Mar 29, 2014

จอมใจผู้พิทักษ์ - Lover Unbound (BLACK DAGGER BROTHERHOOD #5)


สำนักพิมพ์ : เกรซ

ผู้เขียน : J.R.WARD

ผู้แปล : จิตอุษา

เรื่องย่อ


ในเงามืดยามราตรีของเมืองคาลด์เวลล์ นิวยอร์ก สงครามเผ่าพันธุ์ระหว่างแวมไพร์กับเหล่านักฆ่ากำลังขับเคี่ยวกันอย่างหฤโหด และมีกลุ่มภราดรลึกลับกลุ่มหนึ่ง...นักรบแวมไพร์หกคนผู้ปกป้องเผ่าพันธุ์ และบัดนี้หัวใจที่เย็นชาของนักล่าผู้ปราดเปรื่องกำลังจะได้รับความอบอุ่น ทั้งๆที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ... วิชั่นผู้ปราดเปรื่องและไร้ความปรานี เขาเป็นบุตรชายของบลัดเลตเตอร์ เป็นผู้ครอบครองคำสาปมหันตภัยและความสามารถในการมองเห็นอนาคตที่น่าตกใจ เมื่อครั้งอยู่ในค่ายนักรบของบิดา เขาเป็นแวมไพร์ก่อนผ่านการแปรสภาพ เพราะเขาต้องพบกับความทุกข์ทรมานและการถูกทำร้าย ดังนั้นเมื่อมาเป็นสมาชิกของกลุ่มภราดร เขาจึงไม่สนใจความรักหรืออารมณ์ความรู้สึกใดๆ นอกจากมุ่งมั่นอยู่กับการเปิดฉากรบกับเลสเซนนิ่ง โซซายตี้เท่านั้น แต่แล้วอาการบาดเจ็บถึงชีวิตก็ทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในความดูแลของศัลยแพทย์ชาวมนุษย์คนหนึ่ง แพทย์หญิงเจน วิทคอมบ์ผู้ทำให้เขาต้องเปิดเผยความเจ็บปวดในใจและได้ลิ้มรสชาติของความสุขที่แท้จริงเป็นครั้งแรกในชีวิต...จวบจนชะตากรรมที่เขาไม่ได้เลือกเอง นำพาเขาไปสู่อนาคตที่ไม่อาจเลือกได้...

REVIEW

เล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มในชุด 'ภราดรผู้พิทักษ์' ที่น่าสนใจมากๆ

ตัวเอกของเล่มเรื่องนี้ก็คือ 'วี' หรือ 'วิชั่น' ซึ่งมีบทบาทโดดเด่นในเล่มที่แล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทของ 'บุทช์' และนอกจากนี้เขาก็ยังมีความรู้สึกที่มากกว่า 'เพื่อน' ให้กับอีกฝ่ายด้วย

วิชั่นได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงจนตกมาอยู่ในมือของศัลยแพทย์ 'เจน' หญิงสาวแปลกใจในระบบโครงสร้างร่างกายของเขาที่ไม่เหมือนกันมนุษย์ทั่วไป นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวถูกชักนำเข้าสู่โลกของเหล่าภราดร

ความสัมพันธ์ระหว่างเจนและวีเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อแต่ละฝ่ายต่างเปิดใจและเล่าความลับให้แก่กันและกันฟัง อุปสรรคเพียงอย่างเดียวก็คือ ... เจนเป็นมนุษย์ และวีต้องปล่อยหล่อนไปเมื่อเขาหายเป็นปกติแล้ว

วีไม่อยากปล่อยหล่อนไป เพราะเจนเป็นของเขา แต่เขาก็ยังเคลียร์ความรู้สึกของตนกับบุทซ์ไม่ได้เหมือนกัน แต่เมื่อทั้งคู่มีโอกาสได้คุยกันแล้ว วีก็ตัดสินใจเปิดอกคุยกับบุทซ์ว่าเขาเคยหอยากมีอะไรกับบุทซ์จริงๆแต่เมื่อเขารู้จักกับเจนแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

เมื่อถึงเวลาที่่วีต้องลบความทรงจำของเจนและปล่อยหล่อนไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องทำอย่างนั้นหลังจากที่ทั้งคู่ผ่านอะไรต่อมิอะไรด้วยกันมามากมายและเจนเป็นคนเดียวที่วีรู้สึกแบบนี้ด้วย

เจนถูกเลสเซอร์ยิงตายในคืนสุดท้ายของทั้งคู่ วีตัดสินใจจะคืนชีพให้เจนอีกครั้งแม้ว่านั่นเป็นความผิดมหันต์มากเพียงใดก็ตาม เดอะสไคร์บเวอร์จินมาห้ามเอาไว้ทันเสียก่อนที่วีจะพลั้งทำอะไรมากเกินไปกว่านี้ เจนสลายเป็นเถ้าถ่านต่อหน้าต่อตาวี ...

วีเสียใจ เขาร้องไห้เป็นครั้งแรกในชีวิตในขณะที่นอนกอดเถ้าถ่านของเจนไว้ในอ้อมแขน เดอะสไคร์บเวอร์จินมาหาวีและมองของขวัญให้กับเขานั่นก็คือเจน ... สุดที่รัดของเขา ในรูปของครึ่งวิญญาณครึ่งกายเนื้อ

สิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆในเล่มนี้ก็คือ ฝ่ายตัวร้ายหรือ 'เลสเซอร์' แทบจะไม่มีบทบาทเลยในเล่มนี้ แล้วทางผู้เขียนไม่ได้มีการตัดการเล่าเรื่องไปหาฝ่ายเลสเซอร์ให้เป็นผู้เล่าด้วย เรารู้สึกว่าเล่มนี้น่ารำคาญน้อยลงเพราะเล่มก่อนๆหน้ามักจะมีการตัดเนื้อเรื่องแล้วไปเล่าในส่วนของเลสเซอร์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้อารมณ์ไม่ค่อยปะติดปะต่อ (แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความประทับใจต่อหนังสือชุดนี้ลดน้อยลงแต่อย่างใด)

เราชอบคาแรคเตอร์ของวีมาก ด้วยความที่เป็นหนุ่มที่มี Conflict มาตั้งแต่ยังเล็ก เขาถูกบังคับให้ข่มขืนผู้ชาย และถูกทารุณกรรมอย่างโหดร้ายทารุณ ทำให้ลักษณะในเรื่องเซ็กส์ของเขาออกมาราวๆ Sexual Dominant คือผู้ที่นิยมเห็นคู่นอนของตนเองเจ็บปวด มีการใช้โซ่ แส้ กุญแจมือ เทียน และไม้เท้าในหนังสือเล่มนี้ด้วย ยิ่งฉากที่วีถูกเจนล่ามไว้นะ อื้อหือ ! >//////< อ่านแล้วเขินมากมาย

แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยชอบก็คือ ... ลักษณะของความสัมพันธ์ของวีกับเจนที่มันดูคล้ายๆกับการก้าวกระโดดมากเกินไป ไม่กี่วันที่แล้ววียังรักบุทช์อยู่เลย พอเจอกับคุณหมอเจนปุ๊บ วีก็หันไปรักเจนซะงั้น ก็เข้าใจอยู่ว่าสัญชาตญาณแวมไพร์ในเรื่องที่มีเซ้นต์ในการบอกว่าใครต่อใครเป็น 'ของฉัน' แต่ตอนบุทช์ ... วีก็บอกแบบนี้ไม่ใช่หรือไงว่าบุทช์เป็น 'ของฉัน'

เล่มนี้จะมีการปูเรื่องราวสำหรับเล่มถัดไปคือ 'ฟิวรี่' และ 'คอร์เมีย' เราชอบคู่นี้นะ คอร์เมียดูบริสุทธิ์ ซื่อๆ ใสๆ ในขณะที่ฟิวรี่ก็เป็นหนุ่มพรหมจรรย์

อีกคนที่เราชอบมากๆก็คือ 'จอห์น แมธธิว' เล่มนี้ได้มีการเปลี่ยนสภาพเกิดขึ้นแล้ว จอห์นกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัวไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าเล่มต่อๆไป ... บทของจอห์นจะเด่นขึ้นอีกมาก

