Oct 1, 2021

Once Upon a Broken Heart (Once Upon a Broken Heart #1)



ชื่อเรื่อง Once Upon a Broken Heart
จากชุด Once Upon a Broken Heart
ผู้แต่ง Stephanie Garber
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Flatiron Books
เรื่องย่อ

Evangeline Fox was raised in her beloved father’s curiosity shop, where she grew up on legends about immortals, like the tragic Prince of Hearts. She knows his powers are mythic, his kiss is worth dying for, and that bargains with him rarely end well.

But when Evangeline learns that the love of her life is about to marry another, she becomes desperate enough to offer the Prince of Hearts whatever he wants in exchange for his help to stop the wedding. The prince only asks for three kisses. But after Evangeline’s first promised kiss, she learns that the Prince of Hearts wants far more from her than she’s pledged. And he has plans for Evangeline that will either end in the greatest happily ever after, or the most exquisite tragedy…

A new series about love, curses, and the lengths that people will go to for happily ever after.


REVIEW

อีแวนเจลีนหัวใจสลายเมื่อลูค คนรักของเธอกำลังจะแต่งงานกับมาริซอล น้องสาวต่างมารดาอย่างปุบปับ เธอจึงเดินทางตามหาโบสถ์ที่ว่าเป็นที่สถิตของหนึ่งในเฟท ที่นั่นเธอได้พบกับแจ็คส์หรือปรินซ์ออฟฮาร์ทผู้ซึ่งหัวใจของเขาหยุดเต้นมานานแสนนานและจุมพิตของเขานั้นถึงแก่ชีวิต เธอขอให้หยุดยั้งการแต่งงานโดยแลกกับการจุมพิตสามครั้งกับคนอื่นตามแต่ที่แจ็คส์จะขอ


แต่ใครจะไปรู้ว่าการหยุดยั้งงานแต่งงานไม่ได้เป็นแบบที่อีแวนเจลีนคิดเอาไว้ ทุกคนถูกสาปเป็นหิน เธอทำพลาดและนั่นต้องแลกมาด้วยการเสียสละของเธอ เธอยอมเป็นหินเพื่อให้คนอื่นๆ ในครอบครัวของเธอนั้นถูกถอนคำสาป และเมื่ออีแวนเจลีนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าเวลาผ่านไปหลายอาทิตย์และสัปดาห์ทมิฬก็เกิดขึ้นไปแล้ว เหล่าเฟทถูกปลดปล่อยออกมาจากไพ่ สการ์เล็ตขึ้นเป็นจักรพรรดินี และโดเนทเทลล่าได้เป็นเจ้าหญิงของอาณาจักร อีแวนเจลีนกลายเป็นฮีโร่ในสายตาคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ใช่ เธอถูกยกย่องในหัวข้อซุบซิบและมีคนมาขอหมั้นหมายถึงหน้าบานมากมาย แน่นอนเธอปฏิเสธกระทั่งได้รับคำเชิญจากสการ์เล็ต

สการ์เล็ตขอให้อีแวนเจลีนเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปเข้าร่วมงานหาคู่ของเจ้าชายอพอลโล่ แต่ละคืนเขาจะขอผู้หญิงเต้นรำทั้งหมดห้าคนจนกว่าจะเจอเจ้าสาวของเขา ดังนั้นอีแวนเจลีนกับมาริซอลที่สนิทกันแล้วจึงเดินทางขึ้นเหนือไป ที่ซึ่งเทพนิยายที่แม่ของเธอเล่ามีชีวิตจริงขึ้นมา แต่เรื่องราวถูกบิดเบือนหรือดัดแปลงเพราะคำสาปที่ทำให้คนเล่าไม่จบหรือผิดเพี้ยนไปจากเดิม

งานเลี้ยงคืนแรก อีแวนเจลีนได้พบกับเจ้าชายอพอลโล่ผู้หลงตัวเอง และแจ็คส์ซึ่งหลบหนีมาอยู่ดินแดนทางเหนือ เขาเรียกร้องข้อสัญญากับเธอนั่นก็คือให้เธอจูบกับอพอลโล่ เมื่อจุมพิตอันแสนหวามไหวเกิดขึ้น แจ็คส์รีบพาตัวอีแวนเจลีนออกมาทันที วันรุ่งขึ้น... เมื่ออีแวนเจลีนเข้าร่วมงานแต่งงานอีกครั้ง เจ้าชายอพอลโล่ได้คุกเข่าลงต่อหน้าและขอเธอแต่งงานทันที แน่นอนว่าอีแวนเจลีนตอบตกลงเพราะการเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อออกตามหาความสุขชั่วนิรันดร์ตามแบบฉบับในเทพนิยายที่เธอปรารถนาไม่ใช่หรือ

