Feb 17, 2021

The Conference of the Birds (Miss Peregrine's Peculiar Children #5)



ชื่อเรื่อง The Conference of the Birds
จากชุด Miss Peregrine’s Peculiar Children
ผู้แต่ง Ransom Riggs
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Dutton Books for Young Readers

เรื่องย่อ

A FRAGILE PEACE. AN APOCRYPHAL WARNING. CHAOS WAITING IN THE HEART OF THE STORM.

With his dying words, H—Jacob Portman’s final connection to his grandfather Abe’s secret life— entrusts Jacob with a mission: Deliver newly con­tacted peculiar Noor Pradesh to an operative known only as V. Noor is being hunted. She is the subject of an ancient prophecy, one that foretells a looming apocalypse. Save Noor—Save the future of all peculiardom.

With only a few bewildering clues to follow, Jacob must figure out how to find V, the most enigmatic, and most powerful, of Abe’s former associates. But V is in hiding and she never, ever, wants to be found.

With enemies behind him and the unknown ahead, Jacob Portman’s story continues as he takes a brave leap forward into The Conference of the Birds.

REVIEW

เจคอบและนูร์หลบหนีจากการตามล่าจากเหล่าสมุนของลีโอและเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบรอนวินและฮิวจ์ ทั้งคู่พาเจคอบและนัวร์ไปยังเดวิลส์เอเคอร์ แหล่งกบดานที่ซึ่งพวกเขาจะปลอดภัยแม้ว่าเฮชจะทิ้งท้ายก่อนจากโลกนี้ไปว่าให้ไปหาผู้หญิงที่ชื่อว่าวีก็ตาม

พอมาถึงเดวิลส์เอเคอร์ เจคอบก็ได้รับการต้อนรับอบอุ่นจากเพื่อนๆ และมิสเพเรกริน เขาบอกทุกคนเรื่องคำทำนาย เรื่องนัวร์ที่เป็นหนึ่งในคนประหลาดทั้งเจ็ดที่จะมาปลดเปลื้องอาณาจักรของเหล่าคนประหลาด มิสเพเรกินกำลังหาทางยับยั้งสงครามระหว่างกลุ่มทั้งสามในอเมริกา และทิ้งเด็กประหลาดเอาไว้ หลังจากหล่อนไปเพียงไม่นานก็เกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อแพนลูปติคอนไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติจากเหล่าไวท์ที่หลบหนีและได้พาฮอล์โลว์ซึ่งเป็นพลังงานขับเคลื่อนหลบหนีไปได้ นั่นทำให้การเดินทางข้ามลูปหยุดชะงักลงทันที หนึ่งในนั้นคือเพอร์ซิวัล เมอร์เนา รองผู้บัญชากองกำลังของคอลในอดีตและถูกจับมาขังเอาไว้หลังจากจุดจบของคอล

เจคอบพบกับมิสซิสแบล็คเบิร์ด หล่อนต้องการให้เขาแกะรอยเหล่าฮอล์โลว์ที่หลบหนีไป ระหว่างนั้นพวกเขาก็หาเบาะแสเกี่ยวกับวีและพบว่านูร์ถูกลบความทรงจำหลังถูกส่งไปยังโลกมนุษย์ วีคือผู้เลี้ยงดูเธอ ส่วนปู่ของเจคอบก็มักจะไปเยี่ยมเธอบ่อยๆ การระบุหาพิกัดจึงเป็นเรื่องยากแม้ว่าความทรงจำของนูร์จะกลับมาเป็นส่วนๆ ก็ตาม

มีเรื่องฉุกเฉินทำให้เจคอบ เอ็มม่าและอีน็อชต้องเดินทางผ่านลูปไปยังดินแดนบุคคาวบอย ที่นั่นพวกเขาพบว่าเด็กประหลาดคนหนึ่งของลักพาตัวไปจากกลุ่มคนอเมริกันทางเหนือทำให้เกิดความขัดแย้งกับพวกแคลิฟอร์นิโอ เบาะแสเดียวที่มีก็คือเหล่าฮอล์โลว์ที่พาตัวเอลเลอรี่ไป เจคอบต้องใช้ความสามารถของเขาในการแกะรอยโดยมีฮิวจ์ตามมาสมทบทีหลัง

เมื่อพบตัวเอลเลอรี่ เธอก็ตกอยู่ในสภาวะที่เวลาเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุยังมีเบาะแสบ่งชี้ว่าฟีโอน่ายังมีชีวิตอยู่ นั่นทำให้ฮิวจ์ควบคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่ได้ เขาต้องตามหาฟีโอน่าให้เจอ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการพาตัวเอลเลอรี่ไปยังลูปที่อยู่ใกล้ที่สุด ระหว่างนั้นเจคอบเห็นภาพนิมิตร คอลติดต่อเขาและพูดถึงคำทำนาย

