จากเรื่อง Mine to Possess
ผู้แต่ง นลินี ซิงห์
โรมานซ์ เหนือจริง
ผู้แปล วาลุกา
สำนักพิมพ์ แก้วกานต์
เรื่องย่อ
เขาคืออดีตที่เธอวิ่งหนีมาทั้งชีวิต แต่เมื่อเด็กข้างถนนที่เธอรักและปกป้องสุดหัวใจ ถูกลักพาตัวไปโดยฆาตกรใจโหด เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้...
เมื่อสตรีผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเขากลับมาจากความตาย สัญชาตญาณเสือดาวในตัวเขาบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกเป็นอันขาด ในขณะที่ทั้งสองต้องรีบหาตัวเด็กให้เจอก่อนฆาตกรลงมือ อดีตอันเจ็บปวดจะทำให้ทั้งสองกลับมาผูกพันกันอีกครั้ง
หรือต้องสูญเสียกันและกันไปตลอดกาล...
REVIEW
... เหตุผลที่เราซื้อหนังสือชุด Psy-Changeling ของนลินีมาอ่าน บอกได้เลยเป็นเพราะว่าเราอ่านเรื่องย่อของเล่มนี้ (Mine to Possess) แล้วซื้อรู้สึกชอบ ประทับใจมากๆ ก็เลยเหมาชุดนี้มายกเซ็ต ..
เคลย์คือเสือดาวหนุ่มที่สูญเสียหญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในวัยเด็กไป ทัลลี่คือเพื่อนเพียงคนเดียวที่เคลย์มี แต่ทันทีที่เขาออกมาจากสถานพินิจหลังจากที่เขาฆ่าพ่อเลี้ยงของทัลลี่เนื่องจากเธอถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย เขาก็ได้รับแจ้งข่าวว่า ... ทัลลี่ของเขาเสียชีวิตแล้ว
ยี่สิบปีผ่านไป ... ทัลลี่ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเคลย์ นั่นทำให้เขาโกรธมาก โกรธเธออย่างถึงที่สุดที่เธอโกหกเขามาโดยตลอด แต่ทัลลี่กลับมีเรื่องขอร้องให้เคลย์ช่วย เมื่อเด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ถูกลักพาตัวไป เด็กหลายคนก่อนหน้านี้ถูกฆาตกรรมและถูกขโมยอวัยวะ เหยื่อรายล่าสุด จอนควิล ที่เพิ่งถูกลักพาตัวไปหมาดๆ คือคนที่ทัลลี่จะต้องช่วยเอาไว้และจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาเด็ดขาด และเคลย์คือคนที่สามารถจะช่วยเธอได้
ถึงแม้ว่าจะเคลย์จะยังโกรธถึงเรื่องที่ทัลลี่เคยทิ้งเขาไปและจากนั้นเธอก็นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้าเพราะปัญหาทางสุขภาพจิตของเธอที่เคยถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทารุณมาก่อน แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด เมื่อเคลย์ได้รับรู้ถึงความเจ็บป่วยของทัลลี่ โรคร้ายที่กำลังทำลายชีวิตเธออย่างช้าๆ เขาก็ยอมอ่อนลง รับฟังถึงสาเหตุของทัลลี่มากขึ้น
ทัลลี่ไม่แน่ใจในตัวเองว่าทำไมเธอถึงรู้สึกรักเคลย์และอยากปกป้องเขาขึ้นมาได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้าเธอหวาดกลัวเขาแทบตาย แต่ทัลลี่ก็ได้รู้ใจของตัวเองในที่สุดว่า ... สาเหตุที่เธอทิ้งเคลย์มาตอนที่เคลย์ฆ่าพ่อเลี้ยงของเธอและถูกจับเข้าสถานพินิจ ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวเคลย์ แต่ทัลลี่กลัวว่าถ้าเคลย์รู้เรื่องทั้งหมด เขาจะเกลียดเธอ เพราะความรักที่เขามีให้เธอนั้นคือสิ่งที่มีค่าเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของทัลลี่ และเธอจะไม่ยอมเสี่ยงที่จะเสียมันไปเด็ดขาด
เดฟ คือคนในมูลนิธิที่ร่วมมือกับทัลลี่เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกลักพาตัวไป เขาได้ส่งต่อข้อมูลใก้แก่ทัลลี่ในการตามหาเด็กที่ถูกลักพาตัวให้พบก่อนที่จะกลายเป็นศพ เบาะแสที่ทัลลี่ได้รับนำพาเธอไปยังห้องแลบที่จอนถูกจับไปขังเอาไว้ และทัลลี่ก็สามารถช่วยจอนออกมาได้สำเร็จ จากการช่วยเหลือของอาชายา สาวชาวไซที่ลูกชายของเธอถูกจับไปเป็นตัวประกัน ทำให้เธอต้องร่วมมือในการทดลองในโปรเจ็คโปโตรคอลไอที่จะนำไปสู่การล้างสมองและควบคุมชาวไซอย่างสมบูรณ์
เคลย์ตามล่าฆาตกรที่เล็งเป้ามายังทัลลี่หลังจากที่จอนหลบหนีออกไปได้ เขาจัดการฆาตกรชาวไซคนนั้นได้สำเร็จ เคลย์ยังรู้ด้วยว่าเขาได้ครองคู่กับทัลลี่อย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าโรคร้ายจะคุมคามชีวิตเธอ เขาก็ต้องช่วยให้ได้ แต่ถ้าทัลลี่ตาย เขาก็จะตายตามเธอไป ...