เธอรู้ว่าอพอลโล่ต้องมนต์สะกดในจุมพิตนั้น อีแวนเจลีนได้พบกับแจ็คส์และขอให้เขาถอนคำสาป แจ็คส์บอกว่าเธอต้องเข้าร่วมพิธีสมรสกับอพอลโล่ก่อนเท่านั้นเขาถึงจะทำแบบนั้นได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรหากอีแวนเจลีนต้องแต่งงานกับคนที่หมดรักเธอทันทีหลังจากงานแต่งงาน อีแวนเจลีนและแจ็คส์ได้เดินทางไปยังทาบิธาที่เคหาสน์ฟอร์จูน่า ที่นั่นแจ็คส์ได้ใช้จุมพิตที่สองของอีแวนเจลีนทำให้เจ้าของบ้านเปิดเผยความรับซึ่งก็คือประตูวาร์ลอรี่ ที่ซึ่งถูกลืมเลือนหายไปตามกาลเวลา ว่ากันว่าเมื่อก่อนดินแดนทางเหนือถูกปกครองโดยตระกูลวาร์ลอร์ก่อนที่พวกเขาจะโดนตัดหัวตามเรื่องเล่า และอีแวนเจลีนก็ได้รับฟังคำทำนายที่ดูเหมือนจะเกี่ยวโยงตัวเธอเข้าเต็มๆ แจ็คส์กำลังใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อตามหาประตูที่ว่านี้อยู่ ซึ่งมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประตูนี้สองเรื่อง เรื่องแรกคือประตูมีไว้เพื่อกักเก็บวัตถุเวทมนต์และสิ่งมีชีวิตน่าสยดสยองที่ตระกูลวาร์ลอร์สร้างขึ้นมาและกักขังเอาไว้ เหล่าเกรทเฮาส์จึงตัดหัวตระกูลวาร์ลอร์และผนึกประตูเอาไว้ ทำลายมันและส่งชิ้นส่วนไปให้เหล่าผู้พิทักษ์ถือครองเอาไว้ อีกเรื่องคือประตูวาร์ลอรี่คือที่ซ่อนทรัพย์สมบัติและเกรทเฮาส์ตามล่ามันอย่างเอาเป็นเอาตายจนตัดหัววาร์ลอร์เพื่อให้ได้มันมา หลังจากนั้นเหล่าผู้คุ้มกันก็ผนึกประตู

พิธีสมรสเกิดขึ้นในอีกไม่นาน อีแวนเจลีนไปพบแจ็คส์เพื่อขอให้เขาถอนคำสาป แจ็คส์บอกว่าหากเธอจูบเขาก่อนรุ่งสาง คำสาปจะถูกถอน เธอดื่มไวน์ก่อนจะร่วมเตียงกับอพอลโล่ และทันทีที่อีแวนเจลีนจูบสามีของเธอ อพอลโล่ก็สิ้นใจทันที เธอถูกทหารที่อยู่หน้าห้องจับตัวและถูกช่วยโดยแจ็คส์ อีแวนเจลีนร้องไห้ไม่หยุด แต่นั่นไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ มันคือยาพิษที่กำลังกัดกินตัวเธออยู่ ดังนั้นแจ็คส์จึงพาอีแวนเจลีนมาพบกับลาล่า หญิงสาวที่เธอได้พบในงานเลี้ยงซึ่งก็คือหนึ่งในเฟท the Unwed Bride น้ำตาของเธอคือยาพิษ และลาล่าก็จำไม่ได้ว่าเธอให้มันไว้กับใครเพราะเหตุการณ์ก็นานมาแล้ว พวกเขาจึงต้องตามหาฆาตกรตัวจริงเพื่อล้างมลทินให้กับอีแวนเจลีน

