Apr 22, 2015

Uncivilized


ชื่อเรื่อง Uncivilized
ผู้แต่ง Sawyer Bennett
แนว อีโรติค

เรื่องย่อ

Putting a woman on her knees before me is what really makes my cock hard. I fuck with dominant force and absolute control. I demand complete surrender from my conquests.

Savage man, loner, warrior… I am dangerous at my core. I have lived amidst the untamed wild of the rainforest, in a society that reveres me and where every woman falls before me in subjugation.

Now I’ve been discovered. Forced to return to a world that I have forgotten about and to a culture that is only vaguely familiar to my senses.

Dr. Moira Reed is an anthropologist who has been hired to help me transition back into modern society. It’s her job to smooth away my rough edges… to teach me how to navigate properly through this new life of mine. She wants to tame me.

She’ll never win.

I am wild, free and raw, and the only thing I want from the beautiful Moira Reed is to fuck her into submission.

She wants it, I am certain.

I will give it to her soon.

Yes, very soon, I will become the teacher and she will become my student. And when I am finished showing her body pleasure like no other, she’ll know what it feels like to be claimed by an uncivilized man.

REVIEW

มอยร่าเป็นนักมานุษยวิทยาที่ต้องเดินทางไปยังอเมซอนเพื่อไปรับแซคห์ อีสตันกลับมายังอเมริกา เธอถูกยื่นข้อเสนอให้คอยดูแลเขาและสอนเขากลับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่นี่ เมื่อแซคห์ได้หายสาบสูญไปเกือบยี่สิบปีและถูกเลี้ยงดูโดยเผ่าพันธุ์ที่ไร้ซึ่งอารยธรรม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่แซคห์จะสามารถเข้ากับคนที่นี่ได้ แซคห์ได้เรียนรู้จะเสริจหาข้อมูลจาก Google เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์และได้ขอให้มอยร่าเป็นคนมาทดลองปฏิบัติกับเขา(แอบขำอยู่นะตอนนี้)เพราะเท่าที่แซคห์รู้จักก็คือเซ็กส์คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกทางกายเท่านั้น ไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้องด้วย

จนกระทั่งแซคห์กลับมอยร่าใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ แซคห์ก็ได้รู้ว่าเซ็กส์มันมีอะไรมากกว่านั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังลังเลเรื่องที่ว่าเขาจะกลับไปยังป่าดีหรือไม่ แต่เขาก็ไม่สามารถหันหลังให้กับมอยร่าได้เมื่อทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้นเรื่อยๆ แซคห์ก็ตัดสินใจที่จะหางานและใช้ชีวิตอยู่กับมอยร่าในที่สุด จนกระทั่งเขาได้ข่าวว่าเผ่าของเขาถูกโจมตี นั่นทำให้เขาต้องบินกลับไปยังอเมซอนและทิ้งมอยร่าไว้เบื้องหลัง เธอเสียใจมากเพราะคิดว่าแซคห์ไม่ได้ต้องการเธออย่างที่เธอต้องการเขา จนกระทั่งมอยร่ารู้จากพี่สาวของเธอว่าก่อนหน้านี้แซคห์ได้วางแผนที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเธอแล้ว มอยราจึงตัดสินใจบินไปหาแซคห์แต่ก็ไม่พบเพราะเผ่าของเขาตัดสินใจทำสัญญาสงบศึกกับศัตรูและย้ายที่อยู่ไปแล้ว เมื่อมอยร่ากลับมาบ้านของเธอเพราะหาแซคห์ไม่พบ เธอก็พบว่าแซคห์กำลังรอเธออยู่ในบ้านของเธอแล้ว ...

................................................................

นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ลองผลงานของนักเขียนท่านนี้ ซึ่งพักหลังมานี้หลังจากที่เราเคลียร์หนังสือในกองมากไปพอสมควร เราเลยอยากแสวงหางานแนวใหม่ๆที่อ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อ มานั่งนับๆดูแล้ว นักเขียนนิยายโรมานซ์เจ้าประจำที่เราชอบอ่านช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีนิยายเล่มใหม่ๆออกมาเลย นอกจากของ J.R. Ward ที่ออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว เราจึงได้ฤกษ์ลองหยิบนิยายสักเรื่องเน้นที่ความแปลกของพลอต เพราะเราก็ตั้งโจทย์ในใจไว้แล้วว่าเราอยากอ่านอะไรที่มันต่างออกไป...

แล้วก็หาอยู่นานพอสมควร จนมาหลุ่นปุ๊ที่เรื่องนี้ อ่านพลอตครั้งแรกก็สามารถจับเราได้อยู่หมัดแล้วด้วยชื่อเรื่อง Uncivilized แน่นอนว่าพระเอกต้องดิบ เถื่อน ไร้อารยธรรมตามชื่อเรื่องแน่นอน พอๆอ่านเราก็พบว่าการตีความของเบนเนทท์มันมีมากกว่าฉากเซ็กส์ที่มีทุกท่าทุกทางและทุกสถานที่ มันแฝงไปด้วยเกร็ดสาระเล็กๆเกี่ยวกับ Culture shock คือเราจะค่อยๆได้เห็นความคิดของแซคห์ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปแบบกระทั่งคนอ่านก็ยังไม่รู้ตัวว่านี่เขาปรับตัวเข้ากับยุคสมัยเราได้ตั้งแต่ตอนไหน

เราชอบความสัมพันธ์ของพระนางคู่นี้ที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ฉากเลิฟซีนก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆจนท้ายๆเล่มนี่ก็นะ ... พีคกันสุดๆเลยทีเดียว มีไม่ค่อยชอบก็ตอน flashback ที่บางครั้งไม่รู้จะเล่าย้อนไปมากมายทำไม แค่ quote คำพูดมาก็พอแล้วมั้ง กับความรู้สึกของพระนางที่เราว่ามันสามารถเขียนออกมาได้ชัดเจนกว่านี้ แต่นี่เรารู้สึกว่ามันเหมือนมีกระจกฝ้ามากั้นอีกชั้นนึง ทำให้เรามองเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร หรืออาจจะไม่มีเหตุการณ์ในหนังสือที่ทำให้พระเอกโชว์พาวเวอร์ที่มีต่อนางเอกก็ได้ละมั้ง 555 แต่พัฒนาการของตัวละครในหนังสือเล่มนี้ดีมากๆ เรายกนิ้วให้เลย .... (^.^)b เป็นอีโรติคที่อ่านแล้วรู้สึกมีเนื้อสาระให้จับต้องเยอะดี

คะแนน 7.5/10

Apr 21, 2015

Twilight (The Mediator #6)


ชื่อเรื่อง แล้วเราก็พบกัน
จากเรื่อง Twilight
ผู้แต่ง Meg Cabot
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
วรรณเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

ในที่สุดซูซานน่าห์ก็รู้แล้วว่าเจสซี่มีใจตรงกันกับเธอ
แต่ความรักของทั้งคู่จะไปกันรอดไหมนะ เพราะแม้ซูซานน่าห์จะสามารถมองเห็นและสัมผัสเจสซี่ได้ แต่เขาก็ไม่มีลมหายใจ เวลาอยู่ใกล้ๆ กัน เธอก็ไม่รู้สึกถึงไออุ่นจากร่างของเขา แต่แล้วซูซานน่าห์ก็ค้นพบว่า เธอสามารถทำให้เจสซี่กลับมามีลมหายใจได้อีกครั้ง เธอรู้ดีว่าเจสซี่สมควรได้รับโอกาสมีชีวิตใหม่ยิ่งกว่าใครทั้งหมด แต่เธอล่ะ เธอควรจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตเขาเพื่อทำให้ตัวเองต้องมานั่งช้ำใจทีหลังอย่างนั้นหรือ

REVIEW

ซูซานน่าห์และพอลสามารถหาวิธีที่จะเดินทางย้อนเวลาเพื่อทำให้เจสซี่ไม่ถูกฆ่าได้ แต่การจะทำเช่นนั้นหมายความวว่าเจสซี่จะไม่ตาย และเขาจะไม่กลายเป็นวิญญาณ ดังนั้นซูซก็จะไม่รู้จักกับเขาอีกเลยในโลกปัจจุบันของเธอ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากว่าจริงๆแล้วซูซจะสามารถปล่อยเจสซี่ไปได้หรือไม่ จนเมื่อพอลคิดจะย้อนเวลากลับไปคนเดียวเพื่อยับยั้งไม่ให้ดิเอโกฆ่าเจสซี่ นั่นทำให้ซูซต้องเดินทางย้อนเวลาไปเพื่อสกัดพอลเช่นเดียวกัน

ซูซได้พบกับเจสซี่ในยุคอดีต เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธออยู่เลย ดังนั้นซูซจึงต้องโน้มน้าวให้เจสซี่เชื่อเธอให้ได้ว่าเธอมาจากอนาคตและจะมาช่วยไม่ให้เขาถูกดิเอโกฆ่าภายในคืนนี้ หลังจากที่เจสซี่เชื่อเธอ ซูซก็สามารถที่จะตัดสินใจเพื่อที่เจสซี่จะได้ไม่ต้องตายและได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดาของเขาต่อไปแทนที่จะกลายมาเป็นวิญญาณอายุร้อยห้าสิบปี แม้ว่านั่นจะหมายถึงการที่เธอไม่ได้พบกับเขาอีกเลยก็ตาม

หลังจากที่กำจัดดิเอโกแล้ว การเดินทางย้อนเวลากลับผิดพลาด ทำให้ร่างของเจสซี่ตัวจริงเดินทางติดมากับซูซยังโลกปัจจุบันด้วย เมื่อวิญญาณของคนๆเดียวกันไม่สามารถที่จะอยู่ในที่เดียวกันพร้อมกันได้ เจสซี่ที่มีหน้าหนังจึงใกล้ตายทุกที จนกระทั่งวิญญาณของเจสซี่ที่ซูซรู้จักได้มาปรากฏตัวและกลับคืนเข้าสู่ร่างเดิมของเขา นั่นจึงทำให้ซูซได้เจสซี่ของเธอกลับคืนมาแบบคนเป็นๆในที่สุด...

..................................................................

ทำไมอ่านจบแล้วรู้สึกเฉยๆ ปกติอ่านตอนจบนิยายชุดไหนที่มันมีหลายๆเล่มแบบนี้ เราจะต้องรู้สึกราวกับตัวเองโดนความอีพิคถล่มทับ ปลื้มปริ่มประหนึ่งตอนดูแฮร์รี่ครบแปดภาคแล้วถึงกับน้ำตาไหลตอนเฮอร์ไมโอนี่กอดแฮร์รี่ตอนที่เขาจะไปหาโวลเดอร์มอร์ แต่นี่เราว่ามันเป็นตอนจบที่ดูเหมือนจะขาดอะไรไป คือตัดจบแบบห้วนๆไปหน่อย อยากเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันมากกว่านี้ง่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อคิดถึงเรื่องบทสรุปที่คลายปมออกมาได้ดี แม้เราจะคิดว่าระหว่างเรื่องมีคาแรคเตอร์ของพอลนี่แหละที่เราว่ามันดูหลุดๆ แรงจูงใจก็ดูแปลกๆ ทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้ โทนเรื่องเราก็ว่าดรอปลงจากสองเล่มที่แล้วอยู่หน่อยนา เจสซี่ในเล่มนี้บทบาทก็แลดูไม่เด่นเท่ากับพอลเลย สังเกตว่าทั้งในหัวของซูซนี่ คิดถึงเรื่องพอลเกินกว่า 50% ได้ละมั้งในช่วงแรกของหนังสือ

คือแบบ...คิดว่าสองเล่มก่อนหน้าเหมือนปูเนื้อเรื่องมาดีๆและก็พีคขึ้นเรื่อยๆอยู่นะ พอมาเล่มนี้เหมือนกับมันสะดุด... ตั้งแต่ครึ่งแรกของเล่มละที่สงสัยว่านางเอกจะทำแบบนั้นไปทำไม ดูไม่ค่อยมีเหตุผลบางครั้ง ส่วนพอลเราก็ว่ามีอะไรบางอย่างทะแม่งๆอยู่ เหมือนวางคาแรคเตอร์มาไม่เนียนเลยเล่มนี้ แต่ก็โอเค...เป็นหนังสืออีกชุดที่อ่านเพลินๆ ฆ่าเวลาได้ดี แม้ว่าเราจะไม่ได้ชอบไปซะทุกเล่ม แต่ก็มีบางเล่มที่เราคิดว่าคุ้มค่าต่อการอ่านอยู่นะ

