Oct 25, 2020

เรือรัตติกาล - Fevre Dream



ชื่อเรื่อง เรือรัตติกาล (Fevre Dream)
ผู้แต่ง George R.R. Martin
ผู้แปล ดาวิษ ชาญชัยวานิช
แฟนตาซี ลึกลับ/สยองขวัญ
สำนักพิมพ์ Words Wonder

เรื่องย่อ

กับตัน แอบเนอร์ มาร์ช กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เรือไฟของเขาเก่าและใกล้ปลดระวางแล้ว ธุรกิจเรือไฟที่เคยทำเงินให้เขาได้มากมายตอนนี้เป็นเพียงแค่อดีด
แต่วันหนึ่ง มาร์ชได้รับข้อเสนอจาก โจชัว ยอร์ค ชายลึกลับที่สัญญาว่าจะสร้างเรือที่เร็วที่สุด ใหญ่ที่สุด หรูหราที่สุดเท่าที่เคยมีมาแก่เขา ทั้งสองจะบริหารเรือลำนี้ร่วมกัน แต่มีข้อแม้ว่า ยอร์คจะเก็บตัวอยู่แต่ในเคบินของเขาในตอนกลางวัน จะออกมาเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และ ห้ามไม่ให้ใครก็ตามตั้งคำถามกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่ามันจะแปลกประหลาดเพียงใด
เมื่อกับตันมาร์ชรับข้อเสนอนี้ เขาไม่รู้เลยว่า อีกไม่นานข้างหน้า เรือลำนี้จะพาเขาไปพบกับเลือด อันตราย และ สิ่งลี้ลับที่น่ากลัวเกินว่าที่เขาจะนึกฝันได้

REVIEW

กัปตันแอบเนอร์ มาร์ชรับข้อเสนอจากชายแปลกหน้าโจชัว ยอร์กเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ทั้งคู่ร่วมกันสร้างเรือฟีเวอร์ดรีมที่ยิ่งใหญ่กว่าเรือทุกลำที่เคยมีมา มันจะพาพวกเขาล่องแม่น้ำไปได้ไกลแสนไกล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโจชัวได้ยื่นเงื่อนไขว่ามาร์ชะไม่สงสัยพฤติกรรมแปลกประหลาดของเขา ทำไมเขาถึงตื่นเฉพาะตอนกลางคืนหลับตอนกลางวัน รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่เขาพาขึ้นเรือมา มาร์ชต้องไม่ถามคำถามยุ่มย่ามเด็ดขาด

ทางด้านเดมอน จูเลียนนิยมชมชอบดื่มเลือดจากเหล่าทาสที่เขาไปซื้อมา การสังหารอันมากมายของเขาเริ่มทำให้ผู้ติดตามรอบกายนั้นไม่สบายใจ รวมไปถึงบิลลีบูดบึ้ง ผู้ติดตามคนเดียวที่เป็นมนุษย์ก็กำลังรอคอยด้วยความหวังว่าสักวันเขาจะมีชีวิตเหมือนกับเจ้านาย เขาเป็นคนออกไปหาเหยื่อ จัดการธุระปะปังทางฝั่งของมนุษย์ให้กับนายผู้นี้

มาร์ชเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติรอบตัวหุ้นส่วนคนนี้ของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาพาคนแปลกหน้าขึ้นเรือมามากมาย คนแปลกหน้าที่ดูมีพิรุธ คืนหนึ่งที่นิวมาดริด เขาเห็นมือของยอร์กเปื้อนเลือด เขาบุกค้นห้องพักของอีกฝ่ายแต่ถูกจับได้ทำให้ทางเลือกเดียวที่มีก็คือรับสารภาพกับยอร์กว่าเขาทำอะไรลงไป และที่นั่น มาร์ชได้นั่งฟังเรื่องราวถึงต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตแห่งราตรี พวกเขาไม่ใช่แวมไพร์ ไม่ใช่มนุษย์หมาป่า แต่มีความกระหายเลือด เมื่อก่อนเขาถูกไล่ล่า บิดาของยอร์กถูกสังหารทำให้เขาร่อนเร่ไปทั่วยุโรปและได้พบไซมอน ผู้ติดตามเก่าแก่ โดยไซมอนเชื่อว่า... ยอร์กคือผู้นำส่งของพระเจ้า จ้าวโลหิต คนที่จะพาพวกเขาไปยังเมืองแห่งรัตติกาลริมทะเลอันไร้ดวงตะวัน เมืองของพวกเขา ผู้คนแห่งรัตติกาล

