Aug 29, 2014

ทิวาแห่งเลือดและแสงดาว - Days of Blood & Starlight (Daughter of Smoke & Bone #2)




ชื่อเรื่อง ทิวาแห่งเลือดและแสงดาว
จากเรื่อง Days of Blood & Starlight
ผู้แต่ง เลย์นี เทย์เลอร์
ผู้แปล พรรษพร ชโลธร
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

กาลครั้งหนึ่ง เทวากับอสูรตกหลุมรักกัน และวาดฝันถึงโลกอันสงบสุข นี่ไม่ใช่โลกนั้น

'คารูว์' ได้ค้นพบความจริงในที่สุดว่าเธอเป็นใคร...หรือเป็นอะไร และที่มาพร้อมกับความจริงข้อนั้นก็คือความจริงอีกข้อ ที่เธอปรารถนาจะย้อนกลับไปแก้ไข...เธอตกหลุมรักศัตรู เขาทรยศต่อเธอ และโลกก็ถึงจุดแตกหัก

คารูว์ตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางแห่งการแก้แค้น เธอกับเหล่าพันธมิตรร่วมกันสร้างกองทัพขึ้นในดินแดนแห่งผืนทรายและแสงดาว เฝ้ารอให้สงครามที่ยืดเยื้อมานานแสนนานปะทุขึ้นอีกครั้ง

REVIEW

กาลครั้งหนึ่งเทวาและปีศาจถือกระดูกอธิษฐานไว้คนละข้าง ... และแรงหักของมันทำให้โลกปริแยกออกเป็นสอง

คำสารภาพของอาคีวาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่คารูว์เคยมี เพราะเธอช่วยศัตรูที่ฆ่าครอบครัวของเธอ คารูว์จึงเดินทางกลับไปยังเอเรตซ์ด้วยความหวังเล็กๆน้อยๆว่าบริมสโตนยังมีชีวิตอยู่ แต่นั่นเป็นการหลอกตัวเองเมื่อทุกสิ่งที่เธอรู้จักถูกทำลายด้วยฝีมือของเหล่าเทวา จนเมื่อคารูว์ได้พบกับทิอาโกและได้มาทำหน้าที่ปลุกชีพคนตายอย่างที่บริมสโตนเคยทำมาก่อนหน้านี้ กองทัพของไคเมราจึงแข็งแกร่งและสามารประหัตประหารกับเหล่าเซราฟิมได้ในที่สุด

การสังหารเซราฟิมอย่างโหดร้ายได้เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของทิอาโกที่ส่งกองกำลังออกไป และกองทัพของไคเมราเข็มแข็งขึ้นนั่นก็เพราะฝีมือการปลุกชีพของคารูว์ ในขณะที่อาคีวาตามหาคารูว์ไม่พบและใจหนึ่งเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเธอได้ตายไปแล้ว ถึงกระนั้นอาคีวาก็ได้ช่วยชีวิตไคเมราที่เขาพอจะช่วยได้ให้รอดพ้นจากการกวาดล้างของเหล่าเซราฟิมอยู่ดี เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดภายในจิตใจของเขา

ซิริเพื่อนวัยเด็กของคารูว์ที่เคยตกหลุมรักเธอเป็นหนึ่งในกองทัพทหารที่คารูว์จะไม่ยอมเสียเขาไปเด็ดขาด เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายในเผ่าพันธุ์คิรินของเธอที่ยังบริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นคารูว์จึงตั้งใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตและร่างกายของซิริเอาไว้ให้ได้

เมื่ออาคีวามาเห็นความใกล้ชิดระหว่างคารูว์และซิริ และรู้ว่าคารูว์ยังไม่ตาย นอกจากนั้นเขายังรู้ว่าเธอเป็นคนปลุกชีพกองทัพไคเมราให้มาสังหารผู้คนของเขา อาคีวาจึงไม่แน่ใจอีกต่อไปว่าคารูว์จะยังรักเขาอยู่หรือเปล่า หลังจากคืนวันที่ผ่านพ้นมาทั้งหมดนั่น การทรยศหักหลัง การคร่าชีวิตผู้คน แม้ว่าอาคีวาจะช่วยชีวิตไคเมราไว้ได้เท่าไร นั่นจะมีความหมายอะไรบ้างหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างอาคีวากับคารูว์ สิ่งที่เขาเห็นคือกระแสความรุนแรงและการทรยศหักหลังในสายตาของเธอเพียงเท่านั้น

อาคีวาวางแผนที่จะยุติการเข่นฆ่าระหว่างสงครามโดยการวางแผนลอบสังหารโจรัม บิดาที่ให้กำเนิดเหล่าเซราฟิมเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้นคือสร้างกองทัพจัณฑาลเป็นข้ารองพระบาท แม้ว่าคารูว์แสดงออกมาชัดเจนว่าเกลียดเขาถึงปานนั้น แต่อาคีวาก็ทำตามเจตนารมณ์ของตัวเองต่อไปนั่นก็คือ ... การยุติสงคราม โดยที่หารู้ไม่ว่าแผนการลอบสังหารโจรัมคือการตลบหลังของจาเอลที่จะป้ายความผิดไปให้อาคีวา และยืมมือของเขาเพื่อทำให้จาเอลได้ครองอำนาจของเหล่าเซราฟิม