สรุปว่าเรียงลำดับความชอบนะ 4 > 5 > 6 > 1 > 3 > 2

คะแนน 7.5/10

Haunted (The Mediator #5)


ชื่อเรื่อง วิญญาณหลอน
จากเรื่อง Haunted
ผู้แต่ง Meg Cabot
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
วรรณเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

ความรักของซูซานน่าห์กับเจสซี่ทำท่าว่าจะไปได้สวย...ซะเมื่อไรล่ะ อยู่ดีๆ เจสซี่ก็ทำตัวห่างเหิน ซ้ำร้ายตัวปัญหาอย่าง พอล สเลเตอร์ ก็โผล่มาที่โรงเรียน แถมยังเสนอตัวจะช่วยไขข้อข้องใจทั้งหลายเกี่ยวกับผู้เป็นสื่อกลางให้ซูซานน่าห์ ถ้าเธอยอมใช้เวลาอยู่กับเขา แต่ใครจะยอมล่ะ ต่อให้พอลมีใบหน้าหล่อเหลา มีหุ่นราวกับนายแบบ แต่เขาก็เคยเกือบฆ่าเธอมาแล้ว แถมยังพยายามจะกำจัดเจสซี่อีกต่างหาก
เฮ้อแค่หลงรักผีก็เหนื่อยใจจะแย่ … นี่ยังต้องมาคอยหนีมนุษย์จอมเจ้าเล่ห์อีก งานนี้ฝันร้ายชัดๆ เลยใช่ไหมเนี่ย

REVIEW

พอล สเลเตอร์กลับมาหาซูซานน่าห์อีกครั้ง คราวนี้เขามาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับเธอ เขาเผยความรู้สึกอย่างชัดเจนว่าเขาชอบเธอ  และชักจูงให้เธอยอมเชื่อเขาว่าเธอเป็นมากกว่าเดอะเมดิเตอร์ พอลพาซูซไปที่บ้านเขาและจูบกับเธอ ซูซานน่าห์รู้ตัวแล้วว่าเธอไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นลงไปเลย แต่จะโทษเธอก็ไม่ได้...เพราะช่วงหลังๆ เจสซี่ก็ห่วงเหินและไม่สนใจเธออย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่เขาได้จูบเธอไปแล้ว แต่เจสซี่ก็ทำเหมือนเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย

เจสซี่กำลังจะย้ายออกจากบ้านของเธอและไปอยู๋กับคุณพ่อดอม ซูซเสียใจมากและคิดว่าที่ทำแบบนั้นเพราะเจสซี่ต้องการปฏิเสธเธอ เมื่อเจสซี่พยายามจะสารภาพความจริงให้ซูซานน่าห์ฟัง พอลก็บุกมาถึงห้องนอนของเธอ เขาและเจสซี่ต่อสู้กันท่ามกลางสายตาเด็กวัยรุ่นหลายคนที่มาร่วมปาร์ตี้ของแบรด ซูซานน่าห์จึงตัดสินใจใช้พลังของเธอเดินทางไปยังโลกของวิญญาณกับพอล และจัดการส่งวิญญาที่ตามรังควาญเธอมาก่อนหน้านี้ ซูซตัดสินใจทำข้อตกลงกับพอลในการให้เขาได้สอนเธอและค้นพบพลังของผู้เคลื่อนย้ายที่ซ่อนเอาไว้ในตัวของเธอ ในตอนท้ายหลังจากนั้น...เจสซี่ก็มาหาเธอและสารภาพกับซูซว่าเขาก็มีใจตรงกันกับเธอเช่นเดียวกัน

.................................................................................

ชอบความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่องนี้ที่เข้มข้นซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆจากเล่มที่แล้ว แม้ว่าเราจะไม่ค่อยชอบในช่วงแรกๆของหนังสือเท่าไร เพราะตัวของซูซเองนี่แหละที่ทำให้เราอยากจะเดินเข้าไปตบหัวแล้วจับตัวเขย่าๆ ถามว่านี่เธอเป็นอะไรมากมั้ย ? แต่พอผ่านครึ่งเล่มไปแล้ว เนื้อเรื่องก็ถูกดึงให้กลับมาพีคอีกครั้ง ความรู้สึกของเจสซี่ที่มีต่อซูซานน่าห์ก็เริ่มชัดเจนขึ้นมา ไหนจะเรื่องของพอลอีกหละ ที่ตอนแรกเราคิดว่าเขานี่แหละที่เป็นตัวปัญหามากสุด แต่เล่มนี้เขาก็กลับมีบทบาทสำคัญขึ้นมา และทำให้ปมความสัมพันธ์ของตัวละครมันชัดมากยิ่งขึ้น (ตอนเจสซี่หึงซูซนี่แบบ...พีคเว่อร์)

ชอบนะ...ชอบ Continuity ช่วงท้ายๆของหนังสือที่ทำออกมาได้ดีพอๆกับเล่มที่แล้วเลย ด้วยทางด้านความรู้สึกของตัวละครที่มันชัดมากๆ ทำให้เราชอบตรงส่วนนี้มากกว่าเล่มที่แล้วแบบเฉือนชนะไปหน่อยนึง แต่ก็ขอหักคะแนนตอนต้นๆเรื่องที่ทำให้เราหวั่นใจกลัวว่าจะกลับไปเหมือนเล่ม 2-3 ซะแล้ว สรุปเลยให้คะแนนเท่าเล่มก่อนหน้าไปละกัน...

คะแนน 8/10

Apr 20, 2015

Darkest Hour (The Mediator #4)


ชื่อเรื่อง ความลับในบ้าน
จากเรื่อง Darkest Hour
ผู้แต่ง Meg Cabot
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
วรรณเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

ซูซานน่าห์ถูกวิญญาณรบกวนกลางดึกอีกแล้ว
แถมปรากฏว่าผีตนนี้ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือเหมือนผีตนอื่นๆ เลยสักนิด แต่ตั้งใจมาเพื่อขู่ฆ่าเธอต่างหาก แถมเรื่องที่ขู่ก็ดูจะโยงไปถึงปริศนาการตายของเจสซี่ในอดีต ปริศนาซึ่งซูซานน่าห์เฝ้าสงสัยมานาน แล้วอย่างนี้มีหรือที่เธอจะยอมอยู่เฉย เรื่องราวของสาวน้อยเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปริศนาของเจสซี่จะได้รับการเปิดเผย สิ่งเหนือความคาดฝันมากมายจะเกิดขึ้น และสำหรับใครที่กำลังลุ้นเรื่องราวความรักระหว่างซูซานน่าห์กับเจสซี่ก็ไม่ควรรอช้า ติดตามอ่านได้ในเล่มนี้

REVIEW

ซูซานน่าห์โดนผีมาเรีย แฟนเก่าของเจสซี่ขู่ว่าจะฆ่าเธอทิ้งถ้าเธอนำเรื่องของหล่อนไปเปิดเผย ซูซานน่าห์ตามสืบความจริงจนในที่สุดเธอก็รู้ว่ามาเรียรวมหัวกับดีเอโกเพื่อกำจัดเจสซี่ นั่นเป็นเพราะเขายกเลิกงานแต่งงานของหล่อนและทำให้มาเรียต้องอับอายขายหน้า เมื่อศพของเจสซี่ที่ถูกฝังไว้ที่บ้านของซูซานน่าห์ถูกค้นพบ เธอก็รับรู้ถึงความผิดปกติ นั่นก็คือวิญญาณของเจสซี่หายไป และเธอก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลยนับแต่นั้น

ซูซานน่าห์รู้แล้วว่าเจสซี่ถูกขับไล่ไปอีกโลกด้วยพิธีกรรมที่มาเรียอยู่เบื้องหลัง หลอกให้แจ็คที่มีความสามารถเหมือนเธอทำพิธี ดังนั้นซูซจึงวางแผนที่จะขับไล่วิญญาณของตัวเองเพื่อตามไปช่วยเจสซี่อีกโลกโดยได้รับความช่วยเหลือที่ไม่ค่อยเต็มใจนักจากคุณพ่อดอมและแจ็ค เมื่อซูซเดินทางไปยังโลกของวิญญาณ เธอได้พบกับเจสซี่อีกครั้งและได้นำเขากลับมากับเธอ พร้อมๆกับที่ส่งมาเรียและดิเอโกไปอีกโลกนึงได้สำเร็จ 

ในที่สุดเจสซี่ก็ได้จูบซูซานน่าห์ ...

...................................................................

เล่มนี้คือสนุกแบบเว่อร์วัง สนุกแบบไม่ลืมหูลืมตา พีคมาก ลุ้นจนตัวเกร็ง ถ้าเทียบกับสามเล่มแรกที่เอื่อยเฉื่อย อ่านไปหาวไป เนื้อเรื่องตอนนี้จะเข้มข้นขึ้นและเข้าสู่ประเด็นหลักนั่นก็คือเรื่องของเจสซี่รวมถึงอดีตของเขา ไหนจะเรื่องของพอลอีกล่ะที่เราคิดว่าเป็นประเด็นในเล่มต่อไปแน่ๆ เราชอบสตอร์รี่ไลน์ของเล่มนี้มาก ตรงที่มันต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ รายละเอียดที่กล่าวถึงแต่ละอย่างก็ดูน่าสนใจน่าจับต้องไปหมด ไม่เหมือนเล่มแรกๆที่เราอ่านแล้วแทบจะปล่อยผ่านไปทันทีเพราะไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำมากนัก ยกเว้นเล่มหนึ่งที่เราว่ามันก็แมสสำหรับเราอยู่นะ ส่วนเล่มสองเล่มสามเราคิดว่าประเด็นมันจืดๆ ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร

ถ้าจะพูดก็พูดเถอะ เราคิดว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่เราชอบมากที่สุดในซีรีย์ชุดนี้ เดี๋ยวจะลองดูว่าอีกสองเล่มที่เหลือจะเปลี่ยนใจเราได้มั้ย ฮ่าๆ แต่เราว่า...เนื้อเรื่องมันมาถึงจุดพีคในเล่มนี้แล้วล่ะ ขออย่าให้เล่มหน้าดรอปลงเลยเหอะ ถ้าทุกเล่มเขียนออกมาให้โทนมันคล้ายๆกับเล่มนี้ เราคงจะชอบหนังสือชุดนี้แบบไม่ลืมหูลืมตาแน่นอน

คะแนน 8/10

Apr 17, 2015

Captivated by You (Crossfire #4)



ชื่อเรื่อง Captivated by You
จากเรื่อง Crossfire
ผู้แต่ง Sylvia Day
แนว Erotic
สำนักพิมพ์ Berkley

เรื่องย่อ

Gideon calls me his angel, but he's the miracle in my life. My gorgeous, wounded warrior, so determined to slay my demons while refusing to face his own.

The vows we'd exchanged should have bound us tighter than blood and flesh. Instead they opened old wounds, exposed pain and insecurities, and lured bitter enemies out of the shadows. I felt him slipping from my grasp, my greatest fears becoming my reality, my love tested in ways I wasn't sure I was strong enough to bear.

At the brightest time in our lives, the darkness of his past encroached and threatened everything we’d worked so hard for. We faced a terrible choice: the familiar safety of the lives we'd had before each other or the fight for a future that suddenly seemed an impossible and hopeless dream...

