Oct 8, 2020

The Tower of Nero (The Trials of Apollo #5)



ชื่อเรื่อง The Tower of Nero
จากชุด The Trials of Apollo
ผู้แต่ง Rick Riordan
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Disney-Hyperion

เรื่องย่อ

At last, the breathtaking, action-packed finale of the #1 bestselling Trials of Apollo series is here! Will the Greek god Apollo, cast down to earth in the pathetic moral form of a teenager named Lester Papadopoulos, finally regain his place on Mount Olympus? Lester's demigod friends at Camp Jupiter just helped him survive attacks from bloodthirsty ghouls, an evil Roman king and his army of the undead, and the lethal emperors Caligula and Commodus. Now the former god and his demigod master Meg must follow a prophecy uncovered by Ella the harpy. Lester's final challenge will be at the Tower of Nero, back in New York. Will Meg have a last showdown with her father? Will this helpless form of Apollo have to face his arch nemesis, Python? Who will be on hand at Camp Half-Blood to assist? These questions and more will be answered in this book that all demigods are eagerly awaiting.

REVIEW

การเดินทางครั้งสุดท้ายสู่หอคอยแห่งนีโรของเลสเตอร์และเม็กเริ่มต้นอุปสรรคตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเขาโดนล่าบนรถไฟ ถูกจับตัวและกำลังจะส่งให้นีโร โชคดีที่หนึ่งในนั้นคือลูซึ่งรู้จักกับเม็ก เธอจัดฉากเพื่อให้พรรคพวกคิดว่าตนกำลังรับมือกับพวกเลสเตอร์และพาทั้งคู่หนีไป พวกเขาไปกบดานอยู่ที่บ้านของเพอร์ซีย์ซึ่งไปโรดทริปกับแอนนาเบ็ธ ดังนั้นเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือเขานั้น ตัดทิ้งไปได้เลย แถมระหว่างทางเลสเตอร์กับเม็กต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษอีก เพราะหูตาของนีโรนั้นมีอยู่ทุกที่


ลูเสนอแผนการของเธอ ให้เลสเตอร์หรือเม็กยอมจำนนต่อนีโรเพื่อที่จะได้แทรกซึมเข้าไปในหอคอย และทำลายอาวุธประจำกายเพื่อให้พลังของนีโรอ่อนลง แต่ถึงพวกเขาจะโค่นนีโรได้สำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าเลสเตอร์จะสามารถรับมือกับงูยักษ์ไพธอน ศัตรูตัวฉกาจของตัวเองได้ แน่นอนว่าคำพยากรณ์บทใหม่ถูกร่ายออกมา พวกเขาจึงเดินทางไปยังแคมป์ฮาล์ฟบลัดเพื่อเริ่มต้นขอความช่วยเหลือจากนิโคซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้วิธีเข้าไปในหอคอยของนีโรทางใต้ดิน

นีโรเสนอให้เลสเตอร์ยอมจำนน ไม่อย่างนั้นเขาจะทำลายนิวยอร์คด้วยไฟกรีก พวกเขามีเวลาไม่มาก ดังนั้นนิโคจึงเสนอให้เลสเตอร์ทำตามคำพยากรณ์คือเดินทางไปพบกับเรเชล เอลิซาเบธ แดร์ ที่นั่นเลสเตอร์กับเพื่อนๆ ได้เจอกับฝุงวัวคลั่งที่ไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายจนเกือบจะเอาชีวิตมาไม่รอด โชคดีที่นิโคพาพวกเขาหลบหนีออกมาได้สู่ท่อน้ำใต้เมืองซึ่งเป็นคนทางไปสู่การพบปะกับเหล่ามนุษย์ถ้ำที่มีชื่อแต่ในนิทานเท่านั้น เลสเตอร์ไม่เคยพบตัวจริงของพวกเขา แต่มนุษย์ถ้ำคือหนึ่งในคำพยากรณ์ที่อาจจะช่วยให้พวกเขาได้เปรียบนีโร