แต่ก่อนหน้านั้น ยอร์กต้องออกเดินทางและตามหาพรรคพวกของเขาที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่งหนให้ได้เสียก่อน เขาเดินทางมาถึงดินแดนแห่งใหม่นี้ ร่องเรือรวบรวมพรรคพวกได้จำนวนหนึ่ง และที่นิวออร์ลีนส์... การโคจรพบกันระหว่างยอร์กและจูเลียนไม่ได้เป็นไปด้วยดี ยอร์กคิดค้นเครื่องดื่มที่ระงับความกระหายเลือดในตัวได้ แต่จูเลียนที่มีชีวิตเก่าแก่ยิ่งกว่าเขายังยึดถือวิธีเดิมๆ นั่นก็คือการดื่มจากเหล่ามนุษย์ที่พวกเขาเรียกว่าปศุสัตว์ การนัดพบจบลงด้วยการนองเลือดเมื่อยอร์กมีคำสั่งให้มาร์ชเอาทุกคนบนเรือลงให้หมด เหลือแต่เขาและพรรคพวก จูเลียนเชือดเด็กทารกทั้งเป็นต่อหน้ายอร์กที่พยายามโน้มน้าวเขา มาร์ชทนเห็นแบบนั้นไม่ได้ชักมีดออกมา แต่เขาไม่มีวันชนะ ไม่มีทางที่จะสังหารจ้าวโลหิตคนนี้ได้ ยอร์กสั่งให้มาร์ชหนีไป

รุ่งเช้า มาร์ชกลับมายังเรือและได้ยินว่ายอร์กประกาศซื้อหุ้นของเขา บอกว่ามาร์ชจะไม่ไปต่อ แต่ที่นั่น... มาร์ช ไมก์และเจฟเฟอส์บุกเข้าไปในห้องพักของจูเลียน ไมก์เอาท่อนเหล็กทุบคนที่อยู่บนเตียงจนศีรษะยุบ มาร์ชมีแผนที่จะบอกยอร์กก่อนตะวันลับ แต่เมื่อไปหายอร์กถึงห้องเขาก็พบว่าอีกฝ่ายอยู่กับจูเลียน เขายังไม่ตายและคนที่พวกเขาฆ่าไปก็คือฌองผู้น่าสงสาร เกิดการต่อสู้ขึ้น บิลลีและคนอื่นๆ ตามไล่ล่ามาร์ชบนเรือของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ลงเอยด้วยการที่กัปตันต้องโดดลงสู่แม่น้ำ เจฟเฟอส์และไมก์ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมทารุน ความฝันบนเรือฟีเวอร์ดรีมหลุดลอยหายไปต่อหน้าต่อตาของมาร์ช

มาร์ชคิดขึ้นมาได้ว่าเรือฟีเวอร์ดรีมเป็นของเขาและเขาต้องออกตามหา เขาจึงเริ่มหาเบาะแสจากหนังสือพิมพ์และพบว่าเรือถูกทาสีเปลี่ยนชื่อใหม่ มาร์ชล่องเรือลำเก่าออกล่าฟีเวอร์ดรีมและคราวนี้เขาจะต้องจัดการจูเลียนให้ได้ เดินทางไปได้ไม่เท่าไร เขาก็หาเจอ แต่บิลลีที่อยู่บนเรือกลับรู้ตัว หันลำกลับมาและจับตัวมาร์ชเอาไว้ได้ ที่นั่นเขาได้รับข้อเสนอจากจูเลียนให้มาบริหารเรือให้ มาร์ชปฏิเสธ เขาถูกบิลลีพาตัวไปขังแต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากยอร์ก พวกเขาหลบหนีมาได้ แต่วาเลอรีกลับถูกแดดเผาจนตาย