เคลย์ตระหนักได้ในท้ายที่สุดว่าอาการป่วยของทัลลี่ไม่ใช่ความผิดปกติทางกายภาพหรือการเสื่อมถอยของสมองอย่างที่เธอเข้าใจว่ามันมีผลร้ายแรงแต่อย่างใด มันเกิดจากการที่ทัลลี่เป็นผู้ถูกลืมที่มีสายเลือดของไซอยู่ในตัวอย่างเจือจาง ทำให้เธอต้องการการสะท้อนพลังในปริมาณที่น้อยกว่าไซสายเลือดบริสุทธิ์ แต่เมื่อทัลลี่ผูกพันธ์เป็นคู่ชีวิตกับลูคัสแล้ว เธอก็เชื่อมต่อกับเครือข่ายแห่งดวงดาวโดยตรง ทำให้เธอได้รับการสะท้อนพลังและมีชีวิตอยู่กับเคลย์อย่างที่เขาต้องการมาโดยตลอดในที่สุด
... ... เล่มนี้เราว่าความสัมพันธ์ทางด้านตัวละครและเนื้อเรื่องหลักลงตัวมาก ไม่หนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งจนกลบความเด่นของอีกด้านไป ความสัมพันธ์ของเคลย์กับทัลลี่ เราขอบอกเลยว่าเป็นอะไรทีเ่ราประทับใจมากๆ เพราะทั้งคู่ผูกพันธ์กับมาตั้งแต่เด็ก และก็มีเหตุทำให้ต้องแยกจากกัน แต่ขอตินิด ! ตรงความคิดของทัลลี่นี่แหละ ที่ดูเหมือนจะ 'คิดมาก' เกินไปสำหรับนางเอกที่เป็นมนุษย์คนแรกในซีรีย์ชุดนี้ (ไม่รู้ว่าเราชินกับนางเอกพระเอกที่เป็นไซด้วยหรือเปล่า เลยรู้สึกว่านางเอกที่เป็นมนุษย์นี่ดู 'เยอะ' เกินไป)
เราชอบนิสัยของเคลย์ด้วยความที่ชอบคาแรคเตอร์ของพระเอกนิยายโรมานซ์ที่รักแรงโกรธแรงหึงแรงแบบนี้แล้วด้วย มันทำให้นิยายเล่มนี้ดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นในสายตาของเรา บวกกับโลกที่นลินีสร้างขึ้นมาที่แตกแขนงไปในทิศทางใหม่ในเล่มนี้ ทำให้เรารู้สึกได้ว่าทุกอย่างมันดูพัฒนาและไม่ได้ย่ำอยู่กับจุดเดิมจนคนอ่านเบื่อไปเสียก่อน
[[สงสัยว่าเป็นเพราะสำนวนการแปลของคุณ 'วาลุกา' หรือว่าต้นฉบับใช้การเล่าเรื่องแบบนี้อยู่แล้วด้วย เพราะเราคิดว่าบทรักมันดูซอฟท์มากเลยนะ ตั้งแต่เล่มแรกละ ทั้งๆที่เราคาดหวังว่านิยายโรมานซ์ที่อิงตัวละครหมาป่าอะไรเทือกนี้ บทรักจะดุเดือดเผ็ดมันส์กว่านี้หน่อย เอิ๊กๆ]]
อยากให้ 10 ใจจะขาดนะเล่มนี้ ! อยากให้มากๆตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เริ่มอ่านด้วยซ้ำเพราะชอบพลอตแบบนี้มาก แต่คือ ... นลินีน่าจะสร้างนางเอกที่หนักแน่นกว่านี้หน่อย เข้าใจว่าผ่านเรื่องเลวร้ายมาและมีบาดแผลทางจิตใจ แต่นั่นก็ยี่สิบปีแล้วนะ เธอกลับยึดติดและหวาดกลัวมากเกินไปเหมือนกับเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวานแน่ะ นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของทัลลี่กับเคลย์ดูประดักประเดิดไปในบางช่วงสำหรับเรา เหมือนจู่ๆเคลย์ก็ดูเหมือนจะหายโกรธและอภัยทัลลี่แล้ว แต่พอมาอีกบท ... อ้าว ! ทั้งคู่มาทะเลาะกันถึงเรื่องอดีตอีกแล้ว คล้ายๆว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่มันสวิงจนเราปรับอารมณ์ไม่ทัน จึงอินอย่างไม่ค่อยต่อเนื่อง ฮ่าๆ