พวกเขาเดินทางไปพบกับเคออสซึ่งเป็นแวมไพร์ หนึ่งในเฟทที่ไม่เคยถูกขังเอาไว้ เขามีอายุมายาวนานและอาจรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ที่นั่นอีแวนเจลีนได้พบกับลูคที่กำลังจะกลายเป็นแวมไพร์หากเขาได้ดื่มเลือดกันรุ่งสาง เขามาที่นี่ก็เพื่อจะรักษาบาดแผลบนร่างกายจากหมาป่าหลังจากงานแต่งครั้งที่สองระหว่างเขากับมาริซอลพังลง อีแวนเจลีนปล่อยให้คนรักเก่าของเธอถูกขังอยู่ในกรงไม่ได้ เธอจึงมอบดาบให้เขาหนีออกมา แน่นอนว่าทันทีที่เป็นอิสระ ลูคพุ่งตรงใส่เธอแต่แจ็คส์ก็เอาตัวมาขวางเอาไว้เพื่อปกป้องเธอทำให้เขาโดนกัดแทน

แจ็คส์กำลังจะกลายเป็นแวมไพร์ นั่นคือสิ่งที่เขาเกลียด แม้เขาอยากจะกัดคอดื่มเลือดอีแวนเจลีนเท่าไรก็ต้องยั้งใจเอาไว้ เธอต้องรอจนกว่ารุ่งสางเพื่อให้พิษร้ายสลายหายไป ทั้งคู่มีโอกาสได้พูดคุยกันรวมไปถึงเรื่องโดเนทเทลล่าที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสง พิษในตัวแจ็คหมดไป นั่นทำให้เขาง่วงนอนจนแทบเดินไม่ไหว อีแวนเจลีนต้องพาแจ็คส์ไปยังที่ปลอดภัยเมื่อตอนนี้เธอโดนหมายหัว แต่เธอก็ไปเห็นข่าวที่ว่ามาริซอลกำลังจะแต่งงานกับทิเบเรียส น้องชายของอพอลโล่ที่เป็นปริปรักษ์ในไม่ช้า และนั่นจะทำให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากพี่ชายตัวเองทันที

อีแวนเจลีนแน่ใจแล้วว่ามาริซอลต้องทำเสน่ห์ใสทิเบเรียสแน่นอนดูจากคำสารภาพของลูคที่รู้ตัวแล้วว่าเขาถูกมาริซอลทำเสน่ห์ใส่ ระหว่างที่แจ็คส์นอนหลับ อีแวนเจลีนพาเขามายังที่พักของเขาและค้นหาตำราปรุงยาจนเธอได้สูตรถอนพิษมา เธอรีบกลับไปยังวูล์ฟฮอลล์ รอบเร้นเพื่อเอาขวดยาไปวางและทำให้ทิเบเรียสอยากที่จะดื่มมัน ทว่าเธอกลับหนีออกมาไม่ทันและเจอกับมาริซอลเสียก่อน ทั้งคู่เปิดใจคุยกัน มาริซอลรับสารภาพถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ทั้งเรื่องวางยาเสน่ห์ลูค แต่เธอบอกว่าไม่ได้วางยาทิเบเรียส พอถึงตาอีแวนเจลีนรับสารภาพที่เธอขอให้เฟทขัดขวางงานแต่งจนเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น แทนที่มาริซอลจะเข้าใจเธอกลับสติแตกเรียกทหารมาจับอีแวนเจลีนทันที

อีแวนเจลีนถูกทิเบเรียสพาตัวไปสอบสวน เขาคือหนึ่งในผู้พิทักษ์กุญแจและจะไม่ยอมให้เธอออกไปจากห้องนี้ แต่ระหว่างนั้นทิเบเรียสก็ดื่มยาขนาดนั้น มันมีข้างเคียงทำให้เขาพูดความจริงออกมา เขายอมรับว่าตอนวางยาพี่ชายโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะแผนของเขาคือสังหารอีแวนเจลีนต่างหาก คำสารภาพของเขาต่อหน้าทหารทุกนายทำให้เขาถูกจับตัวไปทันทีและอีแวนเจลีนกลับมาเป็นเจ้าหญิงอีกครั้ง เธอต้องการพบแจ็คส์ อยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่ก็ไม่ก่อนที่ฮาฟล็อค ทหารผู้สนิทของอพอลโล่จะพาตัวเธอไปยังห้องลับพร้อมกับความจริงที่น่าตกใจ... อพอลโล่ยังมีชีวิตอยู่