ตอนแรกเราจะให้เล่มนี้ 8 คะแนนด้วยซ้ำ เพราะอ่านไปแล้วรู้สึกขัดใจหลายจุด อย่างเช่นตอนต้นๆเล่ม เรารู้สึกว่าไม่ถูกชะตากับสไคร์บเวอร์จินเลยอ่ะ ให้ตายเถอะ นางดู 'เยอะ' กับทุกเรื่อง ก็เข้าใจว่ารักวี แต่บางครั้งการแสดงออกบางอย่างของนางก็ดูทิฐิและทะนงตนมากเกินไปนะ -*-

แต่พออ่านๆไปแล้วชอบคาแรคเตอร์และนิสัยของวีที่สะกดคนอ่านอย่างเราได้อยู่หมัดจริงๆ ตัวละครตัวนี้ดูมีมิติและสมจริงมากๆ บอกเลยว่าชอบตัวละครของ 'วี' พอๆกับซาดิสท์เลยก็ว่าได้ เลย +1 ให้อีกคะแนนละกันตรงจุดนี้

คะแนน 9/10

Mar 18, 2014

เมืองกระดูก - นครรัตติกาล (The Mortal Instrument#1)




สำนักพิมพ์ : อิ่มอ่าน
ผู้เขียน : คาสซานดร้า แคลร์
ผู้แปล : ฤทัยรัตน์ สุขถาวร

เรื่องย่อ

เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองแมนฮัตตัน คลาริสซ่า เฟรย์ บังเอิญเห็นฆาตกรรมหนึ่งในฆาตกรเป็นเด็กหนุ่มผมทองรูปงามแต่ที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าคือ ศพอันตรธานไปต่อหน้าต่อตา เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแม่ถูกลักพาตัว ชีวิตธรรมดาสามัญของคลารี่จึงเปลี่ยนไปในพริบตาเธอถูกดึงสู่โลกแห่งนักล่าเงา ผีดูดเลือด และมนุษย์หมาป่าเข้าสู่สงครามที่ผูกทุกคนไว้ด้วยความรักมิตรภาพ การหลงอำนาจและทรยศหักหลัง

REVIEW

'เมืองกระดูก' เป็นหนังสือแปลไม่กี่เล่มที่เราอ่านแล้วรู้สึกขัดใจที่สุด ...

ที่ขัดใจไม่ได้เป็นเพราะหนังสือเขียนออกมาไม่ดี แต่ขัดใจเพราะ ... สำนวนการแปลไทยของเล่มนี้ต่างหาก ไม่เข้าใจว่าเล่มนี้การแปลยังไม่เข้าที่เข้าทางหรือว่าการใช้ภาษาที่ค่อนข้างอ่านแล้วสะดุด อ่านจบย่อหน้าบางครั้งต้องอ่านทวนอีกรอบนึงเพราะงงๆกับการสื่อความหมายของผู้แปล

เนื้อเรื่องสนุก อ่านเพลิน หากใครเคยรับชมภาพยนตร์มาแล้ว จะรู้ได้เลยว่าเนื้อเรื่องส่วนแรกกับส่วนกลางจะคล้ายๆกับในหนังสือเปี๊ยบ แต่ตอนจบกลับต่างจากในหนังสือคนละเรื่อง

โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึง 'นักล่าเงา' และ 'เจซ' เด็กหนุ่มที่อาจจะมีนิสัยถูกใจใครหลายๆคน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 'คลารี่' ได้เห็นเจซฆ่าคนแล้วศพหายไปต่อหน้าต่อตา ทั้งสองเลยต้องมายุ่งเกี่ยวอย่างช่วยไม่ได้

ชอบตอนจบที่ผู้เขียนทิ้งระเบิดไว้ให้นักอ่านหลายคนถึงกับช็อคทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว นั่นคือเสน่ห์ของหนังสือชุดนี้แต่ต้องหยิบเล่มต่อไปมาอ่านเพื่อที่จะได้รู้ว่าตกลงเจซกับคลารี่เป็นพี่น้องกันหรือเปล่า ?

คะแนน 7/10

Mar 15, 2014

วิญญาณรักข้ามเวลา - Immortal Highlander (Highlander #6)


สำนักพิมพ์ : แพรว
ผู้เขียน : Karen Marie Moning
ผู้แปล : ขีดขิน จินดาอนันต์

เรื่องย่อ

"แก๊บบี้ โอคัลลาฮัน" ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะมีเจ้าชายมาพาตัวเธอไป แล้วทั้งสองก็จะมีความสุขด้วยกันราวกับเทพนิยาย จนกระทั่งเธอได้เจอกับเจ้าชายตัวจริง... เจ้าชายล่องหนที่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากเธอ "แอดัม แบล็ก" เป็นเจ้าชายแห่งเฟย์ แต่เขาอาจไม่ใช่เจ้าชายที่เธอถวิลหา เขาร้ายกาจ เซ็กซี่เกินห้ามใจ ช่างยั่วเย้า เก่งด้านลวนลามเป็นที่หนึ่ง และเอาแต่ใจเป็นที่สุด ทั้งบังคับยัดเยียดตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านของเธอ ทั้งลากเธอเข้าไปพัวพันกับเรื่องวุ่นวายที่ทำให้ทั้งคู่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแต่ถึงอยากจะเกลียด "แอดัม" แค่ไหน เธอก็อดไม่ได้ที่จะค่อยๆ ตกหลุมล่อ เอ่อ... หลุมรักเขาทีละนิดๆ

REVIEW

เล่มนี้เป็นเรื่องของ 'แอดัม แบล็ก' ซึ่งมีบทบาทสำคัญใน Dark Highlander เรื่องราวจะต่อจากเล่มที่แล้วคือเมื่อแอดัมกลายเป็นมนุษย์ เขาก็อับจนหนทาง หวังว่าราชินีจะให้อภัยเขาและเขาจะกลับไปเป็นตูอา เด ดันนา เหมือนเดิม แต่ไม่เลย ! เขามองไม่เห็นแฟรี่ แล้วเขาจะติดต่อกับราชินีได้อย่างไร

แต่แอดัมมีบุตรชายคนหนึ่งที่เขาให้กำเนิด ลูกชายของเขาเป็นลูกครึ่งแฟรี่ ดังนั้นเขาจึงคิดตามหาลูกชายของเขา แต่เขากลับพบ 'แก๊บบี้' เสียก่อน

แก๊บบี้มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นแฟรี่ แต่ยายของห่อนห้ามไม่ให้หล่อนเผยตัวให้แฟรี่เห็นเพราะแฟรี่จะมาเอาตัวหล่อน แต่ในเมื่อแก๊บบี้เผยความสามารถพิเศษนี้ให้แอดัมรู้ แอดัมก็เกาะติดหนึบพยายามล่อลวงเธอทุกวิถีทางเพื่อให้หล่อนยื่นมือมาช่วยเขา

'ดาร์ร็อก' คือภัยคุกคามของอดัม เมื่อดาร์ร็อกพยายามจะกำจัดเขา แอดัมและแก๊บบี้หนีไปขอความช่วยเหลือที่ประสาทเคลทาร์ และนั่นทำให้พวกเขาได้พบกับ 'ดรัสติน' และ 'เดกิส'

เล่มนี้เราว่าสนุกสู้สองเล่มแรกไม่ได้ พอดีมันมีบางจุดที่เราอ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิดว่าต่างฝ่ายต่างคิดเอาเอง ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดอยู่เรื่อยๆว่าทั้งคู่ไม่ได้มีใจให้กัน กว่าจะเปิดปากสารภาพกันได้ก็ตอนท้ายๆ แถมแอดัมยังลังเลเพราะคิดถึงอดีตที่เขาเคยทำเอาไว้กับภรรยาเก่าของเขาอยู่นั่นแหละ ทำให้เนื้อเรื่องดูยืดๆเกินความจำเป็น

ถือว่าเป็นหนังสือที่อ่านได้เพลินๆอีกเล่ม เรื่องนี้จะไม่มีการย้อนเวลาเหมือสองเล่มแรก แต่จะมีพื้นภูมิประวัติศาสตร์ของตูอา เด ตันนาเข้ามาแทน เนื้อเรื่องไม่ได้ตื่นเต้นวาบหวามอะไรอาจจะเป็นเพราะปมตัวละครไม่ค่อยน่าสนใจ เกี่ยวกับการเลือกที่จะเป็นมนุษย์ของแอดัมโดยมีเหตุผลหลายๆอย่างเข้ามาประกอบ ส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยชอบราชินีในเล่มนี้เลย