เคลย์คือเสือดาวหนุ่มที่สูญเสียหญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในวัยเด็กไป ทัลลี่คือเพื่อนเพียงคนเดียวที่เคลย์มี แต่ทันทีที่เขาออกมาจากสถานพินิจหลังจากที่เขาฆ่าพ่อเลี้ยงของทัลลี่เนื่องจากเธอถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย เขาก็ได้รับแจ้งข่าวว่า ... ทัลลี่ของเขาเสียชีวิตแล้ว
ยี่สิบปีผ่านไป ... ทัลลี่ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเคลย์ นั่นทำให้เขาโกรธมาก โกรธเธออย่างถึงที่สุดที่เธอโกหกเขามาโดยตลอด แต่ทัลลี่กลับมีเรื่องขอร้องให้เคลย์ช่วย เมื่อเด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ถูกลักพาตัวไป เด็กหลายคนก่อนหน้านี้ถูกฆาตกรรมและถูกขโมยอวัยวะ เหยื่อรายล่าสุด จอนควิล ที่เพิ่งถูกลักพาตัวไปหมาดๆ คือคนที่ทัลลี่จะต้องช่วยเอาไว้และจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาเด็ดขาด และเคลย์คือคนที่สามารถจะช่วยเธอได้
ถึงแม้ว่าจะเคลย์จะยังโกรธถึงเรื่องที่ทัลลี่เคยทิ้งเขาไปและจากนั้นเธอก็นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้าเพราะปัญหาทางสุขภาพจิตของเธอที่เคยถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทารุณมาก่อน แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด เมื่อเคลย์ได้รับรู้ถึงความเจ็บป่วยของทัลลี่ โรคร้ายที่กำลังทำลายชีวิตเธออย่างช้าๆ เขาก็ยอมอ่อนลง รับฟังถึงสาเหตุของทัลลี่มากขึ้น
ทัลลี่ไม่แน่ใจในตัวเองว่าทำไมเธอถึงรู้สึกรักเคลย์และอยากปกป้องเขาขึ้นมาได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้าเธอหวาดกลัวเขาแทบตาย แต่ทัลลี่ก็ได้รู้ใจของตัวเองในที่สุดว่า ... สาเหตุที่เธอทิ้งเคลย์มาตอนที่เคลย์ฆ่าพ่อเลี้ยงของเธอและถูกจับเข้าสถานพินิจ ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวเคลย์ แต่ทัลลี่กลัวว่าถ้าเคลย์รู้เรื่องทั้งหมด เขาจะเกลียดเธอ เพราะความรักที่เขามีให้เธอนั้นคือสิ่งที่มีค่าเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของทัลลี่ และเธอจะไม่ยอมเสี่ยงที่จะเสียมันไปเด็ดขาด
เดฟ คือคนในมูลนิธิที่ร่วมมือกับทัลลี่เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกลักพาตัวไป เขาได้ส่งต่อข้อมูลใก้แก่ทัลลี่ในการตามหาเด็กที่ถูกลักพาตัวให้พบก่อนที่จะกลายเป็นศพ เบาะแสที่ทัลลี่ได้รับนำพาเธอไปยังห้องแลบที่จอนถูกจับไปขังเอาไว้ และทัลลี่ก็สามารถช่วยจอนออกมาได้สำเร็จ จากการช่วยเหลือของอาชายา สาวชาวไซที่ลูกชายของเธอถูกจับไปเป็นตัวประกัน ทำให้เธอต้องร่วมมือในการทดลองในโปรเจ็คโปโตรคอลไอที่จะนำไปสู่การล้างสมองและควบคุมชาวไซอย่างสมบูรณ์
เคลย์ตามล่าฆาตกรที่เล็งเป้ามายังทัลลี่หลังจากที่จอนหลบหนีออกไปได้ เขาจัดการฆาตกรชาวไซคนนั้นได้สำเร็จ เคลย์ยังรู้ด้วยว่าเขาได้ครองคู่กับทัลลี่อย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าโรคร้ายจะคุมคามชีวิตเธอ เขาก็ต้องช่วยให้ได้ แต่ถ้าทัลลี่ตาย เขาก็จะตายตามเธอไป ...