REVIEW

แม้ว่าเอวากับกิเดียนจะประกาศสถานะแต่งงานของพวกเขาให้แก่สาธารณชนได้รับรู้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่สวยหรูขึ้นไปมากกว่าเดิม กิเดียนยังคงเผชิญกับฝันร้าย ส่วนเอวาก็ยังไม่สามารถที่จะก้าวผ่านความสับสนระหว่างความรักที่เธอได้รับจากกิเดียนกับความสัมพันธ์ที่เธอเคยมีกับเบรทท์ เอวาจึงขอเวลาส่วนตัวอยู่กับพ่อและคลารี่ แต่กิเดียนก็ตามเธอไปถึงซานดิเอโก้เพื่อต้องการจัดการปัญหาเรื่องวิดีโอของเอวากับเบรทท์

กิเดียนเจรจากับเบรทท์เพื่อให้เขาอยู่ห่างๆจากเอวา และเรื่องวิดีโอนั่นที่เบรทท์ยังเก็บเอาไว้กับตัว ส่วนเอวาก็พยายามสุดความสามารถที่จะช่วยกิเดียนให้เขาผ่านพ้นความเจ็บปวดทุกอย่างในชีวิตเขา เอวาได้พ่นความจริงใส่พ่อเลี้ยงของกิเดียนเรื่องที่ไม่มีใครเชื่อเขาเมื่อเขาถูกล่วงเกินเมื่อตอนเป็นเด็ก พ่อเลี้ยงของกิเดียนเสียใจมากและหาโอกาสคุยกับกิเดียนเพื่อที่จะขอโทษเขา กิเดียนโกรธพ่อตัวเองที่เขาทำแบบนี้ เขาไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องนี้และมองว่าเขาน่าสงสาร เมื่อคืนนั้นกิเดียนไม่กลับไปหาเอวา เธอก็มาหาเขาที่เพนเฮ้าส์และปล่อยให้กิเดียนระบายความโกรธทุกอย่างใส่เธอ

คลารี่ต้องแก้ปัญหาของทาเทียน่าและลูกในท้องเธอ แต่เขาก็รับไม่ไหวเหมือนกันถ้านั่นจะทำให้เทรย์เดินออกไปจากชีวิตของเขา ดังนั้นเอวาจึงต้องช่วยเพื่อนของเธอเคลียร์ปัญหา เมื่อคอลีนกลับเข้ามาหากิเดียนอีกครั้งพร้อมกับขู่ว่าเธอจะตีพิมพ์หนังสือความสัมพันธ์อันฉาวโฉ่ของพวกเขาสองคนตอนที่ยังคบกันให้คนอื่นรู้ กิเดียนต้องจัดการสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เรื่องนี้แดงออกไป แล้วสุดท้ายเอวาก็ต้องมาเจ็บปวดเพราะเขาอีก

กิเดียนยื่นข้อเสนอให้มาร์ค บอสของเอวาย้ายมาทำงานกับเขาเพราะเขาเชื่อว่านั่นจะทำให้เอวามาทำงานกับเขาด้วย เพราะศัตรูของเขาต้องการบีบให้เธอทำงานในฐานะคู่แข่งบริษัทครอส เมื่อเธอรู้เรื่องนี้...เอวาโกรธเขามากเพื่อคิดว่าสิ่งที่กิเดียนทำไปเป็นการก้าวก่ายในหน้าที่การงานของเธอ เอวาเลยหนีออกจากเพนเฮาส์ของกิเดียนและขอใช้เวลาห่างๆจากเขาเพื่อขบคิดปัญหาชีวิตของเธอ กิเดียนแทบทนไม่ไหวที่ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีเอวา เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดรวมถึงการถูกคุกคามของเพศของเขาให้จิตแพทย์ฟังและหวังว่านั่นจะเป็นการช่วยให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้น เขาหวังว่าเอวาจะไม่ทิ้งเขาไปและจะกลับมาหาเขาในที่สุด ... เพื่อที่ทั้งสองจะได้สานความสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง

............................................

เล่มนี้ยังคงโฟกัสไปที่อุปสรรคในความสัมพันธ์ของกิเดียนและเอวา แต่โชคดีที่เราพักยกหลังจากอ่าน Entwined with you ไปนานโขอยู่ ถ้าอ่านเล่มนี้ต่อจากหลังเล่มนั้นทันที อารมณ์เราคงจะ flop แน่ๆ แต่นี่ตอนต้นๆเรื่อง เรารู้สึกว่าการอ่านลื่นไหลมาก เพราะมีการเล่าสลับ POV ระหว่างของกิเดียนและเอวา ทำให้เราเห็นความคิดของกิเดียนเยอะขึ้น ว่าจริงๆแล้วเขาหมกมุ่นเรื่องเอวาแค่ไหน

พอถึงครึ่งท้าย...เรายิ่งสนใจปัญหาในความสัมพันธ์ของกิเดียนและเอวามากๆ คราวนี้ส่วนมากทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะเรื่องความระแวงกลัวอีกฝ่ายจะนอกใจแล้ว แต่ทั้งกิเดียนและเอวาต้องยอมรับและต่อสู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวตนของตัวเอง เราว่ามันเป็น point ที่ละเอียดอ่อนและดึงความสนใจเราอยู่ยิ่งกว่าเรื่องมือที่สามอย่าง 2 เล่มที่แล้วที่มัวแต่หึงกันไปหึงกันมา ยิ่งมี work และ pride มาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เรามองว่ามันเพิ่มมูลค่าให้กับความสัมพันธ์ของใครก็ตามที่ผ่านตรงจุดนี้ไปได้ เรื่องทั้งเรื่องคือ self-esteem นี่แหละสำคัญที่สุด

ฉากเลิฟซีน เราคิดไปเองมั้ยว่ามัน fade out ไปเยอะมาก อ่อ ! มี BDSM เบาๆฉากนึงด้วยแหละ กิ๊วๆ >.< ส่วนตัวเราว่า Captivated by You เขียนประเด็นออกมาได้ละเอียดอ่อน ดีกว่า Entwined with you เสียอีก แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าทำเป็นแค่ Trilogy และกระชับเนื้อเรื่องหน่อยนึงนะ ...

คะแนน 7/10

Reunion (The Mediator #3)


ชื่อเรื่อง การแก้แค้น
จากเรื่อง Reunion
ผู้แต่ง Meg Cabot
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
วรรณเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

แหม!! ทำไมนะอุตส่าห์จะมีเดทเหมือนคนอื่นเขาซักที แต่ซูซานน่าห์ก็ต้องพบว่าเพื่อนร่วมชั้นที่มาชอบเธอนั้น ถูกวิญญาณเข้าสิง แถมเป็นวิญญาณที่ว่ายังเป็นของอดีตนักเรียนคนดังจากโรงเรียนมัธยมปลายสุดหรูแห่งหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต แต่กลับไม่ยอดไปสู่สุคติจนกว่าจะได้แก้แค้นคนที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นต้นเหตุการตายของตน สาวน้อยผู้เป็นสื่อกลางของเราจะต้องเป็นองครักษ์จำเป็นพิทักษ์ความปลอดภัยให้คนผู้นั้น แต่ก็ยังดีนะที่เธอมี เจสซี่ และคุณพ่อโดมินิกคอยช่วยอีกแรง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่แน่ใจเลยว่าเธอจะช่วยชีวิตของเขาไปได้ทุกครั้ง

REVIEW

ซูซานน่าห์ได้พบกับผีสี่ตัวที่ขับรถตกหน้าผาลงไปตาย ประจวบเหมาะกับที่เธอได้รู้จักไมเคิล และรู้ว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายจากวิญญาณที่เธอได้พบก่อนหน้านี้ ไหนจะเรื่องที่น้องสาวของไมเคิลจมน้ำในงานปาร์ตี้ของเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งจนตกอยู่ในอาการโคม่า งานนี้ซูซจึงต้องตามสืบว่าไมเคิลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเขาจะพยายามฆ่าเด็กวัยรุ่นสี่คนนั้นแน่ๆ ยิ่งเธอสาวความจริงไปได้เท่าไร ไมเคิลก็ยิ่งตกไปเป็นผู้ต้องสงสัยมากขึ้นเท่านั้น เมื่อแรงจูงใจของเขาคือการแก้แค้นให้น้องสาวที่ต้องนอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาลเพราะเด็กกลุ่มนั้นไม่ยอมช่วยเธอ สุดท้ายแล้ว...ไม่พ้นซูซานน่าห์ที่ต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงตายในการตามจับไมเคิลและยอมให้เขาสารภาพออกมาให้ได้

........................................................... 

เนื้อเรื่องเหมือนเล่มที่แล้วเป๊ะ ! มุกตลกนี่ฝืดมาก ไม่ขำแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ... ตัวละครอย่างซูซนี่ยังคงดีกรีความบุ่มบ่ามน่ารำคาญเช่นเดิม เจสซี่พระเอกของเรื่องก็ยังลอยไปลอยมาไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรเท่าไรหนัก เหตุการณ์ต่างๆดูเหมือนจะจงใจที่จะทำให้มันเกิดขึ้นมากเกินไป ตัวละครสีลูกกวาดแจ๋วแหววเหมือนการ์ตูนสาวน้อยมาก ทำให้มันดูเรียบๆไม่มีมิติยังไงก็ไม่รู้ ต้องเตือนตัวเองเสมอว่านี่มันนิยาย Chick Lit เนื้อเรื่องเบาๆเพ้อๆฟุ้งๆ อย่าไปหวังอะไรมาก ...

คิดว่าถ้าอายุน้อยกว่านี้ ตอนเรียนประถมคงต้องชอบเรื่องสไตล์นี้แน่ๆ แต่มาอ่านเอาอายุปูนนี้... ก็สนุก อ่านเพลินดีนะ เพียงแต่มันเด็กน้อยไปอ่ะ ถือว่าก็ยังดีที่อ่านแล้วไม่รู้สึกรำคาญตัวละครหรือเนื้อเรื่องเหมือนนิยาย YA บางเรื่อง ...

คะแนน 6.5/10

Ninth Key (The Mediator #2)


ชื่อเรื่อง ไพ่ใบที่เก้า
จากเรื่อง Ninth Key
ผู้แต่ง Meg Cabot
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
วรรณเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

และแล้ว...ชีวิตของซูซานน่าห์ก็เหมือนจะไปได้สวย ไหนจะหนุ่มหล่อ ""แทค โบมอนต์"" ที่ชวนเธอออกเดท หรือใครต่อใครที่โรงเรียนพากันสนใจในตัวเธอ
แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เธอลืมความรู้สึกที่มีต่อ ""เจสซี่"" ผีหนุ่มที่บังเอิญมาสิงอยู่ในห้องนอนของเธอได้เลย ทั้งที่เขาก็เป็นผี และก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไรเธอนัก แต่ซูซานน่าห์ก็ไม่อาจตัดใจได้สักที...
และระหว่างนั้น ก็ดันมีวิญญาณผู้หญิงตนหนึ่งมายืนกรีดร้องอยู่ข้างเตียงเธอกลางดึกเพื่อขอความช่วยเหลือ และพอเธอสืบไป ก็ดูเหมือนว่าการตายของวิญญาณดวงนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของคนคนหนึ่งที่เธอรู้จักซะด้วย...

REVIEW

ครั้งนี้ซูซานน่าห์ได้รับการไหว้วานจากผีสาว ให้ไปช่วยบอกผู้ชายคนนึงว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของเธอ แต่ที่ไหนได้...ผู้ชายคนนั้นคือพ่อของว่าที่แฟนหนุ่ม เอ๊ย ! เพื่อนใหม่ของเธออย่างแทด ซูซานน่าห์ตกใจแทบช็อคหงายเมื่อพบว่าพ่อของแทดอาจจะเป็นแวมไพร์ที่ดูดเลือดมนุษย์ ยิ่งเธอเอาไปเชื่อมโยงกับคดีที่มีคนหายตัวไปช่วงหลังๆด้วยแล้ว งานนี้ซูซานน่าห์แทบเอาตัวไม่รอดเมื่อคดีที่เธอสืบอยู่พลิกตลบ คนที่เธอคิดว่าจะเป็นคนร้ายกลับไม่ใช่ แต่ดันเป็นน้องชายของเขาที่ดันมาจับตัวเธอไปซะนี่ !

กว่าซูซานน่าห์จะเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็เกือบตาย ไหนจะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดในเรื่องที่ผีสาววานเธอมามาอีกจนทำให้เรื่องทั้งหมดมันยุ่งเข้าไปกันใหญ่ แท้จริงแล้วคนที่ผีตนนั้นต้องการให้ซูซานน่าห์มาบอกก็คือคนใกล้ตัวน้องชายของเธอนั่นเอง ทางด้านของเจสซี่ที่ไม่ยอมปริปากถึงอดีตของเขา ซูซานน่าห์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอต่อไป ...

............................................................

