Sep 15, 2022

The Ballad of Never After (Once Upon a Broken Heart #2)



ชื่อเรื่อง The Ballad of Never After 
จากชุด Once Upon a Broken Heart
ผู้แต่ง Stephanie Garber
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Flatiron Books
เรื่องย่อ

The fiercely-anticipated sequel to the #1 New York Times bestseller Once Upon a Broken Heart, starring Evangeline Fox and the Prince of Hearts on a new journey of magic, mystery, and heartbreak.

Not every love is meant to be.

After Jacks, the Prince of Hearts, betrays her, Evangeline Fox swears she'll never trust him again. Now that she’s discovered her own magic, Evangeline believes she can use it to restore the chance at happily ever after that Jacks stole away.

But when a new terrifying curse is revealed, Evangeline finds herself entering into a tenuous partnership with the Prince of Hearts again. Only this time, the rules have changed. Jacks isn’t the only force Evangeline needs to be wary of. In fact, he might be the only one she can trust, despite her desire to despise him.

Instead of a love spell wreaking havoc on Evangeline’s life, a murderous spell has been cast. To break it, Evangeline and Jacks will have to do battle with old friends, new foes, and a magic that plays with heads and hearts. Evangeline has always trusted her heart, but this time she’s not sure she can. . . .

A new series about love, curses, and the lengths that people will go to for happily ever after.


REVIEW

ประตูวาลอรี่ถูกเปิดออก อีแวนเจลีนกำลังจะได้พบความลับที่ถูกเก็บซ่อนว่าเรื่องเล่าอันไหนที่เป็นจริงกันแน่ ระหว่างประตูนั้นซ่อนสมบัติที่ทรงพลังกับกักขังปีศาจร้ายเอาไว้ แต่เมื่อได้เข้าไปในห้องนั้น เธอกลับพบว่าตนต้องตามหาหินทั้งหมด 4 ก้อนเพื่อที่จะเปิดประตูแห่งนี้


อีแวนเจลีนสัญญาว่าจะไม่เผลอใจให้กับแจ็คส์อีก เขาหลอกใช้เธอ ทรยศเธอ และผู้ชายคนนี้ก็ไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด แต่ยังมีสิ่งอีกมากมายที่เธอต้องทำ หนึ่งในนั้นก็คือทำลายคำสาปที่ทำให้อพอลโล สามีของเธอตกอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา แต่แล้วเมื่อตำแหน่งพระราชานั้นว่างขึ้นมาเพราะไม่มีใครรู้ว่าอพอลโลยังมีชีวิตอยู่ จึงมีข่าวลือหนาหูว่าพระราชาคนใหม่ลูเซียนกำลังจะขึ้นครองบัลลังก์ในอีกไม่กี่วัน

จึงเป็นหน้าที่ของอีแวนเจลีนในการทำให้อพอลโลฟื้นขึ้นมาเร็วที่สุด แต่ลูเซียนแท้จริงแล้วคือลูค อดีตคนที่อีแวนเจลีนเคยตกหลุมรักแต่ตอนนี้เขากลับถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ มาริซอลกำลังจะตกเป็นเหยื่อของเขาทำให้อีแวนเจลีนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากแจ็คส์เพื่อช่วยชีวิตมาริซอลเอาไว้แม้ว่าหล่อนจะเคยทำให้อีแวนเจลีนเดือดร้อนมาก่อนก็ตาม

ข่าวดีหลังจากนั้นก็คืออพอลโลจู่ๆ ก็ฟื้น เขาขี่ม้ามาหาเธอ แต่แล้วกลับยิงธนูใส่จนอีแวนเจลีนเจ็บหนักต้องไปพักรักษาตัวโดยใช้พิษแวมไพร์ของเคออส เธอห้ามตัวเองไม่ให้ดื่มเลือดใครได้สำเร็จและไม่กลายเป็นแวมไพร์ ที่นั่นอีแวนเจลีนรู้ว่าหล่อนจำต้องเปิดประตูวาลอรี่ตามเจตจำนงของแจ็คส์เพื่อที่จะทลายคำสาปของอพอลโล และเคออสก็มีหินแห่งโชคอยู่ในมือของเขาอยู่แล้ว ซึ่งเขาบอกว่ามาจากกุญแจก่อนหน้าอีแวนเจลีนซึ่งตอนนี้ตายไปแล้ว

การตามหาเบาะแสหรือเรื่องราวในอดีตนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเรื่องเล่าในนิทานนั้นต้องสาปและจะเปลี่ยนไปอยู่เสมอ เธอรู้คร่าวๆ ถึงอดีตของตระกูลวาเลอร์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งถูกตัดหัว บ้านต่างๆ ที่เถลิงอำนาจหลังจากนั้นและทำให้อีแวนเจลีนสงสัยว่าพวกเขาต้องได้ผลประโยชน์จากการสูญสิ้นของตระกูลวาเลอร์แน่ๆ

