ชื่อเรื่อง เรือรัตติกาล (Fevre Dream)
ผู้แต่ง George R.R. Martin
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
แฟนตาซี ลึกลับ/สยองขวัญ
สำนักพิมพ์ Words Wonder
เรื่องย่อ
กับตัน แอบเนอร์ มาร์ช กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เรือไฟของเขาเก่าและใกล้ปลดระวางแล้ว ธุรกิจเรือไฟที่เคยทำเงินให้เขาได้มากมายตอนนี้เป็นเพียงแค่อดีด
แต่วันหนึ่ง มาร์ชได้รับข้อเสนอจาก โจชัว ยอร์ค ชายลึกลับที่สัญญาว่าจะสร้างเรือที่เร็วที่สุด ใหญ่ที่สุด หรูหราที่สุดเท่าที่เคยมีมาแก่เขา ทั้งสองจะบริหารเรือลำนี้ร่วมกัน แต่มีข้อแม้ว่า ยอร์คจะเก็บตัวอยู่แต่ในเคบินของเขาในตอนกลางวัน จะออกมาเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และ ห้ามไม่ให้ใครก็ตามตั้งคำถามกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่ามันจะแปลกประหลาดเพียงใด
เมื่อกับตันมาร์ชรับข้อเสนอนี้ เขาไม่รู้เลยว่า อีกไม่นานข้างหน้า เรือลำนี้จะพาเขาไปพบกับเลือด อันตราย และ สิ่งลี้ลับที่น่ากลัวเกินว่าที่เขาจะนึกฝันได้
ผู้แต่ง George R.R. Martin
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
แฟนตาซี ลึกลับ/สยองขวัญ
สำนักพิมพ์ Words Wonder
เรื่องย่อ
กับตัน แอบเนอร์ มาร์ช กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เรือไฟของเขาเก่าและใกล้ปลดระวางแล้ว ธุรกิจเรือไฟที่เคยทำเงินให้เขาได้มากมายตอนนี้เป็นเพียงแค่อดีด
แต่วันหนึ่ง มาร์ชได้รับข้อเสนอจาก โจชัว ยอร์ค ชายลึกลับที่สัญญาว่าจะสร้างเรือที่เร็วที่สุด ใหญ่ที่สุด หรูหราที่สุดเท่าที่เคยมีมาแก่เขา ทั้งสองจะบริหารเรือลำนี้ร่วมกัน แต่มีข้อแม้ว่า ยอร์คจะเก็บตัวอยู่แต่ในเคบินของเขาในตอนกลางวัน จะออกมาเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และ ห้ามไม่ให้ใครก็ตามตั้งคำถามกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่ามันจะแปลกประหลาดเพียงใด
เมื่อกับตันมาร์ชรับข้อเสนอนี้ เขาไม่รู้เลยว่า อีกไม่นานข้างหน้า เรือลำนี้จะพาเขาไปพบกับเลือด อันตราย และ สิ่งลี้ลับที่น่ากลัวเกินว่าที่เขาจะนึกฝันได้
REVIEW
กัปตันแอบเนอร์ มาร์ชรับข้อเสนอจากชายแปลกหน้าโจชัว ยอร์กเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ทั้งคู่ร่วมกันสร้างเรือฟีเวอร์ดรีมที่ยิ่งใหญ่กว่าเรือทุกลำที่เคยมีมา มันจะพาพวกเขาล่องแม่น้ำไปได้ไกลแสนไกล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโจชัวได้ยื่นเงื่อนไขว่ามาร์ชะไม่สงสัยพฤติกรรมแปลกประหลาดของเขา ทำไมเขาถึงตื่นเฉพาะตอนกลางคืนหลับตอนกลางวัน รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่เขาพาขึ้นเรือมา มาร์ชต้องไม่ถามคำถามยุ่มย่ามเด็ดขาด
........................................................
Fevre Dream เป็นนิยายแฟนตาซีผสมกลิ่นอายสยองขวัญในแบบ Bram Stoker's Dracula มีความขลังและความสนุกที่ดูไม่ดารดาษ ทั้งที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ สิ่งมีชีวิตกระหายเลือดแห่งรัตติกาลซึ่งนิยายหลายเรื่องหยิบยกมาเล่าอย่างมากมายมหาศาลจนเรียกว่าเกร่อก็ได้ แต่ลุงจอร์จกลับทำให้มันโลดแล่นบนหน้ากระดาษได้อย่างไม่น่าเบื่อ
ถึงคำบรรยายในแต่ละหน้าจะไม่ได้โลดโผนหวือหวาอะไรมากมาย แต่การใช้คำ จังหวะ การค่อยๆ เปิดเผยรายละเอียดของเรื่องนี่ยอดเยี่ยมมากๆ มาถูกที่ถูกเวลาตลอด ไม่แปลกใจว่านักเขียนท่านนี้ทำให้ A Song of Ice and Fire ประสบความสำเร็จได้อย่างไร แม้ว่า Fevre Dream จะถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1982 แต่พูดได้เต็มปากเลยว่า ถึงตอนนี้จะเป็นปี 2020 หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงความสุขที่ไม่ตกยุคสมัยเลยด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า Fevre Dream นั้นมีจุดยืนอย่างชัดเจนด้วยความแปลกใหม่และการดำเนินเรื่องที่ตรึงใจนักอ่าน จังหวะที่เนิบช้าทว่าต้องการให้คนอ่านค่อยๆ ละเลียดไปกับทุกตัวอักษร
คาแรคเตอร์ตัวละครก็ค่อนข้างธรรมดา ทั้งยอร์กและมาร์ชไม่ได้สะดุดใจเราตั้งแต่แรกจนทำให้เกิดคำถามว่าเราจะอ่านนิยายที่หนาเกือบๆ 500 หน้านี้รอดหรือเปล่า พล็อตก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรมากมาย แวมไพร์กับมนุษย์ที่ต่างถืออุดมการณ์ของตัวเองบนเรือลำหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วมันกลับกลายเป็นประสบการณ์อ่านหนังสือที่ยอดเยี่ยม ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้กับการเล่าเรื่องของลุงจอร์จและคุณดาวิษ คนแปลที่ถอดความออกมาได้สมูธมาก เรียกได้ว่าไม่มีจุดไหนที่อ่านแล้วสะดุดเลยสักนิดเดียว ถ้าในอนาคตมีโอกาสว่าจะลองอ่านฉบับภาษาอังกฤษบ้าง คิดว่าต้องสุดยอดมากแน่ๆ
ช่วงต้นจะใช้เวลาปูเรื่องนานหน่อย แต่พอผ่านไปได้เราจะอินกับการเล่าเรื่องที่ค่อยๆ เล่าแบบไม่รีบไม่ร้อน แม้ว่าย่อหน้าหนึ่งจะยาวจนเกือบเต็มหน้ากระดาษทำให้รู้สึกว่าหมดพลังไปกับการบรรยายอยู่หลายรอบ แต่ความสวยงามของภาษาก็ทำให้เราต้องหยิบขึ้นมาอ่านเรื่อยๆ จนจบแม้ว่าจะอ่านๆ หยุดๆ เป็นเวลาเกือบๆ 10 วันก็ตาม ส่วนตัวเราประทับใจตอนจบมากๆ ชอบนัยต่างๆ ที่แฝงอยู่ในเรื่องอย่างแนบเนียน ทั้งเรื่องชนชั้น เผ่าพันธุ์ อุดมการณ์ การสะท้อนชีวิตและสังคมของอเมริกาในยุคค้าทาสและช่วงที่เรือกลไฟกำลังเฟื่องฟู
สรุป Fevre Dream เป็นนิยายที่ดี มีเล่มเดียวจบ ถึงจะมีช่วงที่อืดบ้าง เร็วบ้าง แต่ต้องขอบอกเลยว่าการประโคมบทบรรยายลงไปเยอะๆ ยาวๆ ติดๆ กันหลายหน้าแบบนี้ของลุงจอร์จมันไม่ได้ทำให้เราเบื่อที่จะอ่านเลย ตรงกันข้าม... มันทำให้เราอยากจะค่อยๆ ละเลียดลิ้มรสไปเรื่อยๆ พอถึงบทสุดท้ายและลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น ทุกคำที่กรั่นกรองออกมานั้น ล้วนแต่มีคุณค่าและความหมายในตัวของมัน...
คะแนน 9/10
No comments:
Post a Comment