อ่านไปสองเล่มเริ่มรู้สึกว่านางเอกทำอะไรผลีผลามไปนิด ส่วนเรื่องของเจสซี่ก็แทบจะไม่ได้เปิดเผยอะไรมากไปกว่าเล่มที่แล้วเลย สงสัยว่าจะเคลียร์ก็เล่มท้ายๆแหละมั้ง เล่มนี้จะไม่ได้เน้นหนักไปทางต่อสู้กับผีหรือบทบาทของเมดิเอเตอร์เหมือนกับเล่มที่แล้ว แต่มีการแทรกพาร์ทสืบสวนมา ซึ่งนี่แหละที่ทำให้เรามองกว่าซูซทำอะไรโง่ๆลงไปเยอะมาก แต่นั่นก็เป็นตัวที่ทำให้เนื้อเรื่องไหลไปข้างหน้า เพียงว่า...มีอะไรอย่างนี้บ่อยๆครั้ง มันเหมือนกับการกินน้ำพริกถ้วยเดิม มุกเดิมๆที่เคยขำ เคยคิดว่ามันตลก พอมาเจออีกทีในเล่มนี้ มันชักจะไม่ตลกแล้วสิ จากไม่ตลกจึงกลายเป็นแป๊กไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ...

ตอนแรกมองว่าซูซเป็นเด็กสาวที่โก๊ะๆเปิ่นๆ ซุ่มซ่าม ทำอะไรให้มันดูน่ารักน่าหยิก พอหลังๆนี่เหมือนจะตั้งใจ บอกเลยว่าไม่ขำแล้วนะ เปลี่ยนมุกเหอะ หวังว่าเล่มต่อไปจะงัดอะไรเด็ดๆมาทำให้เราอยากอ่านซีรีย์ชุดนี้ต่อไปได้นะ ...

คะแนน 6.5/10

Apr 16, 2015

Shadowland (The Mediator #1)


ชื่อเรื่อง รักเธอให้ตาย
จากเรื่อง Shadowland
ผู้แต่ง Meg Cabot
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
วรรณเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ แพรว

เรื่องย่อ

ซูซานน่าห์เห็นผี! ไม่ใช่แค่ตัวเดียวหรือสองตัว แต่เธอเห็นมันหมดทุกตัวเลย แล้วนั่นมันก็ออกจะเป็นเรื่องที่เกินทนสำหรับเด็กผู้หญิงมัธยมปลายคนหนึ่ง ผู้ต้องการแค่มีชีวิตที่สุขสงบ ปราศจากวิญญาณชาวบ้านมาเพ่นพ่านกวนใจ
และเมื่อเธอย้ายจากนิวยอร์กมาอยู่แคลิฟอร์เนีย ซูซานน่าห์ก็หวังว่าจะได้เริ่มต้นชีวิตที่ปลอดวิญญาณ แต่แค่เข้ามาในห้องนอนใหม่ เธอก็เจอผีเสียแล้ว จะดีอยู่หน่อยก็ตรงที่เขาหล่อ แต่ก็แล้วไงล่ะ จะหล่อแค่ไหนก็ยังเป็นผีอยู่ดี แถมเป็นผีที่ออกจะลึกลับเสียด้วย
แต่ซูซานน่าห์ก็ไม่มีเวลามานั่งกังวลใจเรื่องผีสุดหล่อในห้อง เพราะที่เธอคิดไปว่าจะได้มีชีวิตดีๆ ที่แคลิฟอร์เนียนั้น มันดูจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่นี้ต่อไป เธอจะต้องมาพัวพันกับผีที่แคลิฟอร์เนียหลายตัว ที่ทำเอานักเจรจาอย่างเธอต้องทำตัวเป็นทั้งนักสืบและนักสู้ แถมเธอยังพบว่าไฮสกูลในแคลิฟอร์เนียที่แสนจะยุ่งวุ่นวาย เพื่อนนักเรียนแต่ละคนทั้งแสบทั้งร้าย ไม่แพ้ผีที่ตายในเมืองแดดสวยแห่งนี้เลย

REVIEW

ซูซานน่าห์เพิ่งย้ายบ้าน และบ้านใหม่ของเธอกลับมีผีสิง! ใครจะรู้ว่าผีที่สิงอยู่ในบ้านของเธอจะกลายเด็กหนุ่มหน้าตาดี อย่างเจสซี่ ที่เธอไม่สามารถไล่ให้เขาไปไกลๆได้ ส่วนเรื่องที่โรงเรียน ... ซูซานน่าห์ต้องผจญกับผีเด็กสาวที่ฆ่าตัวตายเพราะน้อยใจแฟนหนุ่มของเธอ ผีตนนั้นตามอาฆาตและต้องการเอาชีวิตแฟนของเธอให้ไปอยู่ด้วย ดังนั้นซูซานน่าห์จึงต้องออกโรงปกป้องคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อผีเริ่มแข็งข้อขึ้นกับเธอเรื่อยๆ ซูซานน่าห์จึงต้องงัดไม้ตาย 'ไล่ผี' ออกมาในที่สุดเพื่อกำจัดผีตนนั้นให้สิ้นซาก

.....................................

เป็นนิยายเล่มบางๆที่อ่านได้เรื่อยๆ มีมุกตลกที่ทำให้เรายิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับขำก๊ากออกมา เนื้อเรื่องผูกปมไว้ไม่ซับซ้อน ให้อารมณ์คล้ายๆกับนั่งดูซีรีย์ฝรั่งที่จบในตอน ตัวละครสดใสมีสีสัน พระเอกอย่างเจสซี่มีความลับที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยที่ทำให้อยากรู้จนต้องหยิบเล่มต่อๆไปขึ้นมาอ่านอีก การหาทางออกของตัวละครดูง่ายๆไปนิด แต่นี่ก็เป็น Chick Lit เล่มบางๆก็จะไปคาดหวังตรงส่วนนี้มากไม่ได้ ...

เป็นหนังสือที่อ่านคลายเครียดได้เพลินๆดี ... ซื้อมาตอนที่ลดราคาเหลือเล่มละ 40 บาท ...

คะแนน 7.5/10

Apr 12, 2015

เสียงลวงตาย - Dark Places


ชื่อเรื่อง เสียงลวงตาย
จากเรื่อง Dark Places
ผู้แต่ง Gillian Flynn
แนว สืบสวนสอบสวน
ผู้แปล พยุงศักดิ์ แก่นจันทร์
สำนักพิมพ์ น้ำพุ

เรื่องย่อ

เสียงที่คุณได้ยิน...อาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความวิปลาส

ค่ำคืนแสนธรรมดาของครอบครัวชาวไร่ในแคนซัสซิตี้ จบลงด้วยเหตุฆาตกรรมสุดสยอง หนูน้อย 'ลิบบี้' วัย 7 ขวบที่แอบซ่อนในตู้เสื้อผ้า คือคนเดียวที่รอดชีวิต แม้เวลาจะผ่านไปแล้วถึง 24 ปี แต่เสียงในคืนนั้นยังคงปลุกความทรงจำอันเลวร้ายขึ้นมาหลอกหลอนเธอตลอดเวลา คืนนั้นพี่ชายลงมือฆ่าแม่กับพี่สาวทั้งสอง เสียงขวานฟาดเป็นจังหวะ เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขีดของแม่ที่พยายามปกป้องลูกน้อย เสียงคมขวานจามจนหัวแบะ เมื่อความจริงเริ่มเผยตัวออกมา ลิบบี้ก็ได้รู้ว่า ''เสียงที่ได้ยิน'' อาจไม่ใช่คำตอบของเรื่องทั้งหมด การรอดตายในคืนนั้นอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีใครบางคนจงใจปล่อยเธอไปในวินาทีสุดท้ายด้วยเหตุผลบางอย่าง บางทีความกลัวก็ต้องรอเวลาบ่มเพาะให้สุกงอม เพราะความตายที่หอมหวานย่อมมอบความหฤหรรษ์ได้มากกว่าอย่างแน่นอน

REVIEW

...สปอยล์...

ลิบบี้ เดย์คือผู้รอดชีวิตจากเหตุฆาตกรรมสยองของคนในครอบครัวที่ตายกันยกบ้าน พี่ชายของเธอกลายเป็นฆาตกรจากคำให้การของเธอ ยี่สิบปีให้หลัง...ลิบบี้อาศัยอยู่ด้วยเงินสนับสนุนที่ได้จากการฉกฉวยผลประโยชน์จากเหตุการณ์ในอดีตของเธอ จนเมื่อลิบบี้ถูกชักชวนให้เข้าชมรมสืบสวนที่ต้องการพิสูจน์ว่าเบ็นเป็นผู้บริสุทธิ์ ลิบบี้จึงต้องคุ้ยคดีที่ถูกปิดไปเมื่อนานมาแล้วขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะได้รู้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในค่ำคืนที่กลายเป็นฝันร้ายสุดสยองของเธอ

ลิบบี้ตามหาตัวพี่ชายที่ติดคุกของเธออีกครั้ง เบ็นเหมือนมีอะไรบางอย่างปกปิดเธอ เหตุการณ์ในอดีต...แม่ของลิบบี้ขัดสนเรื่องเงินอย่างหนัก ส่วนเบ็นก็ทำตัวแปลกแยกและมีความสัมพันธ์กับไดออนดร้า แฟนสาวที่กำลังท้องของเขา ไหนจะเรื่องที่เบ็นถูกใส่ร้ายว่าไปล่วงเกินเด็กผู้หญิงจนทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของสังคมอีก แพตตี้จึงต้องหาทางออกให้ลูกของเธอ จนกระทั่งในคืนเกิดเหตุ แผนการณ์ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามที่คนเป็นแม่ได้วางเอาไว้ซึ่งก็คือเธอจ้างให้คนมาฆ่าเธอเพื่อปลดหนี้สินของเธอ

แต่เมื่อไดแอนดร้าและเบ็นย้อนกลับมายังบ้านเพื่อหอบเงินหนีตามกันไป น้องสาวของเบ็นกลับมาเห็นเข้า ด้วยความที่กังวลที่เธอจะไปฟ้องแม่ของเธอ ไดแอนดร้าจึงบีบคอน้องสาวของเบ็นตายคนแรก อีกทางนึง...ในวินาทีที่คมปีดปักลงบนหน้าอกของแพ็ตตี้ซึ่งเป็นไปตามแผนของเธอ ลูกสาวอีกคนกลับมาเห็นแม่ของเธอเองถูกฆ่า นักฆ่าที่รับจ้างทำงานอน่างหมดจดจึงต้องกำจัดพยานไปให้หมด เด็กน้อยถูกขวานจามหัวแบะ ตายสนิท ... เหลือเพียงลิบบี้ที่มีชีวิตรอดจากคืนหฤโหดไปได้

.............................................................

เป็นหนังสือที่เกือบจะอ่านไม่จบ ถอดใจตั้งแต่ครึ่งเล่มด้วยปัญหาที่เนื้อเรื่องดำเนินไปช้าซะเหลือเกิน รายละเอียดและการบรรยายสภาวะแวดล้อมมากเกินไป จนทำให้ความน่าสนใจที่แท้จริงถูกกลบจนมิด Dark Places จะเล่าสลับระหว่างสองช่วงเวลานั่นก็คือปัจจุบันกับวันที่ 2 มกราคม 1985 คือวันที่เกิดเหตุฆาตกรรมอันสยดสยองของครอบครัวเดย์ขึ้น ผู้รอดชีวิตคือลิบบี้ กับ เบ็น พี่ชายของลิบบี้ที่ถูกจับในข้อหาฆาตกรรม ดังนั้นในส่วนของพาร์ทอดีตจึงมีการเล่าสลับในมุมมองของเบ็นและของแพตตี้ แม่ของลิบบี้

ซึ่งตรงนี้เราไม่มีปัญหาเลยด้วยซ้ำ แต่เรามาสะดุดตรงที่ว่า....ในตอนท้ายการเฉลยความจริงมันก้าวกระโดดและรวบรัด ทุกอย่างที่ปูมาแน่นกลับพังด้วยความบังเอิญที่มากไปหน่อย ซึ่งไม่น่าจะมีเยอะขนาดนี้ในอาชญนิยายเลย ถ้าตอนจบค่อยเป็นค่อยไป สมเหตุสมผลเหมือนครึ่งเล่มแรกของหนังสือ เราว่ามันจะ smooth และดูดีกว่านี้

มีบางจุดที่ไม่สมเหตุสมผลกับบางครั้งการกระทำของตัวละครก็ดูลอยๆ ไม่มีเหตุผลสนับสนุนที่มากพอ แต่เรามองว่าตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับที่ว่าคนอ่านจะเลือกมองมุมไหน คาแรคเตอร์ของลิบบี้เป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่ใช่นางเอกในอุดมคติของใครหลายคนแน่นอน สำหรับเรา เราไม่นับว่าเธอเป็นนางเอกนิยายด้วยซ้ำ ลิบบี้เป็นแค่ผู้รอดชีวิตที่เป็นตัวเชื่อมโยง บิดเบือนเหตุการณ์ให้กลับไปสู่ที่ทางที่ถูกต้องเสียมากกว่า ในขณะที่เบ็น เดย์ คือกุญแจหลักที่ไขปริศนาทั้งหมด

นี่ไม่ใช่นิยายที่เหมาะสำหรับเราแน่ๆ ... ตั้งแต่ Sharp Objects แล้วที่เราไม่ได้รู้สึกคลิกกับเนื้อเรื่องเลย กึ่งๆไปทางไม่ชอบด้วยซ้ำ อยากจะอ่านให้จบไวๆ จะอ่านข้ามก็เสียดายเพราะซื้อมาแล้ว คาดหวัง Dark Places ว่าต้องดี ต้องเลิศกว่านี้ สุดท้ายก็ผิดหวังอย่างรุนแรง ขนาดนี่เลิกหวังไปตั้งแต่ครึ่งเล่มเพราะเนื้อเรื่องมันน่าเบื่อมากกกกกกกกกกกไปแล้วนะ อ่านจบยังจะมีผิดหวังอีก เอ้า...

