ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Chamber of Secrets
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic
เรื่องย่อ
The Dursleys were so mean and hideous that summer that all Harry Potter wanted was to get back to the Hogwarts School for Witchcraft and Wizardry. But just as he’s packing his bags, Harry receives a warning from a strange, impish creature named Dobby who says that if Harry Potter returns to Hogwarts, disaster will strike.
And strike it does. For in Harry’s second year at Hogwarts, fresh torments and horrors arise, including an outrageously stuck-up new professor, Gilderoy Lockhart, a spirit named Moaning Myrtle who haunts the girls’ bathroom, and the unwanted attentions of Ron Weasley’s younger sister, Ginny.
But each of these seem minor annoyances when the real trouble begins, and someone — or something — starts turning Hogwarts students to stone. Could it be Draco Malfoy, a more poisonous rival than ever? Could it possibly be Hagrid, whose mysterious past is finally told? Or could it be the one everyone at Hogwarts most suspects… Harry Potter himself!
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง J.K. Rowling
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Scholastic
เรื่องย่อ
The Dursleys were so mean and hideous that summer that all Harry Potter wanted was to get back to the Hogwarts School for Witchcraft and Wizardry. But just as he’s packing his bags, Harry receives a warning from a strange, impish creature named Dobby who says that if Harry Potter returns to Hogwarts, disaster will strike.
And strike it does. For in Harry’s second year at Hogwarts, fresh torments and horrors arise, including an outrageously stuck-up new professor, Gilderoy Lockhart, a spirit named Moaning Myrtle who haunts the girls’ bathroom, and the unwanted attentions of Ron Weasley’s younger sister, Ginny.
But each of these seem minor annoyances when the real trouble begins, and someone — or something — starts turning Hogwarts students to stone. Could it be Draco Malfoy, a more poisonous rival than ever? Could it possibly be Hagrid, whose mysterious past is finally told? Or could it be the one everyone at Hogwarts most suspects… Harry Potter himself!
REVIEW
แฮร์รี่ พอตเตอร์ต้องเผชิญหน้ากับเอลฟ์ประจำบ้านที่บุกมาหาเขาถึงบ้านเดรอสลีย์เพื่อเตือนไม่ให้เขากลับไปยังฮอกวอร์ต ไหนจะเรื่องที่ประตูชานชาลาเก้าเศษส่วนสี่ปิดลงและขัดขวางไม่ให้เขากับรอนขึ้นรถไฟไปยังฮอกวอร์ตได้อีกล่ะ แฮร์รี่กับรอนจึงต้องขับรถบินได้มาถลาลงที่ต้นวิลโลว์อันเก่าแก่ของโรงเรียน โชคดีที่พวกเขาไม่ถูกไล่ออก ก่อนที่แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโมนี่จะค้นพบปริศนาใหม่ที่คนภายในโรงเรียนถูกสาปให้กลายเป็นหิน ! พร้อมกับตัวอักษรสีแดงบนผนังว่า 'ห้องแห่งความลับได้ถูกเปิดออกแล้ว'
แฮร์รี่สามารถพูดพาร์เซลเมาท์ได้ นั่นทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นทายาทแห่งสลิธีรีนผู้ชั่วร้ายที่เป็นผู้เปิดห้องแห่งความลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อแฮร์รี่พบกับสมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ลในห้องน้ำ เขาก็รู้ว่าเมื่อห้าสิบปีก่อน ห้องแห่งความลับถูกเปิดออกมาโดยฝีมือของแฮกริดและได้ปลดปล่อยสัตว์ร้ายน่ากลัวออกมาทำร้ายผู้คนในปราสาท แต่ทุกอย่างดูไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นแฮร์รี่จึงไปพบกับอาราก็อก แมงมุมที่แฮร์รี่ฟูมฟักเอาไว้ในปราสาทและถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ร้ายที่สาปทุกคนให้กลายเป็นหิน แต่ความจริงแล้วทั้งหมดนั่นไม่ใช่ฝีมือของอาราก็อกเลย แต่เป็นฝีมือของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากมายนัก แม้ว่ากระทั่งแมงมุมก็ไม่กล้าเอ่ยถึง
spoiler: คลิกเพื่อดู Spoiler
.............................................................................