เคลย์ตระหนักได้ในท้ายที่สุดว่าอาการป่วยของทัลลี่ไม่ใช่ความผิดปกติทางกายภาพหรือการเสื่อมถอยของสมองอย่างที่เธอเข้าใจว่ามันมีผลร้ายแรงแต่อย่างใด มันเกิดจากการที่ทัลลี่เป็นผู้ถูกลืมที่มีสายเลือดของไซอยู่ในตัวอย่างเจือจาง ทำให้เธอต้องการการสะท้อนพลังในปริมาณที่น้อยกว่าไซสายเลือดบริสุทธิ์ แต่เมื่อทัลลี่ผูกพันธ์เป็นคู่ชีวิตกับลูคัสแล้ว เธอก็เชื่อมต่อกับเครือข่ายแห่งดวงดาวโดยตรง ทำให้เธอได้รับการสะท้อนพลังและมีชีวิตอยู่กับเคลย์อย่างที่เขาต้องการมาโดยตลอดในที่สุด
... ... เล่มนี้เราว่าความสัมพันธ์ทางด้านตัวละครและเนื้อเรื่องหลักลงตัวมาก ไม่หนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งจนกลบความเด่นของอีกด้านไป ความสัมพันธ์ของเคลย์กับทัลลี่ เราขอบอกเลยว่าเป็นอะไรทีเ่ราประทับใจมากๆ เพราะทั้งคู่ผูกพันธ์กับมาตั้งแต่เด็ก และก็มีเหตุทำให้ต้องแยกจากกัน แต่ขอตินิด ! ตรงความคิดของทัลลี่นี่แหละ ที่ดูเหมือนจะ 'คิดมาก' เกินไปสำหรับนางเอกที่เป็นมนุษย์คนแรกในซีรีย์ชุดนี้ (ไม่รู้ว่าเราชินกับนางเอกพระเอกที่เป็นไซด้วยหรือเปล่า เลยรู้สึกว่านางเอกที่เป็นมนุษย์นี่ดู 'เยอะ' เกินไป)
เราชอบนิสัยของเคลย์ด้วยความที่ชอบคาแรคเตอร์ของพระเอกนิยายโรมานซ์ที่รักแรงโกรธแรงหึงแรงแบบนี้แล้วด้วย มันทำให้นิยายเล่มนี้ดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นในสายตาของเรา บวกกับโลกที่นลินีสร้างขึ้นมาที่แตกแขนงไปในทิศทางใหม่ในเล่มนี้ ทำให้เรารู้สึกได้ว่าทุกอย่างมันดูพัฒนาและไม่ได้ย่ำอยู่กับจุดเดิมจนคนอ่านเบื่อไปเสียก่อน
[[สงสัยว่าเป็นเพราะสำนวนการแปลของคุณ 'วาลุกา' หรือว่าต้นฉบับใช้การเล่าเรื่องแบบนี้อยู่แล้วด้วย เพราะเราคิดว่าบทรักมันดูซอฟท์มากเลยนะ ตั้งแต่เล่มแรกละ ทั้งๆที่เราคาดหวังว่านิยายโรมานซ์ที่อิงตัวละครหมาป่าอะไรเทือกนี้ บทรักจะดุเดือดเผ็ดมันส์กว่านี้หน่อย เอิ๊กๆ]]
อยากให้ 10 ใจจะขาดนะเล่มนี้ ! อยากให้มากๆตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เริ่มอ่านด้วยซ้ำเพราะชอบพลอตแบบนี้มาก แต่คือ ... นลินีน่าจะสร้างนางเอกที่หนักแน่นกว่านี้หน่อย เข้าใจว่าผ่านเรื่องเลวร้ายมาและมีบาดแผลทางจิตใจ แต่นั่นก็ยี่สิบปีแล้วนะ เธอกลับยึดติดและหวาดกลัวมากเกินไปเหมือนกับเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวานแน่ะ นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของทัลลี่กับเคลย์ดูประดักประเดิดไปในบางช่วงสำหรับเรา เหมือนจู่ๆเคลย์ก็ดูเหมือนจะหายโกรธและอภัยทัลลี่แล้ว แต่พอมาอีกบท ... อ้าว ! ทั้งคู่มาทะเลาะกันถึงเรื่องอดีตอีกแล้ว คล้ายๆว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่มันสวิงจนเราปรับอารมณ์ไม่ทัน จึงอินอย่างไม่ค่อยต่อเนื่อง ฮ่าๆ
คะแนน 9.5/10
No comments:
Post a Comment