คะแนน 5/10

Apr 9, 2015

เมืองไฟสวรรค์ - City of Heavenly Fire (The Mortal Instruments #6)


ชื่อเรื่อง เมืองไฟสวรรค์
จากเรื่อง City of Heavenly Fire
ผู้แต่ง Cassandra Clare
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ อิ่มอ่าน

เรื่องย่อ

เมื่อคลารี่และผองเพื่อนร่วมมือกันสู้ผู้ร้ายสุดชั่วช้า – พี่ชายของคลารี่ เซบาสเตียน มอร์เกนสเติร์นรุกคืบอย่างเป็นระบบ เสี้ยมนักล่าเงาให้สู้กันเอง ใช้ถ้วยนรกานต์เปลี่ยนนักล่าเงาเป็นอสุรกายจากฝันร้าย พรากครอบครัว และคู่รักจากกัน นักล่าเงาต้องล่าถอยสู่ไอดริส ทว่าหอปีศาจแห่งอลิกันเต้ ก็ไม่อาจขวางเซบาสเตียน และเมื่อเนฟิลิมถูกกักอยู่ในไอดริส ใครจะป้องกัน โลกจากปีศาจได้

เมื่อการทรยศครั้งยิ่งใหญ่สุดที่เนฟิลิมเคยเผชิญถูกเปิดเผย คลารี่ เจซ อิซาเบล ไซม่อน และอเล็คต้องหนี แม้การเดินทางจะนำไปสู่อาณาจักร ปีศาจ ที่ไม่เคยมีนักล่าเงาคนใดย่างกรายไปถึง และไม่เคยมีมนุษย์คนใด รอดกลับมา

REVIEW

เซบาสเตียนพี่ชายผู้ชั่วช้าของคลารี่ใช้ถ้วยมรรตัยเปลี่ยนนักล่าเงาให้เข้าสู่ด้านมืด พร้อมทั้งเดินหน้าทำลายสถาบันต่างๆทุกมุมโลก จนกระทั่งเจซผู้มีไฟสวรรค์อยู่ในตัวต้องหาทางที่จะยับยั้งเซบาสเตียนก่อนที่จะเกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ คนที่พวกเขารู้จักต่างล้มตายในศึกที่เซบาสเตียนเตรียมการณ์ไว้อย่างดี เจซกับคลารี่เดินทางผ่านทวาราเข้าไปช่วยนักล่าเงาต่อสู้ หารู้ไม่ว่านั่นเป็นกับดัก และทำให้เจซได้รับบาดเจ็บ ภราดรแซ็คคาไรอาห์ช่วยชีวิตเจซเอาไว้ และนั่นทำให้เขาถูกไฟสวรรค์ที่อยู่ในตัวของเด็กหนุ่มแผดเผา ส่งผลให้ความมืดในตัวของแซ็คคาไรอาห์ถูกปัดเป่าออกไปและเขากลับกลายมาเป็นเจมอีกครั้ง

เซบาสเตียนจับผู้นำของชาวบาดาลไป เพื่อใช้ต่อรองในการแลกตัวคลารี่กับเจซ ถ้าเนฟิลิมไม่ส่งตัวพวกเขาสองคนให้ เซบาสเตียนจะประหารผู้นำชาวบาดาลทั้งหมดเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเนฟิลิมเห็นชีวิตนักล่าเงาสองคนมีค่ามากกว่าชาวบาดาลที่เขาจับมา และนั่นจะทำให้พันธไมตรีขาดสะบั้นลง ดังนั้นเจซ คลารี่ ไซม่อน อเล็ค แฃะอิซาเบลจึงต้องเดินทางไปยังเอโดมเพื่อช่วยเหลือทุกคนกลับมาให้ได้

การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบากจนกระทั่งคณะเดินทางมาถึงที่พำนักของเซบาสเตียนในที่สุด เซบาสเตียนเอาสวัสดิภาพและการอยู่รอดของนักล่าเงามาขู่ให้คลารี่ยอมขึ้นบรรลังก์กับเขา คลารี่ที่เตรียมแผนการณ์มาอย่างดีโดยการย้ายไฟสวรรค์จากตัวของเจซมาไว้ในดาบของเธอได้ปลิดชีพเซบาสเตียนในยามที่เขาเผลอ เซบาสเตียนตายหลังจากนั้น นักล่าเงาต้องพึ่งเวทมนตร์ของพ่อแมกนัสที่เป็นปีศาจในการพาพวกเขากลับไปโลกเดิม ซึ่งค่าตอบแทนนั้นสูงเหลือ นั่นก็คือความอมตะและความทรงจำเกี่ยวกับโลกเนฟิลิมของไซม่อนทั้งหมด ....

...................................

เราให้คะแนนโดยไม่ได้เอาเรื่องการแปลที่เข้าขั้นวิกฤติมาตัดสินนะ เพราะถ้าทำยังงั้น คะแนนหนังสือเรื่องนี้คงไม่เหลือ ... ถ้าจะพูดกัน City of Heavenly Fire มีความคล้ายคลึงกับ City of Glass มากๆ ในการจัดการวาเลนไทน์กับเซบาสเตียน แต่ต่างกันที่วิธีและการเล่าเรื่อง ซึ่งสำหรับหนังสือชุดนี้ เราคิดว่า 3 เล่มแรกปูเรื่องมาดี พอมาขมวดใน City of Glass เราจึงรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ อีพิค และเหมาะที่จะจบเป็นไตรภาคมากๆ แต่แคลร์กลับไม่ทำแบบนั้น เธอขยายหนังสือชุดนี้ต่อไปอีก 3 จนกลายเป็น 6 เล่ม ความพังพินาศเลยเกิดขึ้น ตัวร้ายนิสัยน่ารำคาญ งี่เง่า ปัญญาอ่อน อยากได้น้องสาวมาอยู่ด้วย ตามตื๊อแบบบ้าๆได้ทั้งเรื่อง กับเนื้อเรื่องที่วนไปวนมา ตัวละครที่ออกมามากมายเกินความจำเป็น ปมความสัมพันธ์ที่น่าเบื่อไร้สีสัน ถ้าจะพูดง่ายๆคือ...หนังสือ 3 ชุดสุดท้ายเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับหนังสือชุดนี้

ถ้าเทียบเล่มนี้กับ Clockwork Princess ความแตกต่างระหว่างหนังสือชุด The Mortal Instruments กับ The Infernal Devices คือ emotion และ drama ของตัวละคร ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือหนังสือชุด TMI จะไม่เน้นความดราม่า แต่จะไปเน้นที่พลอตเรื่อง ซึ่งสุดท้ายก็พังพินาศ เลอะๆเทอะๆ จบแบบง่ายๆไก่กาอาราเล่ไปหน่อย หนังสือหนาก็จริงๆ แต่ใส่อะไรมามากมายก็ไม่รู้ คำพูดจากพระคัมภีร์ก็ยั้วเยี้ยไปหน่อยมั้ย ถ้าจะเยอะขนาดนี้ก็ไม่ต้องเขียนแล้ว City of Heavenly Fire เนี่ย พิมพ์ไบเบิลขายเลยจะง่ายกว่ามั้ย ?

แนะนำว่าฉบับภาษาอังกฤษดีกว่าแปลไทยมากๆ มากๆหลายเท่าด้วย แต่รอบนี้ไปซื้อฉบับแปลไทยมา เพราะจะเอา Boxset+ของแถม ซึ่งน่าเกลียดมาก เอาของแถมเก่าๆจากเล่มก่อนๆมาแพ็คขายใหม่ ฮื้อ ! ฝ่ายการตลาดก็หัวใสจริงๆ ส่วนเรื่องสำนวน ฉบับแปลไทยแปลได้ไม่โอเคเลย เสียอรรถรสไปเต็มๆ บางประโยคความหมายไปคนละทิศกับต้นฉบับ ส่วนคำแต่เราคำที่ใช้นี่โบราณเหลือเกิน ไม่เข้ากับแนวนิยายเลย

คะแนน 6.5/10

Apr 6, 2015

Clockwork Princess (The Infernal Devices #3)


ชื่อเรื่อง Clockwork Princess
ผู้แต่ง Cassandra Clare
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ Margaret K. McElderry Books

เรื่องย่อ

Tessa Gray should be happy - aren't all brides happy?
Yet as she prepares for her wedding, a net of shadows begins to tighten around the Shadowhunters of the London Institute.
A new demon appears, one linked by blood and secrecy to Mortmain, the man who plans to use his army of pitiless automatons, the Infernal Devices, to destroy the Shadowhunters. Mortmain needs only one last item to complete his plan. He needs Tessa. And Jem and Will, the boys who lay equal claim to Tessa's heart, will do anything to save her.

REVIEW

สปอยล์ !!!

เทสซ่ากับเจมกำลังจะแต่งงานกัน แต่เจมป่วยหนักมากเพราะเขาโหมยามากกว่าที่ควรจะเป็นเพื่อต้องการยืนหยัดเคียงข้างกับหญิงสาวที่เขารัก ดังนั้นวิลจึงต้องพยายามสรรหาทุกวิธีทางเพื่อช่วยชีวิตคนที่เป็นมากกว่าพี่น้องและผูกพันธ์ยิ่งกว่าสายเลือดเอาไว้ให้ได้ วิลขอความช่วยเหลือจากแมกนัส ส่วนเทสซ่าก็ยังไม่คืบหน้าเรื่องความเป็นมาในอดีตของเธอ เธอไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ ไหนจะเรื่องที่ทั้งสถาบันชาโดว์ฮันเตอร์ยังตามรอยมอร์ทเมนไม่ได้ คำขู่ที่เขาฝากเอาไว้บนผนังบ้านไลท์วู้ดนั้นรบกวนทั้งคนในสถาบันเหนือสิ่งอื่นใด

เกเบรียลและกิเดียนถูกแบลคเมล์โดยคอนเซิลเวย์แลนด์ให้ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของชาร์ล็อต แต่พี่น้องทั้งสองไม่ยอมทำเช่นนั้นเพราะนั่นเป็นการหักหลังคนที่ยอมให้พวกเขาเข้ามาพักอยู่ในสถาบัน เมื่อเจสซามีนถูกปล่อยตัวออกมา ขาเดินทางมายังสถาบัน มีรถม้าอีกคนปรากฏขึ้นพร้อมกับกองทัพหุ่นจักรกลที่เข้ามาโจมตีสถาบันอีกครั้ง เจสซามีนถูกฆ่าพร้อมกับความลับของสถานที่ที่มอร์ทเมนซ่อนตัวอยู่

เทสซ่าถูกมิสซิสดาร์คจับตัวไป ส่วนเจมก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้และกำลังจะตาย วิลต้องเลือกระหว่างอยู่เคียงข้างสหายของเขาตอนลมหายใจสุดท้ายหรือจะออกไปตามหาเทสซ่าก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป สุดท้ายเจมก็ขอให้วิลออกเดินทางไปช่วยเทสซ่า ระหว่างทาง...เจมสิ้นลม และวิลรู้ได้ทันทีว่าสหายของเขาได้จากไปแล้ว