อพอลโล่อยู่ในสภาพหยุดนิ่ง เขาจะไม่แก่ไปกว่านี้แต่ก็จะไม่ตื่นขึ้นมาเช่นกัน อีแวนเจลีนต้องหาวิธีช่วยเขา ทันใดนั้นเธอก็เริ่มเอะใจว่าบางทีนี่อาจจะไม่ใช่การกระทำของทิเบเรียสแต่เป็นแจ็คที่ต้องการวางยาอพอลโล่เพื่อเอาเขาเป็นตัวประกันในการยอมให้เธอเปิดประตูวาร์ลอรี่ด้วยความเต็มใจตามคำพยากรณ์ล่ะ ดังนั้นเธอจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเขา ในเมื่อเลือดของเธอแฝงมนตราที่สามารถเปิดประตูบานใดก็ตามได้ เธอจะหาวิธีในการช่วยอพอลโล่ให้ได้
ณ อีกฝั่งหนึ่งของวูล์ฟฮอลล์ ประตูที่ไม่ได้ถูกเปิดมานานนับศตวรรษค่อยๆ แง้มออก บานพับส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ไม้ทั้งบานลั่น ตราสัญลักษณ์หัวหมาป่าที่ถูกสลักไว้ตรงกลางขยับปากคลี่ยิ้ม...

.............................................................

Stephanie Garber นักเขียนคนโปรดของเราจากชุด Caraval กลับมาคราวนี้พร้อมกับซีรีส์ใหม่ Once Upon a Broken Heart ขอเรียกย่อๆ ว่า OUABH ซึ่งก็ยังคงคอนเซปต์เดิมเพิ่มเติมคือความเป็นแฟรี่เทลล์แบบจ๋าๆ โดยมีรสชาติขมๆ เกี่ยวกับเรื่องราวอกหักรักคุดของตัวละครมาตัดความหวานเลี่ยนของเนื้อเรื่องโดยรวม

OUABH ยังอยู่ในจักรวาลเดียวกับ Caraval ซึ่งแจ็คส์กลายเป็นตัวละครหลักในชุดนี้คู่กับอีแวนเจลีน แน่นอนว่ามีสองพี่น้องสการ์เล็ตและเทลล่ามาแจมด้วย เรื่องราวก็คาบเกี่ยวกับ Caraval แบบเหลื่อมๆ กันเลย ดังนั้นตรงที่ผู้เขียนบอกว่าสามารถอ่าน OUABH ได้โดยไม่ต้องอ่าน Caraval มาก็ได้ เราไม่ค่อยเห็นด้วยนะ คือคนที่อ่านข้ามมาชุดนี้เลยจะไม่รู้พื้นเพตัวละคร เซตติ้งในเรื่อง รวมไปถึงที่มาต่างๆ ทำให้แทบจะไม่อินกับเรื่องราวในเล่มนี้เลย คือมันไม่ใช่แค่ตัวละครใน Caraval มาเป็น cameo แต่มันเป็นการดึงตัวละครมาพร้อมกับแบ็คกราวน์ต่างๆ ที่ถูกนำมาต่อยอดใน OUABH ดังนั้นเราขอสรุปเลยว่า ควรอ่าน Caraval มาก่อน ไม่งั้นอรรถรสใน OUABH จะหายไปเกือบๆ ครึ่งแน่

เราชอบโลกในนิยาย การตั้งชื่อต่างๆ ดูสละสลวย การบรรยายสีสันต่างๆ และรายละเอียดดูน่าสนใจดี เช่น With cloudburst-blue ribbons in her blond curls ... / His midnight-blue hair was unruly, and his sable half cape was rakishly crooked, hanging over one shoulder to reveal a partially buttoned, smoke-gray doublet. ความกรุยกรายของชุด ฟรุ๊งฟริ๊งของสถานที่และขนมยังมีมาเรื่อยๆ เหมือนเคย อ่านเพลินๆ ละรู้สึกแบบ I can taste magic in my mouth. ฟีลนี้เลย

อีแวนเจลีนเป็นตัวละครที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนักในการเล่าเรื่องสำหรับเรา ความคิดของเธอมีหลายชั้นหลายมุมมองต่อเรื่องๆ หนึ่ง เข้ากับคอนเซปต์เรื่องเทพนิยายที่ถูกทวิสต์ไปทำให้การเล่าแต่ละครั้งมักจะไม่เหมือนเดิม ดังนั้นเธอจึงชอบคิดกลับไปกลับมา ซึ่งตอนแรกก็สนุกดีอารมณ์เหมือนคนเขียนสับขาหลอก แต่ไปๆ มาๆ ช่วงท้ายๆ เรากลับรู้สึกสับสนงงงวยไปหมด รู้สึกว่าโอเค... ตัวละครสับสนบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาในนิยาย แต่การเล่าเรื่องซึ่งในที่นี้คือการจัดสารบบความคิดของตัวละครน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ หลังๆ พอประเด็นเยอะมากขึ้นเรารู้สึกว่ามันเริ่มพันกันยุ่งเหยิงไปหน่อย (โดยเฉพาะองก์สุดท้าย) ทำให้แทนที่จะตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่องต้องมาค่อยๆ อ่านจับทีละประเด็นถึงเข้าใจว่าอ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง

จริงๆ แอบคิดว่า Garber ต้องการให้ชุดนี้อารมณ์คล้ายๆ กับ Caraval ในเรื่องของทวิสต์ จำได้ว่าเราอ่านเล่มแรกครั้งแรกคือเบรคแทบไม่ทัน หักมุมจนหัวทิ่มไปข้าง เนื้อเรื่องมันเล่นกับจิตใจคนอ่านให้คิดไปอีกแบบก่อนจะเฉลยออกมาเป็นอีกแบบ ทุกสิ่งที่เห็นด้วยตาอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เราเตือนเธอแล้วนะ! อารมณ์ประมาณนี้ ซึ่งพอเฉลยมามันดูสมเหตุสมผลสมูธไปหมด เลยกลายเป็นจุดเด่นของหนังสือชุดนั้นไป

แต่สำหรับ OUABH ทุกทวิสต์ที่เกิดขึ้นมันคือความคิดของตัวละครพาไป พยายามทำให้เราคิดตามไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเราอาจจะคิดเป็นอีกแบบ หลายครั้งที่ความคิดเราขัดแย้งกับอีแวนเจลีนทำให้รู้สึกไม่อินกับการตัดสินใจของเธอ รวมถึงรู้สึกว่าถูกตีกรอบในเรื่องของความคิดในขณะที่อ่านไปหน่อย ไม่ค่อยอิสระ ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เดาไปต่างๆ นานาเหมือนกับตอน Caraval อาจจะเป็นเพราะอีแวนเจลีนใน OUABH คิดแทนให้เราไปเสียทุกอย่างแล้ว

อีกเรื่องคือ เล่มนี้จบงงมากแม่ ตัดจบค้างกลางอากาศเฉยเลย ถึงจะค้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกกระหายอยากจะอ่านเล่มต่อไปทันทีแบบนิยายเล่มอื่น งงมะ 555 คือจบแล้วก็คือ อะจบก็ได้ โอเค ขอบคุณที่มาเล่าเรื่องราวดีๆ ของวันนี้ให้ฟังข่า ทางเราขอรับเรื่องเอาไว้ก็แล้วกันข่า (ทำหน้าแบบหนิงหนิง aespa ตามรูป)


เราเข้าใจว่าแจ็คส์นี่น่าจะตั้งใจให้เป็นอารมณ์ antihero พระเอกแบดบอย ดูร้ายๆ ผมไม่ใช่คนดี ผมคือโจรขโมยหัวใจสาวๆ ผมคือตัวร้ายครับผม แต่อยู่ใกล้กับนางเอกนานๆ ไปละก็หวั่นไหวทุกที แต่อ่านไปๆ เรารู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ได้เจาะลึกตัวละครนี้เท่าที่ควร ทำให้เราไม่อินกับแจ็คส์ จำได้ว่าตอน Legendary มาจีบโดเนทเทลล่าคือลุคแบดบอยน่าสนใจมากๆ แต่ใน OUABH คือเขาจะเป็นจะตายอย่างไรก็ช่างเถอะ ไม่ได้สนเท่าไรหรอก อารมณ์ประมาณนี้เลย ส่วนอีแวนเจลีนก็ตามที่เล่าเอาไว้ด้านบน ชีมาพร้อมกับความงงงวย ชีพยายามสับขาหลอกผู้อ่านด้วยขบวนทางความคิดของชี แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าชีอีแวนเจลีนหรือคนอ่านนี่แหละที่งงมากกว่ากัน 555

สรุป อารมณ์ OUABH มันเรื่อยๆ อะ ถ้าอินกับโลกของ Garber ฟีลเทพนิยาย เจ้าหญิงดิสนีย์ก็จะอ่านเล่มนี้สนุกขึ้นมาบ้างแบบเรา แต่ถ้าไม่อินก็อาจจะไม่ชอบไปเลยก็ได้ เนื้อเรื่องมันก็ค่อนข้างจะ anticlimactic อยู่แล้วด้วย ไม่ได้พีคจัดๆ แบบชุด Caraval แต่ถ้าใครเป็นแฟน Garber ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการใดๆ ทั้งปวง 

คะแนน 8/10

No comments:

Post a Comment