ในหนังสือเล่มหนึ่ง อีแวนเจลีนพบเบาะแสของแจ็คส์ที่ดูเหมือนจะอยู่ในรูปถ่ายของหนุ่มเสเพล เขารู้จักกับแคสเตอร์ วาเลอร์, ลิริค เมอรีวูด และคนสุดท้ายอาจจะเป็นนักธนู ซึ่งอีแวนเจลีนเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับนักธนูและจิ้งจอกมาก่อน เขาถูกสาปให้ตามล่าเธอชั่วนิจนิรันดร์แม้ว่าจะรักกันเพียงใดก็ตาม แต่ไม่มีใครรู้ตอนจบที่แน่นอน

อีแวนเจลีนสงสัยว่าหินอาจอยู่ในมือของบ้านต่างๆ เธอจึงเดินทางไปร่วมงานแต่งของลาล่าเพื่อนของเธอ หนึ่งในเดอะเฟท the Unwed Bride ที่นั่นเธอได้พบกับทางเดินลับซึ่งนำไปสู่การค้นพบหินแห่งความจริง รวมไปถึงเพทราที่เป็นกุญแจเหมมือนกับเธอและถือหินแห่งความเยาว์วัยเอาไว้ เกิดการช่วงชิงหินขึ้นและอีแวนเจลีนลงมือฆ่าเพทราโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างนั้นคำสาปของอพอลโลก็เกิดขึ้น นอกจากเขาต้องตามล่าเธอเหมือนในเรื่องเล่าแล้ว หากคนใดคนหนึ่งเจ็บปวดอีกคนก็จะเจ็บตาม และนั่นเป็นเหตุให้อีแวนเจลีนเจ็บหนักจนแจ็คส์ต้องพอเธอไปยัง the Hollow ซึ่งเคยเป็นบ้านของเขา

ที่นั่นอีแวนเจลีนได้เรียนรู้อดีตของแจ็คส์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดเผยกับเธอถึงเรื่องราวทั้งหมด แต่หล่อนก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือนักธนู อีแวนเจลีนฝันถึงผู้ชายสุดหล่อคนหนึ่งที่เตือนเธอให้อยู่ห่างจากแจ็คส์เอาไว้ ลาล่าที่มาเข้าฝันและเตือนแบบเดียวกันรวมไปถึงเรื่องที่เธอต้องเปิดประตูวาลอรี่เพื่อในนั้นคนรักเก่าซึ่งแปลงร่างเป็นมังกรอยู่ในนั้น

แจ็คส์กลับมาหลังจากหายหน้าไปนาน เขาบาดเจ็บหนักและอีแวนเจลีนเผลอใจไปอยู่ข้างเขา ยอมเป็นของเขาในหนึ่งคืนนั้น แม้ว่าเธอจะรู้ว่านี่อาจจะเป็นกลหรือเวทมนต์บางอย่าง ซึ่งเธอมีรู้ภายหลังว่าหินแห่งความเพลิดเพลินถูกซ่อนอยู่ในนาฬิกาใน the Hollow นั่นเอง เธอจำเป็นต้องทำลายมนต์สะกดนี้ และเธอกับแจ็คส์ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นไม่จริง

เมื่อได้เห็นครบสี่ก้อน พวกเขาก็กลับมายังปราสาทของเคออส ที่นั่นอีแวนเจลีนเกือบโดนอพอลโลฆ่าตายเพราะเคออสได้กักตัวเขาเอาไว้ และเธอยังได้รู้ว่าแจ็คส์ไม่ได้ต้องการจะเปิดประตูวาลอรี่ เขาต้องการเห็นทั้งสี่ก้อนเพื่อย้อนเวลากลับไปหาโดเนทเทลล่า ก่อนที่หล่อนจะแทงเขา ก่อนที่เขาจะสูญเสียรักครั้งเดียวของตัวเองไป

แจ็คส์คือนักธนูในเรื่องเล่าและเขาโดนสาปให้ตามล่าหญิงที่ตัวเองรักจนต้องฆ่าเธอ นี่คือตอนจบที่แทบไม่มีใครรู้ จิ้งจอกตัวแรกของเขาต้องตายเพราะน้ำมือเขา แต่อีแวนเจลีนจะไม่เป็นแบบนั้น เขาจะปล่อยเธอไป หากย้อนเวลากลับไปแล้ว อีแวนเจลีนจะจำเขาไม่ได้อีก เวลาจะสรรหาหนทางในการสมดุลสิ่งๆ ต่างให้กลับไปเป็นดังเดิม

