Jul 31, 2016

Harry Potter and the Cursed Child (Harry Potter #8)



ชื่อเรื่อง Harry Potter and the Cursed Child
จากชุด Harry Potter
ผู้แต่ง  J.K. Rowling, John Tiffany, Jack Thorne
สำนักพิมพ์ Little Brown UK
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี

เรื่องย่อ

Based on an original new story by J.K. Rowling, Jack Thorne and John Tiffany, Harry Potter and the Cursed Child, a new play by Jack Thorne, is the first official Harry Potter story to be presented on stage. It will receive its world premiere in London’s West End on 30th July 2016

It was always difficult being Harry Potter and it isn’t much easier now that he is an overworked employee of the Ministry of Magic, a husband, and father of three school-age children.

While Harry grapples with a past that refuses to stay where it belongs, his youngest son Albus must struggle with the weight of a family legacy he never wanted. As past and present fuse ominously, both father and son learn the uncomfortable truth: sometimes darkness comes from unexpected places.

REVIEW

อัลบัส เซเวอรัส พอตเตอร์ ไม่เคยดีใจเลยที่เขาเกิดมาเป็นลูกชายของพ่อมดผู้มีชื่อเสียงที่สุดในโลกแห่งเวทมนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในวันแรกที่เขาขึ้นรถไฟไปฮอกวอตส์ เด็กชายก็ได้ผูกมิตรกับสกอร์เปียส ลูกชายของเดรโกที่ถูกหาว่าเป็นลูกแท้ๆของโวลเดอมอร์ ทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วแม้ว่าโรส ลูกสาวของเฮอร์ไมโอนี่กับรอนจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไร

อัลบัสถูกคัดเข้าสลิธีริน ไม่เหมือนพี่ชายของเขา เจมส์ ที่อยู่กริฟฟินดอร์ กระทั่งวันหนึ่งอัลบัสได้พบกับเพื่อของเซดริกที่มาหาแฮร์รี่ถึงบ้านและถามเกี่ยวกับเครื่องย้อนเวลา แผนการณ์บางอย่างก็ก่อเกิดในหัวของเขาเมื่ออัลบัสได้คุยกับเดลฟี หลานสาวของอมอสที่ต้องการช่วยเซดริกเช่นเดียวกัน แผนการณ์ขโมยเครื่องย้อนเวลาในห้องทำงานของเฮอร์ไมโอนี่จึงเริ่มต้นขึ้น และเมื่อเด็กๆทั้งสาม อัลบัส สกอร์เปียสและเดลฟีได้อุปกรณ์ชิ้นนั้นมา พวกเขาก็เดินทางไปขัดขวางในวันที่เซดริกลงแข่งขันเวทไตรภาคีในรอบแรกและไม่ให้เขาขโมยไข่มังกรได้สำเร็จ

ใครจะรู้ว่าเมื่อกลับมา อดีตจะได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อรอนไม่ได้ลงเอยกับเฮอร์ไมโอนี่ และไม่มีโรส ลูกสาวของพวกเขา อัลบัมและสกอร์เปียสถึงได้รู้ว่าอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องและทั้งคู่ก็ได้ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอีกครั้ง คราวนี้พวกเขากลับไปยังทะเลสาปในภารกิจที่สองของเวทไตรภาคีและยับยั้งเซดริกได้สำเร็จ เมื่อกลับมา...ตัวตนของอัลบัสได้หายไป สกอร์เปียสต้องเผชิญกับโลกที่โวลเดอมอร์คือฝ่ายชนะสงครามและแฮร์รี่ พอตเตอร์ตายไปแล้วจากการต่อสู้ และโดโลเรสขึ้นเป็นอ.ใหญ่ฮอกวอตส์ เขาได้พบกับสเนป รอน เฮอร์ไมโอนี่ และขอความช่วยเหลือในการย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง

คราวนี้สกอร์เปียสทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้สำเร็จด้วยการยับยั้งตัวพวกเขาเองจากการย้อนเวลาสองครั้งแรก และตัดสินใจทำลายเครื่องย้อนเวลาเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่ได้รับจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ แต่เดลฟีเข้ามาขัดขวางเสียก่อน จุุดประสงค์ของเธอคือทำตามคำทำนายที่บอกว่าหากเซดริกรอดตายในวันนั้น และแฮร์รี่ถูกฆ่าตาย เจ้าแห่งศาสตร์มืดจะฟื้นขึ้นมา เธอได้ย้อนเวลากลับอีกครั้งยังเขาวงกตในภารกิจที่สามแต่ถูกเซดริกขัดขวางเอาไว้ เมื่อเห็นว่าแผนของตนไม่สำเร็จ เดลฟีจึงเดินทางไปยังกอดริก ฮอลโลว์และลงมือขัดขวางไม่ให้โวลเดอมอร์ไปฆ่าแฮร์รี่ในคืนที่ทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่ง

อัลบัสหาวิธีส่งสารกลับมายังปัจจุบันให้พ่อของเขารู้ว่าตนเองติดอยู่ที่ไหน แฮร์รี่ จินนี่ เดรโก รอน เฮอร์ไมโอนี่ได้เดินทางไปยังคืนที่พ่อแม่ของแฮร์รี่ถูกฆ่า และล่อลวงให้เดลฟีติดกับโดยแฮร์รี่ปลอมตัวเป็นเจ้าแห่งศาสตร์มืด การต่อสู้ปะทะขึ้น แต่ในที่สุดทุกคนก็ยับยั้งแผนการณ์ของเดลฟีได้สำเร็จ

อัลบัสกับแฮร์รี่ปรับความเข้าใจกัน และเขาก็กลับไปเป็นเพื่อนรักของสกอร์เปียสเช่นเดิม

........................................................................

