Jun 28, 2016

Lady Midnight (The Dark Artifices #1)



ชื่อเรื่อง Lady Midnight
จากชุด The Dark Artifices
ผู้แต่ง Cassandra Clare
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Margaret K. McElderry Books

เรื่องย่อ

In a kingdom by the sea…

In a secret world where half-angel warriors are sworn to fight demons, parabatai is a sacred word.

A parabatai is your partner in battle. A parabatai is your best friend. Parabatai can be everything to each other—but they can never fall in love.

Emma Carstairs is a warrior, a Shadowhunter, and the best in her generation. She lives for battle. Shoulder to shoulder with her parabatai, Julian Blackthorn, she patrols the streets of Los Angeles, where vampires party on the Sunset Strip, and faeries—the most powerful of supernatural creatures—teeter on the edge of open war with Shadowhunters. When the bodies of humans and faeries turn up murdered in the same way Emma’s parents were when she was a child, an uneasy alliance is formed. This is Emma’s chance for revenge—and Julian’s chance to get back his brother Mark, who is being held prisoner by the faerie Courts. All Emma, Mark, and Julian have to do is solve the murders within two weeks…and before the murderer targets them.

REVIEW

จูเลียนกับเอ็มม่าเป็นพาราบาไทของกันและกันตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งสงครามมืดที่เซบาสเตียนเข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปมากมาย พวกเขาต่อสู้เคียงข้างและกันอยู่เสมอ เอ็มม่าไม่เคยที่จะลดละความพยายามในการตามหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของพ่อแม่เธอ เพราะเธอเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น และเซบาสเตียนไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อแม่ไป จนกระทั่งเอ็มม่าได้เบาะแสมาจากรุค ถึงการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในระยะหลังในแอลเอ เธอตามไปยังจุดเกิดเหตุและพบศพของผู้ชายที่ถูกฆ่าอย่างทารุณพร้อมกับรอยสลักบนเนื้อตัวที่เป็นภาษาที่เธออ่านไม่ออก

มาร์ค แบล็คธอร์นได้ถูกตีตราโดยเหล่าแฟร์รี่และเข้าร่วมการไวด์ฮันต์ ในทุกๆวันจูเลียนต้องดูแลครอบครัวของเขาซึ่งประกอบเหล่าบรรดาน้องชายและน้องสาว เขารักเอ็มม่า รักเธอมาโดยตลอด แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นพาราบาไท และกฎก็มีว่าห้ามพวกเขาตกหลุมรักกันเพราะการลงโทษนั้นร้ายแรงอย่างไม่มีใครนึกถึง และเมื่อจูเลี่ยนได้มาร์ค พี่ชายของเขากลับคืนมา ทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปและปรากฏออกมาชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับ ความรู้สึกและความรับผิดชอบที่เขาแบกรับมาตลอดหลายปีกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้มากกว่าเดิม

เอ็มม่าเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงที่เกี่ยวกับแอนนาเบล ลี หรือเลดี้มิดไนท์ที่อยู่ในคำกลอน เธอคิดว่าหากเธอตามหาเดอะการ์เดียนได้ เธอจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนที่ฆ่าพ่อแม่เธอในที่สุด เมื่อทั้งเธอและคริสติน่ารวมไปถึงคนอื่นๆได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาความจริง รวมทั้งการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มของลัทธิความเชื่อที่นำไปสู่การตายอันน่าสยดสยองของเหยื่อ และปริศนาของซากศพที่ต่างบ่งชี้ไปแนวเดียวกันว่าการตายพวกเขานำไปสู่คาถามนต์ดำอันแสนลึกลับน่ากลัว

เมื่อมาร์คทำผิดกฎของเหล่าแฟร์รี่ เขาจึงถูกโบย จูเลี่ยนเข้ารับทัณฑ์แทนเขาและเอ็มม่ากลับทำให้เขาหมดสติและเธอก็เข้ารับการเฆี่ยนตีเสียเองและนั่นทำให้ความรู้สึกของทั้งคู่ยิ่งเปิดเปลือยมากยิ่งขึ้น

ทุกคนค้นพบความจริงว่ามัลคอร์ม เฟด ผู้นำพ่อมดอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมครั้งนี้เพื่อฟื้นคืนชีพให้แก่แอนนาเบล แบล็คธอร์น คนรักของเขาที่ต้องตายเพราะความไม่เที่ยงธรรมของกฎหมายของแชด์โดวฮันเตอร์ เอ็มม่ายับยั้งอีกฝ่ายเมื่อเขารักพาตัวน้องชายคนเล็กของจูเลียนไปและฝังคมมีดสู่ร่างกายของฆาตกรที่พรากชีวิตของพ่อแม่เธอไปในท้ายที่สุด

คำพูดของมัลคอร์มว่าความรักระหว่างพาราบาไทด้วยกันเองจะนำความเสียหายมาสู่ทั้งเธอและจูเลียน ในทีแรกเอ็มม่าไม่รู้ จนกระทั่งเธอได้รับจากปากเจมส์ที่มาหาเธอพร้อมกับเทสซ่าว่าความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวจะทำให้พลังระหว่างพาราบาไทเพิ่มขึ้นจนล้นขีดจำกัดและนำไปสู่ความวิกลจริต ดังนั้นเอ็มม่าจึงชิงตัดสัมพันธ์ของเธอกับจูเลียนลงเพราะเธอคิดว่านั่นคือการปกป้องเขาให้ปลอดภัยจากสิ่งร้ายๆที่กำลังจะตามมา

ในหลุมศพ...แอนนาเบลได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

.................................................................................

