ชื่อเรื่อง ดินแดนใต้พิภพ
จากเรื่อง Neverwhere
ผู้แต่ง Neil Gaiman
วรรณกรรม แฟนตาซี
ผู้แปล กานต์สิริ โรจนสุวรรณ
สำนักพิมพ์ Words Wonder
เรื่องย่อ
ริชาร์ด เมย์ฮิว เป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีจิตใจดีและมีชีวิตที่ธรรมดา แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาลในวันที่เขาหยุดช่วยเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งนอนเลือดอาบอยู่บนบาทวิถีของลอนดอน นับจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา เขาก็โดนผลักเข้าสู่โลกที่เขาไม่เคยคิดฝันว่ามีอยู่จริง—โลกของสถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างและอุโมงค์ระบายน้ำเสียซึ่งอยู่ใต้ตัวเมือง มันคือสถานที่อันแปลกประหลาดและอันตรายกว่าโลกที่เขาเคยรู้จักมาทั้งชีวิต…
จากเรื่อง Neverwhere
ผู้แต่ง Neil Gaiman
วรรณกรรม แฟนตาซี
ผู้แปล กานต์สิริ โรจนสุวรรณ
สำนักพิมพ์ Words Wonder
เรื่องย่อ
ริชาร์ด เมย์ฮิว เป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีจิตใจดีและมีชีวิตที่ธรรมดา แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาลในวันที่เขาหยุดช่วยเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งนอนเลือดอาบอยู่บนบาทวิถีของลอนดอน นับจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา เขาก็โดนผลักเข้าสู่โลกที่เขาไม่เคยคิดฝันว่ามีอยู่จริง—โลกของสถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างและอุโมงค์ระบายน้ำเสียซึ่งอยู่ใต้ตัวเมือง มันคือสถานที่อันแปลกประหลาดและอันตรายกว่าโลกที่เขาเคยรู้จักมาทั้งชีวิต…
REVIEW
spoiler: คลิกเพื่อดู Spoiler
......................................................
เป็นนิยายที่เราเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นแนว Urban fantasy ซึ่งมีกลิ่นของ Young Adult อยู่น้อยมาก ตัวละครหลักก็เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับโลกที่ซ่อนอยู่ใต้พิภพ แม้ว่าโครงเรื่องของ Neverwhere จะมีกลิ่นอายของ Alice in Wonderland แฝงอยู่ แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในลอนดอนเป็นหลักนั้น ทำให้ความเป็นแฟนตาซีสดใสของอลิซจางหายไป และความดาร์ค ความขลังของกลิ่นอายลอนดอนก็เข้ามาแทนที่ ซึ่งเราพบว่ามันน่าพึงพอใจมากๆ ที่ผู้แต่งพยายามอธิบายรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของลอนดอนลงไป ทำให้คล้ายๆกับว่าเรากำลังทะลุผ่านหน้ากระดาษแล้วไปผจญภัยอยู่ในลอนดอนยังไงยังงั้น
มีอยู่ตอนนึงในหนังสือที่เราอ่านแล้วสะอึกไปเลย...ผู้แต่งบรรยายถึงโลกที่อยู่ใต้ประเทศไทยว่าเป็นป่าไม้และมีกลิ่นอายของเซ็กส์ ทำให้เราคิดถึงเรื่องมุมมองของชาวต่างชาติที่มองประเทศไทยว่าเป็นแหล่งของการค้าประเวณี นี่ไม่ใช่หนังสือเล่มแรกที่เราได้อ่านซึ่งมีการอ้างถึงประเทศไทยว่าเป็นแหล่งโสเภณี มีนิยายอีกหลายเล่มที่กล่าวถึงประเทศไทยในทำนองนี้อยู่เหมือนกัน
นีล เกแมนสามารถสร้างนิยายที่มีการบิดของพลอตอยู่ตลอดเวลา ทั้งคำพูดและการกระทำต่างๆของตัวละครต่างมีนัยยะชวนให้ขบคิดดอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ขาดหายไปสำหรับนิยายเล่มนี้คือเส้นใยที่เชื่อมโยงตัวละครทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งเมื่อเราอ่าน Neverwhere จบแล้ว เราไม่สามารถมองเห็นเส้นใยความสัมพันธ์ของตัวละครเหล่านี้ได้เลย ทั้งๆที่พวกเขาผจญภัยผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ดังนั้นเหตุจูงใจในตอนท้ายสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่ของริชาร์ดก็ยังดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไรนักในความรู้สึกของเรา
คาแรคเตอร์ที่เรียกได้ว่าสร้างสีสันให้กับนิยายเล่มนี้คงจะหนีไม่พ้นมิสเตอร์ครูปและมิสเตอร์แวนเดอมาร์ เป็นตัวร้ายที่อารมณ์ดีจริงๆ
เป็นนิยายที่เราเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นแนว Urban fantasy ซึ่งมีกลิ่นของ Young Adult อยู่น้อยมาก ตัวละครหลักก็เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับโลกที่ซ่อนอยู่ใต้พิภพ แม้ว่าโครงเรื่องของ Neverwhere จะมีกลิ่นอายของ Alice in Wonderland แฝงอยู่ แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในลอนดอนเป็นหลักนั้น ทำให้ความเป็นแฟนตาซีสดใสของอลิซจางหายไป และความดาร์ค ความขลังของกลิ่นอายลอนดอนก็เข้ามาแทนที่ ซึ่งเราพบว่ามันน่าพึงพอใจมากๆ ที่ผู้แต่งพยายามอธิบายรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของลอนดอนลงไป ทำให้คล้ายๆกับว่าเรากำลังทะลุผ่านหน้ากระดาษแล้วไปผจญภัยอยู่ในลอนดอนยังไงยังงั้น
มีอยู่ตอนนึงในหนังสือที่เราอ่านแล้วสะอึกไปเลย...ผู้แต่งบรรยายถึงโลกที่อยู่ใต้ประเทศไทยว่าเป็นป่าไม้และมีกลิ่นอายของเซ็กส์ ทำให้เราคิดถึงเรื่องมุมมองของชาวต่างชาติที่มองประเทศไทยว่าเป็นแหล่งของการค้าประเวณี นี่ไม่ใช่หนังสือเล่มแรกที่เราได้อ่านซึ่งมีการอ้างถึงประเทศไทยว่าเป็นแหล่งโสเภณี มีนิยายอีกหลายเล่มที่กล่าวถึงประเทศไทยในทำนองนี้อยู่เหมือนกัน
นีล เกแมนสามารถสร้างนิยายที่มีการบิดของพลอตอยู่ตลอดเวลา ทั้งคำพูดและการกระทำต่างๆของตัวละครต่างมีนัยยะชวนให้ขบคิดดอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ขาดหายไปสำหรับนิยายเล่มนี้คือเส้นใยที่เชื่อมโยงตัวละครทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งเมื่อเราอ่าน Neverwhere จบแล้ว เราไม่สามารถมองเห็นเส้นใยความสัมพันธ์ของตัวละครเหล่านี้ได้เลย ทั้งๆที่พวกเขาผจญภัยผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ดังนั้นเหตุจูงใจในตอนท้ายสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่ของริชาร์ดก็ยังดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไรนักในความรู้สึกของเรา
คาแรคเตอร์ที่เรียกได้ว่าสร้างสีสันให้กับนิยายเล่มนี้คงจะหนีไม่พ้นมิสเตอร์ครูปและมิสเตอร์แวนเดอมาร์ เป็นตัวร้ายที่อารมณ์ดีจริงๆ
คะแนน 8/10
No comments:
Post a Comment