ในคืนนั้น หลังจากที่ยอร์กรักษาตัว เขาก็มาบอกลามาร์ชเพื่อที่จะกลับไปยังเรือฟีเวอร์ดรีม ไปหาคนของเขา ต่อให้เดมอน จูเลียนจะบ้าคลั่งกระหายเลือดแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ทำลงไปเพราะสาเหตุว่าเขาอยู่มานาน เก่าแก่ ภายในว่างโหวง ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว บางทีเขาอาจต้องการความตายก็ได้ หลังจากที่ร่ำลา สิบสามปีผ่านไป... มาร์ชก็ตามหาเรือของเขาแต่ก็ไม่เคยเจอ เขาตัดสินใจขายกิจการ ไปซื้อบ้านหลังเล็กอยู่ วันหนึ่งมาร์ชได้รับจดหมายจากยอร์ก บอกให้เขาไปพบที่นิวออร์ลีนส์ ที่นั่นทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง ยอร์กบอกว่าที่เขาหาเรือไม่เจอก็เพราะเขานำฟีเวอร์ดรีมไปซ่อนไว้บนบก และเล่าถึงเหตุการณ์นองเลือดบนเรือตอนที่เขากลับไปหาจูเลียน ยอร์กเอาชนะจูเลียนได้และเป็นจ้าวแห่งโลหิตเพียงแค่สองเดือนก็ถูกโค่นอีกครั้ง

ทันทีที่ได้รับฟังเรื่องราวและคำขอให้ช่วยเหลือ ทั้งคู่ก็เดินทางไปหาเรือฟีเวอร์ดรีมซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพผุพัง ยอร์กโกหกมาร์ช กลัวว่าเขาจะไม่มาหากรู้ว่าเรือฟีเวอร์ดรีมนั้นไม่มีวันที่จะแล่นได้เหมือนเก่าอีกแล้ว กระนั้นพวกเขาก็เผชิญหน้ากับบิลลี ลงมือสังหารจนทำให้เขาอยู่ในสภาพปางตาย ส่วนเดมอน จูเลียนนั้นได้ปล่อยสัตว์ร้ายในตัวทำให้เขาเอาชนะมาร์ชและยอร์กได้ ยอร์กถูกบังคับให้นั่งกลางแสงแดดในขณะที่มาร์ชโดนหักแขน ครั้นจะยิงปืนระเบิดหัวจูเลียนก็ยังทำไม่ได้ กระทั่งเวลาผ่านไป... มาร์ชจึงได้รู้ว่าหนทางเดียวที่ทำให้ยอร์กต่อสู้เอาชนะจูเลียนได้อีกครั้งคือการปลุกความกระหายในตัวขึ้นมา เพราะเครื่องดื่มนั่นได้กดสัตว์ร้ายในตัวของยอร์กเอาไว้ทำให้เขาแทบไม่เคยจะชนะจูเลียนได้เลยยกเว้นครั้งนั้นที่เขาบาดเจ็บและเครื่องดื่มหมด เมื่อบิลลีลากร่างอันเน่าเฟะใกล้หมดลมหายใจเข้ามาในห้อง มาร์ชก็อาศัยจังหวะนั้นคว้าปืน แต่สายเกินไป จูเลียนไวกว่า โชคดีที่ยอร์กเอามีดมาแทงเบ้าตาของจูเลียนเอาไว้ แต่มาร์ชก็ยิงพลาด เปิดโอกาสให้จูเลียนสะกดยอร์กอีกครั้ง คราวนี้มาร์ชระเบิดแขนเพื่อนของเขา ทำให้ยอร์กกระหายเลือดขึ้นมา ความกระหายทำให้ยอร์กมีชัยเหนือจูเลียนได้สำเร็จ และมาร์ชเข้าไประเบิดหัวของเขาได้ ทั้งคู่ชนแก้วดื่มเครื่องดื่มนั้นของยอร์กด้วยกัน

ผ่านไปสามปี... ณ ป้ายหลุมศพของแอ็บเนอร์ มาร์ชที่มองลงไปเห็นแม่น้ำซึ่งทอดตัวยาวไกล มีผู้เยี่ยมเยือนผู้หนึ่งที่จะมาเยี่ยมหลุมศพแห่งนี้เฉพาะในยามกลางคืน...

........................................................