เทสซ่าถูกมอร์ทเมนบังคับให้แปลงร่างเป็นพ่อของเขา มอร์ทเมนได้ชิ้นส่วนสุดท้ายมาจากความทรงจำของพ่อในการรวมปีศาจเข้ากับหุ่นจักรกล ทำให้มันมีความคิดและเคลื่อนไหวเองได้ มอร์ทเมนได้นำทัพหุ่นจักรวลทำลายล้างชาโดว์ฮันเตอร์ ในขณะที่วิลตามหาตัวเทสซ่าจนพบและบอกกับเธอว่าเจมได้ตายไปแล้ว วิลกับเทสซ่าใช้โอกาสสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันก่อนที่พวกเขาจะถูกมอร์ทเมนกำจัด พวกเขาปล่อยให้ความรักระหว่างทั้งคู่ชักนำไปสู่ค่ำคืนที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม

ชาโดว์ฮันเตอร์จากสถาบันเดินทางมาช่วยวิลและเทสซ่าต่อสู้กับกองทัพหุ่นจักรวลที่แข็งแกร่งเกินจะเอาชนะได้ วินาทีที่ทุกคนกำลังจะถอยทัพและยอมแพ้ เทสซ่าได้แปลงร่างเป็นเทวดาประจำตัวที่แขวนอยู่บนสร้อยคอของเธอมาโดยตลอดและสามารถล้มมอร์ทเมนลงได้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากนั้นเธอจะถูกไฟสวรรค์แผดเผาจนได้รับบาดเจ็บ

เจมกลายเป็นภราดาเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ เทสซ่าได้พบกับเจมอีกครั้งหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา แต่เจมไม่สามารถที่จะอยู่กับเธอได้อีกต่อไป เพราะเขามีภารกิจที่ต้องทำ เจมสัญญว่าเขาจะมาพบกับเทสซ่าในทุกปี ณ สะพานที่ทั้งสองเคยเดินไปด้วยกัน และเจมขอให้เธอช่วยอยู่เป็นเพื่อนวิล หลังจากนั้นไม่นาน...วิลได้ขอเทสซ่าแต่งงาน ทั้งคู่สร้างครอบครัวกัน จนถึงวันที่วิลจากโลกนี้ไป เทสซ่าเป็นอมตะเพราะตัวตนของเธอ ทำให้เธอไม่แก่ไม่ตาย เมื่อเธอกำลังจะเดินทางไปยังสะพานที่เธอนัดพบกับเจมในทุกๆปี เทสซ่าได้พบกับเจมอีกครั้ง ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่ใช่ภราดา แต่ก็ยังเป็นเด็กหนุ่มคนที่เธอเคยตกหลุมรักเมื่อร้อยสามสิบปีที่แล้ว เพราะเจมสามารถหายารักษาสำหรับตัวเขาได้และถอนตัวจากการเป็นภราดาหลังจากนั้น

เจมไม่รู้ว่าเทสซ่าจะยังรักเขาอยู่หรือไม่ เขามีโอกาสที่จะได้รักกับเธออีกครั้งหรือเปล่าหลังจากเวลาทั้งหมดที่ล่วงเลยมา เทสซ่ารู้ว่าในใจเธอยังรักวิลอยู่เหมือนเดิม แต่เธอก็ยังรักเจมเช่นกัน ความรักที่เธอมอบให้กับผู้ชายทั้งสองคนไม่มีใครน้อยไปกว่าใคร เพราะทั้งวิลและเจมต่างก็มีจิตวิญญาณดวงเดียวกัน และความรักที่เธอมีต่อวิลจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเธอไม่ได้รักเจม ในทางตรงกันข้ามก็เช่นกัน ดังนั้นเทสซ่าจึงปล่อยให้ตัวเธอได้รับโอกาสที่เธอไม่ได้เคยได้รับ นั่นก็คือ ... การที่เธอได้รักกับเจมอีกครั้ง

................................................................................

นี่เป็นตอนจบของนิยาย YA ที่ละมุนมากที่สุด มันมีความสวยงามในด้านภาษาและข้อความที่แคลร์กลั่นออกมา เราไม่รู้เลยว่าจะมีนิยายชุดไหนอีกมั้ยที่จะสามารถหาทางออกสำหรับรักสามเศร้าของตัวละครได้สวยงามขนาดนี้ เราประทับใจในทุกตัวละคร คำพูดคมๆที่ตัวละครพูดออกมามากมาย มันมีความหมายที่ทำให้เนื้อเรื่องมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น

คือไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีแล้ว ตอนนี้เราปริ่มมากๆ มีนิยายไม่กี่เล่มนะ ที่ทำให้เราอิ่มหลังจากอ่านได้มากขนาดนี้ เราเชียร์เจมและร้องไห้ไปกับทุกความคิดของเขาที่ selfless มากๆ ส่วนวิลก็มีความเป็นมนุษย์มากขนาดที่ว่าเราเชียร์ทั้งวิลและเจมในตอนท้ายพร้อมๆกับทั้งสองคน และคิดว่าตอนจบจะออกมาเป็นแบบไหนเราก็รับได้ทั้งนั้น ซึ่งแคลร์ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ ส่วนฉากต่อสู้ท้ายเรื่องก็เขียนได้อีพิคเหลือเกิน สะใจมากๆ แทบจะลุกขึ้นมาโห่ร้องเลยทีเดียว 555

นี่อาจจะไม่ใช่นิยาย YA ที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งด้านกลยุทธอันชาญฉลาดในการวางพลอตเรื่องให้ซับซ้อนและแนบเนียน ซึ่งยังไม่ได้เพอร์เฟ็ค 100% ขนาดนั้น แต่ประเด็นความรักหนุ่มสาว ภราดรภาพ มิตรภาพ มันละเอียดอ่อนจนขนาดที่เราต้องค่อยๆละเลียดอ่านทีละบรรทัดและค่อยๆถอดความหมายในทุกความคิดและการสื่อสารของตัวละคร ตัวละครในนิยายชุดนี้มีทั้งสีขาว สีเทาและสีดำ เลือกที่ว่าคุณจะมองในรูปแบบไหน แต่คิดว่าตัวละครที่ sensible สำหรับเรามากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเจมนี่แหละ

สำหรับชุด The Infernal Devices เราคิดว่าเป็นนิยายที่มีพัฒนาการมาไกลสำหรับเรามากๆ ตั้งแต่เล่ม Clockwork Angel ที่เราไม่ค่อยชอบเท่าไร ซึ่งทำให้เราเกือบจะเลือกอ่านซีรีย์ชุดนี้ไปแล้ว เพราะทุกอย่างดูขาดๆเกินๆ แทบจะไม่มีอะไรลงตัว เรียกได้ว่าสำหรับเรา เล่มนี้เป็นลูกเป็ดขี้เหร่จริงๆ มาจนถึงเล่ม Clockwork Prince ที่ตัวละครมีมิติขึ้นและมีความซับซ้อนทางอารมณ์มากขึ้น จนเล่มสุดท้าย Clockwork Princess นี่แหละคือการคลายปมทั้งหมดและทำให้เราได้เห็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในหนังสือชุดนี้ ... กลายเป็นว่าการอ่านนิยายเล่มนี้เราไม่ได้จับพลอตหลักของชาโดว์ฮันเตอร์ไปแล้ว แต่เป็นการมุ่งเน้นไปเรื่องของโรมานซ์ในหนังสือเสียมากกว่า

อย่างในตอนท้ายที่บอกไว้ว่า
“They say you cannot love two people equally at once,” she said. “And perhaps for others that is so. But you and Will—you are not like two ordinary people, two people who might have been jealous of each other, or who would have imagined my love for one of them diminished by my love of the other. You merged your souls when you were both children. I could not have loved Will so much if I had not loved you as well. And I could not love you as I do if I had not loved Will as I did.”
เป็นการตอบโจทย์รักสามเศร้าของเรื่องนี้ได้หมดเปลือกจริงๆ

คะแนน 9.5/10

Apr 4, 2015

Clockwork Prince (The Infernal Devices #2)


ชื่อเรื่อง Clockwork Prince
ผู้แต่ง Cassandra Clare
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ Margaret K. McElderry Books

เรื่องย่อ

In the magical underworld of Victorian London, Tessa Gray has found safety with the Shadowhunters. But that safety proves fleeting when it becomes clear that the mysterious Magister will stop at nothing to use Tessa’s powers for his own dark ends.

With the help of the handsome, tortured Will and the devoted Jem, Tessa discovers that the Magister’s war on the Shadowhunters is deeply personal and fueled by revenge. To unravel the secrets of the past, the trio journeys from mist-shrouded Yorkshire to a manor house that holds untold horrors. When they encounter a clockwork demon bearing a warning for Will, they realize that the Magister knows their every move—and that one of their own has betrayed them.

Tessa is drawn more and more to Jem, though her longing for Will continues to unsettle her. But something is changing in Will. Could finding the Magister free Will from his secrets and give Tessa answers about who she really is? As their search leads to deadly peril, Tessa learns that secrets and lies can corrupt even the purest heart.

REVIEW

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สถาบันของชาโดว์ฮันเตอร์ ชาร์ล็อตและเฮนรี่ผู้เป็นเจ้าของสถาบันต้องชดใช้ด้วยการตามหาตัวของมอร์ทเมนให้ได้ภายในสองอาทิตย์ ส่วนเทสซ่าก็รู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเจมมากกว่าเวลาที่เธออยู่กับวิล เพราะเขามีท่าทางแปลกๆไปนับตั้งแต่ที่ทั้งคู่เจอกันครั้งสุดท้าย เทสซ่าได้รับการฝึกฝนจากนักล่าเงาให้รู้จักการป้องกันตัว เมื่อวิล เจม และเทสซ่าต้องเดินทางเพื่อไปหาเบาะแสของมอร์ทเมน ที่นั่นวิลได้พบกับครอบครัวของเขา และนั่นทำให้ความลับในอดีตของวิลถูกตีแผ่ออกมาต่อหน้าแม็กนัส เบนว่าวิลถูกปีศาจสาปตั้งแต่เด็กๆว่าทุกคนที่รักเขาต้องจบชีวิตด้วยกันหมด วิลรักเทสซ่า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เธอรักเขาได้ วิลจึงทำตัวแย่ๆใส่เธอเพื่อกันเธอออกห่างจากเขา

เทสซ่ากับเจมจูบกัน และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนสามคนซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เมื่อโซฟี สาวใช้ประจำสถาบันจับได้ว่าเจสซามีนกำลังจะออกไปพบเนธ พี่ชายผู้ชั่วร้ายของเทสซ่า นั่นทำให้วิลและเทสซ่าต้องตามออกไปสืบว่าทำไมเจสซามีนถึงหักหลังชาโดว์ฮันเตอร์ และแท้จริงแล้วมอร์ทเมนอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่ความจริงที่พวกเขาค้นพบช่างน่าตกใจเมื่อมอร์ทเมนมีแผนที่จะทำลายโลกของชาโดว์ฮันเตอร์โดยใช้เทสซ่าและคนในสภาเป็นเครื่องมือ

เทสซ่ากับวิลจูบกันหลังจากงานบอล เทสซ่าโทษว่านั่นเป็นเพราะฤทธ์ยาที่ถูกผสมในเครื่องดื่มที่ทำให้เธอมึนงง วิลเจอกับปีศาจตัวที่สาปเขา นั่นทำให้เขาไล่ตามมันไป ปีศาจตนนั้นหนีไปได้ แต่วิลได้ฟันของมันมาแทน เขาจึงมาขอให้แมกนัสได้มนตร์เพื่ออัญเชิญปีศาจตัวนั้นมาเพื่อที่จะเขาจะได้กำจัดมัน แมกนัสบอกให้วิลรอคอยต่อไปอีกสักพัก ระหว่างนั้นเจมและเทสซ่าต้องเดินทางไปด้วยกันตามแผนที่จะชักจูงเจสซามีนให้มาเป็นเหยื่อล่อเนธหลังจากที่เธอถูกบราเธอร์อีนอธจับตัวไปสืบสวน

เนธตายในการต่อสู้กับชาโดว์ฮันเตอร์ สถาบันของชาร์ล็อตกำลังจะถูกยึด แต่โชคดีที่ทุกคนได้เบาะแสจากกิเดียน ว่าพ่อของเขาที่มีอำนาจในการแย่งสถาบันได้ทำงานรับใช้มอร์ทเมนเพราะเขาป่วยและต้องการยารักษา คำสารภาพนี้ทำให้ชาร์ล็อตถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายและสามารถถืออำนาจในการครอบครองสถาบันเอาไว้ได้จนถึงที่สุด

เจมขอเทสซ่าแต่งงาน ส่วนวิลก็รู้แล้วว่าคำสาปที่เขาหลงเชื่อมาตลอด 5 ปีนั้นไม่มีอยู่จริง และเขากำลังจะกลับไปสารภาพรักกับเทสซ่าเมื่อเธอบอกเขาว่าเธอตอบรับคำแต่งงานของเจมไปแล้ว วิลหัวใจสลาย เขาคิดว่าเทสซ่าไม่เคยรักเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้เธอต้องยกเลิกการหมั้นหมายกับเจมไปด้วยเช่นกัน เพราะนั่นจะทำลายชายหนุ่มทั้งเป็น เจมกำลังป่วยและใกล้ตาย นี่อาจจะเป็นความรักครั้งเดียวในชีวิตของเจมที่เขาสามารถไขว่คว้าเอาไว้ได้ วิลจึงยอมเสียสละอะไรก็ได้ในชีวิตของเขาเพื่อเจม เพราะวิลติดหนี้บุญคุณเขาไว้มากเหลือเกิน...

