคลียร์ปัญหาชีวิตให้เสร็จสิ้น โคลบี้ตามหาตัวแชนนิ่งเจอในที่สุด เวลานี้เขามั่นใจในความรู้สึกตัวเองแล้ว โคลบี้จึงขอแชนนิ่งแต่งงาน...

..................................................................

เป็นอีโรติคที่รู้สึก Guilty pleasure นิดๆแฮะ 555 ปกติจะอ่านแนวพระนางอย่างละคน ไม่ก็ Menage ไปเลย Multiple Partners ก็มีบ้างนะ(แต่ไม่บ่อย) พอมาอ่านเรื่องนี้ ... เนื้อเรื่องมันมีอะไรมากกว่า Menage นิดนึง ตรงที่ว่า...ผู้ชายสองคนในเรื่องคนนึงเป็นเกย์ คนนึงเป็นไบ และก็มากินกันเอง 555... แล้วทั้งสองคนก็เคยมีอะไรกับนางเอกแล้วด้วย แซ่บบบ ! เรื่องมันเลยดูเหมือนซับซ้อนและมีอะไรๆ แต่เอาจริงๆ...มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ช่วงกลางๆ-หลังๆ ผู้แต่งเขียนดีนะ มีแต่ช่วงแรกๆแหละที่เรารู้สึกว่ามันสะเปะสะปะไปหน่อยเท่านั้นเอง

คืออยากจะแนะนำว่าสำหรับคนที่อ่านเริ่มนิยายแนวๆนี้ อย่าเพิ่งมาอ่านเรื่องนี้เลย เราคิดว่ามันเกิน Erotic ไปนิด เหลื่อมๆไปทาง Pornography ด้วยซ้ำ ตัวละครใช้ภาษาถิ่นเวลาคุยกัน (คล้ายๆกับนิยายแนวพาราที่ชอบใช้เกลิคคุยกันนี่แหละ) การใช้คำอะไรนี่อธิบายละเอียดกว่าอีโรติคบางเรื่อง เวลาฟังคาวบอยคุยกันนี่มันก็เท่ไปอีกแบบนะ ฉากที่อยู่ในสนามขี่วัวกระทิงนี่เรารู้สึกว่ามันมีพลังมากกว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดเลย ให้อารมณ์...รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย แต่ชีวิตมันก็ต้องโลดโผนบ้างแหละ... นางเอกไม่คร่ำครวญอะไรมากมาย กล้าได้กล้าเสีย พระเอกก็ซึนตลอดเรื่อง ตอนท้ายรวบรัดไปนิดแต่ก็น่ารักดี เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก แต่ความสัมพันธ์ของตัวละครนี่สิ มันอิรุงตุงนังดูน่าสนใจไปหมด คู่ต่อไป(เล่มสอง) นางเอกอายุจะห้าสิบแล้ว แก่กว่าพระเอกเป็นสิบๆปี จะอ่านต่อนี่ต้องขอทำใจแป๊บนะ...เราสร้างภาพเจมม่าเป็นมนุษย์ป้าไปแล้วล่ะ ให้ตายสิ ! 555

ติดใจตรงที่ว่าประเด็นของเอ็ดการ์ดกับเทรเวอร์มันไม่เคลียร์ในเล่มนี้ นี่เราต้องอ่านต่อในเล่มห้าใช่มั้ย ? ขอโดดข้ามไปเลยได้มะ 555

คะแนน 7/10