เจคอบและเพื่อนๆ รวมถึงมิสเพเรกรินกลับมายังเดวิลส์เอเคอร์ ที่นั่นเจคอบจูบนูร์ที่มาหาเขาท่ามกลางคนอื่นๆ ที่มาแสดงความยินดีที่ภารกิจลุล่วง หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับคำพยากรณ์ว่าเหล่าไวท์กำลังจะทำให้คอลฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยส่วนผสมทั้ง 6 อย่าง ซึ่งพวกไวท์ได้ไปแล้วถึง 4 ซึ่งก็คือ หนอนจากเอลเลอรี่ ลิ้นจากฟีโอน่าที่ต้องตัดตอนเป็นๆ ไฟที่ไม่มีวันดับจากหินในตัวบราเธอร์เท็ดที่ทำให้เขาอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา และแมลงปีกแข็งจากห้องทำงานของเบนธัมที่คิดค้นสูตรเหล่านี้ขึ้นมาเมื่อนานมาแล้ว ที่เหลืออีกสองอย่างคือกระโหลกซึ่งสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จักและสิ่งสุดท้ายซึ่งก็คือ... หัวใจของมารดาแห่งปักษา ซึ่งพวกเด็กประหลาดสงสัยว่าพวกไวท์จะตามล่ามิสเพเรกินเพื่อสิ่งที่ว่านี้และพวกเขาจะปกป้องหล่อนเอาไว้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

เด็กประหลาดเริ่มปะติดปะต่อนิมิตรและสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันจนรู้ว่ากระโหลกนั้นอยู่ที่เมืองโฮปเวลล์ ตอนเหนือของนิวยอร์ค เจคอบและนูร์เข้าไปในลูปก่อน ทว่าคนอื่นๆ ตามมาไม่ได้ เมืองเล็กๆ แห่งนี้น่าแปลกประหลาด ราวกับไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ทันใดนั้นเด็กชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัว พาพวกเขาไปหาโจเซพที่กล่าวถึงว่าพวกไวท์ได้เดินทางมาที่นี่แล้วและพวกมันกำลังขุดค้นสุสานเพื่อตามหากระโหลกที่ว่านั่นอยู่

เจคอบจัดการกับฮอล์โลว์เพื่อพิสูจน์ฝีมือว่าเขาควบคุมมันได้ ทันใดนั้นประตูทางเข้าลูปก็เปิดออกและคนอื่นๆ ก็ตามมาสมทบ บนสุภาพที่การขุดหากระโหลกดำเนินต่อไป เกิดการปะทะขึ้นระหว่างเด็กประหลาดและเหล่าไวท์ เพอร์ซิวัล เมอร์เนาหลบหนีไปได้ในขณะที่พรรคพวกคนอื่นๆ โดนจับกลับไปหมด ที่นั่นฮิวจ์ได้พบกับฟีโอน่าที่ถูกควบคุมจิตใจและกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาตามหาตัวเธอเจอในที่สุดหลังจากที่ทุกคนคิดว่าฟีโอน่าตายไปแล้วจากการตกเหวตอนที่ถูกไวท์โจมตีในลูปของมิสเรน (จำได้ว่าเหตุการณ์นี้น่าถูกกล่าวถึงในเล่ม Library of Souls)

ภัยร้ายเหมือนจะผ่านพ้นไป เจคอบและนูร์ตัดสินใจกลับไปยังนิวยอร์คเพื่อไปเอาของส่วนตัวเธอไปไว้ที่เดวิลเอเคอร์ ที่นั่นพวกเขาบังเอิญพบโปสการ์ดเขียนที่อยู่ของวีเอาไว้ ทั้งคู่ไม่รอช้าเดินทางไปยังลูปแห่งพายุทอร์นาโดทันที ที่นั่นพวกเขาหนีหัวซุกหัวซุนจากพายุทอร์นาโดทั้งสองลูก มีเพลงกล่อมเด็กที่นูร์ยังจำได้คอยนำทางพวกเขาไปจนพบตัววี วีบอกว่าหล่อนไม่ได้เขียนโปสการ์ดหาพวกเขา และทันใดนั้นชายคนที่เฝ้าประตูทางเข้าลูปก็ปรากฏกาย แท้จริงแล้วเขาคือเมอร์เนาที่หาทางเจาะปราการแห่งทอร์นาโดแห่งนี้มานานหลายปี และหลอกล่อให้นูร์นำทางเขาเข้ามาได้สำเร็จ

เมอร์เนาจึงวีและเอาหัวใจเธอไปได้สำเร็จ เจคอบและนูร์ถูกยิงด้วยลูกดอกยาสลบ ถูกจับมัดให้ดูการล่มสลายของลูปต่อหน้าต่อตา และสิ่งที่เจคอบเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายก็คือก้อนเมฆกลายเป็นหน้าคน เรามันกำลังพูดกับเขา...

เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งต่อสายไปยังคนอื่นๆ อีกหกคนพร้อมกับบอกว่า 'เขาคนนั้นได้กลับมาแล้ว'

..................................................................

ช่วงต้นกับช่วงท้ายของหนังสือคือปังไม่ไหว สนุกมาก ใจเต้นตึกๆ เลย ผูกปมไปสู่เล่มสุดท้าย (The Desolations of Devil's Acre วางขายวันที่ 23 กุมภานี้แล้ว อีกอาทิตย์เดียว) ได้ดีมากๆ ทำให้ถ้าอ่านเล่มนี้แล้ว ยังไงก็ต้องซื้อเล่ม 6 ซึ่งเป็นเล่มจบมาอ่านแหละ เราคิดถูกมากที่ดองเล่มนี้ไว้เป็นปี เพราะตอนจบ จบได้ค้างมาก ถ้าอ่านตั้งแต่ออกใหม่ๆ ปีที่แล้วก็ต้องรอแบบค้างเติ่งไปอีกเป็นปี

The Conference of the Birds เปิดบทแรกมาด้วยการไล่ล่าจากสมุนของลีโอก่อนจะตัดเข้าสู่โลกใบเดิมที่เรารู้จักในเล่มที่แล้ว ตัวละครเดิม เพิ่มเติมคือนูร์ ที่มีบทบาทสำคัญและมาเป็น love interest ใหม่ของเจคอบหลังจากลดสถานะกับเอ็มม่าจนเหลือแค่เพื่อน นอกเหนือจากประเด็นหลักเกี่ยวกับคำทำนายที่หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงตลอด เราอยากเห็นบทบาทของนูร์ในเล่มหน้าว่าจะพาเนื้อเรื่องไปในทิศทางไหน

อีกจุดแข็งที่เราชอบมากก็คือ การเดินทางผ่านลูปเวลาไปยังอเมริกาในยุคต่างๆ แรนซัม ริกส์เขียนออกมาได้น่าติดตาม เห็นภาพและดึงเสน่ห์ยุคนั้นๆ ออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะตอนท้ายๆ ที่เข้าไปในลูปพายุทอร์นาโด หนีตายกันชุลมุนสนุกมาก ตอนอ่านคลิปเพลงขึ้นมาในหัวเลย look up in the sky, it's a bird, it's a plane (แปะคลิป) และเสน่ห์ของหนังสือชุดนี้ที่เราชอบมากก็คือเป็น YA ที่เนื้อเรื่องเหมือนจะเล่าเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่มีอะไร แต่พอถึงฉากไคลแมกซ์กลับพลิกผันได้แบบโอ้โห ทำเราอ้าปากค้างตอนอ่าน

เจคอบเป็น narrator ที่ดี คือเขามาเพื่อทำหน้าที่เล่าเรื่องจริงๆ ไม่ได้มาพล่ามมาบ่นชีวิตประจำวันตัวเอง เหมือน YA หลายเรื่องที่ narrator คิดถึงโน่นนี่ที่อยู่นอกประเด็นไม่หยุดจนทำให้เรารู้สึกรำคาญและไม่อยากอ่านต่อ แต่ไม่ใช่สำหรับชีรีส์ชุดนี้ เพราะทุกอย่างมัน on point มากๆ ความคิดของเขาเกินอายุด้วยซ้ำ จนบางทีเราลืมไปเลยนี่ว่าเขายังเด็กอยู่ 

ภาพรวมแล้วเราชอบมาก ชอบกว่า A Map of Days ซึ่งเราว่าเนิบไปหน่อย เอาจริงเล่มนี้ก็เนิบแหละ แต่ยังมีช่วงที่ให้ลุ้นเป็นพักๆ อยู่ ติดนิดนึงตรงที่ conflict บางอย่างในเรื่องอยู่ๆ ก็ถูกเคลียร์ง่ายๆ ซะอย่างนั้น อย่างเรื่องของลีโอเนี่ย ตอนอ่านก็มีรู้สึกเอ๊ะบ้างเหมือนกัน แต่ผู้เขียนก็อธิบายเหตุผลมาในนิยายนะว่าทำไมเป็นแบบนั้น แต่เราอ่านแล้วก็ยังไม่เชื่อเหตุผลนั้นอย่างสนิทใจเท่านั้นเอง หรือว่าบางทีอาจมีซัมติงในเล่มหน้า

ยังมีหลายอย่างที่อยากเขียนถึงหนังสือชุดนี้ ยังไงขอติดไว้เขียนเล่มหน้าก็แล้วกัน ไหนๆ ก็ปิดชุด 6 เล่มพอดี

คะแนน 9/10

No comments:

Post a Comment