คะแนน 7.5/10

สาปรักข้ามเวลา - Dark Highlander (Highlander #5)


สำนักพิมพ์ : แพรว
ผู้เขียน : Karen Marie Moning
ผู้แปล : ขีดขิน จินดาอนันต์

เรื่องย่อ

"เดกิส แม็คเคลทาร์" ดรูอิดแห่งศตวรรษที่ 16 ย้อนเวลาไปในอดีตเพื่อช่วยชีวิต "ดรัสตัน" พี่ชายฝาแฝดไม่ให้เสียชีวิตลงในกองเพลิง แต่กฎแห่งการข้ามเวลาระบุไว้ว่า ดรูอิดจะต้องไม่เปิดสะพานข้ามเวลาด้วยเหตุผลส่วนตัว มิเช่นนั้นจะถูกปิศาจดรูอิดฝ่ายมืดทั้งสิบสามตนสิงสู่ ด้วยเหตุนี้เดกิสจึงกลายเป็นดรูอิดฝ่ายมืดและจะกลายร่างเป็นปิศาจในที่สุด... เดกิสจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะถอนคำสาป โดยหลีกหนีจากสก็อตแลนด์มาใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์ก แหล่งรวมของพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณที่ทรงคุณค่า เพื่อศึกษาตำราโบราณและหาวิธีถอนคำสาป เขาจะสามารถรอดพ้นจากคำสาปและช่วยชีวิตพี่ชายได้หรือไม่?

REVIEW

เล่มนี้เป็นเรื่องราวของ 'เดกิส' และ 'โคลอี้' ...

ด้วยความที่เดกิสช่วยเหลือ 'ดรัสตัน' พี่ชายฝาแฝดของเขาเอาไว้ในเล่มที่แล้ว ทำให้เขาต้องยอมรับปีศาจมาสิงสู่ร่างกายตนเอง แล้วผลตามมาก็คือ ... เขาต้องนอนกับผู้หญิง นั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้ปีศาจในตัวของเขาสงบลงได้

การพบกันครั้งแรกของเดกิสเป็นโคลอี้เป็นอะไรฮามาก โคลอี้นำหนังสือโบราณไปส่งให้เดกิส แต่เดกิสไม่อยู่ห้อง เจ้าหล่อนก็ดันบังเอิญเข้าห้องนอนของเขาแล้วก็เจอถุงยาง วัตถุโบราณ ทำให้เจ้าหล่อนตาเป็นประกาย เมื่อเดกิสกลับมาเห็น ชายหนุ่มเลยต้องจัดการโคลอี้โดยการมัดมืดมัดเท้าไว้กับเตียง

ในที่สุดเดกิสก็ตัดสินใจกลับไปหาดรัสตันที่ใช้ชีวิตอยู่กับเกว็นที่ไฮแลนด์ ส่งผลให้ทั้งคู่ย้อนเวลากลับไปเพื่อค้นหาตำราโบราณว่ามีวิธีที่จะช่วยให้เดกิสหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้หรือไม่ ?

เล่มนี้ยังมี 'แอดัม แบล็ก' ที่มีส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องอีกด้วย แอดัมเป็นดูอา เต ตาแนนและกลายเป็นมนุษย์ในท้ายเล่มเพราะเดิมพันกับราชินีเอาไว้ในเรื่องของเดกิส

เล่มนี้ HOT มาก แต่ก็เสียอารมณ์ตรงที่แพรว 'ตัดเลิฟซีน' ออกจนแทบไม่เหลือ แล้วเลิฟซีนที่ตัดไปนั้นมีบางส่วนที่มีส่วนสำคัญต่อเนื้อเรื่องด้วย ทำให้อารมณ์ค่อนข้างขาดๆหายๆไปเวลาอ่านเจอฉากที่ถูกตัด แต่เราก็ไปหาต้นฉบับมาอ่านควบคู่กันไป ถึงรู้ว่าฉบับแปลไทยตัดเลิฟซีนออกไปเยอะมากมายแค่ไหน

เล่มนี้มีความดาร์คและแฟนตาซีมากกว่า Kiss of the Highlander มากพอสมควร รวมถึงการเล่าเรื่องให้เห็นอีกด้านของเดกิสและยังมีความเป็นมาของดูอิสที่ก่อให้เกิดการเดินทางข้ามเวลาอีกด้วย ถือว่าสาระสำคัญในเล่มนี้สำคัญและละเอียดมากกว่าเล่มที่แล้วจริงๆ


คะแนน 8/10

มนตร์รักข้ามเวลา - Kiss of the Highlander (Highlander #4)


สำนักพิมพ์ : แพรว
ผู้เขียน : Karen Marie Moning
ผู้แปล : ขีดขิน จินดาอนันต์

เรื่องย่อ

"ดรัสตัน แม็คเคลทาร์ แลร์ด" แห่งไฮแลนด์ต้องมนต์สะกดให้หลับใหล เขาตื่นมาในอีกห้าร้อยปีให้หลัง เพราะหญิงสาวผู้หนึ่งถอนคำสาปโดยบังเอิญ ดรัสตันไม่เคยพบหญิงใดเหมือนเช่นเธอ "คาสซิดี้" เป็นคำไอริส แปลว่า ฉลาด เกว็นโดลิน หมายถึง เทพีจันทรา เขาคิด เมื่อได้พบเธอ ดรัสก็รู้ว่า โชคชะตานำพาทั้งสองให้มาพบกัน และชะตากรรมของเขาก็อยู่ในกำมือของเธอ...

"เกว็น คาสซิดี้" แสนจะเพลียกับบรรดาลูกค้าประกันจอมงก เธอตัดสินใจกระโจนขึ้นรถทัวร์สกอตแลนด์ กับผู้สูงอายุอีกเป็นโขยง หมายจะหาความตื่นเต้นให้ชีวิตจืดชืด เธอโหยหาอะไรสักอย่างที่ยังระบุออกมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หรือสิ่งนั้นจะเนแค่ความต้องการทางกายที่บรรจุอยู่ในยีน แต่แล้วเธอก็หล่นตุ้บลงบน "โชคชะตา" เข้าเต็มรัก...

REVIEW

**Kiss of the Highlander เป็นหนังสือเล่มที่ 4 ในชุด Highlander แต่สำหรับฉบับแปลจะนับเล่มนี้เป็นเล่มที่ 1 เพราะทางสนพ.ไม่ได้นำเอา 3 เล่มก่อนหน้านี้มาแปล**

เราว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในบรรยากาศนิยายชุดนี้แล้วนะ ด้วยความที่พลอตใช้ฉากหลังเป็นสกอตแลนด์ ทุ่งหญ้าป่าเขาสีเขียวขจี หนุ่มสก็อตใส่ผ้านุ่ง ตัวล่ำกล้ามใหญ่บึกบึน อะไรประมาณนี้

แต่ที่ทำให้นิยายเล่มนี้มีจุดน่าสนใจขึ้นมาก็คือ ผู้เขียนได้มีการดึงเอาตำนานของดรูอิดและการ 'ย้อนเวลา' เข้ามาใช้ในการเล่าเรื่อง ทำให้มีกลิ่นอายความเป็นแฟนตาซีมากขึ้น การพบเจอกันครั้งแรกของ 'เกว็น' กับ 'ดรัสตัน' ก็ถือว่าเริ่มได้น่าสนใจพอสมควร

ส่วนตัวเราแล้ว เราชอบนิสัยของดรัสตันมากอ่ะ ตอนแรกๆที่พยายามจะบอกเกว็นว่าเขาไม่ได้บ้า เขาย้อนเวลามาจากอดีตจริงๆ แล้วพยายามจะพิสูจน์ให้เกว็นดูว่าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้

สุดท้ายนางเอกเลยถูกดูดเข้าไปสู่อดีตโดยไม่รู้ตัวในสภาพเปลือยเปล่า พระเจ้า ! ทำไมน่ะรึ ? ก็สองคนนี้เล่นมีอะไรกันก่อนที่นางเอกจะย้อนเวลามาได้คนเดียวนะสิ ส่วนพระเอกดรัสตันของเราไม่สามารถย้อนกลับมาได้เพราะกฏทางฟิสิกส์ที่กล่าวถึงการมีสองตัวตนอยู่ในห้วงเวลาเดียวกัน (นางเอกเป็นนักฟิสิกส์นะเล่มนี้)

