ชื่อเรื่อง ล่าเงาพญางู (The Serpent's Shadow)
จากชุด เดอะเคนโครนิเคิลส์ (The Kane Chronicles)
ผู้แต่ง Rick Riordan
วรรณเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ เอ็นเธอร์บุ๊คส์
เรื่องย่อ
พญางูฟื้นตื่นแล้ว เวลานี้มันเหลือเพียงรอเวลาพลางสั่งสมพลัง โลกเริ่มนับถอยหลังสู่การล่มสลาย ต่อให้สุริยะเทพราจะคืนบัลลังก์ หากก็เป็นเพียงตาแก่หลงๆ ลืมๆ ความหวังว่าจะได้ผู้นำทัพเทพอันเกรียงไกรพลันมลาย หรือนี่... คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของสองพี่น้อง ทุกชีวิตกำลังจะสิ้นสูญเพราะพวกเขา
เพื่อแก้ไขเรื่องทั้งหมด คาร์เตอร์กับเซดี้จึงใช้ทุกอย่างที่มี ทำทุกสิ่งที่ทำได้ ซึ่งก็คิดออกเพียงแผนที่ไม่เข้าท่าและไม่มีหวังว่าจะรอด คือพวกเขาต้องแทรกแซงพิธีการในโถงแห่งการตัดสินเพื่อช่วยดวงวิญญาณของผู้ใช้เวทที่ชั่วร้ายที่สุด เจ้าเล่ห์ที่สุด หากก็รอบรู้ที่สุดด้วย เพราะมีเพียงเขาที่รู้เวทโบราณซึ่งใช้สะกดอโพฟิส แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นได้ ทั้งสองต้องไม่ถูกอีกฝ่ายแทงข้างหลังซะก่อนน่ะนะ
แม้โลกใกล้จะจมลงสู่มหาสมุทรแห่งความโกลาหล ทว่าปัญหาหัวใจก็ยิ่งใหญ่และหนาหนักไม่แพ้กัน คาร์เตอร์ที่แอบรักสาวเจ้าเค้าข้างเดียว ส่วนเซดี้ก็ไม่รู้จะเลือกใคร ระหว่างหนุ่มสุดฮอตแต่ใกล้ตาย กับเทพแห่งความตายที่จับต้องไม่ได้ในความเป็นจริง
REVIEW
เมื่อคัมภีร์ที่จะใช้ปราบอโพฟิสถูกทำลายลง และวันที่พญางูจะกลืนกินโลกได้ใกล้เข้ามา หนทางเดียวที่คาร์เตอร์และเซดี้มีอยู่คือการทำลายเงาของพญางู แต่นั่นอาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของพวกเขา การที่จะตามหาข้อความในคัมภีร์ที่ถูกทำลายไปแล้วคือการไปพบกับผู้วายชนม์อย่างเซตเน่ ผู้ที่เป็นคนร่างคัมภีร์นั้นขึ้นมาในโถงแห่งการตัดสินที่โอซิริสประทับอยู่ ซึ่งก็คือพ่อของคาร์เตอร์และเซดี้นั่นเอง เมื่อพวกเขาได้ตัวเซตเน่และออกตามหาคัมภีร์แห่งธอธเพื่อร่ายคาถาลบเลือนเงา เซดี้และวอลต์ก็เดินทางไปเอาเงาของเบสกลับมาเพื่อคืนชีวิตให้กับมิตรของพวกเขาเช่นเดียวกัน
การเดินทางเพื่อตามหาเงาของอโพฟิสนำทางให้คาร์เตอร์และเซียมายังแดนแห่งปีศาจ ส่วนเซดี้กับวอลต์ก็ช่วยเบสได้สำเร็จแต่ต้องแลกกับการที่วอลต์ใช้พลังจนตัวตาย โชคดีที่อะนูบิสและวอลต์ได้วางแผนโดยที่ไม่มีเวลาบอกเซดี้มาก่อนหน้าแล้ว และนั่นทำให้วอลต์และอะนูบิสรวมร่างเข้าด้วยกันหลังจากนั้นสำเร็จ เมื่อเซดี้และคาร์เตอร์ตามหาเงาของอโพฟิสจนเจอ ก็ถึงเวลาที่พญางูเปิดศึกเพื่อทำลายล้างโลก คาร์เตอร์และเซดี้จึงต้องร่ายมนตร์ต่อหน้าพญางู เมื่อทั้งคู่ทำได้สำเร็จ...อโพฟิสได้กล่าวไว้ว่า เมื่อความโกลาหลหายไป เหล่าเทพก็จะหายไปเช่นเดียวกัน...