แปลกใจตัวเองว่าทั้งๆที่เคยอ่านแล้ว ดูหนังแล้ว รู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้ว ... แต่ทำไมถึงยังอ่านได้สนุกอยู่ เราชอบการไขปริศนาในเล่มนี้ที่ไม่ได้แบนราบเหมือนในเล่มที่แล้ว สำหรับแฮร์รี่ในเล่มนี้ไม่ได้เก่งกาจเหมือนในหนัง โดยเฉพาะตอนท้าย...ฉากที่แฮร์รี่สู้กับบาซิลิสก์ จะรู้เลยว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และนั่นแหละที่เราคิดว่ามันดูเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะเด็กๆอายุเท่านี้ไปต่อสู้กับงูยักษ์ได้นี่ต้องเจ๋งมากๆนะ ! (ถ้าเป็นเราน่ะหรอ !? หึ ! กรีดร้องวิ่งหนีไปตั้งแต่ปากอุโมงค์แล้วจ้า 555)
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ ... สมุดบันทึกของริดเดิ้ลคือฮอร์ครักซ์ชิ้นแรก(ถ้าใครอ่านเล่ม 6 มาแล้วจะจำได้) แต่โรว์ลิงสามารถสร้างเรื่องออกมาให้คนอ่านไม่รู้ตัวเลยว่านี่คือคีย์สำคัญที่จะนำไปสู่การทำลายโวลเดอมอร์ บอกตรงๆเลยว่าสำหรับภาคนี้ดูหนังแล้วไม่เคลียร์เป็นบางประเด็น แต่มาอ่านหนังสือคือทุกอย่างเคลียร์มาก มีเรื่องที่ว่าบาซิลิสก์กลัวไก่ !!! ริดเดิ้ลก็เลยสั่งจินนี่ไปฆ่าไก่ให้หมด (ซึ่งในหนังไม่ได้กล่าวเอาไว้)
ชอบอ่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ... ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมายังไง อ่านกี่รอบก็รู้สึกอิ่ม ไม่เบื่อ ยิ่งอ่านครั้งหลังๆนี่เก็บรายละเอียดทุกบรรทัด ทุกคำพูด พยายามตีความหมายโดยนัยจากรูปประโยค(แต่จริงๆแล้วไม่น่าจะมีอะไรหรอก) อ่านจบแล้วรู้สึกทึ่งว่าคนๆนึงสามารถเขียนเรื่องออกมาได้น่าสนใจขนาดนี้ได้ แถมไม่มีตรงส่วนไหนของหนังสือที่เราจะกล้าพูดว่า 'ดรอป' เลยจริงๆ พีคหมด...พีคแม้กระทั่งฉากลอร์คฮาร์ดแต่งชุดสีชมพูวันวาเลนไทน์ 555 คือลอร์คฮาร์ดในหนังสือคาแรคเตอร์จะดูเป็นคนตลก หลงตัวเอง เจ้าเล่ห์นิดๆ แต่เรารู้สึกในว่าในหนังดูไม่ค่อยตลกยังไงก็ไม่รู้ แต่ส่วนที่เหลือก็ทำได้ดีนะ
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ ... สมุดบันทึกของริดเดิ้ลคือฮอร์ครักซ์ชิ้นแรก(ถ้าใครอ่านเล่ม 6 มาแล้วจะจำได้) แต่โรว์ลิงสามารถสร้างเรื่องออกมาให้คนอ่านไม่รู้ตัวเลยว่านี่คือคีย์สำคัญที่จะนำไปสู่การทำลายโวลเดอมอร์ บอกตรงๆเลยว่าสำหรับภาคนี้ดูหนังแล้วไม่เคลียร์เป็นบางประเด็น แต่มาอ่านหนังสือคือทุกอย่างเคลียร์มาก มีเรื่องที่ว่าบาซิลิสก์กลัวไก่ !!! ริดเดิ้ลก็เลยสั่งจินนี่ไปฆ่าไก่ให้หมด (ซึ่งในหนังไม่ได้กล่าวเอาไว้)
ชอบอ่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ... ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมายังไง อ่านกี่รอบก็รู้สึกอิ่ม ไม่เบื่อ ยิ่งอ่านครั้งหลังๆนี่เก็บรายละเอียดทุกบรรทัด ทุกคำพูด พยายามตีความหมายโดยนัยจากรูปประโยค(แต่จริงๆแล้วไม่น่าจะมีอะไรหรอก) อ่านจบแล้วรู้สึกทึ่งว่าคนๆนึงสามารถเขียนเรื่องออกมาได้น่าสนใจขนาดนี้ได้ แถมไม่มีตรงส่วนไหนของหนังสือที่เราจะกล้าพูดว่า 'ดรอป' เลยจริงๆ พีคหมด...พีคแม้กระทั่งฉากลอร์คฮาร์ดแต่งชุดสีชมพูวันวาเลนไทน์ 555 คือลอร์คฮาร์ดในหนังสือคาแรคเตอร์จะดูเป็นคนตลก หลงตัวเอง เจ้าเล่ห์นิดๆ แต่เรารู้สึกในว่าในหนังดูไม่ค่อยตลกยังไงก็ไม่รู้ แต่ส่วนที่เหลือก็ทำได้ดีนะ