..............................................................

“Wo ai ni, Tessa." he whispered. "Wo bu xiang shi qu ni." นี่เป็นประโยคที่ทำให้เราละลาย คือแบบ ... เฮ้ย ! นี่ไม่เคยอ่านนิยายตะวันตกที่พระเอกพูดภาษาจีนคล่องปรื๋อขนาดนี้มาก่อน ลองนึกภาพตามนะท่านผู้ชม ฝรั่งพูดจีนอ่ะ แบบเอาสำเนียงเป๊ะๆเลย มันพีคขนาดไรลองคิดดู โอ๊ยยยย ! คือเรื่องนี้มันมีพลอตของ love triangle ที่ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นเราคงไม่ชอบไปแล้ว ขนาดที่ว่านางเอกโลเลกับผู้ชายสองคน วันนี้เธอจูบคนนี้ และคิดว่าตัวเองรักคนนี้ พอวันรุ่งขึ้น เธอก็ไปจูบกับอีกคน เรากลับเฉยๆแฮะ คือมันมีกิมมิคบางอย่างที่ทำให้เรามองเห็นความสวยงามของเนื้อเรื่องตรงจุดนี้ ในแง่ประเด็นของความสัมพันธ์ในเรื่องนี้ ทุกอย่างมันสอดคล้องลงตัว ยิ่งเฉลยอดีตของวิลมาแล้วนะ ยิ่งทำให้เราเกลียดวิลไม่ลงอ่ะ แม้ว่าตอนสุดท้ายจะจบแบบกระอักเลือด แต่ก็คิดได้ว่าเล่มหน้าเนื้อเรื่องต้องหักมุมอีกแน่นอน

จุดอ่อนของนิยายเล่มนี้คือ...ความอ่อนของพล็อต พล็อตเรื่องอ่อนและเชื่องช้ามากๆ ทั้งเล่มนี้ไม่มีอะไรนอกจากการตามหามอร์ทเมน แต่ยังโชคดีที่ประเด็นความรักระหว่างวิล-เทสซ่า-เจม มันเข้มข้นมากๆ เข้มข้นจนทำเอาเราน้ำตาซึม ขนาดเรา #ทีมเจม แต่ก็ยังอดเห็นใจวิลไม่ได้ คือโอ๊ยยยย...มันเจ็บปวดมาก มันใช่เรื่องที่ต้องมาเกิดขึ้นมั้ย ส่วนเทสซ่า นางทำบุญด้วยอะไรถึงมีคนมารุมรักเยอะขนาดนี้

การเล่าเรื่องของแคลร์ มีการอธิบายฉากและสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดชนิดที่ว่ามีการนำไปเปรียบเทียบกับโน่นนี่ สีสันของท้องฟ้า รายละเอียดของประติมากรรม รวมไปถึง texture ของชุดแต่งกาย เข้าใจว่า research มาดี แต่บางทียัดรายละเอียดตรงนี้เข้าไปมากๆ มันทำให้เราแอบเบื่ออยู่เหมือนกันนะ จนเรามา analyze หลังอ่านเสร็จก็พบได้ว่า...ในส่วนของแกนหลักเรื่องในการกำจัดบอสใหญ่อย่างมอร์ทเมน นี่แทบจะไม่ได้เดินหน้าไปไหนเลย ยกเว้นการค้นพบแรงจูงใจและหนอนบ่อนไส้ในสถาบัน ให้อารมณ์คล้ายๆกับดับเบิลดอร์พาแฮร์รี่ลงไปในเพนซิฟอ่ะ ...

อ่านไปได้ครึ่งเล่ม ตั้งใจให้แค่ 3.5 ดาว พออ่านจนถึงประเด็นเรื่องความรัก ชอบมาก ประทับใจมาก ทัชไม่แพ้นิยายโรมานซ์เลยทีเดียว อ๊ะ! ยอมบวกให้อีก 0.5 ดาวก็ได้ ...

This is the best love triangle ever !!!

คะแนน 8/10

Apr 3, 2015

Clockwork Angel (The Infernal Devices #1)


ชื่อเรื่อง Clockwork Angel
ผู้แต่ง Cassandra Clare
วรรณกรรมเยาวชน เหนือจริง
สำนักพิมพ์ Margaret K. McElderry Books

เรื่องย่อ

In a time when Shadowhunters are barely winning the fight against the forces of darkness, one battle will change the course of history forever. Welcome to the Infernal Devices trilogy, a stunning and dangerous prequel to the New York Times bestselling Mortal Instruments series.

The year is 1878. Tessa Gray descends into London’s dark supernatural underworld in search of her missing brother. She soon discovers that her only allies are the demon-slaying Shadowhunters—including Will and Jem, the mysterious boys she is attracted to. Soon they find themselves up against the Pandemonium Club, a secret organization of vampires, demons, warlocks, and humans. Equipped with a magical army of unstoppable clockwork creatures, the Club is out to rule the British Empire, and only Tessa and her allies can stop them....

REVIEW

เทสซ่าเดินทางมายังลอนดอน เมืองแห่งม่านหมอก ... เธอได้พบกับพี่น้องสองสาว มิสซิสดาร์คและมิสซิสแบล็คที่จับตัวเธอไปและบังคับให้เทสซ่าใช้พลังที่เธอไม่รู้ว่ามีอยู่ในตัวเธอแปลงร่างเป็นคนอื่น ไม่นานที่เธอถูกจับขังเอาไว้ เทสซ่าก็ได้รับความช่วยเหลือจากวิลเลียม ชาโดว์ฮันเตอร์ที่ตามสืบเบาะแสการฆาตกรรมของเด็กสาวที่เขาค้นพบ นั่นทำให้เทสซ่าถูกลากเข้าสู่โลกของชาโดว์ฮันเตอร์โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เมื่อเทสซ่ารู้แล้วว่าพี่ชายของเธอหายตัวไป เธอจึงต้องอาศัยอยู่ที่สถาบัน และที่นั่นเธอก็ได้รู้จักกับเจม...เพื่อนชาโดว์ฮันเตอร์ของวิล

เทสซ่าปลอมตัวเป็นคามิลล์ไปงานเลี้ยงของแวมไพร์เพื่อตามหาร่องรอยของหุ่นจักรกลร่วมกับวิล โดยเธอไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าการไปงานเลี้ยงนั้นจะทำให้เธอได้พบกับนาธาเนียล พี่ชายที่หายตัวไปของเธอ หลังจากเหล่าชาโดว์ฮันเตอร์ต่อสู้และกำราบแวมไพร์ที่ฝ่าฝืนกฎลงได้สำเร็จ ยกเว้นผู้นำที่หนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เทสซ่าจึงพาพี่ชายของเธอมารักษาตัวที่สถาบัน

ทั้งหมดเป็นแผนการณ์ของมอร์ทเมนที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดไปหมดว่าผู้ทีบงการอยู่เบื้องหลังคือหัวหน้าแวมไพร์ แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้มอร์ทเมนนำกองทัพหุ่นจักรกลบุกเข้าสถาบันโดยที่มีนาธาเนียลพี่ชายของเทสซ่าคอยหนุนหลังอยู่ เมื่อเทสซ่าถูกต้อนจนจนมุม มอร์ทเมนจึงขอให้เธอทำอะไรบางอย่างเพื่อเขา แต่เทสซ่าไม่ยอมทำและใช้ตัวของเธอเองมาขู่เขา โชคดีที่มอร์ทเมนไม่ทำร้ายเทสซ่าและหลบหนีไปได้หลังจากที่วิลย้อนกลับมาที่สถาบันและเห็นสภาพเสียหายที่เกิดขึ้นตอนเขาและเจมออกไปจัดการเรื่องข้างนอก นั่นชักนำให้เกิดการสูญเสียของชีวิตตนในสถาบันมากมาย จึงเป็นหน้าที่ของชาโดว์ฮันเตอร์ที่เหลือที่ต้องจัดการเก็บกวาดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

.............................................................

นี่เป็นการอ่านซ้ำครั้งที่ 2 ของเราสำหรับหนังสือเล่มนี้ เมื่อปีที่แล้วเรามีโอกาสได้อ่านฉบับแปลไทย ในชื่อเรื่อง 'นางฟ้าไขลาน' บอกตามตรงว่านั่นไม่ใช่การอ่านที่น่าประทับใจเท่าไรนักสำหรับเรา ด้วยสำนวนการแปลที่ประดักประเดิดและไม่ไหลลื่น ทำให้อรรถรสที่น่าจะได้รับจากหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะหายไปมากโขอยู่เลยทีเดียว

แต่ตลกดี...หลังอ่านจบเรากลับให้คะแนนหนังสือเล่มนี้เฉียดๆกับของเดิม ทั้งๆที่ตอนยังไม่ถึงครึ่งเล่ม เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ต้องได้ 4 ดาวแน่ๆ แต่พออ่านจบ ... เราลดเหลือแค่ 3 ดาวพอ จุดที่เราเห็นได้ชัดเจนเลยก็ว่าได้ คือคาแรคเตอร์ของนางเอกที่ชักจะน่ารำคาญมากขึ้นหลังจากที่เธอจูบกับวิลและได้พี่ชายกลับคืนมา เราคิดว่าเธอกลายเป็นคนที่ไร้หัวคิดและดูบุ่มบ่ามไร้ความรอบคอบมากขึ้น ซึ่งนั่นไม่ใช่พัฒนาการที่ดีของตัวละครในหนังสือนิยายแน่ๆ

อีกจุดนึงก็คือ...เนื้อเรื่องเอื่อยเฉื่อยมาก มีการหักมุมก็จริง มีฉากแอคชั่นก็จริง แต่แปลกที่นั่นไม่ได้ทำให้เราตื่นเต้นหรือสนใจมากขึ้นเลยด้วยซ้ำ ตรงกันข้าม...เรากลับเบื่อ และกลายเป็นว่าอ่านข้ามๆด้วยความเซงเพื่อจะได้ว่าอ่านให้มันจบๆไป ปัญหามันอยู่ตรงนี้...คือการที่เรากลับมาอ่านหนังสือสักเล่มซ้ำ บางครั้งอาจจะทำให้เราเห็นจุดบกพร่องของหนังสือมากขึ้นกว่าเดิม ครั้งแรกที่เราอ่านภาษาไทย...เราเห็นจุดด้อยด้านการแปลเลยไม่ได้โฟกัสไปที่เนื้อเรื่องเท่าไรหนัก พออ่านซ้ำครั้งที่สองซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ...คราวนี้เราไม่มีปัญหากับภาษาที่ใช้แล้ว นั่นทำให้เรามาโฟกัสที่เนื้อเรื่องหลักแทน ตรงนี้แหละ ที่ทำให้เราเกิดอาการจับผิดเนื้อเรื่องมากขึ้นจนไม่เอ็นจอยไปกับมันมากเท่าที่ควรจะเป็น

บรรยากาศของหนังสือชุดนี้จะค่อนข้างเต็มไปด้วยมนต์ขลังของลอนดอนและกลิ่นอายยุควิคตอเรียนผสมกับสตรีมพังค์ อย่างเช่น เครื่องยนต์กลไกและความคลาสสิคของการแต่งกายของคนในยุคนั้น สำหรับใครที่ชอบแนวนี้ไม่ควรพลาด พลอตเรื่องค่อนข้างเบาสมอง มีรักสามเศร้าระหว่างพระเอกทั้งสองและนางเอก แต่คนที่อ่านเล่มแรกแล้วก็คงจะจับทางได้แหละว่าใครเป็นพระเอกแหละเนอะ 555+

แต่เรายังยืนยันคำเดิมนะว่า...ต้นฉบับดีกว่าฉบับแปลไทยจริงๆ

... รีวิวฉบับแปลไทย ...