คราวนี้เกว็นเลยต้องมารับมือกับดรัสตันในอดีตที่จำหล่อนไม่ได้ แต่ลึกๆแล้วดรัสตันคนนี้กลับรู้สึกผูกพันธ์กับนางเอก เกว็นก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ดรัสตันจำตัวเองได้ ! มันฮาตรงนี้นี่แหละ ก็เจ้าหล่อนเล่นซะ ดรัสตันกลัวจนหางจุกตูดไปเลย ฮ่าๆ

ตอนจบก็ทิ้งประเด็นไว้ได้ดี กล่าวถึง เดกิส ... น้องชายฝาแฝดของดรัสตันที่จะมามีบทบาทในเล่มนี้

เล่มนี้อ่านเพลินๆ ... พลอตเรื่องไม่หนัก เบาสมอง ความซับซ้อนมีไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นหนังสือที่อ่านแล้วเพลินเล่มหนึ่งเลยทีเดียว

คะแนน : 9/10

ทัณฑ์เทวา - The Fallen : Raziel


ชื่อเรื่อง : The Raziel ทัณฑ์เทวา
สำนักพิมพ์ : แพรว
ผู้เขียน : Kristina Douglas
ผู้แปล : ต้องตา สุวรรณรังษี

เรื่องย่อ

ข้าคือ 'ราซิเอล'…ข้าคือผู้ถูกสาป คืออัครเทวทูตผู้ตกต่ำ ถูกขับไล่ลงจากสรวงสวรรค์ และถูกริบเอาเกียรติยศที่พึงมีไปสิ้น ต้องทำตนประดุจข้าช่วงใช้ของ 'ยูริเอล' ผู้เป็นอัครเทวทูตหนึ่งเดียวที่หลงเหลือบนสวรรค์ เผ่าพันธุ์ข้าดื่มกินเลือดมนุษย์ เสพกามาเป็นภักษาหาร มีเพียงข้าที่ดำรงกายบริสุทธิ์ ครองตัวเป็นโสดจนกระทั่งพบนาง นางมนุษย์ผู้ช่างแย้ง ช่างตอแย ช่างยั่วโทสะ ช่างหอมหวาน เพียงเพื่อนางผู้นั้น ความอัปยศและทุกข์ทรมานอาจไม่ใช่สิ่งเกินทน


REVIEW

ขอออกตัวก่อนเลยว่า ... ตอนก่อนที่หนังสือเล่มนี้จะออกนั้น เราได้ให้ความสนใจกับซีรีส์ชุดนี้มาก ซึ่งซีรีส์ชุดนี้เป็นผลงานของ Kristina Douglas หรือ Anne Stuart นั่นเอง คิดว่าหลายคนคงรู้จัก

เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับเทวดาตกสวรรค์ที่ลงมาทำหน้าที่นำส่งดวงวิญญาณผู้หลงทางในโลกมนุษย์นั่นเอง โดยหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึง 'ราซิเอล' เทวดาหนุ่มรูปงามที่ 'อัลลี' นางเอกของเรื่องเห็นแล้วเนื้อตัวร้อนฉ่า ปราถนาคลั่งไคล้ในตัวพระเอกจนอยากจะขึ้นเตียงด้วย

ความสนุกของเนื้อเรื่อง เราคิดว่าสนุกอยู่พอสมควรนะ พระเอกเป็นเทวดาตกสวรรค์ โดยยูริเอลเป็นจ้าวแห่งเทวดาที่ทำหน้าที่ตัดสินมนุษย์ว่าควรจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แล้วก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพระเจ้าซึ่งยูริเอลกำลังจะหาทางกำจัดพวกพระเอกโดยส่งเนฟิลิมออกมาเพื่อไล่ล่าเหล่าเทวดาตกสวรรค์

คาแรคเตอร์ของพระเอกเชื่อว่าคงถูกใจใครหลายๆคนแน่ พระเอกออกแนวปากร้ายนิดๆ เซ็กซี่ๆ แล้วก็เข็ดขยาดกับความรักครั้งเก่า ไม่อยากรักใครอีกแล้วเพราะกลัวความเจ็บปวด จนนางเอกเริ่มเข้ามาในจิตใจแล้วทำให้พระเอกหวั่นไหว เรื่องราวจึงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนถึงจุดไคลแม็กซ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต่างยอมรับความรู้สึกของตนเอง

เอาล่ะ ... มาถึงตรงส่วนบทเลิฟซีนหรือการอธิบายเรื่องบนเตียงระหว่างพระนางนั้น เรื่องนี้ไม่ได้มีการตัดทอนเนื้อหาออกเลย เพราะหลังอ่านจบเราเอามาเปิดเทียบกับฉบับอังกฤษจึงพบว่าคนแปลแปลตามต้นฉบับเป๊ะ

สำหรับใครที่คิดจะหานิยายโรมานซ์แนวเหนือธรรมชาติมาอ่าน เราขอแนะนำเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่อ่านเพลินได้สนุกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ขอติตรงการแปลนิดนึงที่ยังมีบางจุดที่อ่านแล้วรู้สึกยังไม่ค่อยไหลลื่นหรือมีอารมณ์ร่วมกับฉากนั้นๆเท่าที่ควร แถมเนื้อเรื่องตอนท้ายๆที่ดูรีบๆไปหน่อยเหมือนพยายามจะทำให้จบเล่มซะงั้น ทั้งๆที่สามารถนำประเด็นตรงนั้นมาเล่นน่าจะเข้าถึงอารมณ์มากกว่านี้ เพราะในหนังสือตอนบทท้ายๆมันดูห้วนๆ เหมือนไม่มีความสำคัญแต่เราว่ามันเป็นไคลแมกซ์ตอนนึงของเรื่องเลยก็ว่าได้นะ


คะแนน 8.5/10

Insurgent - ปริศนาสยบโลก (Divergent #2)



ชื่อเรื่อง Insurgent
จากชุด Divergent
ผู้เขียน Veronica Roth
ผู้แปล นลิญ
สำนักพิมพ์ Spell

เรื่องย่อ

ภาคต่อของ "ไดเวอร์เจนท์" โรแมนติกแอ๊คชั่นแฟนตาซีสุดระทึกที่ทุกคนรอคอย
เสียสละแปรเป็นสิ้นสูญ สิ้นสูญแปรเป็นพันธะ พันธะแปรเป็นสงคราม หนึ่งทางเลือกจักทำลายจิตวิญญาณ
'ทริซ' กำลังจะค้นพบความลับสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่เธอเคยรู้จัก และเป็นคำตอบของคำถามทั้งมวล...



REVIEW

ถ้าเปรียบหนังสือ Divergent เล่มที่แล้ว เป็นออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย Insurgent จะกลายเป็นอาหารจานหลักสุดหรูที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

ถือว่าเล่มนี้ทำได้ดีกว่าเล่มที่แล้วอยู่พอสมควร ทั้งในด้านพัฒนาการของตัวละครที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นรวมถึงเนื้อเรื่องที่เริ่มตึงเครียดมากขึ้น

เรื่องราวจะต่อจากเล่มที่แล้วคือ 'ทริซ' ไปขอความช่วยเหลือจากเผ่าอมิตี ผู้นำเผ่าที่ประกาศจุดยืนเป็นกลางยอมให้ผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ด้วย แต่แล้วเมื่อ 'เจอนีน' ตามตัวพวกที่รอดชีวิตจากเล่มที่แล้ว ทำให้ 'ทริซ' ต้องระหกระเหินไปหลบอยู่กับแม่ของ 'โฟร์' ซึ่งเป็นผู้นำของพวกไร้เผ่า

ต่อจากนั้น ... เด็กสาวก็เริ่มรับรู้ถึงความลับอันน่าสะพรึงเบื้องหลังของสงครามที่เกิดขึ้นว่าจุดหมายไม่ใช่แค่เพียงยึดอำนาจมาอยู่ในมือ แต่ที่ทำไปนั่นก็เป็นเพราะว่า ... เจอนีนต้องข้อมูลลับสุดยอดที่อยู่ในมือของผู้นำชาวแอ๊บเนเกชั่น

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงข้อมูลกลับคืนมาดำเนินไปอย่างดุเดือด เมื่อทริซต้องเข้าร่วมกลุ่มกับมาร์คัส พ่อแท้ๆของโฟร์ที่เคยทำร้ายเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก อันเป็นเหตุผลให้โทไบอัสหรือโฟร์ต้องย้ายเผ่าจากแอ๊บเนเกชั่นมาสู่ดอนท์เลส

สุดท้ายแล้ว ... ความลับที่ทุกคนต่อสู้เพื่อแย่งชิงก็ถูกเปิดเผยว่ายังมีโลกภายนอกที่ยังรอพวกไดเวอเจนท์ให้เข้าไปแก้ไขอยู่ และนั่นคือความลับที่ทำไมเจอนีนถึงต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา เพราะเธอไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความลับนี้ให้ใครได้รู้ หากนั่นจะหมายถึงการที่ผู้คนอยากออกไปสู่โลกภายนอก และอำนาจการปกครองของเธอต้องลดถอยลงไป

เราเลือกที่จะแตกต่าง ... เราคือ 'ไดเวอร์เจนท์'

เราเลือกที่จะก่อกบฎ ... เราคือ 'อินเซอร์เจนท์'


เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้สามารถที่จะตอบโจทย์ในแง่ของตัวละครและปมของเนื้อเรื่องได้ดีพอสมควร การต่อสู้ที่ขับเคี่ยวมากขึ้นจากเล่มที่แล้ว(ไดเวอร์เจนท์) ที่ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเผ่าอีกต่อไป แต่อินเซอร์เจนท์คือการต่อสู้ระหว่างเผ่าและคนไร้เผ่าที่ต้องการปฏิวัติและยึดอำนาจการปกครองมาเป็นของตัวเองทั้งสิ้น

คะแนน 9/10

Divergent - มายาเร้นโลก (Divergent #1)



ชื่อเรื่อง Divergent
จากชุด Divergent
ผู้เขียน Veronica Roth
ผู้แปล นลิญ
สำนักพิมพ์ Spell

เรื่องย่อ

"ไดเวอร์เจนท์" คือหนังสือแอ๊คชั่นผจญภัยท่ามกลางโลกอนาคต ที่ผู้คนถูกแบ่งออกเป็นเผ่าตามนิสัยพื้นฐาน เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

เมื่อเข้ารับการทดสอบเลือกเผ่า ผลการทดสอบระบุว่า 'ทริซ ไพร์เออร์' เป็น "ไดเวอร์เจนท์" ซึ่งหมายถึงผู้ที่ไม่อาจตกอยู่ภายใต้การควบคุมใดๆ ไม่มีวันอยู่เผ่าไหนได้ และถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบการปกครอง และเธอจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะมันมีค่าเท่ากับชีวิตของเธอ ทริซค้นพบแผนการลับที่มุ่งทำลายเหล่าไดเวอร์เจนท์ เธอต้องสืบว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ไดเวอร์เจนท์เป็นอันตรายถึงขั้นต้องถูกกำจัด เป็นอันตรายต่อใครหรืออะไรกันแน่ ก่อนจะสายเกินไป

REVIEW

เมื่อโลกอยู่ในยุคที่ทุกคนถูกจัดแบ่งเผ่าออกเป็น 5 เผ่า เมื่อเด็กทุกคนถูกบังคับให้เลือกเผ่าเมื่อเวลาของตนเองมาถึง เบียทริซ ไพรเออร์ คือเด็กสาวที่อยู่ในเผ่าแอ๊บเนเกชั่น เธอถูกปลูกฝังมาให้ใช้ชีวิตโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว แต่เธอคิดว่านั่นไม่ใช่ตัวเธอ เมื่อท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจไปอยู่กับดอนท์เลส แม้ว่าผลการทดสอบจะบ่งบอกว่าเธอเป็น ไดเวอร์เจนท์ ก็ตาม ซึ่งก็คือเธอมีคุณสมบัติของเผ่าต่างๆมากกว่า 1 เผ่าอยู่ในตัวของเธอ ยีนของเธอ

ชีวิตใหม่ ชื่อใหม่ ทริซ ไพรเออร์ ต่อสู้กับการทดสอบเพื่อเข้าร่วมกับเผ่านี้ มิฉะนั้นหากเธอไม่ผ่านการทดสอบ เธอจะกลายเป็นพวกไร้เผ่า ทริซต้องผ่านการทดสอบทั้งในเรื่องของการต่อสู้ และการเอาชนะความกลัวของเธอในสมรภูมิความกลัว

ทริซได้รู้จักกับโฟร์ และโฟร์สอนการต่อสู้และอะไรหลายๆอย่างให้แก่เธอ ทริซได้พบกับเพื่อนใหม่ มีทั้งเพื่อนแท้และเพื่อนที่พร้อมจะทรยศหักหลังเธอได้ทุกเวลา

เมื่อแผนการณ์ของเจอนีน ผู้นำเผ่าของเออรูไดต์ถูกเปิดเผยมาว่าเธอต้องการกองทัพของดอนท์เลสเพื่อบุกโจมตีแอ๊บเนเกชั่น โดยเธออ้างเหตุผลว่าการปกครองของแอ๊บเนเกชั่นคือความล้มเหลว จึงเป็นหน้าที่ของทริซและโฟร์ซึ่งเป็นไดเวอเจนทั้งคู่ต้องหยุดสงครามครั้งนี้ ...

เชื่อว่าหลายคนคงหลายเห็นหนังสือเล่มนี้วางโชว์เด่นหราอยู่ในร้านหนังสือ และคงมีอีกหลายคนที่หยิบซื้อมาโดยไม่ลังเล และมีหลายคนที่ลังเลว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี

ขอออกตัวก่อนเลยนะว่า ... เราลังเลอยู่นานกว่าจะซื้อหนังสือเล่มนี้ เพราะก่อนหน้านั้นเคยค้นหาข้อมูลในเน็ต มีนักอ่านหลายท่านรีวิวว่าความสนุกของซีรีส์ชุดนี้ดรอปลงไปเรื่อยๆตามจำนวนเล่มที่ออก ซึ่งเราก็คิดว่า ... มันจะดรอปลงได้ยังไง คนเขียนจะยอมฆ่าตัวตายเขียนงานเน่าๆออกมาขายในขณะที่ผลงานตัวเองติดอันดับหนังสือขายดีอย่างงั้นหรอ

แล้วเราก็ตัดสินไปซื้อมาอ่านจนได้ ... ตอนแรกอ่านแบบไม่ตั้งความหวังไว้มาก กะจะอ่านฆ่าเวลาด้วยซ้ำ ด้วยแนวคิดว่าคล้ายๆกับ The Hunger Games(THG) แต่พล็อตเรื่องต่างกันสิ้นเชิง พูดง่ายๆคือทั้งสองเรื่องใช้แบล็คกราวน์แบบดิสโทเปียเหมือนกันทั้งคู่ แต่เนื้อเรื่องไม่มีไหนที่เหมือนกันเลย จะมีแต่คล้ายกันก็แค่บางประเด็น

เนื้อเรื่องจะกล่าวถึงนางเอกที่มีปมขัดแย้งอยู่ในใจตลอดเวลาว่าตัวเองเข้ากับสภาพสังคมที่กำลังอาศัยอยู่ไม่ได้จนต้องตัดสินใจย้ายเผ่า เมื่อเธอได้เข้าไปอยู่ในเผ่าใหม่ เธอได้รับการฝึกฝนร่างกายและจิตใจ และในที่สุด ... เธอก็ล่วงรู้ถึงชนวนสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ...

ตอนจบทิ้งปมไว้น่าสนใจพอสมควร ทำให้คนอ่านเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ? แล้วนางเอกจะทำยังไงต่อไป ?