อีแวนเจลีนกับเคออสเดินทางมาถึงประตูวาลอรี่ เธอเปิดมันให้เขา ในนั้นคือที่ซ่อนของตระกูลวาเลอร์ซึ่งในเรื่องเล่าบอกว่าพวกเขาถูกติดหัว แต่ทุกคนต่างอยู่พร้อมหน้า และเมื่อเคออสให้แม่ของซึ่งก็คือออเนอร์ราปลดล็อคหมวกเกราะที่ปิดบังใบหน้าของเขาจนเคออสดื่มเลือดใครไม่ได้ อีแวนเจลีนที่แอบย่องตามเข้าไปก็เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ เขาคือคนหล่อในฝันของเธอ คือแคสเตอร์ วาเลอร์ในเรื่องเล่า และแคสเตอร์ก็พุ่งตรงเข้ามากัดคอเธอจนอีแวนเจลีนสิ้นใจในอ้อมกอดของแจ็คส์ที่เข้ามาช่วยเธอสายเกินไป

แจ็คส์ตัดสินใจใช้หินทั้งสี่ย้อนเวลาไปก่อนหน้าที่อีแวนเจลีนจะเสียชีวิต เขายอมทิ้งความปรารถนาของตนที่จะเจอกับโดเนทเทลล่าอีกครั้ง คราวนี้เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อแม้จะต้องฝืนเวลาและค่าแลกเปลี่ยนจะสูงลิ่วแค่ไหนก็ตาม

ย้อนเวลากลับมาที่ปราสาทของเคออส อีแวนเจลีนรู้สึกเหมือนทุกอย่างเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่คราวนี้แจ็คส์เดินทางมายังประตูวาลอรี่กับเธอและเคออส เขาปกป้องเธอโดยการไล่ให้เธอไปห่างๆ จากตรงนี้หลังจากปลดล็อคประตู อีแวนเจลีนเสียใจกับความใจร้ายของเขา อยากโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจไม่ใช้หิน แต่หารู้ว่าไม่ว่าหินใช้ได้แค่ครั้งเดียวและเขาได้ใช้มันไปแล้ว

เธอย้อนกลับไปหาแจ็คเพื่อที่จะพบเห็นคราบเลือดสีทองกระจายอยู่บนรูปปั้น และอพอลโลก็ออกมาจากประตู เขาบอกว่าตัวเองกลับมาเป็นปกติไม่โดนสาปแล้ว เขากอดอีแวนเจลีนเอาไว้และบีบเธอจนแน่น หนีไปไหนไม่ได้ อพอลโลดึงความทรงจำทุกอย่างออกมาจาหัวของเธอทำให้อีแวนเจลีนจำอะไรแทบไม่ได้อีก เรื่องราวของแจ็คส์ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เรื่องของพ่อแม่เธอ หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

อีแวนเจลีนรู้สึกตัวอีกครั้งพร้อมกับเจอหน้าชายคนอื่นที่เขามาปลอบประโลมเธอและบอกว่าเขาเป็นสามีของเธอและจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว

.............................................................

เล่มนี้จบได้แบบค้าง ค้างมากๆ ตอนแรกคิดว่าหนังสือชุดนี้เป็น Duology แต่ที่ไหนได้เป็น Trilogy แบบชุด Caraval ซะอย่างนั้น แต่ก็ดี เราจะได้ตามอ่านกันยาวๆ ถึงปีหน้าเลย

The Ballad of Never After ดำเนินเรื่องต่อจากตอนจบของ Once Upon a Broken Heart ทันที การดำเนินเรื่องฉับไว กระชับ เข้าใจง่าย ย่อยง่าย หวานอร่อย ละลายในปาก กระตุ้นเร้าให้อยากพลิกหน้าต่อๆ ไปตลอดเวลา การบรรยายยังเต็มไปด้วยคำขยายที่ทำให้เราว้าวได้เรื่อยๆ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Stephanie Garber เลยที่ใช้คำบรรยายได้แบบว่า (ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงดี) ... น่ารัก มุ๊งมิ๊ง หวานฉ่ำแบบอมลูกกวาดสีสดใสเข้าไปทั้งถุงแล้วกลืนลงไปในคำเดียว