เป็นการผสมผสาน Harry Potter ไว้กับแนวคิดของภาพยนตร์เรื่อง The Butterfly Effect กับ Into the Future ที่ล่อแหลมจะทำลายเส้นเรื่องของแฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับออริจินัลทั้ง 7 เล่มจนเกือบพัง แต่ก็เซฟไว้ด้วยตัวละครเจ๋งๆ ไดอะล็อกฮาๆ เอาไว้ได้ แต่การคลายปมตอนท้ายเกี่ยวกับเดลฟี และคืนนั้นในกอริกฮอลโลว์นี่สิ ทำเอาเราอุทาน WTF ออกมาดังมาก คือมันแอบไม่เนียน เห็นช่องโหว่เบ้อเริ่มเทิ่มเลย เราอ่านไปพลางประหวั่นไปว่า Act 3 Act 4 จะพังจริงๆมั้ย เพราะทั้งเล่มที่ย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตหลายรอบกันเหลือเกิน เอาจริงๆก็ไม่พังนะ ลุ่มๆดอนๆแต่รอดมาได้ แล้วการย้อนเวลาทุกครั้งเราก็เอาไปเทียบกับ HP เล่ม 3 คือเส้นเวลามันจะซ้อนทับแบบเหลื่อมๆกัน แต่ในเล่มนี้ไม่มีตรงไหนบอกเลยว่าเส้นของเวลาสองช่วงมันมาชนกันตามทฤษฎีของ Butterfly Effect แบบการกระพือปีกของผีเสื้ออาจก่อให้เกิดพายุได้ เหตุการณ์เกี่ยวพันกันไปเรื่อยๆไรงี้

หรือบางที เราอาจจะคิดมากไป ฮ่าๆ

เข้าใจเลยว่าทีมงานต้องการดึงกลิ่นอายเก่าๆ ตัวละครเก่าๆ เหตุการณ์เก่าๆ ที่แฟนๆคุ้นเคยกลับมาในรูปของละครเวที แต่เราเฉยๆกับพล็อตเรื่องแบบนี้นะ คือในความรู้สึกแรกที่รู้เลยคือ...มันไม่โอเค แต่เพราะนี่เป็น Harry Potter เราจึงยอมมองข้ามสิ่งเหล่านั้นและสนุกไปกับหนังสือให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ จริงๆแค่ได้จับหนังสือเล่มนี้ก็รักแบบลำเอียงแล้วละ เยิฟๆ

เพราะนี่เป็นแค่บทละคร จึงอย่าคาดหวังอะไรมากว่ามันจะต้องดีเหมือนฉบับนิยาย หรือว่ากลิ่นอายเวทมนตร์เหมือนกับตอนที่ได้อ่านหนังสือทั้ง 7 เล่ม ไม่เลย ! ถึงแม้ว่าจะกล่าวถึงขนม เวทมนตร์ หรือสิ่งของต่างๆในโลกเวทมนตร์ แต่ความเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์มันแทบไม่มีอยู่เลยในหนังสือเล่มนี้ ไม่มีสำนวนของป้าโจ ที่อ่านแล้วรู้สึกราวกับต้องมนตร์ มีแค่ช่วงวับๆแวมๆ อ่านแล้วไม่อิ่มเท่าไร จนเราต้องคิดเสียว่า Harry Potter and the Cursed Child เป็นแค่แฟนฟิคชั่นที่อ่านเอาเพลิน อ่านแค่พอให้หายคิดถึงแฮร์รี่ก็เป็นพอ (แต่เราว่าป้าโจน่าจะมีส่วนร่วมเยอะอยู่นะ แต่ trace ตรงนั้นมันแทบไม่มีจริงๆ)

เราชอบสกอร์เปียสเวลาอยู่กับอัลบัส คือพยายามไม่คิดอะไรมาก แต่มันมีเคมีฟรุ๊งฟริ๊งระหว่างคู่นี้แบบชัดเจน เวลามองตากันนี่มันหวานเยิ้มมาก เวลาสองคนคุยกัน งอนกัน คืนดีกัน คือมันน่ารักไปหมดเลยอะ เราถึงบอกไงว่านี่ไม่ใช่หนังสือภาคต่อแล้ววววว นี่มันแฟนฟิคชวนจิ้นชัดๆ

ในฐานะแฟนแฮร์รี่ เราให้เต็มเพราะลำเอียง เอียงมากด้วย แต่ฐานะนักอ่านทั่วไป ให้แค่เจ็ด เพราะหนังสือชุดนี้อย่างที่รู้ๆกันคือทำมาตรฐานไว้สูงมากกกก เราว่าแค่บทส่งท้ายในเล่ม 7 กับสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆก็น่าจะพอแล้วล่ะสำหรับตอนจบ

คะแนน 7/10

1 comment: