Oct 6, 2015

The Sword of Summer (Magnus Chase and the Gods of Asgard #1)



ชื่อเรื่อง The Sword of Summer
จากชุด Magnus Chase and the Gods of Asgard
ผู้แต่ง Rick Riordan
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Disney Hyperion Books

เรื่องย่อ

Magnus Chase has always been a troubled kid. Since his mother’s mysterious death, he’s lived alone on the streets of Boston, surviving by his wits, keeping one step ahead of the police and the truant officers.

One day, he’s tracked down by a man he’s never met—a man his mother claimed was dangerous. The man tells him an impossible secret: Magnus is the son of a Norse god.

The Viking myths are true. The gods of Asgard are preparing for war. Trolls, giants and worse monsters are stirring for doomsday. To prevent Ragnarok, Magnus must search the Nine Worlds for a weapon that has been lost for thousands of years.

When an attack by fire giants forces him to choose between his own safety and the lives of hundreds of innocents, Magnus makes a fatal decision.

Sometimes, the only way to start a new life is to die . . .

REVIEW

การตายของแม็กนัส เชส หลังจากที่ต่อสู้กับเซิร์ททำให้เขาได้ไปอยู่ในวัลฮาร่า สรวงสวรรค์ของผู้กล้าชาวไวกิ้งที่จะมาใช้ชีวิตหลังความตายที่นี่ ขณะอาหารมื้อเย็น ... แม็กนัสก็ค้นพบว่าพ่อของเขาคือเฟรย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพเจ้านอร์ส ซึ่งมีทั้งโอดิน ธอร์และโลกิ แม็กนัสได้ฟังคำทำนายซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเขาโดยตรง และการที่ดาบแห่งคิมหันต์ได้หายไปนั้น อาจทำให้แร็คนาร็อค หรือสงครามครั้งใหญ่ระหว่างเทพเจ้าและยักษ์อุบัติขึ้นเร็วกว่าที่คาดคิดก็เป็นได้

แม็กนัสได้รับความช่วยเหลือจากฮาร์ทและบลิทซ์ซึ่งแท้จริงแล้วพวกเขาคือคนแคระและเอลฟ์ที่อยู่เคียงข้างแม็กนัสตลอดที่เขาไม่มีบ้านมาโดยตลอด ทั้งสามต้องป่ายปีนต้นไม้ที่เชื่อมต่อโลกทั้งเก้าเพื่อที่จะค้นพบความจริงว่า เชือกที่กำลังรัดหมาป่าเฟนริสมาตลอดหลายปีนั้นกำลังจะสูญสิ้นพลัง และหมาป่าเฟนริสจะทำให้แร็คนาร็อคมาถึงเร็วกว่าที่คิด ดาบแห่งคิมหันต์ซึ่งเป็นที่ต้องการของเซิร์ทมาก่อนหน้านี้ก็สามารถตัดเชือกเส้นนี้ได้ ดังนั้นแม็กนัส ฮาร์ท บลิทซ์ รวมถึงแซมที่เป็นวาลคิรีจึงต้องเดินทางไปยังเมืองของคนแคระเพื่อต่อรองเอาเชือกเส้นใหม่มาให้ได้

บลิทซ์เชี่ยวชาญทางด้านแฟชั่น เขาไม่เก่งการสร้างอาวุธเลยแม้แต่น้อย แต่สถานการณ์บังคับให้เขาต้องประชันการประกวดสร้างอาวุธกับจูเนียร์ ด้วยกลโกงของแซมทำให้พวกเขาสามารถหนีออกมาจากที่นั่นได้อย่างหวุดหวิดพร้อมกับเชือกเส้นใหม่ที่จะพันธนาการเฟนริสเอาไว้ได้ หลังจากนั้นพวกเขาก็พบกับธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า พร้อมกับความจริงที่ว่าค้อนของเทพเจ้าได้หายไปและธอร์ต้องการให้แม็กนัสไปตามหาค้อนของเขาในรังของยักษ์แลกกับพิกัดของเกาะซึ่งเฟนริสได้ถูกจองจำเอาไว้

เมื่อทั้งสี่เดินทางไปถึงเกาะที่เฟนริสถูกพันธนาการเอาไว้หลายปี แม็กนัสสามารถเอาตัวรอดจากคำล่อลวงของโลกิมาได้ เขาต่อสู้กับหมาป่าเฟนริสเพื่อไม่ให้แร็คนาร็อคเกิดขึ้นและผูกเชือกล่ามหมาป่าเอาไว้ได้สำเร็จ แต่นั่นต้องแลกมาด้วยชีวิตของวาลคิรีทั้งสามที่ต้องสูญเสียไป แม็กนัสเดินทางกลับมายังวัลฮาร่าและได้พบกับโอดินซึ่งจำแลงอยู่ในร่างของเอ็กซ์มาโดยตลอด แม็กนัสได้รับสิทธิที่สามารถเดินทางไปยังโลกทั้งเก้าภายใต้นามของโอดินได้

ทางด้านโลกิที่ยังไม่ยอมรามือง่ายๆ เขาเตรียมแผนการณ์อันแยบยลเอาไว้อีกครั้งแล้ว และนั่นก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับค้อนที่หายไปของธอร์

.....................................................