เนื้อเรื่องมีเสน่ห์ เต็มไปด้วยเวทมนต์และการหักมุมต่างๆ แทบจะทุกบท หักจนเหนื่อย หักจนแบบอีกแล้วหรอเนี่ย นางเอกยังงงสับสนว้าวุ่นในตัวเองเหมือนเดิม ประมาณว่าฉันจะเชื่อใจแจ็คส์ดีไหมนะ เขาหลอกฉันอีกแล้วใช่ไหม แต่ฉันก็แอบวูบวาบเวลาอยู่กับเขานะ ฮือๆ จะทำยังไงดีน้า แบบนี้ทั้งเรื่อง ค่อนข้างลำไย แต่โชคดีที่ความสนใจของเรามันไปอยู่จุดอื่น อย่างที่บอกว่า เล่มนี้ดำเนินเรื่องเร็วมาก เหมือนนั่งรถเมล์สาย 8 ถ้าไม่เกาะเสาก็เตรียมหน้าทิ่มตอนรถเบรค ดังนั้นเราจึงโฟกัสไปที่การผจญภัยเสียส่วนใหญ่ การแก้ไขคำสาปต่างๆ เอย จนแทบไม่ได้สนใจพระนางเลยด้วยซ้ำ

เอาจริงแจ็คส์ก็พอกัน อมพะนำ ไม่เผยไต๋อะไรเลย ถามอะไรก็ไม่บอก ทำตัวเป็นปริศนาลึกลับกับอีแวนเจลีน แต่ก็เวลาเกิดเหตุอะไร แจ็คส์ก็คือแวบมาเร็วมากเหมือนเป็นเดอะแฟลช หวังว่ารายละเอียดที่เก็บไม่หมดเล่มนี้จะถูกเปิดเผยในเล่มหน้า เราแทบจะไม่ได้รู้เรื่องราวในอดีตหรืออะไรสักเท่าไรเลย อย่างที่ในเรื่องมันบอกว่าเรื่องเล่ามันโดนสาป อันไหนจริงอันไหนลวงไม่มีใครรู้ ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านก็แล้วกัน 555555

ความรักของตัวเอกก็ดี ไม่ได้แย่ แต่สำหรับเราคิดว่าเป็นแค่ส่วนเสริมของเนื้อเรื่องเท่านั้น มันไม่ได้อีปิคถึงขนาดโดดเด่นขึ้นมาเป็นประเด็นหลัก ตอนอ่านเราคิดแค่ว่าจะลงเอยด้วยกันก็ดี ไม่ได้คู่กันก็ไม่เป็นไร เฉยๆ ส่วนมากสนใจพวกองค์ประกอบอื่นมากกว่า อย่างเช่น โลกในนิยาย ที่ขยายใหญ่เรื่อยๆ น่าสนใจขึ้นทุกเล่ม

เรื่องเล่าย่อยๆ ในเรื่อง พวก lore myth ต่างๆ คนเขียนทำออกมาได้ดี มีความสดใหม่แบบไม่ซ้ำกับที่ไหนเท่าไร สวยงามตามประสาเทพนิยาย ร้อยเรียงมาได้อย่างสวยงาม ที่เราประทับใจหนังสือเล่มนี้ก็คือ ความกระชับ ไม่มีตรงไหนที่เบื่ออยากวางสาย a real page-turner ที่แท้ทรู

อย่าให้เนื้อเรื่องหลอกคุณได้ แม้โทนเรื่องจะดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเรื่องราวอกหักรักคุด แต่มันก็ยังหวานฉ่ำ แม้จะไม่ได้หวานกลมกล่อมเหมือนชุด Caraval เพราะใน Once Upon a Broken Heart มันจะมีรสชาติขมๆ มาแซม แต่นักเขียนเอาอยู่ แทบไม่มีตรงไหนหลุด เป็นนิยาย YA ที่แบบสนุกตั้งแต่หน้าแรก สนุกด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องฝืนอ่านไป 200 300 หน้าแล้วไปสนุกเอาตอนท้าย

หลังๆ เราไม่ได้หยุดอ่านนิยายนะ ที่ไม่ได้เขียนรีวิวลงบล็อคเพราะไม่ค่อยมีเล่มไหนที่หยิบขึ้นมาอ่านแล้วอ่านจบสักเล่มอะ ส่วนมากอ่านไปสัก 100 หน้าก็เบื่อละ วาง ไปหยิบเล่มอื่นขึ้นมาอ่าน แล้วเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทำให้เราแทบไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนจบเลยในรอบ 3-4 เดือนที่ผ่านมา

ดังนั้น The Ballad of Never After เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราอ่านจบรวดเดียวทั้งที่หนังสือเพิ่งวางขายแค่ 2-3 วันเอง ความอยากอ่านอยู่ในระดับที่สูงมาก และหลังอ่านจบแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ แต่ถ้าให้เทียบกับชุด Caraval เราชอบ Caraval มากกว่า หลอกกันแต่พอดี ไม่ได้สับขาหลอกรัวๆ แถมหยุมหัวเราอีกเหมือนชุดนี้

คะแนน 8.5/10

No comments:

Post a Comment