เป็นหนังสือเล่มแรกที่เปิดตัวซีรีย์ The Dark Artifices ได้อย่างอลังการดาวล้านดวงมากๆ แคลร์พัฒนาฝีมือไปอีกขึ้นและครั้งนี้เป็นอะไรที่นักอ่านทุกคนสามารถมองเห็นมันได้ชัด นับจาก City of Bones ที่อะไรหลายๆอย่างยังไม่ค่อยลงตัว เส้นเรื่องไม่หนักแน่น ตัวละครน่ารำคาญ มาจนถึงเล่มนี้ที่ทุกอย่างเริ่มต้นมาอย่างทรงพลัง การดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากเดิมใน City of Heavenly Fire แต่การบรรยายจัดได้ว่าเป็นจุดแข็งของหนังสือเล่มนี้ ถึงแม้จะท่วมไปด้วยรายละเอียด แต่แคลร์ก็คุมมันได้อยู่หมัดด้วยจังหวะที่สนุกอย่างคงที่และไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงการคลายปมในตอนท้าย

ถ้าจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับความรักในหนังสือก็คงจะเรียกได้ว่าไม่ได้อ่านหนังสือของแคลร์ เธอสร้างปมความรักมาได้น่าสนใจตั้งแต่ชุด TMI มาจนถึง TID นี่เป็นอะไรที่โคตรพีคที่หาตอนจบรักสามเศร้าได้แบบดีงามพระรามแปด มา TDA ที่ความรักระหว่างจูเลี่ยนกับเอ็มม่ามาในรูปของรักต้องห้ามที่บีบเค้นหัวใจนักอ่านอย่างเราๆไปตามๆกัน จูเลี่ยนเป็นผู้ชายที่เก็บความรู้สึกเอาข้างในทั้งหมดจนเราเริ่มกลัวที่สักวันหนึ่งมันจะระเบิดออกมา แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อผู้หญิงที่เขาหลงรักคือพาราบาไท หรือสหายศึกของตัวเอง นั่นคือข้อห้ามอันร้ายแรงที่ไม่มีใครก้าวข้ามไปได้ ความเข้มข้นมันเลยมาเริ่มที่ตรงนี้ ตรงที่ต่างฝ่ายต่างรักกันและกัน แต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้เพราะ Law คำเดียว ทุกอย่างในหนังสือเล่มนี้มันเลยดึงดูดไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งความรักของคู่รองอย่างมาร์คและเคียรานที่ขยี้ความรู้สึกเราจนแหลกไปตามคู่หลัก

คาแรคเตอร์ของมาร์คมีหลายเลเยอร์ คือต้องพูดว่าอย่างนั้น ระหว่างที่อ่านเหมือนเรากำลังปลอกเปลือกหัวหอมทีละชั้นๆไปจนถึงแก่นที่เขย่าเราจนต้องหาที่ยึด ในสถานการณ์นี้เราว่าไม่มีใครผิด เคียรานรักมาร์ค เหมือนเขาคือโลกทั้งใบของตัวเอง แต่หัวใจของมาร์คถูกแบ่งด้วยโลกทั้งสองใบที่เขาเหยียบคร่อมเอาไว้ นั่นจึงทำให้คริสติน่ามาเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งจะพูดแบบนั้นก็คงไม่ถูก ต้องโทษที่หัวใจทั้งสองภาคของมาร์คโลเลไปมาต่างหากที่ทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้

แคลร์พรีเซนต์ประเด็น LGBT ออกมาได้เจ๋งอีกแล้ว เธอไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ามันอยู่ผิดที่ผิดทางเลยแม้แต่น้อย มันจะมีอยู่ประโยคนึงที่เอ็มม่าหรือใครนี่แหละถามว่ามาร์คเป็นไบเซ็กชวลหรือเปล่า เขาก็ตอบแบบ ในโลกก่อนหน้านี้ของเขาไม่เคยมีใครนิยามสิ่งเหล่านี้มาก่อน so let it be อะไรประมาณนี้ ตรงนี้ทำเราชอบมาก มันเหมือนน้ำที่ค่อยๆซึมเข้าถึงประเด็นที่ต้องการจะสื่อออกมา รวมไปถึงการสืบสวนสอบสวนในเล่มนี้ที่ทำได้ดีมากๆ แยบยล คมคาย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หักมุมอะไรมากมาย แต่ก็ยกระดับความน่าตื่นเต้นของหนังสือเล่มนี้ได้ดีมากๆเลยล่ะ

เกือบจะได้คะแนนเต็มไปละหนังสือเล่มนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะเอ็มม่าในตอนท้ายที่ทำให้เราอยากจะเข้าไปตบหน้าเธอพร้อมเขย่าตัวเบาๆว่าให้ทบทวนทุกอย่างใหม่ นี่ไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับใครเลย แม้กระทั่งตัวเธอเอง ส่วนการประชดตอนท้าย เราว่ามันไม่คูลเลยนะหนูจ๋า เล่มนี้อย่าทรมานจูเลี่ยนไปมากกว่านี้เลยนะ สงสารพระเอกตัวน้อยๆของเราบ้างเถอะ T__T ทำไมแคลร์ชอบจบหนังสือเล่มแรกของเธอแบบนี้ทุกที ตั้งแต่ TMI ที่เจซกับคลารี่เป็นพี่น้องกัน มา TID ที่วิลปฏิเสธเทสซ่าแบบโคตรน่าสงสาร มาเล่มนี้ TDA ที่นางเอกผลักไสพระเอก เพราะรักเราต้องห้าม เราจึงด้วยกันไม่ได้ โอยยยยย นี่มันเจ็บปวดเกินไปแล้ว

คะแนน 9/10

No comments:

Post a Comment