คาร์เตอร์และเซดี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนเก่าอย่างเบสและบาสต์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ ฮอรัสได้ขึ้นครองบัลลังก์เหมือนกับคาร์เตอร์ที่ได้ครองบัลลังก์ฟาโรห์เช่นเดียวกัน เมื่อเซดี้กลับบ้าน...เธอจึงได้พบกัลวอลต์และอะนูบิสอีกครั้ง
............................................................
อ่านจบทั้งสามเล่มแล้วในหัวเรามีแต่ภาพหุ่น Transformer พระเอกเข้าไปฟิวชั่นกับบัมเบิ้ลบีไรงี้ คือระหว่างเคนกับเพอร์ซีย์จะมีจุดที่ค่อนข้างต่างกันชัดเจนคือเคนจะให้เทพเจ้ามาสิ่งร่าง ถ้าไม่ใช่พลังจากเทพเจ้า จะให้อารมณ์การวาดรูนเหมือนตัวละครใน The Mortal Instruments เลย ส่วนเพอร์ซีย์จะได้รับพลังมาจากเทพเจ้า สิ่งที่เราแอบขัดใจเล็กๆคือความบังเอิญในเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะบังเอิญเกินไปหลายครั้งจนน่าหมั่นไส้ 555 แบบกำลังเข้าตาจน ความช่วยเหลือจะมาพอดี พยายามคิดอยู่เสมอว่านี่เป็นหนังสือ Middle Grade อ่านแล้วเหมือนดูการ์ตูร ที่อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขนาดออโรร่า(Sleeping Beauty)เจอเจ้าชาย 3 วิ ยังสามารถชวนกลับกระท่อมได้เลยเนอะ 555
The Serpent's Shadow สนุกในระดับหนึ่ง การดำเนินเรื่องให้โทนคล้ายๆกับเล่มที่ 2 ไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเล่มแรก ซึ่งนี่เป็นตอนจบแล้ว... เรื่องที่ชอบมากที่สุดในเล่มนี้ก็คงเป็นประเด็นระหว่างวอลต์และอะนูบิส ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ(ย้ำว่าแค่คล้าย)กับ Clockwork Princess เสียดายที่นิยายของริคไม่ได้เน้นโรมานซ์เลย อย่างมากก็เขียนคำว่า 'จูบ' แล้วก็ไปบรรยายอย่างอื่นแล้ว เราเลยรู้สึกว่าลำดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไม่ใช่สิ่งที่น่าโฟกัสสักเท่าไร
ที่น่าเสียดายคือเล่มจบไม่ได้ทำให้เราประทับใจมากมายอะไร ถือว่าอ่านเพลินๆฆ่าเวลาได้ แต่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นิยายที่เราโปรดปรานแน่ๆ เนื้อเรื่องยังไม่แน่นพอ ตัวเอกเสียท่าไปกับกลอุบายงี่เง่าของผู้ร้ายบ่อยเกินไป กว่าจะรู้ทันก็ตอนมีดมาจ่ออยู่ที่คอหอยแล้ว อีกเรื่องนึงคือผู้แต่งพยายามจะทำให้หนังสือดูตลก แต่เราก็ไม่ค่อยจะขำ บางทีอ่านผ่านมุกตลกไปสองย่อหน้าเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองควรจะขำตั้งแต่ย่อหน้าที่แล้ว งั้นก็ขอหัวเราะย้อนหลังละกันได้มั้ย ฮ่าๆ โดยรวมทั้งสามเล่มดูเหมือนจะจืดไปหน่อย แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆนะ...
