Dec 31, 2018

A Map of Days (Miss Peregrine's Peculiar Children #4)



ชื่อเรื่อง A Map of Days
จากชุด Miss Peregrine’s Peculiar Children
ผู้แต่ง Ransom Riggs
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Dutton Books for Young Readers

เรื่องย่อ

The #1 bestselling series returns with a thrilling new story arc set in America!

Vintage photographs reveal the never-before-seen world of peculiar America with a stunning addition—full-color images.

Having defeated the monstrous threat that nearly destroyed the peculiar world, Jacob Portman is back where his story began, in Florida. Except now Miss Peregrine, Emma, and their peculiar friends are with him, and doing their best to blend in. But carefree days of beach visits and normalling lessons are soon interrupted by a discovery—a subterranean bunker that belonged to Jacob’s grandfather, Abe.

Clues to Abe’s double-life as a peculiar operative start to emerge, secrets long hidden in plain sight. And Jacob begins to learn about the dangerous legacy he has inherited—truths that were part of him long before he walked into Miss Peregrine’s time loop.

Now, the stakes are higher than ever as Jacob and his friends are thrust into the untamed landscape of American peculiardom—a world with few ymbrynes, or rules—that none of them understand. New wonders, and dangers, await in this brilliant next chapter for Miss Peregrine’s peculiar children. Their story is again illustrated throughout by haunting vintage photographs, but with a striking addition for this all-new, multi-era American adventure—full color.

REVIEW

เจคอบต้องสอนเหล่าเด็กประหลาดให้ปรับตัวเข้ากับชีวิตในโลกปัจจุบันหลังจากที่พวกเขาเดินทางออกมาจากลูปและมาเยี่ยมเจคอบถึงอเมริกา ภายใต้การดูแลของมิสเพเรกิน เรื่องก็เหมือนจะตะกุกตะกักในช่วงแรก ไหนจะชีวิตประจำของเจคอบ ครอบครัวของเขา และเรื่องที่เด็กประหลาดทุกคนจะอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัวไปเสียหมด กระทั่งเจคอบได้พบบันทึกของอับราฮัม ปู่ของเขาในบ้านที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้หลังจากที่เจ้าตัวตายไป

ในบันทึกนั้นเขียนถึงการค้นพบเด็กประหลาดและนำไปส่งยังลูปโดยสวัสดิภาพ และเจคอบก็เริ่มที่จะแกะรอยปู่ของเขา อยากจะเรียนรู้เรื่องราวของผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น ดังนั้นเขาเลยติดต่อไปยังเฮช เพื่อนร่วมงานของปู่ที่นัดพบกับเขาในร้านอาหารซึ่งที่นั่นเจคอบได้รับภารกิจแรกมา จึงทำให้เขาต้องเดินทางไปยังพิกัดที่ระบุเอาไว้พร้อมกับเอ็มม่า มิลลาร์ด บรอนวินและเอน็อช

การนำของไปส่งยังเดอะบารอนนเนสที่พบว่าในห่อพัสดุนั้นเป็นอาหารหมา แต่เจคอบก็ได้กำจัดผู้ที่มาก่อนกวนคนประหลาดที่นั่นและได้เรียนรู้ถึงระบบอาณาจักรคนประหลาดของอเมริกานั้นไม่มีอะไรเหมือนทางฝั่งยุโรปเลย ทั้งเรื่องกลุ่มต่างๆ ที่ขัดแย้งกันเอง เขตแดนต่างๆ รวมไปถึงในอดีตที่เหล่าคนประหลาดถูกมนุษย์ปกติตามล่าเพราะความหวาดกลัวที่ว่าพวกเขาจะมีอำนาเหนือกว่า

เจคอบและคนอื่นๆ ได้ไปยังเมืองพอทัล และที่นั่นพวกเขาได้พบกับอดีตเล็กๆ ของอับราฮัมที่ถูกซ่อนเอาไว้ เขาเคยมาที่นี่กับเด็กผู้หญิงคนอื่น และนั่นก็เป็นฉนวนให้เอ็มม่านึกฉงน และทำให้เธอโทรไปหาอดีตคนรักของเธอ พอเจคอบรู้ ทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนทำให้ความสัมพันธ์ถูกลดไปเหลือแค่เพื่อนเท่านั้น

เมื่อได้ภารกิจใหม่มาอยู่ในมือ พวกเขาเดินทางเข้านิวยอร์คเพื่อตามหาเด็กประหลาดที่แฝงตัวในโรงเรียน ที่นั่นพวกเขาได้พบกับนูร์ เด็กประหลาดผู้มีความสามารถดึงดูดแสงสว่างเข้ามาไว้ในตัวและทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมืดมิด เจคอบตัดสินใจที่จะไม่ไปนูร์ไปส่งยังลูปที่ไม่รู้ว่าเธอจะปลอดภัยมั้ย แต่จะพาเธอกลับไปกับเขา