ต่างกับ The Hunger Games โดยมาก เรื่องนั้นเนื้อเรื่องจะเน้นไปทางด้านการกดขี่ทางสังคมอย่างชัดเจน ความโหดร้ายของสังคมแบบดิสโทเปีย นางเอกต้องต่อสู้ดิ้นสนสุดขีดเพื่อชีวิตของตัวเองและคนรอบข้าง แต่เรื่อง Divergent นั้นสภาพสังคมไม่ได้บีบบังคับมากเท่ากับ THG เลย นางเอกแค่ต้องฝึกฝนพัฒนาตนโดยมีเรื่องรักๆใคร่ๆให้คนอ่านรู้สึกวาบหวิวอยู่มากกว่า THG พอสมควร

ถือว่าเรื่องนี้มีกลิ่นอายความเป็น YA อยู่มากพอสมควร อ่านแล้วไม่ได้กดดันหรือบีบเค้นอารมณ์มากมายเหมือน THG แต่ก็มีเสน่ห์อยู่ในตัว

พูดถึงคาแรคเตอร์ของโฟร์หรือโทเบียสที่ทำให้สาวๆหลายคนกรี๊ดกร๊าดกันอย่างมากเนื่องจากพระเอกรายนี้จะมีปมความขัดแย้งในจิตใจถึงเรื่องในอดีตว่าทำไมโฟร์ถึงมาอยู่ดอนท์เลส ความสัมพันธ์ของพระนางเรื่องนี้ก็ถือว่าน่าสนใจถือเดียว ดูค่อยๆเติบโตขึ้นมาจากความใกล้ชิดแล้วก็เคมีแลดูเข้ากันได้ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก

ถือว่า Divergent เป็นนิยายอีกเรื่องที่สามารถขึ้นแท่นคู่กับ The Hunger Games ได้อย่างสบายๆเลยเพราะกระแสหนังสือที่อเมริกาถือว่ามาแรงมาก ขึ้นชาร์ต#1มาหลายอาทิตย์อย่างเหนียวแน่น ยิ่งก่อนหนังจะเข้าโรง คนก็ยิ่งสนใจที่จะซื้อมาอ่านกันมากยิ่งขึ้นแน่นอน

คะแนน 8.5/10

ยอดรักผู้พิทักษ์ - Lover Revealed (BLACK DAGGER BROTHERHOOD #4)


สำนักพิมพ์ : เกรซ

ผู้เขียน : J.R.WARD

ผู้แปล : จิตอุษา

เรื่องย่อ

บุทช์ โอ'นีลเป็นนักสู้โดยธรรมชาติ อดีตนายตำรวจหนุ่มแผนกอาชญากรรมผู้มีชีวิตลำเค็ญ เขาเป็นมนุษย์เพียงผู้เดียวที่ได้รับอนุญาตให้เขาสู่วงในของกลุ่มภราดรแบล็กแด็กเกอร์ และอยากจะเข้ามาสู่โลกของแวมไพร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น...เพื่อร่วมวงไพบูลย์ในศึกหนักกับพวกเลสเซอร์ เขาไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่หัวใจก็เป็นของแวมไพร์สาว แม่ดอกฟ้าโฉมงามที่สูงเกินเอื้อมสำหรับหนุ่มเหน้าชาวดินอย่างเขา ถ้าเขาไม่อาจเคียงคู่กับเมริสสาได้ อย่างน้อยเขาก็ขอสู้ตายเคียงข้างเหล่าภราดรก็แล้วกัน...

REVIEW

ด้วยเหตุผลบางประการจากเล่มก่อนหน้านี้ ขอสารภาพเลยว่า ... ตอนแรกเราไม่ค่อยอยากอ่านเล่มนี้เสียเท่าไร เพราะเรารู้สึกว่าคู่ 'บุทช์' กับ 'เมริสสา' ไม่ค่อยน่าสนใจเท่ากับ 3 คู่ก่อนหน้า

แต่เมื่อเราได้ลงมืออ่านแล้ว บอกได้คำเดียวว่า 'เราคิดผิด'

'บุทช์' ตำรวจหนุ่มที่ต้องเข้ามามีเอี่ยวกับกลุ่มภราดรอย่างเลี่ยงไม่ได้ในหนังสือเล่มแรก 'ราชันผู้พิทักษ์' เล่มนี้เขาถูกเลสเซอร์จับตัวไปและดิโอเมก้ากระทำการบางอย่างกับเขา  ทำให้ในตัวเขาเต็มไปด้วยความดำมืดและสิ่งชั่วร้าย

'เมริสสา' เข้ามาดูแลบุทช์ตลอดที่ชายหนุ่มเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของพี่ชายหล่อน  และนั่นทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น  ความปราถนาอันเร่าร้อนในร่างกายของบุทช์ทำให้หล่อนลุกเป็นไฟตลอดเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน

เล่มนี้ 'รีเวนจ์' พี่ชายของเบลล่าจากเล่มที่แล้วจะมีบทบาทเยอะขึ้นเพราะเขาต้องมาเป็นคู่ดื่มกินของเมริสสาในเล่มนี้ เพราะบุทช์เป็นมนุษย์ เมริสสาจึงดื่มกินจากเขาไม่ได้ ลองคิดดูสิคุณ ! คู่รักของตัวเองไปดื่มกินจากชายอื่น ผู้ชายอย่างบุทช์จะเดือดขนาดไหนที่ต้องทนเห็นเมริสสาไปใกล้ชิดกับรีเวนจ์ในยามที่หล่อนกระหายการดื่มกิน

ตรงนี้ว่ากรี๊ดนะ ... แต่ท้ายเล่มนี่กรี๊ดกว่า

ฉากที่ 'เบธ' ต้องช่วยชีวิตบุทช์ โดยการยอมให้บุทช์ดื่มกินของหล่อนในขณะที่ 'ราธ' ต้องทนยืนดูเชลแลนของเขาเสียสละตนเองให้ผู้ชายอื่นดื่มกิน ราธเดือดมาก ต้องให้ 'วี' กับ 'เมริสสา' มารั้งตัวเขาไว้ ไม่งั้นเขาจะฆ่าบุทช์

แล้วยังมีอีกคู่นึง ... 'วี' กับ 'บุทช์' ตอนแรกเราคิดว่าคู่นี้เป็นแค่เพื่อนกัน แต่ที่ไหนได้ วีกลับแอบชอบบุทช์ซะงั้น !? สงสารวีมาก สงสารสุดๆ ยิ่งตอนที่วีต้องกัดคอบุทช์นะ โอ้โห ! ตอนนั้นอ่านแล้วน้ำตาตกในมาก เพราะยังไงทั้งคู่ก็เป็นได้เพียงเพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ T_T

เล่มนี้สนุก ประเด็นหลายๆอย่างมีปมซับซ้อนขึ้นกว่าเล่มก่อนๆ ความสัมพันธ์ของตัวละครน่าสนใจมากขึ้นและน่าติดตามมากขึ้น J.R.WARD เขียนได้ดีมากจริงๆที่ทำให้ซีรีส์ชุดนี้ยิ่งอ่านยิ่งติด อยากอ่านเล่มต่อๆไปเรื่อยๆ


คะแนน 10/10

มัจจุราชผู้พิทักษ์ - Lover Awakened (BLACK DAGGER BROTHERHOOD #3)


ชื่อเรื่อง ภราดรผู้พิทักษ์ ตอน มัจจุราชผู้พิทักษ์
จากเรื่อง Lover Awakened
ผู้แต่ง เจ.อาร์. วาร์ด
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ เกรซ


เรื่องย่อ

ในเงามืดยามราตรีของเมืองคาลด์เวลล์ นิวยอร์ก สงครามเผ่าพันธุ์ระหว่างแวมไพร์กับเหล่านักฆ่ากำลังขับเคี่ยวกันอย่างหฤโหด และมีกลุ่มภราดรลึกลับกลุ่มหนึ่ง...นักรบแวมไพร์หกคนผู้ปกป้องเผ่าพันธุ์ ในบรรดานักรบทั้งปวง ซาดิสท์คือสมาชิกผู้น่าสะพรึงกลัวที่สุดในกลุ่มภราดรแบล็คแด็กเกอร์ อดีตทาสโลหิต...แวมไพร์ซาดิสท์ยังคงมีรอยแผลเป็นแห่งอดีตที่เปี่ยมด้วยความ ทุกข์ทรมานและอับอายอดสู ชื่อเสียงของเขาลือกระฉ่อนเพราะความกราดเกรี้ยวไร้เทียมทานและพฤติกรรมน่ากลัว เขาเป็นมหันตภัยร้ายแรงของทั้งมนุษย์และแวมไพร์ โทสะคือมิตรสนิทแต่เพียงอย่างเดียวของเขา และความโหดเหี้ยมเป็นเพลิงพิศวาสประการเดียวที่เขามี

จนกระทั่งในวันที่เขาช่วยเหลือสตรีเฉิดโฉมออกจากเงื้อมมือชั่วช้าของเลสเซนนิ่งโซซายตี้ แต่แล้วแวมไพร์พลเรือนสาวสวยกลับต้องเป็นผู้ช่วยนำพาเขาฟันฝ่าและข้ามพ้นอดีตอันทุกข์ทรมาน เพื่อเสาะหาอนาคตร่วมกัน...

REVIEW่

เล่มนี้เป็นเล่มที่เราชอบมากในซีรีส์ชุดนี้ ...

'ซาดิสท์' ถูกจับตัวไปเป็นทาสโลหิตตั้งแต่เด็ก แต่ได้รับการช่วยเหลือจาก 'ฟิวรี่' น้องชายฝาแฝดของเขา แต่ถึงกระนั้น ... ฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขาก็ยังตามหลอกหลอนเขาเรื่อยมาก ซาดิสท์ไม่ดื่มเลือดจากแวมไพร์ด้วยกัน แต่เขากลับดื่มเลือดจากโสเภณี

'เบลล่า' ถูกเลสเซอร์จับตัวไปและถูกทรมาน ในขณะที่เหล่าภราดรเชื่อว่าหล่อนตายไปแล้ว ซาดิสท์กลับหาตัวหล่อนอย่างบ้าคลั่งเพราะเชื่อว่าเบลล่ายังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง

เมื่อเขาได้พบกับเบลล่าในสภาพที่หล่อนถูกทำร้ายอย่างสาหัส ซาดิสท์ดูแลเบลล่าจนหายดี ร้องเพลงให้ฟัง อาบน้ำให้หล่อน และเมื่อเวลาต้องการของเบลล่ามาถึงเขาก็ดูแลปรนนิบัติหล่อนเป็นอย่างดี ...

มีฉากนึงที่เราชอบมากคือฉากในห้องน้ำที่ซาดิสท์อาบน้ำให้เบลล่าและร้องเพลงกล่อมอ่ะ คือเรารู้เลยว่าซาดิสท์แท้จริงแล้วเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมาก (แข็งนอกอ่อนใน) ประมาณนั้น

แต่ซาดิสท์กลับคิดว่าเขาไม่มีคุณค่าคู่ควรกับเบลล่า เขาจึงพยายามผลักไสหล่อนไปให้กับฟิวรี่ แต่เบลล่าก็รักซาดิสท์ หล่อนพยายามจะเข้าถึงตัวเขาทุกวิธีทาง

เบลล่าสอนซาดิสท์ให้รู้จักความรักในรูปแบบของหล่อน หัวใจของนักรบหนุ่มจึงเริ่มอ่อนลง ยิ่งตอนที่เบลล่าอยู่ในช่วงเวลาต้องการนะ โอ๊ย ! อ่านตอนนั้นแล้วเขินมาก แบบซาดิสท์เอ้ย ! ที่จริงนายก็รักเบลล่าใช่มั้ยล่ะ แต่ทำไมถึงยังปากแข็งอยู่ฮะ

สุดท้ายซาดิสท์ก็ปล่อยเบลล่าไปหลังจากการต่อสู้ที่เขาดึงชีวิตเบลล่าเข้าไปเสี่ยง แม้ว่านั่นจะทำให้เขาตายทั้งเป็น แต่เขาก็สัญญาที่จะพัฒนาตัวเองโดยการขอคำปรึกษาจากแมรี่ เขาเรียนรู้การอ่าน การเขียนหนังสือ เวลาผ่านไปหลายเดือนเมื่อเบลล่ากลับมาหาซาดิสท์เพื่อบอกว่าหล่อนกำลังจะมีลูกกับเขา ซาดิสท์เขียนคำๆหนึ่งด้วยลายมือหวัดๆ แต่เป็นคำที่สื่อถึงความรู้สึกทั้งหมดของเขาให้เบลล่าได้รับรู้

'ผมรักคุณ'

เล่มนี้ทุกอย่างลงตัวมาก ทั้งในด้านเนื้อเรื่องและมิติทางอารมณ์ของตัวเองที่ดึงผู้อ่านเข้าไปในโลกนิยายโดยไม่รู้ตัว อ่านจบแล้วยิ่งกว่าประทับใจ เหมือนมันมีตะกอนบางอย่างที่ยังอยู่ในใจของเรา เป็นอะไรที่มากกว่าความชอบและความประทับใจอ่ะ บอกไม่ถูก ! ต้องลองไปอ่านเองแล้วจะรู้

น่าเสียดายที่เรื่องนี้มีการโทนดาวน์เนื้อเรื่องในฉากเลิฟซีนอยู่บ้าง เช่น ประโยคบางประโยคในต้นฉบับภาษาอังกฤษที่ติดเรทมากเกิน ในฉบับภาษาไทยก็เลยต้องถูกตัดออก แต่ก็ถือว่าไม่ทำให้เสียอรรถรสในการอ่านเท่าไรนะ แต่เนื้อเรื่องเล่มนี้เราให้ใจไปเต็มๆเลย

ชอบ ... ชอบมาก แต่เสียดายที่เล่มนี้หนังสือบางกว่าเล่มอื่น ทำให้เราได้อ่านเรื่องของซาดิสท์กับเบลล่าไม่ค่อยอิ่มเท่าไรเลย แต่ไม่เป็นไร ยกโทษให้ เพราะสุดท้ายเจอาร์วาร์ดก็ออกหนังสือตอนพิเศษของคู่นี้มา เดี๋ยวรีวิวจะตามมาทีหลังนะ ^^

สำหรับเล่มนี้ให้ 10 เราว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ


คะแนน 10/10
 

มฤตยูผู้พิทักษ์ - Lover Eternal (BLACK DAGGER BROTHERHOOD #2)


สำนักพิมพ์ : เกรซ

ผู้เขียน : J.R.WARD

ผู้แปล : จิตอุษา

เรื่องย่อ

ในเงามืดยามราตรีของเมืองคาลด์เวลล์ นิวยอร์ก สงครามเผ่าพันธุ์ระหว่างแวมไพร์กับเหล่านักฆ่ากำลังขับเคี่ยวกันอย่างหฤโหด กลุ่มภราดร...นักรบแวมไพร์หกคนคือผู้ปกป้องเผ่าพันธุ์นั้น แต่เพราะถูกอสูรร้ายเข้าครอบงำ เรจสมาชิกกลุ่มภราดรแบล็คแด็คเกอร์จึงเป็นตัวอันตรายที่ดุร้ายที่สุด

ในบรรดากลุ่มภราดร เรจคือแวมไพร์หนุ่มผู้แข็งแรงที่สุดเขาเป็นนักสู่ชั้นยอด เป็นนักรักผู้ลือลั่น...ในตัวเขาร้อนระอุด้วยคำสาปร้ายจากสไครบ์เวอร์จิน และด้านมืดนี้ทำให้เรจกลัวว่าทุกครั้งที่มังกรร้ายในตัวเตลิดหลุดออกไป เขาจะกลายเป็นมหันตภัยร้ายต่อทุกคนที่อยู่รอบตัว
แมรี่ ลูซ...ผู้รอดชีวิตจากความยากลำบากนานัปการ...ถูกชะตากรรมโยนเข้าสู่โลกของแวมไพร์และต้องพึ่งพาการคุมครองจากเรจ แมรี่มีชะตากรรมติดตัว หล่อนไม่คิดจะมองหาความรักและสูญสิ้นศรัทธาในปาฏิหาริย์มานานปีแต่เมื่อความติดเนื้อต้องใจที่เรจมีกลายเป็นสิ่งที่มากกว่าแค่อารมณ์ชั่ววูบ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องทำให้แมรี่เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น และเมื่อบรรดาศัตรูร้ายใกล้เข้ามาทุกที แมรี่จำต้องสู้สุดฤทธิ์เพื่อจะได้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์กันชายในดวงใจ...