จาเอลวางแผนที่จะใช้กองทัพเซราฟิมรุกรานโลกมนุษย์ โดยใช้อาวุธของมนุษย์อย่างปืนเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองกำลังฝ่ายของตน อาคีวาที่สูญเสียพี่ชายของเขาไปในการลอบสังหารโจรัมได้เดินทางไปหาคารูว์เพื่อขอให้เธอช่วยชีวิตพี่ชายของเขา ... แต่มันก็สายเกินไป

คารูว์ได้ใส่วิญญาณซิริเข้าไปในร่างของสุนัขป่าขาวทิอาโกที่ถูกคารูว์สังหาร ทำให้อำนาจในการสั่งการกองทัพไคเมรามาอยู่ในอุ้งมือของคารูว์ และสุดท้ายอาคีวามาขอให้คารูว์ผนึกกองทัพของเธอเข้ากับกองทัพของเขาเพื่อต่อต้านเหล่าเซราฟิมและยุติสงครามให้แก่โลกของพวกเขาเหมือนกับที่ทั้งสองได้เคยฝันเอาไว้ ...

.................................................................................................

เล่มนี้เป็นอะไรที่อ่านแล้วหดหู่และหน่วงสุดๆ ด้วยการเขียนที่ดึงอารมณ์เศร้าสลดและความสิ้นหวังออกมาจากผู้อ่านได้อย่างหมดจด การเล่าเรื่องที่เฉียบคมและร่ายมนต์สะกดให้ผู้อ่านพลิกอ่านหน้าต่อไปพร้อมกับลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวละครตัวนั้นๆ คือเสน่ห์ของ Days of Blood & Starlight

นิยายเล่มนี้ไม่ได้ทำให้เราร้องไห้เพราะมีบทซาบซึ้งประทับใจเหมือนอย่างในเล่มหนึ่ง และนิยายเล่มนี้ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเบื่อหรือรำคาญในความโชคร้ายของตัวละครที่ถูกแยกออกจากกันและตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อกัน อย่างน้อยก็ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่นิยายเล่มนี้ทำให้เรารู้จักความเป็น 'สีเทา' ของตัวละคร ว่าไม่มีใครที่จะขาวสะอาดหมดจดหรือไม่มีใครที่จะดำมืดและเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ทุกคนล้วนแต่เป็นสีเทาที่มีหลายเฉด ขึ้นอยู่กับว่าจิตใจของคนๆนั้นจะถลำลึกไปสู่ด้านไหนมากกว่ากัน

อีกสิ่งหนึ่งที่เราประทับใจนั่นก็คือเสน่ห์ในการเล่าเรื่องของเลย์นีที่ทำให้เรื่องราวธรรมดาๆมีความดึงดูดขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ บอกเลยถ้าไม่ใช่ฝีมือในการเล่าเรื่องของเลย์นีละก็ นิยายชุดนี้คงเป็นนิยายน้ำเน่ายุงชุมแนวเดียวกับโรมิโอจูเลียตไปแล้ว เราชอบการที่ฉากถูกเซ็ตอยู่ท่ามกลางสงครามที่ไม่ได้มีแต่ความสูญเสียสิ้นหวังอย่างเดียว เพราะในนั้นยังมีประกายไฟเล็กๆแห่งความหวังโชนแสงอยู่ ทำให้ผู้อ่านไม่ได้รู้จักหมดหวังไปกับตัวละครมากนัก เพราะตราบใดที่เรารู้ว่า ... ยังมีทางออกสำหรับอาคีวาและคารูว์อยู่เสมอไม่ว่าทั้งสองจะเจอทางตันแค่ไหน มันก็เป็นสร้างกำลังใจกลายๆให้แก่ผู้อ่านแล้ว

Days of Blood & Starlight ไม่ใช่นิยาย YA ที่เน้นการผจญภัยเพ้อฝันในโลกแห่งจินตนาการ แต่นิยายเรื่องนี้ขายความเป็นจริงที่สะท้อนออกมาในแต่ละบทถึงแก่นแท้ของมนุษย์ว่า ... ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด และบางครั้งพวกเขาที่เคยทำผิด ก็เพียงแต่ต้องการการให้อภัย

Daughter of Smoke & Bone คือเล่มแรกที่เต็มไปด้วยความหวานของความรักที่พลัดพรากและกลับมาพบกันใหม่ การทรยศหักหลังในท้ายเล่มแรกนั้นนำเรามาสู่ Days of Blood & Starlight ที่ตัวละครมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น ความสัมพันธ์ที่ระทมขื่นขม แต่ก็ยังไม่สิ้นศรัทธาในช่วงที่เลวร้ายที่สุด นั่นทำให้ทกอย่างดูพัฒนาขึ้นมาจากเล่มแรกมากๆ ทั้งด้านการฉีกแนวอารมณ์ได้อย่างสิ้นเชิงและเรียงร้อยเรื่องราวออกมาได้มีจังหวะและน่าสนใจมากขนาดนี้

คะแนน 10/10

No comments:

Post a Comment