นูร์ถูกกลุ่มคนที่มาพร้อมเฮลิคอปเตอร์ตามล่า เจคอบไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร แต่พวกเขาก็เอาชีวิตรอดมาด้วยโดยที่บรอนวิชถูกยิงด้วยลูกดอกและจำต้องพาเธอส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางพวกเขาก็ติดกับดักของแฟรงกี้ที่จะนำตัวไปขายต่อให้หัวหน้าแก๊งค์ที่ต้องการใช้งานเหล่าเด็กประหลาด โชคร้ายที่หนึ่งในนั้นรู้ว่านูร์เป็นหนึ่งในเด็กประหลาดที่ไม่เข้ากับฝ่ายไหนเป็นพิเศษ ซึ่งตามกฏแล้ว ใครที่จงใจจะเอาเธอไปเป็นพวกถือว่าผิดกฏหมายและเรื่องนี้ก็ถูกรายงานไปให้ลีโอรับรู้

ลีโอเป็นผู้นำหนึ่งในสามของกลุ่มคนประหลาดในอเมริกาที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ เขาพยายามรีดข้อมูลจากเจคอบจนสุดท้ายก็รู้ว่าเจคอบมีส่วนเกี่ยวข้องกับแกนดี้หรือนามแฝงของอับราฮัม และแกนดี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวทูนหัวของเขาตาย เจคอบไม่เชื่อว่าปู่ของตนจำเรื่องแบบนั้นได้ลง แต่สุดท้ายมิสเพเรกินก็มาช่วยได้ทันและพาเจคอบคนอื่นๆ กลับไป ยกเว้นนูร์

ภารกิจล้มเหลว คนอื่นๆ ยกเว้นเจคอบไม่คิดจะร่วมมือกับเขาอีกต่อไป ทิ้งให้เจคอบเป็นห่วงนูร์และอดีตอันคลุมเครือของปู่ ดังนั้นเขาจึงหาทางติดต่อเฮชอีกครั้งและตามหาอีกฝ่ายจนเจอ แต่พอไปถึงก็เจอกับคราบเลือดและเฮชที่ใกล้ตาย เขาได้บอกความจริงกับเจคอบว่าปู่ของเขาไม่ได้ฆ่าใครแต่เป็นการโดนหลอกโดยสมาคม และนูร์เป็นหนึ่งในเจ็ดของผู้ปลดปล่อยอาณาจักรคนประหลาดสู่ยุคใหม่ จนทำให้เกิดการไล่ล่าจากหลายฝักฝ่าย

เฮชสิ้นลมหายใจและทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฮอล์โลวที่เขาเลี้ยงเอาไว้ เขามอบวิญญาณให้กับมันจนมันกลายเป็นไวท์และบอกพิกัดกับเจคอบที่จะตามหาวี หนึ่งในนักล่าฮอล์โลวที่เจคอบพอจะหันไปพึ่งพาได้ในเวลานี้หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมด

..................................................................

เป็นหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ไม่มีตรงไหนพีค ไม่มีตรงไหนดรอป บรรยากาศจะแตกต่างจากสามเล่มแรกลิบลับ ความแฟนตาซีปนกลิ่นอายย้อนยุคบวกกับสยองขวัญนิดๆ จะไม่มีมาให้เห็นในเล่มนี้สักนิดเดียว บรรยากาศในเล่มนี้จะกึ่งๆ slice of life มีความ road trip ก่อนจะตรงดิ่งเข้าสู่ปริศนาเล็กๆ น้อยๆ ในตอนท้ายที่ปูไปยังเล่ม 5 เล่ม 6 ต่อ

เราว่าริกส์ค่อนข้างจะทำได้ดีนะที่จะขยายจักรวาล Peculiardom โดยการไปเล่าเรื่องทางฝั่งอเมริกาที่ระบบระเบียบแตกต่างจากฝั่งยุโรปเยอะมาก ซึ่งเนื้อเรื่องยังถือว่าไม่ออกทะเล แถมตัวละครบางตัวที่เราเฉยๆ ในไตรภาคแรกก็กลับดูน่าสนใจขึ้นมาในเล่มนี้ อย่าง Enoch เราชอบความ sarcastic ของเขามาก ถือว่าเป็นตัวชูรสที่ทำให้หนังสือเล่มนี้มันไม่ได้จืดชืดไปเสียทีเดียว

ช่วงต้นถึงช่วงกลางจะอืดมาก แต่เราว่ามันไม่ได้น่าเบื่อสำหรับเรานะ แต่สำหรับใครหลายคนอาจจะเบื่อได้ เราชอบสไตล์การเล่าเรื่องของริกส์ด้วยแหละที่ถึงจะเน้นรายละเอียดเน้นพรรณา แต่กลับไม่ทำให้เนื้อเรื่องช่วงนั้นยืดย้วยแต่อย่างใด อาจจะมีตอนท้ายๆ นิดหน่อยที่เร่งเนื้อเรื่องจนเราเกือบตามไม่ทัน แล้วก็ทิ้งท้ายตอนจบได้น่าติดตาม ยังไงก็ตามอ่านเล่มต่อๆ ไปแน่ๆ

คะแนน 8/10

No comments:

Post a Comment