REVIEW

เล่มนี้ HOT มากและสนุกมากๆเช่นกัน

คู่หลักของเล่มนี้จะเป็น 'เรจ' ภราดรหน้าตาหล่อเหลาผู้มีฉายาว่า 'ฮอลลีวู้ด' กับ 'แมรี่' สาวน้อยมนุษย์ธรรมดาที่ป่วยเป็น leukemia

ด้วยนิสัยของพระเอกที่ออกแนวเพลย์บอย เพราะเรจต้องหาทางควบคุมปีศาจที่อยู่ในตัวของเขาเอาไว้ ทำให้เขาต้องนอนกับผู้หญิงไปเรื่อย แต่เมื่อครั้งแรกที่เขาได้พบกับแมรี่ เพียงแค่เสียงของหล่อน ก็ทำให้จิตใจของเขารู้สึกสงบ

นึกถึงตอนที่อ่านบทที่เรจได้ยินเสียงของแมรี่ที่ไปบ้านของเหล่าภราดรเพื่อปรึกษาเรื่องของหนุ่มน้อย 'จอห์น แมทธิว' ในขณะที่เรจเพิ่งผ่านพ้นการต่อสู้และการแปลงร่างมาอย่างสาหัส เขามองไม่เห็นอะไร แต่เรจก็ยังอยากได้ยินเสียงของแมรี่ เขาจึงสั่งให้แมรี่พูดอะไรกับเขาก็ได้ 

หลังจากนั้นเรจก็พยายามตามตื๊อแมรี่  แต่แมรี่ไม่อยากจะเชื่อว่าหนุ่มหล่อระดับเรจจะมาสนใจคนอย่างหล่อน ทำให้แมรี่ผลักไสเรจไปในตอนแรก ถึงกับมีอยู่ครั้งนึง แมรี่ด่าเรจว่า 'คุณนี่มันเหมือนหมาข้างถนนเลยนะ '  ตอนนั้นสงสารเรจมากที่โดนแมรี่ว่าไปแบบนั้น

เล่มนี้การขับเคี่ยวระหว่างเลสเซอร์และเหล่าภราดรเริ่มเข้มข้นขึ้นกว่าเล่มที่แล้ว และในตอนท้ายๆเล่มก็มีเรื่องของซาดิสท์และเบลล่าที่จะมาเป็นคู่หลักในเล่มถัดไป ขอบอกว่าเราชอบเรื่องของคู่นี้มาก พระเอกมีปมอะไรอย่างนี้เนี่ย ชอบมากๆ

บทรักของเล่มนี้เร่าร้อนและ 'เยอะมาก' โดยเฉพาะฉากที่เรจพยายามจะคุมปีศาจที่อยู่ในร่างของเขาที่ต้องการจะครอบครองร่างกายของแมรี่เนี่ย เห็นได้ชัดว่า ... มันไม่ง่ายเลยที่จะต่อสู้กับอีกสิ่งที่อยู่ในตัวเพื่อคนที่เรารักเนี่ย 

ส่วนตอนจบก็เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายเรานิดหน่อย แต่ก็ถือว่าโอเคสำหรับตอนจบแบบนี้ 

ยังยืนยันคำเดิมว่า เราอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านซีรีส์ชุดนี้ สนุกและวางไม่ลงจริงๆ ...


คะแนน 9/10

ราชันผู้พิทักษ์ - Dark Lover (BLACK DAGGER BROTHERHOOD #1)


ชื่อเรื่อง ภราดรผู้พิทักษ์ ตอน ราชันผู้พิทักษ์
จากเรื่อง Dark Lover
ผู้แต่ง เจ.อาร์. วาร์ด
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล จิตอุษา
สำนักพิมพ์ เกรซ

เรื่องย่อ

ในเงามืดยามราตรีของเมืองคาลด์เวลล์ นิวยอร์ก สงครามเผ่าพันธุ์ระหว่างแวมไพร์กับเหล่านักฆ่ากำลังขับเคี่ยวกันอย่างหฤโหด กลุ่มภราดร...นักรบแวมไพร์หกคนคือผู้ปกป้องเผ่าพันธุ์ ทว่าไม่มีใครเข่นฆ่าศัตรูอย่างกระตือรือร้นเท่ากับราธ...ราชันของหนุ่มภราดรแบล็คแด็กเกอร์
ราธแวมไพร์ผู้มีสายเลือดบริสุทธ์เพียงหนึ่งเดียวในพื้นพิภพมีหนี้แค้นกับเหล่านักฆ่าที่ฆาตกรรมบิดามารดาของเขาเมื่อหลายศตวรรษก่อน และเมื่อหนึ่งในนักสู้ที่เขาวางใจที่สุดสังหาร...และทิ้งลูกสาวกำพร้าที่มีสายเลือดลูกครึ่งไว้คนหนึ่ง ราธจึงจำเป็นต้องนำสาวสวยนางนั้นมาสู่โลกแห่งอมตะชน...
เบธ แรนดัลล์ต้องทุกข์ทรมานอยู่กับความพลุ่งพล่านในร่างกายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และหล่อนไม่อาจต้านทานหนุ่มเซ็กซี่เปี่ยมอันตรายที่มาหาหล่อนในยามค่ำคืน พร้อมเงามืดมิดในดวงตา เรื่องราวเกี่ยวกับภราดรและโลหิตของเขาทำให้หล่อนตื่นตระหนก ทว่าสัมผัสของเขากลับจุดประกายให้ความกระหายหิวที่พร้อมจะกลืนกินทั้งคู่


REVIEW

เป็นนิยายโรมานซ์แนวแวมไพร์เรื่องแรกที่ได้อ่านเลยก็ว่าได้ ที่จริงเราได้อ่านชุดนี้ก่อนพรานราตรีเลยรู้สึกภราดรผู้พิทักษ์สนุกกว่าพรานราตรี แม้ว่าจะมีบางจุดบางมุมที่ตัวร้ายโผล่ออกมาบ่อยๆก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่อยากอ่านแต่อย่างใด

สำหรับ Dark Lover เล่มแรกนี้จะเกริ่นถึงโลกของเหล่าแวมไพร์ ที่ถูกตามล่าโดยเลสเซอร์ จึงมีการตั้งเหล่าภราดรขึ้นมา ซึ่งก็คือแวมไพร์ที่แข็งแกร่งและมีทักษะการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาชนแวมไพร์ให้อยู่รอดต่อไปได้

ราธ ... ราชันของเหล่าแวมไพร์ ได้รับคำขอร้องจากดาไรอัสก่อนที่เขาจะตายให้รับดูแลลูกสาวชาวมนุษย์ของตน โดยทีแรกราธคิดว่าจะปฏิเสธคำขอของดาไรอัส ที่สุดท้ายเขาก็เจอกับเบธ และแรงดึงดูดอย่างประหลาดของทั้งคู่ก็ทำให้ราธไม่สามารถปล่อยให้เบธเผชิญชะตากรรมการกลายสภาพเป็นแวมไพร์คนเดียวได้

ราธรับเบธเข้ามาอยู่ในบ้านของดาไรอัสเพื่อดูแลให้เบธผ่านพ้นช่วงเวลาการกลายสภาพไปได้ แต่ในช่วงเวลานั้น ... ทั้งคู่ก็ผูกพันธ์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีภัยคุกคามจากเลสเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ราธจึงต้องปกป้องเบธทุกวิถีทาง ให้เธออยู่รอดปลอดภัย

เราชอบคาแรคเตอร์ของภราดรทุกคนเลยนะ เจอาร์วาร์ดออกแบบมาได้น่าสนใจมากๆ ไหนจะมีเรื่องสงครามระหว่างแวมไพร์และเลสเซอร์ที่คับเขี่ยว ทำให้เนื้อเรื่องเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่สะดุด ความสัมพันธ์ระหว่างราธกับเบธก็มีมุมที่เข้มแข็มและน่ารัก ทำให้เรารู้สึกชอบคู่นี้เป็นพิเศษ

แต่เอาจริงๆนะ ... แม้ว่าจะมีเรื่องของตัวร้ายอย่างมิสเตอร์เอ็กซ์มาคอยขัดตาทัพระหว่างบท ทำให้ใครหลายคนอาจจะรำคาญตรงจุดนี้ แต่ถ้าไม่มีตรงส่วนนี้ นิยายเล่มนี้จะขาดการวางกลยุทธ์ของเหล่าตัวร้ายไปทันที ทำให้เนื้อเรื่องดูตื้นเขินยิ่งขึ้นและทำให้เราสามารถมองเห็นได้เพียงทางเดียวว่าธรรมะต้องชนะอธรรมเสมอ แต่สำหรับภราดรผู้พิทักษ์ บางทีอาจจะไม่เสมอไป...เพราะตัวร้ายมีความแยบยลกว่าที่คิดเหมือนกัน

ชอบมากเล่มนี้ ให้ 10 คะแนน -- หยิบมาอ่านซ้ำแล้วไม่เบื่อจริงๆ~

คะแนน 10/10