คาร์เตอร์และเซดี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนเก่าอย่างเบสและบาสต์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ ฮอรัสได้ขึ้นครองบัลลังก์เหมือนกับคาร์เตอร์ที่ได้ครองบัลลังก์ฟาโรห์เช่นเดียวกัน เมื่อเซดี้กลับบ้าน...เธอจึงได้พบกัลวอลต์และอะนูบิสอีกครั้ง
............................................................
อ่านจบทั้งสามเล่มแล้วในหัวเรามีแต่ภาพหุ่น Transformer พระเอกเข้าไปฟิวชั่นกับบัมเบิ้ลบีไรงี้ คือระหว่างเคนกับเพอร์ซีย์จะมีจุดที่ค่อนข้างต่างกันชัดเจนคือเคนจะให้เทพเจ้ามาสิ่งร่าง ถ้าไม่ใช่พลังจากเทพเจ้า จะให้อารมณ์การวาดรูนเหมือนตัวละครใน The Mortal Instruments เลย ส่วนเพอร์ซีย์จะได้รับพลังมาจากเทพเจ้า สิ่งที่เราแอบขัดใจเล็กๆคือความบังเอิญในเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะบังเอิญเกินไปหลายครั้งจนน่าหมั่นไส้ 555 แบบกำลังเข้าตาจน ความช่วยเหลือจะมาพอดี พยายามคิดอยู่เสมอว่านี่เป็นหนังสือ Middle Grade อ่านแล้วเหมือนดูการ์ตูร ที่อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขนาดออโรร่า(Sleeping Beauty)เจอเจ้าชาย 3 วิ ยังสามารถชวนกลับกระท่อมได้เลยเนอะ 555
The Serpent's Shadow สนุกในระดับหนึ่ง การดำเนินเรื่องให้โทนคล้ายๆกับเล่มที่ 2 ไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเล่มแรก ซึ่งนี่เป็นตอนจบแล้ว... เรื่องที่ชอบมากที่สุดในเล่มนี้ก็คงเป็นประเด็นระหว่างวอลต์และอะนูบิส ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ(ย้ำว่าแค่คล้าย)กับ Clockwork Princess เสียดายที่นิยายของริคไม่ได้เน้นโรมานซ์เลย อย่างมากก็เขียนคำว่า 'จูบ' แล้วก็ไปบรรยายอย่างอื่นแล้ว เราเลยรู้สึกว่าลำดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไม่ใช่สิ่งที่น่าโฟกัสสักเท่าไร
ที่น่าเสียดายคือเล่มจบไม่ได้ทำให้เราประทับใจมากมายอะไร ถือว่าอ่านเพลินๆฆ่าเวลาได้ แต่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นิยายที่เราโปรดปรานแน่ๆ เนื้อเรื่องยังไม่แน่นพอ ตัวเอกเสียท่าไปกับกลอุบายงี่เง่าของผู้ร้ายบ่อยเกินไป กว่าจะรู้ทันก็ตอนมีดมาจ่ออยู่ที่คอหอยแล้ว อีกเรื่องนึงคือผู้แต่งพยายามจะทำให้หนังสือดูตลก แต่เราก็ไม่ค่อยจะขำ บางทีอ่านผ่านมุกตลกไปสองย่อหน้าเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองควรจะขำตั้งแต่ย่อหน้าที่แล้ว งั้นก็ขอหัวเราะย้อนหลังละกันได้มั้ย ฮ่าๆ โดยรวมทั้งสามเล่มดูเหมือนจะจืดไปหน่อย แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆนะ...
คะแนน 7/10
No comments:
Post a Comment