Fevre Dream เป็นนิยายแฟนตาซีผสมกลิ่นอายสยองขวัญในแบบ Bram Stoker's Dracula มีความขลังและความสนุกที่ดูไม่ดารดาษ ทั้งที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ สิ่งมีชีวิตกระหายเลือดแห่งรัตติกาลซึ่งนิยายหลายเรื่องหยิบยกมาเล่าอย่างมากมายมหาศาลจนเรียกว่าเกร่อก็ได้ แต่ลุงจอร์จกลับทำให้มันโลดแล่นบนหน้ากระดาษได้อย่างไม่น่าเบื่อ

ถึงคำบรรยายในแต่ละหน้าจะไม่ได้โลดโผนหวือหวาอะไรมากมาย แต่การใช้คำ จังหวะ การค่อยๆ เปิดเผยรายละเอียดของเรื่องนี่ยอดเยี่ยมมากๆ มาถูกที่ถูกเวลาตลอด ไม่แปลกใจว่านักเขียนท่านนี้ทำให้ A Song of Ice and Fire ประสบความสำเร็จได้อย่างไร แม้ว่า Fevre Dream จะถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1982 แต่พูดได้เต็มปากเลยว่า ถึงตอนนี้จะเป็นปี 2020 หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงความสุขที่ไม่ตกยุคสมัยเลยด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า Fevre Dream นั้นมีจุดยืนอย่างชัดเจนด้วยความแปลกใหม่และการดำเนินเรื่องที่ตรึงใจนักอ่าน จังหวะที่เนิบช้าทว่าต้องการให้คนอ่านค่อยๆ ละเลียดไปกับทุกตัวอักษร

คาแรคเตอร์ตัวละครก็ค่อนข้างธรรมดา ทั้งยอร์กและมาร์ชไม่ได้สะดุดใจเราตั้งแต่แรกจนทำให้เกิดคำถามว่าเราจะอ่านนิยายที่หนาเกือบๆ 500 หน้านี้รอดหรือเปล่า พล็อตก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรมากมาย แวมไพร์กับมนุษย์ที่ต่างถืออุดมการณ์ของตัวเองบนเรือลำหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วมันกลับกลายเป็นประสบการณ์อ่านหนังสือที่ยอดเยี่ยม ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้กับการเล่าเรื่องของลุงจอร์จและคุณดาวิษ คนแปลที่ถอดความออกมาได้สมูธมาก เรียกได้ว่าไม่มีจุดไหนที่อ่านแล้วสะดุดเลยสักนิดเดียว ถ้าในอนาคตมีโอกาสว่าจะลองอ่านฉบับภาษาอังกฤษบ้าง คิดว่าต้องสุดยอดมากแน่ๆ

ช่วงต้นจะใช้เวลาปูเรื่องนานหน่อย แต่พอผ่านไปได้เราจะอินกับการเล่าเรื่องที่ค่อยๆ เล่าแบบไม่รีบไม่ร้อน แม้ว่าย่อหน้าหนึ่งจะยาวจนเกือบเต็มหน้ากระดาษทำให้รู้สึกว่าหมดพลังไปกับการบรรยายอยู่หลายรอบ แต่ความสวยงามของภาษาก็ทำให้เราต้องหยิบขึ้นมาอ่านเรื่อยๆ จนจบแม้ว่าจะอ่านๆ หยุดๆ เป็นเวลาเกือบๆ 10 วันก็ตาม ส่วนตัวเราประทับใจตอนจบมากๆ ชอบนัยต่างๆ ที่แฝงอยู่ในเรื่องอย่างแนบเนียน ทั้งเรื่องชนชั้น เผ่าพันธุ์ อุดมการณ์ การสะท้อนชีวิตและสังคมของอเมริกาในยุคค้าทาสและช่วงที่เรือกลไฟกำลังเฟื่องฟู

สรุป Fevre Dream เป็นนิยายที่ดี มีเล่มเดียวจบ ถึงจะมีช่วงที่อืดบ้าง เร็วบ้าง แต่ต้องขอบอกเลยว่าการประโคมบทบรรยายลงไปเยอะๆ ยาวๆ ติดๆ กันหลายหน้าแบบนี้ของลุงจอร์จมันไม่ได้ทำให้เราเบื่อที่จะอ่านเลย ตรงกันข้าม... มันทำให้เราอยากจะค่อยๆ ละเลียดลิ้มรสไปเรื่อยๆ พอถึงบทสุดท้ายและลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น ทุกคำที่กรั่นกรองออกมานั้น ล้วนแต่มีคุณค่าและความหมายในตัวของมัน...

คะแนน 9/10

No comments:

Post a Comment