คะแนน 7/10

Apr 1, 2015

The Shadows (Black Dagger Brotherhood #13)



ชื่อเรื่อง The Shadows
ผู้แต่ง J.R. Ward
โรมานซ์ เหนือจริง
สำนักพิมพ์ NAL

เรื่องย่อ


Two brothers bound by more than blood fight to change a brutal destiny in the heart-wrenching new novel of the Black Dagger Brotherhood by #1 New York Times bestselling author J. R. Ward.

Trez “Latimer” doesn’t really exist. And not just because the identity was created so that a Shadow could function in the underbelly of the human world. Sold by his parents to the Queen of the S’Hsibe as a child, Trez escaped the Territory and has been a pimp and an enforcer in Caldwell, NY for years- all the while on the run from a destiny of sexual servitude. He’s never had anyone he could totally rely on... except for his brother, iAm.

iAm’s sole goal has always been to keep his brother from self-destructing- and he knows he’s failed. It’s not until the Chosen Serena enters Trez’s life that the male begins to turn things around... but by then it’s too late. The pledge to mate the Queen’s daughter comes due and there is nowhere to run, nowhere to hide, and no negotiating.

Trapped between his heart and a fate he never volunteered for, Trez must decide whether to endanger himself and others- or forever leave behind the female he’s in love with. But then an unimaginable tragedy strikes and changes everything. Staring out over an emotional abyss, Trez must find a reason to go on or risk losing himself and his soul forever. And iAm, in the name of brotherly love, is faced with making the ultimate sacrifice...

REVIEW

เทรซรู้ตัวแล้วว่าเซเลน่าเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ไม่สามารถไปหาเธอได้ เพราะเทรซต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งฮิสบ์ เมื่อเทรซรู้ว่าเซเลน่าป่วยหนักด้วยโรคดิแอเรสท์ที่ทำให้ร่างกายของเธอค่อยๆแข็งทื่อเป็นรูปปั้น เทรซก็รีบไปดูแลเธอ เพราะเธอเหลือเวลาอีกไม่มาก เทรซมอบประสบการณ์ใหม่ๆให้แก่เซเลน่า ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่า...จุดจบของพวกเขานั้นอยู่อีกไม่ไกล

เลย์ล่าต้องรักษาสัญญาที่เธอให้ไว้กับคอร์ว่าเธอจะไปพบเขาทุกวัน แต่เมื่อโธร์แตกออกจากกลุ่มและไปหาราธพร้อมแผนการณ์ใหม่ นั่นทำให้คอร์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปเมื่อเขาถูกเหล่าภราดรติดตาม คอร์ย้ายที่อยู่ใหม่ แต่ก็แอบนัดพบกับเลย์ล่าอยู่ทุกคืน เมื่อคอร์ได้รับบาดเจ็บและเลย์ล่าเสนอเลือดของเธอให้เขา เขาโกรธเธอเป็นอย่างมากเพราะคิดว่าด้วยรูปลักษณ์ของเขา ไม่ว่าใครต่างก็รังเกียจและไม่ต้องการเขาทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้ถูกเลือกอย่างเลย์ล่าที่กำลังอุ้มลูกแฝดของควินน์อยู่ คอร์จึงมีเซ็กส์กับโสเภณีเพราะเขาคิดว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาลืมเลย์ล่าไปได้

ไอแอมเดินทางไปยังบ้านเกิดของเขาอีกครั้งเพื่อหวังเอายาที่สามารถรักษาเซเลน่าได้มาจากฮิสบ์ เพราะเขาไม่สามารถทนเห็นพี่ชายของเขาแตกสลายๆไปพร้อมกับหญิงสาวที่พี่ชายของเขาหลงรักได้ แต่นั่นทำให้ไอแอมถูกจับตัวไป จนเขาได้พบกับ maichen ไอแอมปราถนาในตัวของหญิงสาวทันทีทั้งคู่นัดเจอกันที่คาบินของเรฟหลังจากที่ไอแอมหลบหนีออกมาจากอาณานิคมได้ ไอแอมใจนึงก็รู้ว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเห็นพี่ชายของเขาแตกสลายไปพร้อมๆกับเซเลน่าเพราะเขาล้มเหลวในภารกิจที่จะหาหนทางในการรักษาชีวิตของเธอ

เมื่อเวลานั้นของเซเลน่ามาถึง เทรซรู้ว่าไม่มีปาฏิหารย์ใดๆที่จะช่วยรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงพร่ำบอกกับเซเลน่าว่า...เขาจะรักเธอตลอดไป...ตราบจนหายใจสุดท้ายของเซเลน่ามาถึง เหล่าภราดรและเชลแลนจัดพิธีให้กับเซเลน่าอย่างสมฐานะของเธอ ในขณะที่เทรซแหลกสลายไม่ต่างอะไรกับแก้วที่แตกละเอียด ไอแอมคอยอยู่เคียงข้างเทรซตลอดเวลา แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะยังไม่จบและไอแอมรู้ว่าไม่ช้าก็เร็ว เทรซต้องรักษาสัญญาที่พ่อแม่ของเขาเคยให้ไว้กับราชินีแห่งฮิสบ์ หรือไม่ทั้งคู่ก็ต้องหลบหนีไปสุดขอบโลกอีกครั้ง

ราธไม่ยื่นตัวเทรซให้กับฮิสบ์ เขาตัดสินใจที่จะประกาศสงครามมากว่าปล่อยให้เทรซเผชิญชะตากรรมตามลำพัง แต่เทรซกลับคิดว่าเขากำลังจะทำให้ทุกคนเดือดร้อน ดังนั้นเขาจึงไปมอบตัวด้วยตนเอง maichen หรือเจ้าหญิงแคทราได้ค้นพบกับความจริงอันน่าตกใจว่ามีการสลับตัวระหว่างเทรซกับไอแอมตั้งแต่ต้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว...ไอแอมเกิดก่อนเทรซ นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้ถูกเลือกที่แท้จริง ไม่ใช่เทรซ

เทรซเกือบตาย เขาได้เดินทางไปยังเดอะเฟด ที่นั่นเขาได้พบกับเซเลน่าอีกครั้ง เขาอยากจะไปอยู่กับเธอ แต่เซเลน่าห้ามเขาไว้ เพราะยังมีคนที่ต้องการเขาอยู่ข้างล่างนั่นก็คือไอแอม เพราะเขาคงจะไม่มีความสุขถ้าต้องเสียเทรซไป ดังนั้นเทรซจึงเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อน้องชายของเขา เห็นน้องชายของเขามีความสุขอยู่กับแคทรา และเทรซรู้ว่าสิ่งที่เขาเลือกนั้นถูกต้องแล้ว...

.........................................

เรารอหนังสือเล่มนี้มา 1 ปีเต็มๆ นับตั้งแต่ The King วางขายเมื่อเดือนเมษาปีที่แล้ว ... ผลปรากฏออกมาว่า ก่อนที่เราจะอ่านหนังสือเล่มนี้จบ กระแสทั้งใน GR FB Twitter มาแรงมากๆ ถึงตอนจบของหนังสือ แม้ว่าเราจะพอเดาได้หลังจากอ่าน The Shadows ไปไม่กี่บทก็ตามว่าตอนจบต้องเป็นแบบนี้ แต่เราก็ไม่คิดไม่ฝันว่า J.R. Ward จะช่างกล้าที่จะเขียนเนื้อเรื่องออกมาแบบนี้ซึ่งขัดกับกฎเหล็กของนิยายโรมานซ์อย่างแรง แต่ใครจะกล้าไปว่าเธอล่ะ เราเชื่อว่าต้องมีใครหลายคนที่คิดแบบเราหลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบแน่ๆ ว่า J.R. Ward เธอไม่ใช่นักเขียนที่นึกจะเขียนหนังสือเพื่อเอาใจคนอ่าน แต่เธอเลือกที่จะเขียนหนังสือออกมาให้ดูออกมาเป็นธรรมชาติ เหมือนกับนั่งฟังตัวละครต่างๆเล่าเรื่องราวของพวกเขาผ่านทางหน้าหนังสือเสียมากกว่าการนั่งฟังผู้แต่งเป็นคนเล่าเรื่องเสียเอง

เราอยากจะบอกว่า...ความสัมพันธ์ระหว่างเทรซกับเซเลน่าคือความสัมพันธ์ที่สวยงามที่สุดในซีรีย์ชุดนี้ โดยเฉพาะตอนจบที่เห็นชัดๆเลยว่าจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก โอยยยยยย...โดยเฉพาะฉากในห้องตรวจของเจนอ่ะ ทำให้เรานึกถึงฉากในหนังเรื่อง If I Stay เลยอ่ะ ดูแล้วน้ำตาไหลพรากๆ

อีกเรื่องก็คือ ... พาราไดซ์... นางเอกของเรื่อง Blood Kiss เป็นตัวละครตัวใหม่ของเล่มนี้ แถมยังเกริ่นๆเนื้อเรื่องการพบกันระหว่างพาราไดซ์กับเคร็กอีกด้วย คือเอาจริงๆนะ...พาราไดซ์เป็นตัวละครที่ไร้ซึ่งความสำคัญในการขับเนื้อเรื่องให้เดินไปข้างหน้าในเล่มนี้มากๆ ไปเริ่มต้นจริงๆในเล่ม Blood Kiss ก็ยังไหวเลย แอบสงสัยว่าจะใส่ตัวละครนี้เพิ่มมาทำไม หรือว่าจะเป็นอินดิวซ์นิดๆว่าผู้แต่งกำลังจะเปิดซีรีย์ชุดใหม่สินะ

โรมานซ์ระหว่างไอแอมกับ maichen ก็ดูเหมือนจะเร่งๆไปหน่อย เจอกันตอนกลางๆเล่ม ... ยังไม่ทันไรก็ลงเอยกันแล้วอ่ะ ส่วนเรื่องคอร์ก็ fucked-up เช่นเคย ตามประสา B.o.B. นั่นแหละ (ที่จริงเราชอบคู่ของคอร์นะ แต่เจอแบบนี้เข้าไปก็มีวื้ดอยู่เหมือนกัน) ที่ดูโดดเด่นที่สุดยังไงก็ไม่พ้นคู่เทรซกับเซเลน่านั่นแหละ เราเทคะแนนให้คู่นี้ 5 ดาว ส่วนไอแอม 3 ดาวครึ่งพอ

เป็นครั้งแรกในรอบปีที่อ่านหนังสือแล้ว #ร้องไห้หนักมาก ร้องชนิดที่ว่าส่งเสียงกระซิกๆออกมาแบบไม่เกรงใจคนรอบข้างเลยด้วยซ้ำ 555 ยอมรับว่า J.R. Ward ปูเนื้อเรื่องมาแปลกๆในความรู้สึกเรา ยังมีแหม่งๆอยู่บ้าง ความซึ้ง...ถึงจะน้ำเน่ากับมุกเดิมๆที่นิยายหลายเรื่องหยิบไปใช้จนเกร่อ แต่ก็ทำให้เราประทับใจในตอนจบได้ เอ้อ...มีเรื่องของเรจกับแมรี่แทรกเข้ามาด้วยแหละ ถ้าใครคิดถึงคู่นี้คงจะชอบเล่มนี้แน่ๆ ถึงแม้ว่าเรจจะแอบดราม่าไปหน่อยก็เหอะ เพราะประสบการณ์ของเทรซในเรื่องนี้ก็คล้ายๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรจอยู่เหมือนกัน

ปล.อ่านมาราธอนมาก หนังสือเล่มหนามาก ตอนแรกตื่นเต้นมาก กลางๆเล่มมีเนือยๆนิดหน่อย หลังๆน้ำตาไหลยังกับเปิดก๊อก สรุปคือคุ้มค่าที่ได้อ่าน ถึงแม้ว่าจะแอบชอบ The King มากกว่านิดนึง

คะแนน 9/10