นี่เป็นหนังสือ 1 ในไม่กี่เล่มที่เราตั้งหน้าตั้งตารอสำหรับปีนี้ ความคาดหวังสำหรับ The Sword of Summer นั้นเกือบจะสูงพอๆกับ Winter ของ Marissa Meyer เลยด้วยซ้ำ และหลังจากอ่านจบ...เรารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้เลยทีเดียว ป๋าริค ไรออร์แดนกลับมาพร้อมกับปรณัมบทใหม่ที่ไฉไลยิ่งกว่าเดิม (?) ตำนานไวกิ้งถูกเล่าขานใหม่ เทพเจ้าชุดใหม่ (แต่สำหรับแฟนๆ MARVEL คงรู้สึกว่าเทพในเล่มนี้ก็คุ้นๆตากันอยู่บ้างแล้วล่ะ) หนังสือเล่มนี้มีดีที่ความตลก ที่มีทั้งแป๊กและปัง รวมถึงการเสียดสีวงการบันเทิงแบบถึงพริกถึงขิง ใครจะรู้ว่าเทพเจ้าธอร์จะเป็นคอซีรีย์ ดู Game of Thrones / The Arrow / The Walking Dead และบาร์ของคนแคระจะเปิดเพลง Blank space ของ Taylor Swift ด้วย นี่ยังไม่รวมถึงป๋าริคมีอารมณ์ขันที่จะเล่นมุกกัปตันอเมริกาอีกนะ
The most unreal thing about the bar was Taylor Swift’s ‘Blank Space’ blasting from the speakers.
แต่ด้วยเนื้อเรื่องแทบจะเหมือน Percy Jackson ราวกับฝาแฝด ซึ่งตอนแรกเรามองว่ามันคือความบังเอิญหรือเปล่าที่ แม็กนัส = เพอร์ซีย์ / วัลฮาร่า = ค่ายฮาล์ฟบลัด / แร็คนาร็อค = โครนอส / ค้อนที่หายไปของธอร์ = สายฟ้าที่หายไปของซุส และพลอตเรื่องที่แลดูจะคล้ายคลึงกันมากๆจนน่าตกใจ มันเลยมีความรู้สึกมาสะกิดเราตลอดเวลาว่านี่คือหนังสือ Percy Jackson ในฉบับ Revised ใหม่หรือยังไง ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองจะสนุกอย่างเต็มที่ไปกับหนังสือเล่มนี้สักเท่าไร

โดยภาพรวมแล้วป๋าริคเอาตำนานนอร์สมายำใหม่ได้น่าสนใจพอตัว เหตุการณ์เกิดขึ้นในบอสตัน ตอนช่วงแรกที่อ่านความรู้สึกเรานี่ epic มากๆ จบแทบจะให้คะแนนเต็ม แต่อ่านๆไปก็เริ่มชินกับเนื้อเรื่อง ความตื่นเต้นก็เลยลดหายไปเรื่อยๆ จนไปถึงตอนท้ายๆเล่ม เราถึงจะกลับมาลุ้นติดขอบเก้าอี้อีกครั้ง

หนังสือเล่มนี้ถึงแม้จะไม่ทรงพลังเท่าเพอร์ซีย์ชุดแรก แต่ก็ยังมีความลื่นไหลมากกว่าชุดเดอะเคนอยู่ ถึงอย่างไรก็ตาม ป๋าริคยังคงการใช้การผูกโยงเรื่องแบบเดิมๆ นั่นก็คือเควสต่อเควส ...ไอเท็มชิ้นนี้จะนำไปสู่แผนที่ไปเก็บไอเท็มชิ้นนั้น บลาๆๆๆ จนกระทั่งไล่ไปถึงบอสใหญ่ในที่สุด ซึ่งมันค่อนข้างเดาได้ แต่ก็นะ เราคิดว่าสไตล์การเขียนแบบนี้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของป๋าไปแล้วล่ะ

สรุป The Sword of Summer คุ้มค่ากับการรอคอยของเราในระดับหนึ่ง อ่านเพลิน สนุก แต่ไม่มีอะไรแปลกใหม่จนทำให้เรารู้สึกว๊าวแฟคเตอร์อะไรขนาดนั้น มันยังคงเป็นอะไรเดิมๆ สไตล์การเล่าเรื่องแบบเดิมๆของริคเขาแหละ ...

คะแนน 8.5/10