พอไปพบกับมนุษย์ถ้ำ นิโคไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่หัวหน้าบอกว่าพวกเขาไม่สนใจความเป็นอยู่ของมนุษย์ ในเมื่ออาศัยอยู่ใต้ดินจึงไม่ต้องห่วงหากโลกมนุษย์จะถูกทำลาย เลสเตอร์ลุกขึ้นและบรรเลงเพลงบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเขาและเกือบโน้มน้าวให้เหล่ามนุษย์ถ้ำร่วมมือได้หากฝูงวัวคลั่งไม่ได้หล่นลงมาใต้ดินและตามล่าพวกเขาเสียก่อน เลสเตอร์และเม็กหนีหัวซุกหัวซุน เขาได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ถ้ำและไปโผล่หน้าหอคอยของนีโรเพื่อมอบตัวในท้ายที่สุด

แน่นอนว่านีโรมองแผนการครั้งนี้ทะลุปรุโปร่งทันที เขารู้ด้วยว่าลูหักหลังเขา ดังนั้นจึงสั่งให้แคส หนึ่งในมนุษย์ครึ่งเทพหั่นมือของเธอและจับเลสเตอร์ไปขังเอาไว้ แต่ทั้งลูและเลสเตอร์สามารถหลบหนีออกมาได้ ลูไปตามหาขวานที่จะทำให้นีโรหมดพลังลงหากทำลายได้สำเร็จโดยต้องการแลกกับชีวิตอมตะของเธอ ส่วนเลสเตอร์ก็ตามหาเม็ก ระหว่างทางเขาได้รับความช่วยเหลือจากนิโคและบรรดามนุษย์ถ้ำตอนที่เข้าตาจน แต่สุดท้ายก็โดนนีโรต้อนจนจนมุม แม้ว่าพวกเขาจะทำให้ไฟกรีกไม่ทำงาน แต่นีโรก็ยังมีแผนสำรองนั่นก็คือเขาจะรมแก๊สคนทั้งหมดในตึก รวมถึงกองทัพเหล่ามนุษย์ครึ่งเทพด้วย เลสเตอร์จึงต้องยอมจำนน ยอมมอบตัวต่อหน้านีโร ซึ่งที่นั่นเขาได้พบกับเม็กที่กำลังถูกชักจูงอีกครั้ง

นิโคบุกเข้าช่วยเลสเตอร์ เรเชลนำขวานมาให้เลสเตอร์ เขาทำลายมัน กำจัดนีโรจนสิ้นซากได้สำเร็จแม้ว่านั่นจะหมายถึงทำให้พลังทั้งหมดที่นีโรสะสมมาไหลไปสู่ไพธอนก็ตาม และมันก็ถึงเวลาที่เลสเตอร์จะต้องลงไปเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจของตัวเองอีกครั้ง ที่นั่นเขาต่อสู้กับไพธอนและเกือบพลาดท่า ทางเลือกสุดท้ายก็การเสียสละศรแห่งโดโดนา เขาปักมันลงที่ดวงตาของไพธอนและทั้งคู่ก็ร่วงหล่นลงสู่ทาทาร์รัส เตรียมใจสังเวยความเป็นอมตะของตัวเอง ระหว่างที่เลสเตอร์กำลังจะตกลงสู่ความยุ่งเหยิง เขาได้ต่อสู้กับไพธอนเป็นครั้งสุดท้ายและสลัดพญางูให้ตกลงไปได้ ปลิดชีพศัตรูตัวฉกาจได้สำเร็จ ที่นั่นเขาได้พบกับสติกซ์ก่อนจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งที่โอลิมปัส

เลสเตอร์ได้รับพลังกลับคืนมาและกลายเป็นอพอลโลอีกครั้ง แต่เขากลับรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทาง แม้ว่าซุสจะให้อภัยเขา เทพคนอื่นๆ เองก็เห็นด้วย แต่อพอลโลก็ยังโหยหาการเป็นเลสเตอร์ แม้ว่าในใจของเขาจะนึกเสียใจกับการที่เจสันจากไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงกลับลงไปเยี่ยมเพื่อนๆ ของเขาอีกครั้ง ที่นั่นเขาได้ไปยังแคมป์ฮาล์ฟบลัดซึ่งนิโคได้บอกว่าเขาจะเดินทางไปยังทาร์ทารัส ตามหาเสียงที่ตนได้ยิน เขาเชื่อว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง เรเชลได้มอบคำพยากรณ์บทใหม่ให้กับนิโคและวิลที่กำลังจะเริ่มต้นการเดินทางบทใหม่ เลสเตอร์ไปเยี่ยมลีโอ เพอร์ซีย์และแอนนาเบ็ธก็กำลังจะเริ่มต้นชีวิตมหาลัย เขาไปหาไพเพอร์ซึ่งกำลังจูบกับเพื่อนสาวของเธอ เลสเตอร์จึงความยินดีด้วย และคนสุดท้ายที่เขาไปหาก็คือเม็กซ์ เลสเตอร์ได้มอบยูนิคอร์นให้กับเธอเป็นของขวัญตามที่สัญญาและบอกกับเธอว่า... เขาจะกลับมาหาเธออีกแน่นอน


.....................................................

เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของชุดที่จบได้น่าประทับใจ พัฒนาการของเลสเตอร์เล่มนี้คือเห็นได้ชัดมาก จากเทพที่เห็นแก่ตัวจนถูกลงโทษกลายมาเป็นคนที่พร้อมเผชิญหน้ากับความตาย ยอมเสียสละเพื่อเพื่อนฝูง ตัวละครตัวอื่นๆ ก็มีพัฒนาการเช่นกัน ทั้งเม็ก ทั้งนิโคที่เวลาอยู่กับวิลแล้วมุ้งมิ้งน่ารักมากๆ คิดว่าเรื่องของคู่นี้น่าจะมีต่อ เผลอๆ ได้เป็นตัวละครหลักของซีรีส์อีกชุดแน่ๆ

การต่อสู้ ไคลแม็กซ์อะไรก็เหมือนเดิมตามสไตล์ รวบรัดไปหน่อย ถึงมีอุปสรรคก็มักจะมีคนมาช่วยได้ทันเวลาหรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ตัวละครรอดชีวิตไปได้อย่างหวุดหวิด เอาจริงๆ The Tower of Nero เป็นหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ไม่มีตรงไหนน่าเบื่อหรือยืดย้วยเกินความจำเป็น หนังสือออกวันที่ 6 ตุลา เราอ่านจบวันที่ 7 ตอนแรกคิดว่าจะได้เวลาเป็นอาทิตย์เพราะไม่ได้อ่านนิยายมาหลายเดือนคงได้สปีดตกกันไปบ้าง โดยเฉพาะสตอรี่ของเล่มนี้มัน flow จนอยากทำให้พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ จนบทสุดท้าย

เสียดายที่เล่มนี้ไม่ค่อยมีมุกตลกที่ทำให้หัวเราะออกมาเท่าไร ทั้งๆ ที่โทนมันก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น ไม่มีการต่อสู้ระเบิดภูเขาเผากระท่อมให้ดูยิ่งใหญ่อลังการด้วย เราเลยรู้สึกว่าภาพรวมของหนังสือเล่มนี้มันอยู่กลางๆ พอๆ กับเล่ม 2 The Dark Prophecy แต่ก็ดีขึ้นกว่าเล่ม 4 แม้เล่มนี้เนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรง แต่เป็นตรงที่สนุกและลุ้นไปด้วยตลอดทาง

เลสเตอร์ยังเป็นตัวละครที่ดูดีน่าสนใจเวลาอยู่คนเดียว แต่เวลาเข้าคู่กับคนอื่นจะโดนออร่าของคนๆ นั้นกลบจนหมด อย่างเช่นนิโคเนี่ย ตัวแย่งซีนเลย ออกมากี่รอบก็ได้ใจเราไปตลอด ส่วนวิลก็เป็นแนว supportive boyfriend มีหึงหวงเล็กๆ น้อยๆ น่ารักจริง ส่วนเม็กก็ไม่รู้ทำไม เราไม่ค่อยโฟกัสที่ตัวละครนี้เท่าไรเลยตั้งแต่เล่มที่ 2 แล้ว

สรุป The Trials of Apollo ก็เป็นนิยายอีกชุดที่ถ้าเป็นแฟนเพอร์ซีย์ก็ไม่ควรพลาดแหละ ส่วนตัวเราชอบกว่า Magnus Chase นะอาจจะเพราะเรื่องราวและตัวละครมันปูมายาวนานทำให้เรารู้สึกผูกพันกว่า จริงๆ แล้วอยากเห็นลุงริคไปเขียนแนวอื่นที่ไม่อ้างอิงจากปกรณัมบ้าง รอลุ้นเลยว่าปีหน้าจะมีหนังสืออะไรออกมาให้อ่านอีก ก็จะตามอ่านต่อไปเรื่อยๆ แหละ

คะแนน 8/10

No comments:

Post a Comment